คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่าจี้จะจมูกไวเพียงนี้ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้จักหญ้าล้างประสาทอีกด้วย"เอาล่ะ ข้าตอนนี้ขอประกาศว่าเจ้าเป็นศิษย์ของข้าแล้ว ต่อต้านไปก็ไร้ผล" ตาเฒ่าจี้ทำทีเป็นที่พึ่งพาขึ้นมา "ศิษย์เอ๋ย ใครมาหาเรื่องเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงไม่ตอบในเมื่อตาเฒ่าจี้บอกว่าชุ่ยซินสือหูเก็บได้ตอนกลางคืน สิ่งนี้นางเชื่อ หญ้าสมุนไพรชนิดนี้พบได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นท่านปู่เองก็ยังได้ใช้ ดังนั้นนางจึงต้องได้มันมา พอเห็นว่าฟ้ากำลังจะมืด จึงเตรียมตัวที่จะเฝ้ารออยู่ที่นี่ฟู่จาวหนิงเดินห่างออกมาหน่อย เลือกจุดที่เป็นหินผาสามด้านเพื่อพักผ่อน หลังจากวางตะกร้าหลังลงก็ค้นหาฟืนแห้งมา เตรียมจะจุดไฟตาเฒ่าจี้ก็ตามมาคุยอยู่ตลอด ไม่หยุดพักปากเลยหลังจากไฟติดขึ้นมา ฟู่จาวหนิงก็จับพลั่วเหล็กเล็กจ้องมองเขา "ข้าจะออกไปล่าอะไรมากินเสียหน่อย ทางที่ดีท่านไม่ต้องตามข้ามาหรอก""ระวังตัวด้วย!"นางยังไม่ทันพูดจบ อันที่จริงก็สัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้แล้ว และตาเฒ่าจี้ทางนั้นตอนนี้ก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากหน้าอก แล้วโยนออกไปทางคนที่เข้ามา ขณะเดียวกันก็ตะคอกออกไปเสียงหนึ่งด้วย"คนที่เข้ามาต้องเป็นพวกเลวๆ แหง!"ไม่รู้ว่
ตาเฒ่าจี้เดินไปทางทิศที่เสียงดังลอดมา หันหน้ากลับมามองฟู่จาวหนิงที่ยังยืนอยู่ที่เดิม"เจ้าจะไม่ไปดูกับอาจารย์หรือ?""ท่านปู่จี้ ท่านไม่ใช่บอกว่าตัวเองเป็นแค่ตาแก่หรือไร? แล้วทำไมยังจะไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาอีก?"ตาเฒ่าจี้ถลึงตาโต "ข้าจะบอกให้นะเสี่ยวหนิงจื่อ พวกเราแม้จะไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านเขา แต่จะนิ่งดูดายต่อความเป็นความตายไม่ได้ แล้วก็ พวกเราลองเข้าไปดูๆ ก่อนว่าเป็นใครแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้นี่"เขาหยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อ "ถ้าช่วยไม่ไหวพวกเราศิษย์อาจารย์โกยอ้าวออกมาก็จบ"ฟู่จาวหนิงมองสภาพชุดขาดวิ่นกับแผลเล็กๆ ของเขาแล้วก็ส่ายหัว เดินตามไป"ช่วยด้วย ใครก็ได้ รีบช่วยภรรยาของข้าที"พวกเขาเดินเข้าไปใกล้หน่อย ก้ได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่มีอาการสั่นพร่า และยังได้ยินเสียงอึกอักของหญิงสาวอีกด้วยมีผู้หญิงด้วยหรือ?ฟู่จาวหนิงเพิ่มความเร็ว พุ่งตัวเข้าไปในป่าตาเฒ่าจี้มองแผ่นหลังนาง เอ่ยขึ้นกับตนเองอย่างพึงพอใจ "ทั้งลงมืออย่างโหดเหี้ยมได้ ทั้งจิตใจก็ยังอ่อนโยนอีก ศิษย์ข้าคนนี้ไม่เลวเลย"ในป่าเบื้องหน้า มีชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งกำลังถือกระบี่หันชี้ไปยังหมู่ป่า
