ฟู่จาวหนิงหยิบงูตายตัวนั้นขึ้นมา แล้วหายเข้าไปในห้องมิตินางโยนงูไว้บนแท่นของห้องเภสัช เหลือบมองผาดหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ยาฆ่าเชื้อพ่นใส่มือ หยิบขวดชาเขียวออกมาดื่มสองอึก ชาเขียวนี้เป็นเครื่องดื่มที่น่าสกัดออกมาเอง กระตุ้นได้ดีผ่านไปครู่หนึ่ง นางได้ยินหน้าต่างถูกผลักออกเบาๆน่าจะเพราะเห็นว่าในห้องไม่มีแสง คิดว่านางตอนนี้น่าจะหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นจึงผลักหน้าต่าง ส่งเสียงออกมาเพียงไม่นาน ก็มีคนกระโจนเข้ามาฟังจากเสียง มีสองคน?ทั้งสองคนกระโจนเข้ามา บนหัวหนึ่งในนั้นมีเสียงกระทบขณะก้าวเดินของลูกปัดหยกดังขึ้นฟู่จาวหนิงเข้าใจขึ้นมา เป็นหญิงสาวหรือ?ควันกลุ่มหนึ่งถูกพ่นออกมาไห่ฉางจวิ้นหลังจากพ่นพิษออกมาก็ขวางแม่นางเจี๋ยไว้ ทั้งสองคนยืนรออยู่ที่หนึ่งพักหนึ่งพอคิดว่าเวลาเท่านี้ควันพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนส่งทหารเข้ามาคุ้มครองฟู่จาวหนิง แล้วทหารอยู่ไหนกัน? ทำไมพวกเราจึงไม่เห็นเลย?"ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหญิงสาวที่ไม่รู้จักเสียงหนึ่ง กดเสียงไว้ต่ำมาก"ฟู่จาวหนิงให้พวกเขาไปคุ้มครองปู่ของนางน่ะ โง่เสียจริง คิดว่าคนอื่นไ
แม่นางเจี๋ยกับไห่ฉางจวิ้นต่อให้เป้าหมายไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่ตอนที่เห็นเครื่องประดับอัดแน่นอยู่ในกล่องทั้งสองคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพวกนางสบตากันผาดหนึ่ง ล้วนเห็นความหวั่นไหวและลังเลในใจขึ้นมาถึงอย่างไรถ้าหยิบของเหล่านี้ไป พวกนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับโจรเลยน่ะสิ! แต่ก็หวั่นไหวเหลือเกินฟู่จาวหนิงเห็นพฤติกรรมของพวกนางอยู่ในห้องเภสัช กลั้นหัวเราะไม่อยู่"รีบหาสิ่งยืนยัน!"แม่นางเจี๋ยถึงอย่างไรก็เป็นของตระกูลฮู่ ได้สติกลับมาก่อน และให้ไห่ฉางจวิ้นรีบไปหาสิ่งยืนยันฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของพวกนางจึงเข้าใจแล้วว่าพวกนางมาหาอะไร สิ่งยืนยันหรือ? หรือว่าจะหาสิ่งยืนยันที่ชิงอวิ๋นเซียวทำหายนั่น?โดยใช้งูตัวนั้นหรือ?นางมองไปทางศพงูที่ตายบนโต๊ะตัวนั้นตัวงูดำสนิททั้งร่าง แต่กลางหลังของมันกลับมีสีทองอยู่แถบหนึ่ง เปล่งประกายอยู่ใต้แสง ดูแล้วเหมือนกับเป็นทองคำจริงๆนี่คือสิ่งที่พวกนางเรียกว่างูหลังทองหรือ?นางมองขลุ่ยหยก จู่ๆ ก็พบลวดลายที่เล็กละเอียดมากลายหนึ่ง ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นฟู่จาวหนิงสองมือจับขลุ่ยหยก และออกแรงบิดที่ลายนั้น ขลุ่ยหยกก็หมุนขึ้นมา ด้านในกลวง ซ่อนปิ่นปักผมด้ามหนึ่งเอาไว
