พอเห็นฉากนี้ อันเหนียนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขารีบเดินกลับไปในรถม้าตนเอง หลังจากขึ้นรถม้าก็พูดกับคนขับรถว่า "ตามรถม้าจวนโหวไป"ระหว่างทาง อันเหนียนตอนที่มองไปด้านนอกก็เห็นเข้ากับคนรู้่จักกำลังซื้อของว่างอยู่ข้างทาง จึงร้องเรียกขึ้นทันที"สหายซุน"อีกฝ่ายหันกลับมา"ผู้ตรวจการอัน?""ข้ามีเรื่องด่วนต้องให้เจ้าช่วย""ผู้ตรวจการอันมีเรื่องอะไรกำชับได้เลย!" คุณชายซุนดูตกตะลึงที่ได้รับการเอ็นดูอันเหนียนเป็นผู้ตรวจการที่อายุน้อยที่สุดในราชสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลอันก็ยังเป็นตระกูลขุนนางมือสะอาดมาแต่ไหนแต่ไร อันชิงเองก็ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ปกติไม่ค่อยได้ร่วมเสวนากับพวกเขาเท่าไรนัก ตอนนี้อันเหนียนกลับมีเรื่องให้เขาช่วยเหลือ?คุณชายซุนตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านตอนนี้ไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนให้รอบหนึ่ง" อันเหนียนรีบเขียนกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่ง พับเสร็จก็ส่งให้เขา "เอาสิ่งนี้ส่งให้อ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนถ้าหากไม่อยู่ ก็ส่งให้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน รีบไป รบกวนด้วย เรื่องนี้จะต้องทำให้ได้!"พูดจบเขาก็ควบรถม้าตรงต่อไปคุณชายซุนบีบกระดาษแผ่นนั้นแบบยังตั้งตัวไม่ค่อยติด"ไม่สิ ผู้ตรวจการอัน สหายอันเห
"ลูกพี่หนิง!"ลู่ทงพอเห็นนางก็รีบหยุดม้า กระโจนตัวลงมา ตรงไปเบื้องหน้านางอย่างดีอกดีใจ"เจ้าไปอย่างไรมาอย่างไรนี่?"ฟู่จาวหนิงหลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วก็ไม่เจอพวกลู่ทงอีกเลย ตอนนี้พอเห็นเขาก็รู้สึกเกินคาดหน่อยๆ"ข้ามาส่งจดหมายน่ะ!"ลู่ทงกลัวว่าอันเหนียนส่งเรื่องเร่งด่วนอะไรมา จึงไม่กล้าพูดมากนัก รีบยื่นกระดาษในมือส่งออกไปให้นางถึงอย่างไรก็บอกว่าไว้ว่าถ้าไม่เจออ๋องเจวี้ยนก็ให้มอบให้พระชายาอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้เขาเองก็เจอกับพระชายาก่อน เช่นนั้นที่ส่งให้นางเลยก็ถูกต้องอยู่"นี่เป็นสิ่งที่ผู้ตรวจการอันส่งมาให้ เขาเจอคนคุ้นเคยระห่างทางจึงให้เขาเอามาส่ง คนผู้นั้นสกุลซุน แต่ว่าเขาน่าจะกลัวอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นจึงไม่กล้ามา ข้าจึงรับงานนี้มาระหว่างทางพอดี ลูกพี่หนิง ข้ายังไม่ได้เปิดอ่านกระดาษแผ่นนี้นะ"ตอนที่ฟู่จาวหนิงมองกระดาษแผ่นนี้ ลู่ทงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างชัดเจน"นายท่านผังดูผิดปกติ ไปที่จวนโหวจวิ้นอัน เปลี่ยนรถม้าโหวจวิ้นอันแล้วออกไป ข้าตอนนี้กำลังติดตาม ทิศทางที่พวกเขาไป คือวังหลวง"ข้อความบนกระดาษเขียนไว้ลวกๆ มาก มองออกว่าน่าจะรีบเขียนออกมา"เข้ามา"ฟู่จาวหนิงหมุนต
