"เจ้าสังหารแม่นางเจี๋ยไปแล้วใช่ไหม?" ฮู่เจียไท่อันที่จริงยังคิดว่าอาจจะมีความโชคดีอยู่ คิดว่าบางทีคนที่ตายไปอาจจะไม่ใช่แม่นางเจี๋ยแต่ว่าเขากลับไม่รู้เลย ว่าประโยคถามตรงๆ นี้ของเขา ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง นั่นคือคนที่ควบคุมกู่ทะลวงใจในร่างกายแม่นางเจี๋ย คนที่ลอบจับตามองพวกเขาอยู่ตลอดนั้นไม่ใช่ฮู่เจียไท่ไม่เช่นนั้นคงรู้ไปนานแล้วว่าแม่นางเจี๋ยตายอย่างไรฟู่จาวหนิงไม่ได้ตอบเขา เดินออกไป ยื่นมือไปคล้องข้อมือเขา จับชีพจรให้แก่เขาฮู่เจียไท่คิดจะสะบัดมือนางออก แต่กำลังภายในเขาถูกเซียวหลันยวนทำลายไปแล้ว ตอนนี้ยังถูกดจุดชีพจรไว้อีก ขยับตัวไม่ได้เลยเซียวหลันยวนเองก็กังวลว่าจะวุ่นวายรู้ๆ อยู่ว่าฮู่เจียไท่มีสภาพเช่นนี้แล้ว แต่ก็ยังกังวลฟู่จาวหนิงพอเข้าใกล้เขาแล้วจะมีอันตราย"เจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า?""หุบปาก ท่านเงียบหน่อยได้ไหม? ข้าไม่อยากจะบีบถามอะไรท่านเสียหน่อย แต่ท่านก็เอาแต่แหกปากปาวๆ ไม่หยุดเสียที"ประโยครังเกียจขนาดนี้ของฟู่จาวหนิงทำเอาฮู่เจียไท่หน้าแดงก่ำเขากระทั่งยังรู้สึกว่าถูกทำให้อัปยศเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าตัวตนฐานะของเขาความสามารถของเขา จึงไม่คู่ควรให้นางต่อมาไ
ฮู่โม่ไม่อยากจะเรียกเขาว่าท่านลุงแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าฮู่เจียไท่ฟังแต่คำพูดของแม่นางเจี๋ยคนนั้น แล้ววางยาพิษกับผู้นำตระกูลฮู่ เขาก็เตะโด่งฮู่เจียไท่ออกจากอาณาเขตแล้วคนที่โหดเหี้ยมไร้จิตใจเช่นนี้ เขายอมตัดทิ้งไม่เอาดีกว่า"ได้ อันที่จริงข้าก็ไม่มีอะไรจะถามเขาเหมือนกัน" ฟู่จาวหนิงคิดๆ แล้วก็เห็นด้วยฮู่เจียไท่กลับหน้าเปลี่ยนสีถึงตอนนี้เขาก็เพิ่งจะพบว่าตนเองไม่กล้าสู้หน้าท่านพ่อยิ่งไปกว่านั้น เขายังคิดว่าต่อให้ท่านพ่อถูกอ๋องเจวี้ยนช่วยเหลือกลับมาในจวนอ๋อง ก็น่าจะอยู่รอดได้ไม่นานแล้ว เพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก แล้วยังถูกวางยาพิษอีก อายุปูนนั้นแล้วจะทานทนไหวได้อย่างไร?เขาคิดมาตลอดว่าผู้นำตระกูลฮู่ตอนนี้คงตายไปแล้วคิดไม่ถึงเลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังสติแจ่มใสอีกด้วย? แล้วยังอยากเจอเขาอีก?"ข้าไม่พบ มีอะไรน่าพบกัน?"ฮู่เจียไท่คัดค้านทันทีฮู่โม่หัวเราะเย็นชาขึ้นที่ประตู "ทำไมหรือ รู้สึกไม่มีหน้าไปพบท่านตาหรือ? ประหม่าหรือไร? กล้าทำไม่กล้ารับสินะ?""เสี่ยวโม่ ข้าเป็นผู้อาวุโสเจ้านะ เจ้ามาพูดกับข้าเช่นนี้หรือ?!""ถุด!"ฮู่โม่ถ่มน้ำลายออกมาเสียงหนึ่ง ไม่อยา
