"อักษรเฮ่อเหลียนหรือ?"แย่ล่ะ นางอ่านไม่ออกเซียวหลันยวนเองก็มองจดหมายด้วย"ไม่มีชื่อเรียก" เขาพูดขึ้นคำหนึ่ง กวาดตาอ่านจดหมาย จากนั้นจึงยื่นให้กับฟู่จิ้นเชิน"ลองดูว่าอ่านออกไหม"ฟู่จิ้นเชินเรียนภาษาเฮ่อเหลียนมายังไม่นานมากนัก อ่านจดหมายนี้ออกไม่ถึงครึ่ง อ่านไม่ออกทั้งหมดแต่เขาก็ยังอ่านอย่างละเอียด จากนั้นจึงมองเซียวหลันยวน"ท่านน่าจะอ่านออกไหม?"ฟู่จาวหนิงเองก็มองเซียวหลันยวนสองพ่อลูกมองเขาแบบนี้ สีหน้าเองก็ยังคล้ายกัน"จดหมายนี้ ไม่ได้เขียนให้กับเสี่ยวเฟย" คำพูดของเซียวหลันยวนทำให้ฟู่จิ้นเชินถอนใจโล่ง"เช่นนั้นเรื่องก็ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเฟยแล้วสิ พวกเขาคิดจะลากเสี่ยวเฟยลงน้ำ ทำเรื่องให้ยุ่งยาก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วมาคลำจับปลาในน้ำขุ่น"เซียวหลันยวนพยักหน้า "บนจดหมายบอกว่า สัญญาที่สามแคว้นลงนามร่วมกันในครั้งนั้น ตอนนี้มีสองฝ่ายทรยศขึ้นแล้ว แคว้นเจาถ้าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหว ก็จะเท่ากับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชะตากรรมแคว้นเจาเองก็ใกล้จะหมด แต่ถ้าหากสามารถแย่งโอกาสในเรื่องนี้ได้ ก็น่าจะสามารถทำให้โชคชะตาขยายขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แคว้นพันธมิตรทั้งสองนั่นใกล้จะหาของพบแล้ว แ
จูบนี้ทำให้เซียวหลันยวนใจยวบลงมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ให้ตัวเองเกิดเรื่องหรอก"เพื่อให้หลังจากนี้สามารถอยู่กับนางได้นานๆ เขาเองก็จะหวงแหนชีวิตด้วยถ้าเขาตายไป หลังจากนี้นางก็จะมีคนอื่นน่ะสิ แค่เขาคิดว่านางต้องไปอยู่ในอ้อมกอดคนอื่น ใจเขาก็เหมือนถูกโยนเข้าไปในทอดในกะทะแล้วไม่ได้เด็ดขาด"ข้าเองก็จะระวังด้วย" ฟู่จาวหนิงตอบริมฝีปากเซียวหลันยวนประกบลงมาหลังผ่านไปเนิ่นนาน ด้านนอกก็มีเสียงชิงอีดังขึ้น"อะแฮ่ม ท่านอ๋อง พระชายา ผู้ตรวจการอันถามว่าจะออกเดินทางได้หรือยัง?"เซียวหลันยวนปล่อยตัวฟู่จาวหนิง หยิบหน้ากากขึ้นมาสวม"ครึ่งเดือนนะ"เขาเน้นมาอีกรอบ"ได้" ฟู่จาวหนิงริมฝีปากแดงระเรื่อ พอได้ยินเขากังวลว่าตนเองจะไม่กลับมาตามเวลา จึงหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าข้าไม่กลับมาท่านก็ไปจับข้าสิ"อืม ถ้าหากนางกลับมาตรงเวลาไม่ได้ เขาคงจะมาจับตัวไปจริงๆจะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็ต้องแยกกันแล้วเซียวหลันยวนขี่ม้า มองขบวนที่ค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งลับสายตา เขาจึงหันหัวม้ากลับ "กลับเมือง"พอฟู่จาวหนิงไป ความรู้สึกตอนเข้าเมืองหลวงก็เหมือนเมืองว่างเปล่าไปเสียอย่างนั้น"เอาจดหมายนั่นไปแช่น้ำเสย ให้อักษร