"ขอรับ""เช่นนั้นก็ดี เฮ้อ พวกนางสมควรโดนแล้ว" ฟู่จาวหนิงปรบๆ มือ "ไม่ต้องให้คนตามหรอก แต่ว่าส่งคนไปที่แจ้งจวนอ๋องเจวี้ยนหน่อย ให้พวกเขาเพิ่มการตรวจลาดตระเวณ แล้วก็ถามชิงอีดู ชิ่งอวิ๋นเซียวอยู่ที่ไหน บอกว่าข้าพรุ่งนี้จะไปที่จวนอ๋อง เชิญเข้าไปด้วย"ยังไงของนางก็ต้องส่งคืนไปก่อนอีกครึ่งคืนฟู่จาวหนิงก็หลับลงเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกหลายคนที่นอนไม่หลับไห่ฉางจวิ้นกับแม่นางเจี๋ยหลังจากกลับไปก็เริ่มตัวร้อน ทั้งสองคนเอาแต่พูดเพ้อ มึนๆ งงๆ แล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองถูกผีไล่อยู่ตลอดอย่างไรอย่างนั้น ประเดี๋ยวก็ร้องลั่นขึ้นมาชิงอีทางนั้นพอได้ข่าวจากทหารบ้านตระกูลฟู่ ก็เพิ่มการลาดตระเวณ ให้คนไปหาชิ่งอวิ๋นเซียว แต่ก็ไม่กล้าปลุกท่านอ๋องเดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงจะกลับมาไว ดังนั้นตอนที่เซียวหลันยวนลุกขึ้นมา ชิงอีก็รีบแจ้งเรื่องเมื่อคืนนี้ออกไปใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนพอได้ยิน หน้าก็เปลี่ยนสีไปทันที "มีคนลอบเข้าไปในห้องนาง? แล้วนางบาดเจ็บไหม?"ชิงอีตกตะลึง "ไม่เป็นไร ท่านอ๋อง พระชายาไม่เป็นอะไรเลย" ดังนั้นถึงสามารถให้สืออีออกมาส่งข่าวได้นั่นเองถ้าหากพระชายาเกิดเรื่อง เขาเมื่อครู่ก็ไม่รู้จะรายงานอย
"ท่านอ๋องจะต้องรอพระชายาอยู่แน่เลย""ชิ่งอวิ๋นเซียวมาหรือยัง?"ที่นางนัดคือชิ่งอวิ๋นเซียวนะ"ยังไม่มา แต่ได้ยินชิงอีบอกว่า เขาน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับเมือง""กลับเมือง?"ฟู่จาวหนิงลูบจมูกอย่างเขินๆพอหาของในเมืองไม่เจอ ดังนั้นเลยออกไปหาที่นอกเมืองหรือ? เช่นนั้นชิ่งอวิ๋นเซียวเด็กคนนี้สมองก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไรแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าพบกับนางในเมืองครั้งนั้นยังไปนั่งวางมาดหล่ออยู่บนหัวกำแพงอยู่เลย แต่นี่ลืมไปหมดแล้วหรือ?"ข้าจะไปเรือนเจียนเจียดูว่าเซียวหลันยวนมีเรื่องอะไร"หงจั๋วรีบถาม "แล้วข้าวกลางวันจะไปกินกันที่เรือนเจียนเจียได้ไหมเจ้าคะ?""ได้"ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนเจียนเจีย มองซ้ายมองขวาในเรือนไม่เจอคน แต่ในห้องข้างกลับมีการเคลื่อนไหว พอเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอเฝิ่นซิงถือถังน้ำออกมา"นี่ทำอะไรอยู่หรือ?""พระชายามาแล้ว!" เฝิ่นซิงร้องขึ้นอย่างเบิกบาน "ท่านอ๋องบอกว่าให้เก็บกวาดห้องนี้ให้ดี แล้วจัดการให้เป็นห้องหนังสือเสีย""ข้าไม่ได้ใช้หรอกนะ""ข้าจะมาใช้เอง" ด้านในมีเสียงเซียวหลันยวนลอดออกมาฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินเข้าไปห้องนี้นางก่อนหน้าเคยเห็นแล้ว ไม่มีของอะไรอยู่เลย หลักๆ คือน