"่ลูกพี่หนิง พวกเราตอนไหนไปเขาเมฆอรุณด้วยกันอีกดี? ก่อนที่หิมะจะมาข้ากับพวกเจิ้งหยางอยากจะไปกันอีกสักรอบ ไปล่าสัตว์ ถึงตอนนั้นช่วงสิ้นปีก็มีเนื้อสัตว์เอาไว้ส่งเป็นของขวัญ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราถ้าล่าได้มาก ผู้อาวุโสที่บ้านต้องดีใจแน่"ก่อนหน้านี้ลู่ทงกับพวกเจิ้งหยางหารือกันเรื่องนี้แล้ว ว่าก่อนหิมะจะมาจะไปอีกสักรอบหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นยังอยากจะดึงฟู่จาวหนิงไปด้วย เพราะพวกเขารู้สึกว่าขอแค่พาฟู่จาวหนิงไป สิ่งที่ได้รับจะต้องมากล้นแน่นอน"ขึ้นเขา?"ฟู่จาวหนิงเองก็หวั่นไหวเล็กๆ นางอยากไปหาสมุนไพรแต่ว่าพอคิดๆ นางก็ล้มเลิกแล้ว "ข้าน่าจะไม่มีเวลาว่างเลย"นางเกือบจะลืมว่าอีกไม่นานก็ต้องไปเขาอวี้เหิงกับเซียวหลันยวน เรื่องหายา ระหว่างทางไปเขาอวี้เหิง หรือบางทีบนเขาอวี้เหิงเองก็น่าจะมีอยู่"อ๋า? เช่นนั้นก็ได้" ลู่ทงดูผิดหวังหน่อยๆ "แต่ว่าครั้งหน้ามีเวลาถ้าจะมานัดลูกพี่หนิงไปด้วยกันก็คงได้ใช่ไหม?""แน่นอน ถ้ามีเวลาว่างจะไปแน่"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ลู่ทงก็ดีอีกดีใจขึ้นมา"จริงด้วย ลูกพี่หนิง ข้าเกือบลืมว่ามีอีกเรื่อง ข้าอยากให้ท่านไปดูท่านยายคนหนึ่งของข้าหน่อย""อื๋อ?""ก่อนหน้าที่ไทเฮาจะเ
สถานการณ์ของเฟิงจวิน ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกตกตะลึงไปบ้างตอนที่พวกเขารีบไปยังเรือนเฟิงจวิน ด้านในกำลังมีเสียงกรีดร้องดังติดกันออกมา จะบอกว่าเสียงกรีดร้องก็ไม่ค่อยคล้าย นั่นเป็นเสียงร้องคำรามที่ดูเสียแรงเปล่าและสิ้นหวังหลังจากผ่านไปหลายเสียง ก็มีเสียงครวญครางเหนื่อยล้าตามมา"ไอ๊...โยว.."ด้านในมีคนกำลังเตือน กำลังร้องไห้เสียงต่อ"อาซูเพิ่งจะวิ่งออกไปหาคนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา ไม่รู้ว่าจะเจ้าเด็กนั่นจะเชิญหมอหลวงมาได้ไหม"มีคนเอ่ยขึ้นอย่างกลั้นน้ำตาไม่อยู่ "คนในวังอาจจะกลัวว่าอาการป่วยของเฟิงจวินจะระบาดสู่คน ฮองเฮาเองคงกดดันไม่ให้หมอหลวงเข้ามา นี่ทำเกินไปแล้ว""เจ้าอย่าพูดส่งเดช ฮองเฮาเป็นคนที่เจ้าพาดพิงได้หรือ?""ฮูหยินใหญ่ นั่นมันเรื่องจริงนี่นา เช่นนั้นพวกเราหาคนส่งจดหมายให้ไทเฮาดีกว่า ไทเฮาถ้าลงมือก็น่าจะเชิญหมอหลวงมาได้""ข้าบอกแล้ว ว่าห้ามไปหาไทเฮา" เฟิงจวินยังไม่ทันพูดจบ ก็ครวญครางออกมาอย่างดไม่อยู่ ฟังเสียงของนางแล้วเจ็บปวดอย่างมาก"เฟิงจวิน ข้าเชิญหมอเทวดามาแล้ว!" โม่อิงซูพาคนเข้ามา"หมอเทวดา? หมอเทวดาหลี่หรือ? เฟิงจวินเคยบอกว่าว่าไม่ต้องเชิญเขา"หญิงสาวในห้องหลายคนเสี