ตาเฒ่าจี้จี้นั่งยองข้างตัวนางทำการจับชีพจรตรวจอาการให้แล้วจงเจี้ยนทหารจวนอ๋องเจวี้ยนก็พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงเสียรอบหนึ่ง พอเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บก็แอบถอนใจโล่งออกมา ส่งสัญญาณให้ทหารสองคนที่เหลือเข้ามารวมตัวกัน จากนั้นจึงมองไปยังคนอื่นๆ ในที่นี้ฟู่จาวหนิงเองก็รีบเดินตรงไปยังฮูหยินคนนั้น นางสลบไปแล้ว"ท่านปู่ ท่านรู้เรื่องหมอด้วยหรือ" นางถามตาเฒ่าจี้เก็บมือกลับ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก"ตั้งครรภ์อยู่ราวสี่เดือน แต่สภาพไม่ค่อยดีนัก เกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้"เขาดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด "ศิษย์เอ๋ย อาจารย์รู้เรื่องยา พอเล่นกับตัวยามากชนิดเข้า ก็เป็นวิชาหมอขึ้นมา""ผู้อาวุโสจี้?"จงเจี้ยนมองตาเฒ่าจี้อย่างตะลึงงัน ไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยผู้อาวุโสจี้เพียงแค่เหลือบตามองเขาไม่สนใจอะไร แต่กลับล้วงเข้าไปค้นในหน้าอก ควานขวดยาเล็กหลายใบออกมา เลือกใบหนึ่งจากในนี้ เปิดออกแล้วเทยาลูกกลอนสีดำออกมาเม็ดหนึ่ง "นี่เป็นยาลูกกลอนเพิ่มเลือด เอาให้นางกินได้"เขาเดิมทีคิดจะให้ฟู่จาวหนิงป้อนยาให้ฮูหยินสาวคนนี้ แต่ฟู่จาวหนิงใช้นิ้วขยี้ยาลูกกลอนเม็ดนั้นแล้วนำขึ้นมาดม กลับส่ายหัวค้านว่า"ยานี้นางห้ามก
"พระราชเสาวนีย์ฮองเฮา อ๋องเจวี้ยนขนาดหน้าก็ยังไม่ยอมโผล่ออกมาเลยหรือ?"ขันทีเอ่ยเสียงแหลมเล็กกับผู้ดูแลจวนอ๋องเจวี้ยน "ในวังถึงกับลดรั้วลงมา พวกเรานำป้ายมาโดยเฉพาะ นี่จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน""กงกง ท่านอ๋องของพวกเราสุขภาพไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงนอนพักไปนานแล้ว ข้าไม่ใช่พูดกับท่านไปแล้วหรือไรกัน? พระราชเสาวนีย์ของฮองเฮา กงกงบอกกับข้าก็พอ ท่านอ๋องให้อำนาจข้าไว้ระดับหนึ่ง ถ้าหากสิ่งที่จวนอ๋องเจวี้ยนของพวกเราทำได้ ข้าก็จะทำแทนท่านอ๋องเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็รอพรุ่งนี้ให้ท่านอ๋องพวกเราลุกขึ้นมาก่อนแล้วค่อยจัดการก็ไม่สาย"ผู้ดูแลจงยังคงมีท่าทีเรียบสงบฮองเฮารู้สึกร้อนรนขึ้นมาเพราะท่านอ๋องแต่งงานรับพระชายาอย่างนั้นหรือ?ก่อนหน้านี้การปฏิบัติต่อจวนอ๋องเจวี้ยนก็ญังรักษาความเคารพและระยะห่างเอาไว้ ไม่กล้าวางมาดฮองเฮาของนางเข้ามาเลย แต่ตอนนี้ร้อนรนจนมือไม้อยู่ไม่สุข ถึงกับยกตัวตนฐานะของฮองเฮามากดดันจวนอ๋องเจวี้ยนเสียแล้ว"เจ้าก็แค่ผู้ดูแลเล็กๆ คนหนึ่ง"ขันทีพอโมโห เสียงก็ยิ่งเล็กแหลมลงไปอีก พอชี้ผู้ดูแลเพื่อจะวางมาด ทหารสองนายก็ตรงเข้ามา มือจับด้ามกระบี่ตั้งท่าชักเสียงชักกระบี่สองเสียงดังขึ้น ไฟโก
