Share

บทที่ 3

เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม

"ฟู่!จาว!หนิง!"

เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆ

นางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?

ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้อง

เซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"

ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชน

เซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!

แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหว

เซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"

เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะกล้าแต่งฟู่จาวหนิงเข้าบ้าน!

หลี่จื่อเหยาพอได้ยินคำพูดเขาก็พยักหน้าและเสริมมาอีกประโยคทันที "ถูกต้อง! ผู้เฒ่าฟู่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงเจ้าที่สุดหรือ รอจนเจ้าขายไม่ออก เขาตายไปก็คงตาไม่หลับแน่!"

"เพียะ!"

ฟู่จาวหนิงยกมือขึ้น ตบฉาดเข้าหน้าหลี่จื่อเหยาอย่างแรงไปทีหนึ่ง มาแช่งปู่ของนางหรือ?

"กรี๊ดๆ! เจ้ากล้าตีข้าหรือ?"

หน้าหลี่จื่อเหยาบวมแดงขึ้นมาทันที ตอนที่นางกำลังจะพุ่งเข้าใส่ฟู่จาวหนิง เสียงชายหนุ่มเอาจริงเอาจังที่ใช้กำลังภายในส่งเข้ามาในหูของคนทุกคนเสียงหนึ่ง หยุดการเคลื่อนไหวทางนี้ลงในพริบตา

"ท่านอ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงแล้ว คนเดินถนนจงหลีกทางเสีย"

คนที่อออยู่เต็มถนนชะงักก่อน จากนั้นพอได้สติกลับมาก็ตะลึงพรึงเพริดกันขึ้น

"ท่านอ๋องเจวี้ยน! อ๋องเจวี้ยนกลับเมืองหลวงแล้ว!"

"โอ้วพระเจ้า อาการป่วยท่านอ๋องเจวี้ยนดีแล้วหรือ? ออกจากยอดเขาโยวชิงได้แล้วหรือ?"

ท่านอ๋องเจวี้ยน?

ความทรงจำในสมองจาวหนิงกำลังค้นหาเรื่องเกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยน และพบว่าคุณหนูฟู่คนนี้ไม่รู้จักคนที่ชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนเลย

แต่นางมองไปทางเซียวเหยียนจิ่ง ก็พบว่าเซียวเหยียนจิ่งถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

จากนั้นก็ได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง "ใครขวางทาง ตาย"

ประโยคนี้เย็นชาไร้ปรานี ชาวบ้านที่อยู่เต็มถนนก็ล้วนพรั่นพรึง รีบร้อนแหวกทางออกซ้ายขวาทันที ขณะเดียวกันก็คุกเข่าลงพื้นดังตุบกันหมด

คนทั้งถนนคุกเข่ากันเช่นนี้ เหลือแค่ฟู่จาวหนิง เซียวเหยียนจิ่งและหลี่จื่อเหยาสามคนที่ยังยืนค้างอยู่ ดูสะดุดตามาก

ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เห็นรถม้าคันหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามา

รถม้าสีดำสนิท ตัวรถแกะสลักลายอินทรีและกิ่งไม้ ทั้งสี่มุมสลักสัตว์ไว้ตัวหนึ่ง ม่านรถสีม่วงปักทองคงนิ่งไม่ไหวติง ปิดบังผู้ที่อยู่ในรถไว้อย่างมิดชิด

ม้าสามตัวที่ลากรถเองก็สูงใหญ่ล่ำสัน สีดำสนิท ผิวมันเงา ดูน่าเกรงขาม

หน้ารถม้ามีทหารม้านายหนึ่ง ด้านบนมีทหารหน้าตาหล่อเหลาวัยหนุ่มขี่อยู่ สีหน้าเย็นชา ที่เอวคาดกระบี่ยาวไว้เล่มหนึ่ง

ดูแล้วเมื่อครู่นี้น่าจะเป็นเขาที่พูดออกมา

ด้านหลังรถม้ายังมีทหารม้าอีกสิบสองนาย ล้วนสวมชุดแบบเดียวกัน คาดกระบี่เหมือนกัน

คน ม้า รถม้าขบวนนี้ ล้วนเผยความเย็นชาน่าเกรงขามที่ไม่อาจเข้าใกล้ได้ออกมา

ทหารวัยหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าสุดคนนั้นกวาดตามองมาทางพวกของฟู่จาวหนิง หลี่จื่อเหยากำลังจะพูด แต่เซียวเหยียนจิ่งจู่ๆ ก็ดึงตัวนางให้คุกเข่าลงทันที

ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ ท่านอ๋องเจวี้ยนคนนี้ ตัวตนฐานะความน่าเกรงขามล้วนอยู่เหนือเซียวเหยียนจิ่งสินะ! เช่นนั้นเซียวเหยียนจิ่งก็จะคุกคามเขาไม่ได้ใช่ไหม?

"ท่านอ๋องเจวี้ยนแต่งงานแล้วหรือยัง?"