"ซี๊ด เจ็บ.."จนท่านเฟิงจวินร้องขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง ออกแรงคว้าจับมือของฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ พวกเขาจึงเพิ่งเหมือนตื่นจากฝัน"พระชายาอ๋องเจวี้ยน อาการป่วยของท่านเฟิงจวิน ท่านรักษาได้ไหม?"ฮูหยินใหญ่โม่มองฟู่จาวหนิงอย่างเต็มไปด้วยความหวังตระกูลโม่ของพวกเขา อันที่จริงก็ล้วนได้ยินเรื่องราวของพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาตลอดแต่ว่าเพราะสาเหตุต่างๆ พวกเขาเองก็เหมือนกับคนอื่นที่ไม่กล้ามองพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็นหมอคนหนึ่ง แล้วสามารถตรงไปเชิญมาได้ตอนนี้พอเห็นว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา พวกเขาอันที่จริงดีใจกันมาก และคาดหวังอย่างมาก บางทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอาจจะสามารถรักษาอาการป่วยของเฟิงจวินได้กระมัง?"เจ้าโรคคนแก่นี่ เฮ้อ!"เฟิงจวินหายใจไม่ทันนางอยากจะพูดกับฟู่จาวหนิงหลายคำหน่อย แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกว่าทั่วทั้งตัวเหมือนคนจมน้ำอย่างไรอย่างนั้น"ท่านเฟิงจวิน!"คนทั้งหมดล้วนร้อนรนจนตาแดงแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรฟู่จาวหนิงยื่นมือไปกดที่จุดชีพจรของนาง ออกแรงกดท่านเฟิงจวินก็เรอออกดมาทีหนึ่ง จากนั้นก็ถอนใจโล่ง หายใจหายคอทันแล้วพริบตานี้เอง นางรู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนกำลังจะจมน้ำตายแต่
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ปีนั้นที่อ๋องเจวี้ยนเกิดเรื่อง ไท่ซ่างหวงตอนนั้นรับสั่งห้ามพูดเอาไว้" ฮูหยินใหญ่โม่เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังพวกเขาเองก็รู้ว่าพ่อแม่ของฟู่จาวหนิงในตอนนั้นเป็นตัวบุคคลที่สำคัญที่สุด อ๋องเจวี้ยนทำไมจึงรับปากแต่งงานกับฟู่จาวหนิง พวกเขาเหล่านี้รู้จักคนในส่วนหนึ่งในเหตุการณ์นั้น อันที่จริงก็มีการคาดเดาที่ไม่ดีไว้แล้ว อย่างเช่นว่า อ๋องเจวี้ยนคิดจะเอาความแค้นของแม่มาลงที่ลูกสาว ที่แต่งงานกับฟู่จาวหนิงก็เพื่อจะทรมานนางหรือเปล่า?และเพราะเช่นนี้ แม้จะได้ยินว่าวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงดีมาก แแต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปเชิญมาส่งเดชคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเองฮูหยินใหญ่โม่สังเกตสีหน้าฟู่จาวหนิง ก็พบว่านางสงบนิ่งดีมาก"อืม ข้ารู้ แต่ว่าข้าเองก็ถือเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่งกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นข้ากับอ๋องเจวี้ยนอยู่ในบ้านก็ไม่เคยหลบเลี่ยงเรื่องนี้ ดังนั้นพวกท่านพูดมาให้ละเอียดก็พอ ไม่เป็นไร"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพวกเขากลัวจะละเมิดข้อห้าม"ใช่แล้ว ท่านเฟิงจวินตอนนั้นก็เข้าร่วมงานเลี้ยงนั่นด้วย""อืม ตอนนั้นนางไปเจอเรื่องแปลกๆ ในงานเลี้ยงมา บางทีอาจจะกินอะไรไม่ถูกมาก