เฝิ่นซิงที่อยู่ข้างๆ ก็แอบปิดปากคิกคักขึ้นเสียแล้วพระชายายังจะถามอีกหรือ?ท่านอ๋องอยากมีเวลาอยู่กับพระชายาให้มากหน่อยชัดๆ หลังจากนี้ห้องหนังสือก็อยู่ด้วยกันแล้ว พระชายาเขียนตำรับยา ท่านอ๋องฝึกอักษร ดีจะตายไปนางคิดแล้วก็วาดภาพฝันแสนหวานเซียวหลันยวนกดนิ้วที่ข้างปากแล้วกระแอมขึ้นมา เปลี่ยนหัวข้อสนทนา "หิวแล้ว ออกไปหากินข้าวกันก่อน""ท่านหิวตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้เลยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเอียงตามองเขา"พูดให้ถูกหน่อยก็คือหิวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้""ท่านอ๋องเมื่อคืนกินไปไม่กี่คำ ไม่สิ หลายวันนี้ความอยากอาหารของท่านอ๋องไม่ดีเอาเสียเลย" เฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นข้างๆหวังว่าพระชายาจะสงสารท่านอ๋องบ้าง"ไม่อยากอาหาร? เหมือนว่าเขาดีขึ้นแล้วนี่นา" ฟู่จาวหนิงเดินไปข้างๆ เซียวหลันยวน ยื่นมือไปจับข้อมือเขา "เดี่ยวหมอเทวดาอย่างข้าจะถือโอกาสจับชีพจรตรวจอาการให้ระหว่างไปกินข้าวนี้"เซียวหลันยวนพลิกมือกลับไปจับข้อมือนาง เปลี่ยนเป็นจูงนางแทน"ไม่รีบ กินเสร็จแล้วค่อยตรวจ"เขาจูงมือนางเดินไปโถงเล็กอย่างสงบฟู่จาวหนิงถูกเขาดึงมือเดิน ก็มองเขา จากนั้นก็มองมือของทั้งสองคน รู้สึกอะไรบางอย่างไม่ค่อยถูกต้
"หรือว่าไม่มี?" ฟู่จาวหนิงมองเขา ถามขึ้นอย่างตั้งใจ "เช่นนั้นท่านบอกข้าหน่อย ถ้าหากเจอตัวพวกเขาแล้ว ท่านเตรียมจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนนิ่งงันไปชั่วขณะ"มีอยู่สองความเป็นไปได้ หนึ่งคือตอนนั้นพวกเขาเองก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน เรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกหนึ่งคือครั้งนั้นพวกเขาวางยาใส่ท่านจริงๆ"ฟู่จาวหนิงวิเคราะห์อย่างสงบ "แต่ว่าตอนนั้นท่านเองก็คงจะวิเคราะห์ไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง ว่าพวกเขาไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายท่านเลย""ถูกต้อง"เซียวหลันยวนเองก็ยอมรับแล้วพวกเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะวางยาใส่เขา เพราะว่าตอนนั้นฟู่หลินซื่อมีลูกน้อย ฟู่จิ้นเชินเองก็เพิ่งจะเดินก้าวแรกในอนาคตที่รุ่งโรจน์ ตอนนั้นตระกูลฟู่ของพวกเขายังช่วยเหลือองค์จักรพรรดิ น่าจะไม่มีอะไรที่คุ้มค่าให้พวกเขาต้องทำเรื่องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ หรือว่าจะถูกบีบบังคับแต่ต่อให้มีคนมาบีบบังคับ พวกเขาก็ไม่น่าจะใช่ตัวเลือกดีที่สุดที่จะทำเรื่องนี้นี่นาทั้งสองคนไม่มีวรยุทธ์เลย ฟู่หลินซื่อเองก็เป็นแค่หญิงสาวอ่อนโยนคนหนึ่ง ทำเรื่องเช่นนี้จะมาหานางทำไมกัน?เซียวหลันยวนไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะเอาแต่สงสัยตัวพวกเขาพอคิดถึงจุดนี้ ฟู่จา