ถ้าไม่ใช่เขากำลังพูดเรื่องสังหารพ่อตนเองอยู่ ฟู่จาวหนิงก็เกือบจะหัวเราะพรวดออกมาแล้วฮู่โม่ทนไม่ไหว สาวเท้าพุ่งออกไป ง้างมือขึ้นตบฉาดไปที่หน้าเขา"ฮู่เจียไท่สมองของท่านถูกแมลงกู่กินไปแล้วหรือ! ท่านเห็นท่านพ่อบาดเจ็บหนัก ยังไม่พูดเรื่องไม่ช่วยเขา แต่นี่ยังซ้ำดาบลงไปที่เขาอีกหรือ? เรื่องนี้ท่านยังปั้นหน้าพูดออกมาได้อีก? ใต้หล้าทำไมจึงมีคนที่ไร้ยางอายอย่างท่านอยู่กัน?"พรวดฮู่เจียไท่กระอักเลือดสดถ้าไม่ใช่ท่านปู่ยังมีเรื่องจะถาม ฮู่โม่คงจัดการฟาดเขาจนตายไปแล้วผู้นำตระกูลฮู่หลับตาลง ตอนที่ลืมตาขึ้นก็ตารื้นฮู่โม่มองเขา กัดฟันเอ่ยขึ้น "ท่านพ่อ ท่านก็มองว่ามีลูกชายน้อยลงไปคนหนึ่งเถิด ท่านยังมีพ่อของข้าอยู่ อาสามอาสี่พวกเขา แล้วก็ยังมีพี่น้องอย่างพวกข้าด้วย"จะให้คนเช่นนี้มาเป็นคนในตระกูลไม่ได้ ไม่ใช่นนั้นคงได้โมโหจนตายแน่"รู้แล้ว ข้าแค่อยากถามเขา ว่าตอนนั้นหลังจากที่ภรรยาของพี่ใหญ่มาถึงเมืองหลวงแล้วล้มป่วย ต่อมาทนต่อได้ไม่นานนางก็ตายไป นี่เกี่ยวข้องกับแม่นางเจี๋ยไหม?"ท่านผู้เฒ่าฮู่ถามคำถามที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเกินคาดออกมาคำถามหนึ่งใครเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจู่ๆ จะถามอดีตฮู
เซียวหลันยวนตอนที่กลับมาก็ผ่านช่วงอาหารเย็นไปแล้วฟู่จาวหนิงเขียนหนังสืออยู่ในห้องหนังสือเรือนเจียนเจียตอนที่เขาเข้ามาเห็นนางกำลังจรดพู่กัน แสงเทียนจุดสว่าง ส่องใบหน้านางจนราวกับชุบแสงเอาไว้ชั้นหนึ่ง ทั้งดูสวยงามทั้งอ่อนโยนน้ำค้างแข็งที่ติดตัวเข้ามาจากด้านนอกแต่เดิมละหลายหายไปหมดในพริบตาเดียวเซียวหลันยวนไม่อยากให้นางออกห่างจากจวนอ๋องเลยตอนนี้เขาเพิ่งจะได้รู้ถึงข้อดีของการแต่งงาน การที่มีนางอยู่"กลับมาแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามอง จากนั้นก็วางพู่กันในมือลงหงจั๋วเองก็ตามเข้ามา "ท่านอ๋องกินข้าวเย็นแล้วหรือยังเพคะ?""กินมาแล้ว"หลังจากเซียวหลันยวนตอบกลับคำหนึ่งก็มองไปทางฟู่จาวหนิง "เจ้ายังไม่ได้กินหรือ?" ถามจบก็หันหน้ามองไปทางหงจั๋ว "พระชายารอข้าอยู่รึ?""ท่านเลิกคิดไปได้เลย ข้าต้องกินแล้วสิ ใครจะรู้ว่าต้องรอท่านกลับมาตอนไหน" ฟู่จาวหนิงตอบหงจั๋วตอบกลับเสียงแผ่ว "ท่านอ๋อง อันที่จริงพระชายารออยู่พักหนึ่งแล้ว แต่เห็นท่านอ๋องไม่กลับมาเสียทีเลยกินไปก่อน"นางตอบแทนพระชายให้ ว่าพระชายาก็รออยู่ เพียงแต่ไม่ได้รอจนมืดขนาดนี้"ข้าผิดเอง หลังจากนี้ถ้ายังไม่กลับมากินข้าว ก็ส่งคนไป
เซียวหลันยวนตอนนี้จึงเพิ่งเฉลยฟู่จาวหนิงตะลึงงัน"ดังนั้นจึงรู้สึกว่าน่าจะใช้งานได้มาตลอด พวกนางใช้เวลาหลายปีไปศึกษาค้นคว้าสิ่งนี้ ตอนนี้น่าจะเป็นพวกนางที่รู้มากกว่า" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ข้าให้พวกนางมาดูหน่อยแล้วกัน ว่าเสื้อผ้านี้เป็นของจวน""ท่านคิดไกลขนาดนี้เชียวหรือ?