เขาไม่ได้พบจักรพรรดิมาสามปีแล้ว ครั้งนี้พอเห็นองค์จักรพรรดิ ก็รู้สึกว่าเหมือนจะแก่ลงไปสิบปี ยิ่งไปกว่านั้นยังอวบอ้วนขึ้นเป็นลูกหมั่นโถวอีก ไม่ปกติเสียเลยแต่ในวังมีหมอหลวงนี่ การกินดื่มขององค์จักรพรรดิต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางมีปัญหาแน่นอนขณะที่กำลังตกตะลึงเขาก็ได้ยินเสียงย้อนถามอย่างขุ่นเคืองขององค์จักรพรรดิ พอสะดุ้งเฮือก ก็รีบตั้งสติกลับมา"องค์จักรพรรดิ ข้าน้อยมีเรื่องการทหารกลับมารายงานพะย่ะค่ะ!""ไม่ใช่ว่าเขียนหนังสือราชการมาตลอดหรอกหรือ" ยังต้องมาด้วยตัวเองอีก?การมาด้วยตัวเอง ความรู้สึกนี้เหมือนกับจะบีบให้เขาต้องจัดการ องค์จักรพรรดิค่อนข้างไม่ชอบความรู้สึกนี้เก๋อมู่กวงในใจอดบ่นขึ้นมาไม่ได้เพราะรายงานด่วน ส่งหนังสือราชการมาตลอดนี่ไง อย่างน้อยก็ควรจะมีการตอบกลับบ้างไหม? นี่แต่ละครั้งส่งเข้ามาก็เหมือนวัวดินจมก้นทะเล ไม่มีการตอบกลับอะไรเลย แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร?เพราะแบบนี้ ขุนพลถึงได้ส่งเขามานี่ไง?แต่เก๋อมู่กวงก็ไม่กล้าสงสัยต่อตัวฝ่าบาท เพียงแค่หยิบจดหมายออกมา ประเคนให้ด้วยมือทั้งสอง"รายงานองค์จักรพรรดิ สถานการณ์เมืองหูทางนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ไม่อาจรอได้แ
"องค์จักรพรรดิ ถึงไม้พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน แต่ก็มีเบาะแสบ้างแล้ว คนเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่าพวกเขาไม่ใช่สาวกลัทธิเทพทำลายล้าง เหมือนจะร่วมมือกับลัทธิเทพทำลายล้างเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายร่วมกัน เพียงแต่พวกเรายังไม่ได้สืบอย่างละเอียดว่ามีเป้าหมายอะไรกันแน่"เก๋อมู่กวงตอนนี้จึงเพิ่งพูดจุดสำคัญ "แต่ว่า!""ตกใจหมด!" องค์จักรพรรดิถูกเสียงสูงกะทันหันของเขาทำเอาสะดุ้งนี่กลับมาจากเมืองชายแดนมีแต่พวกหยาบกร้าน ไม่ได้มีมารยาทเลยสักนิด ทำอะไรของเจ้ากัน? พูดจาก็ให้มันดีดีหน่อย"องค์จักรพรรดิ แต่ว่าระหว่างทางที่ข้าน้อยกลับเมืองหลวงได้เจอกับผู้ช่วยที่เก่งกาจของราชาเฮ่อเหลียนคนหนึ่ง ชื่อว่าโป๋จี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าน้อยยังจับกุมเขาไว้แล้ว! ด้วยเหตุนี้ทำให้แปดคนที่ข้าพาไปด้วยตายกันหมด...."พอถึงประโยคนี้ เก๋อมู่กวงก็ชะงักไปเรื่องนี้พูดไปดูจะไม่ค่อยมีเกียรติเท่าไร แต่โป๋จีก็ร้ายกาจจริงๆ เขาผลักผู้ใต้บัญชาแปดคนเข้าไปหาอีกฝ่าย ต่อสู้แบบไม่พัก จนโป๋จีหมดแรง ตนเองจึงขึ้นไปแต่ว่า เขาเองก็ร้ายกาจมาก คนทั่วไปใครจะจับโป๋จีเป็นๆ ได้ แล้วยังคุมตัวกลับเมืองหลวงได้อีก"โอ๋?