ชิ่งอวิ๋นเซียวกว่าจะมาถึงจวนอ๋องก็เป็นช่วงบ่ายฟู่จาวหนิงตอนที่เห็นเขา สีหน้าเขาดูหดหู่หน่อยๆแต่ว่าพอเห็นเซียวหลันยวน ชิ่งอวิ๋นเหวียวก็ร้องเรียกขึ้นทันที "อ๋องเจวี้ยนอ๋องเจวี้ยน ข้าคิดออกแล้วว่าสิ่งยืนยันไปทำหายอยู่ที่ไหน! ครั้งหนึ่งข้าพบกับพวกนักเลงหัวไม้คิดจะปล้นชิงคนแก่คนหนึ่ง หลังจากนั้นก็คิดไม่ถึงว่ายาที่ชายชราคนนั้นสกัดออกมาจะร้ายกาจมาก ผงยาถุงหนึ่งก็เล่นงานพวกเขาจนล้มไปหมด!"แค่กๆฟู่จาวหนิงพอได้ยินถึงตรงนี้ก็แทบจะสำลักออกมาชิ่งอวิ๋นเซียวในที่สุดก็คิดออกแล้ว!ชายหนุ่มที่หน้าตาดีขนาดนี้ ดูแล้วสง่าราวกับเซียนขนาดนี้ แต่สมองกลับไม่ดีเอาเสียเลย ตอนนี้เพิ่งจะคิดออก"สกัดยาออกมาได้ร้ายกาจหรือ?"เซียวหลันยวนเหลือบมองฟู่จาวหนิง"หน้าตาเป็นอย่างไร?""ก็แค่คนแก่คนหนึ่ง" ชิ่งอวิ๋นเซียวพรรณนาออกมาเซียวหลันยวนมองไปทางฟู่จาวหนิงอีกครั้งภายใต้สายตาของเขา ฟู่จาวหนิงถอนหายใจหยิบขลุ่ยหยกออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าชิ่งอวิ๋นเซียว"ข้าเก็บมันได้""อ๋า?? อ๊าๆๆ! ขลุ่ยหยกของข้า! ของชิ้นนี้เลย!"ชิ่งอวิ๋นเซียวพอรัรบไป ก็ตื่นเต้นจนกระโดดเหยงๆเขาไม่คิดแม้แต่น้อย บิดขลุ่ยหยกเลานั้นต่อหน้าพว
พวกเขาออกหาสิ่งของตามรูปร่างปิ่นปักผมที่เขาพูดมาชิ่งอวิ๋นเซียวหัวเราะแหยขึ้นมา หน้าแดงไปหมด "ข้า ข้าเองก็คิดไม่ถึงไปชั่วขณะ เพราะขลุ่ยหยกมันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือสิ่งยืนยัน ดังนั้นข้าจึงเอาแต่คิดจะหาสิ่งยืนยัน ตัวข้าเองก็ลืมไปเลยว่าซ่อนมันไว้ในขลุ่ยหยก"ทุกคนหมดคำจะพูดขึ้นพร้อมกันอย่างนี้ก็ได้หรือ?เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิง "เห็นไหม? จะมองคนสักคนห้ามมองแต่ภายนอก มีคนบางคนหน้าตาราวกับเทพเซียน แต่ธาตุแท้ก็เป็นคนโง่ๆ คนหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงทนไม่ไหว หัวเราะพรืดออกมา"ท่านไปพูดกับผู้นำน้อยตระกูลชิ่งแบบนั้นได้อย่างไร?""ข้าไม่ได้พูดถึงเขา นี่เจ้าเป็นคนพูดนะ" เซียวหลันยวนตอบชิ่งอวิ๋นเซียวร้องเชอะ "เอาเถอะ ข้าโง่ข้าก็ยอมรับ แต่ว่า อ๋องเจวี้ยน สิ่งยืนยันของข้ามอบให้ท่านแล้ว ก็ถือว่าข้าช่วยเหลือท่านครั้งใหญ่แล้วกระมัง? ท่านต้องเก็บไว้สักพัก ข้ายังไม่อยากกลับไป""ชิงอี จัดห้องพักแขกให้เขาหน่อย" เซ๊ยวหลันยวนเองก็ไม่ใจแคบ "แล้วก็ ไปหาคนตระกูลฮู่ด้วย ให้พวกเขาพรุ่งนี้ตอนเช้านำสิ่งยืนยันมามอบให้ด้วย""ขอรับ""อ๋องเจวี้ยน ผู้นำตระกูลฮู่มาที่เมืองหลวงเกือบเดือนแล้ว เขายังไม่นำสิ่งยืนยันมามอบ