ท่านเฟิงจวินพยักหน้า"ข้าขอคิดก่อน เหมือนมีอะไรลืมไปแล้ว"ฟู่จาวหนิงเลิกเส้นผมของนางออกตรวจสอบฮูหยินใหญ่โม่พวกนางตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไร"จริงด้วย" ท่านเฟิงจวินยังพูดอีกว่า "ตอนนั้นข้ารู้สึกว่า แม่ของท่านบนตัวมีกลิ่นหอมอยู่ ไม่แน่ใจว่ากลิ่นอะไร กลิ่นไม่ค่อยดีนัก"ฟู่จาวหนิงมือชะงัก"ไม่ใช่กลิ่นธูปหรือ?""ไม่ใช่" ท่านเฟิงจวินส่ายหัว "รุ้สึกว่ากลิ่นไม่น่าดม ข้าตอนนั้นยังคิด บนตัวหญิงสาวตระกูลฟู่คนนี้มันกลิ่นอะไรนะ? เข้าวังมาทำไมถึงไม่พิถีพิถันหน่อย นี่ถ้ามาเจอพวกคนชั้นสูงมาได้กลิ่นเข้า คงได้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่ๆ"นางพูดถึงจุดนี้ก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงฟู่จาวหนิงมองสีหน้านาง "ขอบคุณท่านเฟิงจวินมากที่บอกเรื่องเหล่านี้กับข้า ตอนนี้ท่านนอนพักผ่อนเสียก่อน ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน จากนั้นจะจ่ายยาบางส่วนให้ ส่วนจะใช้ยาอย่างไรข้าอธิบายกับพวกฮูหยินไว้ก็พอ ท่านปล่อยใจให้สบาย แม้ว่าข้าตอนนี้จะยังพูดกับท่านชัดเจนไม่ได้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่ว่ารักษาได้""จริงหรือ?""พระชายาอ๋องเจวี้ยน รักษาได้จริงหรือ?""หา?"หญิงสาวตระกูลโม่แต่ละคนที่นี่ล้วนดีใจกันขึ้นมาเป็นล้นพ้นฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่พู
ฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างเกินคาดหน่อยๆ "ไอ๊หยา คุณชายลู่นี่ไม่เลวเลย""ลูกพี่หนิงอย่าขำข้านะ ทำเอาเหมือนข้าเป็นคนโง่" ลู่ทงหัวเราะเหอะๆ "แต่ว่า ขอแค่ข้ายืนหยัดจุดนี้ พวกเขาตอนแรกเองก็เคยสงสัย แต่ว่าเชิญหมอหลายคนมาตรวจอาการ แต่ก็ไม่มีใครพูดว่าเฟิงจวินติดพิษ ดังนั้นคนของตระกูลโม่จึงไม่ได้สงสัยอีกแล้ว"ลู่ทงถอนหายใจอีกครั้ง"ข้าต่อมาก็เคยยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็บอกว่าข้าเป็นคนที่ไม่ได้รู้เรื่องวิชาแพทย์เลย แล้วจะไปเก่งกาจกว่าพวกเขาได้อย่างไร? พวกหมอบอกว่านี่เป็นโรคประหลาด ยังมีคนมาพลิกตำราโบราณสมัยก่อนดูด้วย บอกว่าเคยมีบันทึกไว้ มีโรคที่ผู้ป่วยกลัวแสง ผิวหนังขาวผิดปกติ ไม่เหมือนมนุษย์"มีโรคคนเผือกบางประเภท ที่เป็นได้เช่นนี้จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวอย่างที่หมอค้นออกมาน่าจะเป็นโรคคนเผือกแต่ของท่านเฟิงจวินนี้ไม่ใช่"หมอยังบอกว่า ในเมื่อเป็นโรคประหลาดที่ผิวเปลี่ยนเป็นสีขาว เช่นนั้นเฟิงจวินก็ควรจะน่าจะเป็นโรคคล้ายๆ กัน เพียงแต่ทำไมผิวจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเทียน ยังต้องหาสาเหตุจากอีกหลายๆ ด้าน ตระกูลโม่เชิญคนมาไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเชิญคนมาตรวจในจวน ในเรือน อาหารการกิน เสื้อผ