"องค์จักรพรรดิเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด อ๋องเจวี้ยนยังไม่กล้าที่จะขัดพระราชโองการ แล้วแค่พระชายาคนเดียว?" เก๋อมู่กวงพอหันมาจริงจัง ก็พูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นองค์จักรพรรดิได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกว่ารื่นหูดี เขาฟังแล้วเบิกบานแต่เบิกบานก็ส่วนเบิกบาน ความจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น!"อ๋องเจวี้ยนเป็นน้องชายแท้ๆ ของข้า นับตั้งแต่กิดมาก็สุขภาพอ่อนแอป่วยหนัก แล้วยังมาโดนพิษอีก ตอนนั้นข้าลั่นคำสาบานต่อหน้าเสด็จพ่อไว้ ว่าจะดูแลเขาให้ดี"กตัญญูรู้คุณ มีน้ำใจ เป็นพี่ชายที่ดี เหล่านี้คือชื่อเสียงที่เขาต้องการ แน่นอน การลั่นคำสาบานที่รุถแรงไว้จึงเป็นจุดสำคัญองค์จักรพรรดิจะมากน้อยก็ยังกลัวจดนี้ ไม่เช่นนั้นหลายปีนี้ทำไมเขาถึงไม่กล้าลงมือจัดการกับอ๋องเจวี้ยนอย่างโจ่งแจ้งล่ะ?ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ เพราะองค์รักษ์เงามังกรอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน ตอนนี้องครักษ์เงามังกรคุ้มครองอ๋องเจวี้ยนอยู่ ถ้าหากเรื่องราวใหญ่โตขึ้นจริงจนองครักษ์เงามังกรหันกลับมาเล่นงานองค์จักรพรรดิอย่างเขา เช่นนั้นเขาคงจะกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งใต้หล้าแน่องครักษ์เงามังกรจงรักภักดีมาตลอด ถ้าหากหันมารับมือกับองค์จักรพรรดิเข้า ยังไม่ต้องพูดเรื่องกล
เก๋อมู่กวงคิดไว้ดิบดีเขานำราชองครักษ์ตรงไปยังบ้านตระกูลฟู่อย่างอาจหาญ ตามทางก็มีสายตาไม่น้อยที่ให้ความสนใจเหล่าประชาชนทยอยกันเลี่ยงออก สายตาตกตะลึง"นี่มันเกิดอะไรขึ้น?""คงไม่ได้ไปค้นบ้านใครหรอกใช่ไหม?""เช่นนั้นก็ตามไปดูดีไหม?"และมีคนไม่น้อยที่ชอบชมมหรสพ พวกที่อยากรู้เรื่องชาวบ้าน จึงทยอยกันตามมาด้านหลัง แค่ไม่นานก็มาถึงบ้านตระกูลฟู่ประชาชนบนถนนเส้นที่บ้านตระกูลฟู่อยู่พอได้ยินเสียงก็ออกมาดูกัน"นี่มาบ้านตระกูลฟู่หรือ?""ไม่หรอกกระมัง? ตอนนี้ยังมีคนกล้าหาเรื่องบ้านตระกูลฟู่อีกหรือ?"ยังมีคนรู้สึกไม่น่าเชื่อ เรื่องที่ฟู่จาวหนิงเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรื่องนึง แต่ที่สำคัญที่สุดคือนางตอนนี้เข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว กลายเป็นหมอเทวดาแล้วพวกเขาที่เป็นเพื่อนบ้านยังรู้สึกมีเกียรติไปด้วยนางเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็รู้สึกเหินห่างแล้ว รู้สึกว่านงสูงส่ง เป็นคนที่พวกเขาไม่อาจสัมผัสได้เหมือนอยู่บนก้อนเมฆอย่างไรอย่างนั้นกระทั่งคนในบ้านตระกูลฟู่ พวกเขายังรู้สึกว่าอยู่กันคนละโลกกับตนเองแต่ตั้งแต่ที่รู้ว่าฟู่จาวหนิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เพื่อนบ้านเหล่านี้ก็มีไมต