ชิงอีรินน้ำร้อนให้เขาแก้วหนึ่งพวกเขาเร่งกลับมาเมืองหลวงเวลานี้ หนึ่งก็เพื่อรับชายา เพื่อให้ได้รับสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ให้ และสองก็เพื่อพิธีเดิมพันโอสถ"ที่เขาจันทร์ลับฟ้าได้ข่าวอะไรมาบ้าง?"แผลพิษบนใบหน้าคันคะเยอขึ้นมาอีกครั้ง ความคันเช่นนี้คนธรรมดายากจะทนรับไหว แต่ถ้าไปแตะไปเกามันเข้า แผลพิษนี้ก็จะยิ่งลามกว้างออกไปสองมือของอ๋องเจวี้ยนกำผ้าห่มไว้แน่น สะกดกลั้นความคิดที่จะไปเกาไปจับมัน"ยังไม่มี""เมื่อไม่มีข่าวก็คือตัวคนยังไม่เป็นไร" อ๋องเจวี้ยนคิดถึงใบหน้าเล็กที่สดใสของฟู่จาวหนิงขึ้นมา "คิดไม่ถึงว่านางจะอดทนได้ขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงขึ้นเขาไปหาตัวยาครั้งนี้ พวกเขาล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องมีอันตรายแน่นอน ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเท่ากับผูกตัวอยู่ด้วยกันกับเขาแล้ว คนที่จะลงมือกับเขา คนที่ไม่อยากให้เขาได้รับสิ่งที่ไท่ซ่างหวงทิ้งไว้ ก็ล้วนจ้องจะเอาชีวิตฟู่จาวหนิงกันหมด"จงเจี้ยนน่าจะพบตัวคุณหนูฟู่แล้ว มีพวกของจงเจี้ยนคุ้มครองอยู่ คุณหนูฟู่น่าจะปลอดภัยกลับมา" ชิงอีเอ่ยขึ้น"ปลอดภัยกลับมาก็จบหรือ?"อ๋องเจวี้ยนหัวเราะไร้ซุ่มเสียงถ้านางหาตัวยาสิบชนิดไม่ได้ ตอนกลับมานางก็จะตกที่นั่งล
ฮูหยินฉีตั้งครรภ์ ฟู่จาวหนิงก็รู้จักปกป้องชีวิตน้อยๆ อีกด้วย มิเช่นนั้นนางคงไม่สนใจแล้วนางอันที่จริงก็อยากจะถามฉีอวิ๋นไห่มาก รู้ทั้งรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ แล้วทำไมเวลานี้ยังจะไปวิ่งเล่นในภูเขาอีก? แต่เรื่องของคนอื่นนางก็ขี้เกียจจะไปถามให้มากความ"ให้พวกเขาส่งสามีภรรยาทั้งสองลงจากเขา มิเช่นนั้นเวลานี้พวกเขาลงเขาไปได้ก็อาจจะเข้าเมืองไม่ได้อยู่ดี"ประตูเมืองช่วงนี้ปิดไว แต่ถ้ามีป้ายเอวของจวนอ๋องเจวี้ยนก็ยังเข้าไปได้อยู่"แต่คุณหนูฟู่ให้ข้าอยู่ด้วยเถิด ข้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสมุนไพรเลย อยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี" จงเจี้ยนเอ่ยขึ้น"ส่งตาเฒ่าจี้ลงเขาไปด้วยเถอะ" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองตาเฒ่าจี้"ตา…เฒ่า...จี้..?"จงเจี้ยนเกือบจะกัดปลายลิ้นตัวเองไปแล้ว เขามองผู้อาุโสจี้ และก็รู้สึกพูดไม่ออกกับความซมซานของผู้อาวุโสจี้ตอนนี้พอควร"ผู้อาวุโสจี้ ท่านลงเขาไปด้วยกันเถิด ไม่สิ ผู้อาวุโสจี้ ขอเชิญท่านลงเขาไปก่อนดีกว่า"จงเจี้ยนจู่ๆ ก็คิดอะไรออกขึ้นมา"ข้าไม่ลงเขาหรอก ข้าจะมาเก็บสมุนไพร เดี๋ยวก็จะถึงพิธีเดิมพันโอสถแล้ว ปีนี้ข้าจะไม่แพ้แน่!" ตาเฒ่าจี้กลับอารมณ์เดือดขึ้นมา ถลึงตามองจงเจี
นางพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย"ฮ่าๆๆ! ดีมาก ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มองผิด!" ตาเฒ่าจี้ยื่นมือออกมาตบลงบนบ่านาง "ได้ เช่นนั้นเจ้าก็หาสมุนไพรให้ดีดี อาจารย์จะลงเขาไปจัดการอุปสรรคให้เจ้าเอง! จะต้องมีคนคอยแกว่งมือแกว่งเท้าลับหลังเจ้าแน่ๆ ยกเรื่องนี้ให้ข้าเถิด"ตาเฒ่าจี้พูดพลางเดินตามคนอื่นลงจากเขาไปแล้วพวกเขาพอออกไป ที่นี่ก็เหลือแค่ฟู่จาวหนิงกับจงเจี้ยนจงเจี้ยนรู้สึกอยากถามนางว่ากลายเป็นศิษย์ผู้อาวุโสจี้ได้อย่างไร แต่ฟู่จาวหนิงก็มองสีท้องฟ้า ไม่คิดจะพูดกับเขาอีกนางจะไปขุดสมุนไพรชุ่ยซินสือหูออกมาจงเจี้ยนรู้ว่าตนเองช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตามอยู่ข้างๆ เงียบๆฟู่จาวหนิงหยิบคบเพลิง ไปถึงผาน้ำอย่างรวดเร็ว ยื่นหัวมองลงไป ถึงเข้าใจที่ตาเฒ่าจี้บอกว่าต้องลงไปกลางดึกจึงจะขุดได้เพราะว่าตอนที่สีราตรีมืดทึม นางถึงมองเห็นว่ารอบๆ รูต้นไม้ต้นนั้นมีพืชที่เปล่งแสงออกมารางๆ อยู่ชั้นหนึ่งพืชชนิดนี้ดูคล้ายตะไคร่น้ำ ด้านบนมีของที่ดูเหมือนผงชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ และเจ้าผงชั้นนี้ก็กำลังเปล่งแสงอยู่ แสงสีน้ำเงินทึม จางมากถ้าหากสีท้องฟ้ายังมีแสงอยู่รับรองว่ามองไม่เห็นแน่นอน ตอนแรก
หน้าหลังซ้ายขวาไม่มีทางแล้ว!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงยืนอยู่บนต้นไม้ที่ยื่นออกมากลางอากาศ หินก้อนนั้นใหญ่ขนาดเท่าลูกแตงโม ทุ่มลงมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าจะเอาชีวิตนางฟู่จาวหนิงย้ายไปทางปลายกิ่งสองสามก้าว ใต้เท้ามีเสียงเป๊าะ ต้นไม้ต้นนี้ก็รับน้ำหนักอีกไม่ไหวแล้ว"ตึง!"ก้อนหินกระแทกบนต้นไม้หนักๆ ตรงจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ พอกระแทกต้นไม้แล้วก็ร่วงลงไปไม้ลั่นเสียงดังกร๊อบอีกครั้ง โยกไหวไปมาฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตรงจุดรูต้นไม้นั้นใกล้จะหักแล้วลมวูบหนึ่งหมุนวนกวาดขึ้นมา จนเกือบจะพัดนางร่วงลงไปตอนนีเ้อง เงาร่างหนึ่งก็กระโจนลงมาจากผา ยื่นมือคว้าฟู่จาวหนิงไว้ "แม่นาง ข้าจะพาเจ้าขึ้นไป"ต้นไม้ใต้เท้าตอนนี้ก็รับน้ำหนักต่อไม่ไหวหักลงไป ในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กๆ เพราะในห้องเภสัชของนางมีเชือกปีนเขาอยู่ สามารถยิงเข้ากำแพงผาได้แต่นางก็ไม่ได้นำมันออกมา ตอนนี้มีคนนอกอยู่จะเข้าไปหยิบก็ไม่ได้ผลลัพธ์คือเดิมทีนางมีโอกาสช่วยเหลือตนเอง ทว่าเวลานี้กลับต้องยื่นมือเข้าคว้าแขนของชายหนุ่มทันทีชายหนุ่มเดิมทีคิดว่าตนเองคว้ามือนางไว้แน่นแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะถูกนางดึงแขนไว้จนอยู่ แต่เขาก็ยังรีบพานา
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