ฟู่จาวหนิงยื่นมือไปสะกิดยายเฒ่าผู้ดูแลพิธีการที่คุกเข่าลงไปก่อนหน้าทันที เอ่ยถามเสียงเบา ในนี้น่าจะมีแค่ยายเฒ่าคนนี้เท่านั้นที่เป็นคนฝั่งตนเอง

"ไอ๊หยาคุณหนูฟู่รีบคุกเข่าลงเถอะ! ท่านอ๋องเจวี้ยนจะแต่งงานแล้วได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว"

ยายเฒ่าพูดตัวสั่นเทา ยื่นมือกระตุกกระโปรงนางส่งสัญญาณให้รีบคุกเข่าลง

"แค่กๆๆ"

ในรถม้ามีเสียงกระแอมไอต่ำดังลอดออกมา

ฟู่จาวหนิงหูดี ได้ยินเข้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหางตาของนางยังเห็นว่าทหารหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่หน้าขบวนคนนั้นพอได้ยินเสียงไอสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และหันหน้ากลับไปมองทางรถม้า

ในใจนางสั่นกึก รีบเดินไปกลางถนนเข้าขวางรถม้าทันที

ทหารคนนั้นหันขวับมามองนาง มือทาบลงไปบนด้ามกระบี่

"หลีกไป!"

ฟู่จาวหนิงไม่ถอยแต่กลับเดินไปอยู่ข้างตัวเขา เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าช่วยบรรเทาอาการไอได้!"

เพราะกระบี่ของอีกฝ่ายกำลังจะชักออก คำพูดของนางจึงเร็วจี๋

เซียวเหยียนจิ่งมองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง หญิงสาวคนนี้บ้าหรือเปล่า? เขาก็พูดอยู่ว่าใครขวางทางตายแต่นางยังเดินเข้าไปหา ถูกถอนหมั้นจนสมองฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไรกัน?

"แค่กๆๆๆ..."

สวรรค์อาจจะอยู่ข้างฟู่จาวหนิง ตอนที่นางเพิ่งพูดประโยคนี้จบ ในรถม้าก็มีเสียงกระแอมไอต่ำดังลอดออกมาอีกครั้ง

ทหารนายนั้นชะงักมือที่ชักดาบ

ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยต่อว่า "คนป่วยก่อนหน้านี้ตกน้ำมาใช่หรือไม่?"

พอได้ยินคำพูดนาง สีหน้าของทหารก็เปลี่ยนไป "เจ้าเป็นใครกัน?"

"ข้ามาจากร้านตระกูลฟู่ทางตะวันออกของเมือง ข้าชื่อฟู่จาวหนิง"

ตระกูลฟู่?

ทหารได้ยินเสียงกระแอมไอต่ำจากในรถม้า เขากัดฟันพูด "เช่นนั้นเจ้าก็ขึ้นรถม้า..."

แต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของฟู่จาวหนิงเร่งดังขึ้น นางพูดเน้นเสียงแจ่มชัด พูดคำที่ทำให้คนทั้งหมดตะลึงงันออกมาประโยคหนึ่ง

"ท่านอ๋องเจวี้ยน ท่านต้องการพระชายาสักคนไหม พระชายาที่ทั้งฉลาดมีความสามารถและไม่สร้างความวุ่นวายให้แก่ท่าน!"

ฮึ่ม...

ลูกตาเซียวเหยียนจิ่งถลนออกมา

เขาไม่สนใจอีกแล้ว กระโจนตัวลุกขึ้นสาวเท้ายื่นมือคิดจะกระชากตัวฟู่จาวหนิงออกมา "ฟู่จาวหนิงเจ้าบ้าไปแล้วหรือ! บนตัวเจ้ายังสวมชุดแต่งงานที่เดิมทีจะไปกราบฟ้าดินกับข้าอยู่เลย นี่ก็เพิ่งจะถูกถอนหมั้น..."

ฟู่จาวหนิงสะบัดมือเขาออก ถอยหลังก้าวหนึ่ง และไม่ทันสังเกตว่าตนเองเข้าใกล้ตัวรถม้าขึ้นไปอีก

นางได้กลิ่นยา

"ไม่สร้างความวุ่นวาย ทั้งฉลาดมีความสามารถ? เจ้าพูดถึงตนเองหรือ?"

ในรถม้ามีเสียงขรึมต่ำเสียงหนึ่งดังลอดออกมา น่าจะเพราะเพิ่งไอไป เสียงนี้จึงดูแหบพร่า ฟู่จาวหนิงฟังจนคันหูขึ้นมา

เสียงนี้จะน่าฟังเกินไปหน่อยไหม?

แต่นางก็ยังไม่ลืมตอบ เอ่ยขึ้นอย่างชัดเจนว่า "เพคะ ข้าฉันเอง"

ชายหนุ่มในรถม้าก็เหมือนจะหัวเราะขึ้นเบาๆ

"รัชทายาทเซียวเหยียนจิ่งแห่งจวนอ๋องเซียว คารวะท่านอ๋องเจวี้ยน" เซียวเหยียนจิ่งรีบร้อนเอ่ยขึ้น "ท่านอ๋องเจวี้ยน ฟู่จาวหนิงคนนี้เป็นคนโง่ที่ไร้ยางอาง นางกล้ามารบกวนท่าน..."

ท่านห้ามปล่อยนางไปเด็ดขาด!

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status