หญิงสาวคนนี้เป็นใคร? ดูไม่เหมือนฟู่หลินซื่อเลย จากที่รู้มา ฟู่หลินซื่อนั้นงดงามมาก"นายท่านเข้าใจผิดแล้วกระมัง? บ้านพวกเราไม่มีคนที่ชื่อเฮ่อเหลียนเฟยนะ"เซี่ยซื่อสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้ตึงเครียดลนลานเลยแม้แต่น้อยเก๋อมู๋กวงขึ้นหน้ามาสองก้าว พิจารณานางสองรอบ "เจ้าเป็นใคร?""นายท่าน ข้าสกุลเซี่ยน เป็นพี่สาวบุญธรรมของฮูหยินฟู่"เซี่ยซื่อกับอันห่าวพักอยู่ในตระกูลฟู่มาระยะหนึ่งแล้ว เสิ่นเชี่ยวหลังจากรู้เรื่องพวกนางแม่ลูก เพื่อให้นางอยู่ได้อย่างสบายใจ จึงยอมรับนางเป็นพี่สาวบุญธรรม เรียกกันแบบพี่น้องเดิมทีก่อหน้านี้เซี่ยซื่อเป็นพี่สะใภ้รองของนาง พวกนางเองก็เข้ากันได้ดีที่สุดตอนนี้พอมาเป็นพี่น้อง จึงยิ่งใกล้ชิดขึ้นไปอีกอันห่าวเองก็เรียกนางว่าน้าเล็กเช่นนี้ฟู่จาวหนิงพอเรียกเซี่ยซื่อว่าน้าเซี่ย จึงยิ่งดูสนิทสนมความคิดนี้ทำให้เซี่ยซื่อซาบซึ้งมาก นางตอนนี้เองก็มองตนเองเป็นคนในบ้านตระกูลฟู่ไปแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ตอนที่คนอื่นในบ้านไม่อยู่ จึงเป็นนางที่ออกมารับมือกับคนนอก"ฮูหยินฟู่?"เก๋อมู่กวงหลังจากตั้งตัวได้สีหน้าก็เย็นชาลง "ลูกชายของนางก็คือเฮ่อเหลียนเฟย! เรียกเขาออ
เก๋อมู่กวงเห็นท่าทีเช่นนี้ของนางก็ฉุนหน่อยๆ ตระกูลฟู่เองก็ไม่ใช่ตระกูลขุนนางอะไร มาอวดดีทำไมกัน?"พวกเราจะเข้าไปค้น!"เก๋อมู่กวงเอ่ยเสียงแหลม จากนั้นจึงทำสัญญาให้ราชองครักษ์บุกเข้าบ้านตระกูลฟู่ไม่ว่าที่เซี่ยซื่อพูดจะจริงหรือไม่จริง พวกเขาก็ต้องเข้าไปค้นเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นหน้าตาของเขาจะไปเหลืออยู่ตรงไหน?"รองแม่ทัพเก๋อ พวกเราไปถามที่จวนจิงเจ้าอีกทีดีไหม? บางทีพวกเขาอาจจะไปจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วก็ได้" ราชองครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา กดเสียงต่ำเตือนขึ้น"ข้าบอกว่า ว่าให้เข้าไปค้น!" เก๋อมู่กวงถูกท่าทางเช่นนี้ของพวกเขาทำให้โมโห ความองอาจไปไหนหมด? เข้ามาอย่างน่าเกรงขาม แต่ดันถูกคำพูดแค่คำเดียวทำให้ต้องหมุนตัวหนีเนี่ยนะ ลือออกไปจะเอาหน้าไปไว้ไหน?ต้องให้พวกเขารู้สึกกดดันทางจิตใจ"อย่าลืมนะ องค์จักรพรรดิให้พวกเจ้าฟังคำสั่งข้า! ยังไม่เข้าไปอีก?"เก๋อมู๋กวงเสียงขรึม ยกองค์จักรพรรดิออกมาแล้วราชองครักษ์จำใจ จึงทำได้แค่เดินขึ้นไป"หลีกๆ!"พวกเขาพูดกับเซี่ยซื่อแค่คำเดียว ถ้าเป็นบ้านอื่น จะต้องมียื่นมือผลักคนออกไปแล้วเก๋อมู่กวงพอเห็นก็โมโหขึ้นมา ตนเองรีบเดินเข้าไป ยกมือผลักเซี่ยซื่ออย่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