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นเขาจะคิดไว้มากขนาดนี้"หลายปีก่อน ร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่มีแรงจะทำอะไร เรื่องอื่นๆ ก็ทำไม่ไหว ทำได้แค่เอาเรื่องที่คิดออกมาคิดอีกรอบ" เซียวหลันยวนตอบ"เช่นนั้นก็ให้พวกนางดูเถิด ให้โอกาสพวกนางได้ไถ่โทษเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงพยักหน้าเซียวหลันยวนเรียงชิงอีเข้ามา อธิบายไปสองสามคำชิงอีหยิบภาพนั้นแล้วไปหาไป๋ซวงกับจินเสวี่ยทันทีหงจั๋วรินน้ำชาร้อนเข้ามา เซียวหลันยวนดื่มไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังกระดาษบนโต๊ะฟู่จาวหนิงด้านบนเขียนชื่อคนเอาไว้ส่วนหนึ่ง และยังวาดภาพที่เกี่ยวข้อง"วันนี้ไปพบฮู่เจียไท่มาหรือ?""อืม ข้าเพิ่งรู้ว่า ฮูหยินใหญ่ฮู่ที่จากไปแล้วตอนที่มายังเมืองหลวงในอดีตน่าจะรู้ความลับอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ถูกวางยาพิษ ข้าลองถามผู้เฒ่าฮู่อย่างละเอียดแล้ว ว่าตอนนั้นอาการป่วยของ
"ลัทธิเทพทำลายล้าง ชื่อเสียงเลื่องลือฉาวโฉ่เน่าเหม็น"เซียวหลันยวนมองนางเช่นนี้ก็อดอยากจะไปปลอบนางไม่ได้ "จากที่ข้าตรวจสอบมา ตอนนั้นความฉลาดและสติปัญญาของฟู่จิ้นเชิน ถ้าว่าตามหลักการไม่มีทางถูกคนหลอกไปเข้าลัทธิอะไรเป็นแน่"ตอนนั้นฟู่จิ้นเชินเป็นจอหงวน แล้วยังเป็นช่วงที่รุ่งโรจน์สง่างามมีอนาคตอีกด้วย แล้วยังเพิ่งจะแต่งงานกับคนที่รักอีก มีความหยิ่งทะนงอยู่ ไม่ใช่ว่าใครจะมาหลอกชักชวนแล้วก็กลายเป็นสาวกลัทธิอะไรแบบนั้นหรอกฟู่จาวหนิงถอนหายใจแผ่วเบา"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น""ทำไมหรือ ตอนนี้กลับกันแล้วหรือไร? ข้าหันมาปลอบเจ้า แต่ตัวเจ้าเองกลับจะไม่เชื่อพ่อแม่แล้วหรือ?"เซียวหลันยวนรู้สึกน่าขันหน่อยๆตัวเขาเองก็เหมือนเปลี่ยนไปแล้วก่อนหน้านี้พอพูดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน พอคิดถึงเรื่องที่ตนเองถูกวางยาพิษจนย่ำแย่ครั้งนั้น ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น พอคิดถึงพวกเขาสองคนก็รู้สึกแค่ว่าในอกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าแต่ว่าตอนนี้ เขากลับคิดอยากจะช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความผิดเสียแล้วเจตนาฆ่าเต็มอก ยังไม่ได้คุ้มค่ากับการที่นางต้องอารมณ์ไม่ดีพอพูดถึงสามีภรรยาฟู่จิ้นเชิน เขาตอนนี้ก็ถือว่าสงบลงมา
พวกเเขาตกลงกันเช่นนี้ รอหลังปีใหม่แล้วค่อยเดินทางนี่ก็เป็นการให้เวลาฟู่จาวหนิงไปพูดเรื่องนี้กับผู้เฒ่าฟู่ด้วยเช่นกันช่วงท้ายปีมาถึงอย่างรวดเร็วตอนที่ใกล้จะสิ้นปีก็มีหิมะใหญ่ตกลงมาครั้งหนึ่ง แค่คืนเดียวเมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นโลกหิมะขาวไปองค์จักรพรรดิก็คอยมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ อยู่เนืองๆ นี่ยังจัดงานเลี้ยงฤดูหนาวขึ้นมาอีก ให้เซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงเข้าวังด้วยกัน หาวิธีจะรู้ให้ได้ว่าสิ่งยืนยันสามชิ้นนั้นคืออะไรเซียวหลันยวนจึงนำสิ่งยืนยันสองชิ้นตรงหน้าให้เขาดูไม่มีสิ่งยืนยันชิ้นที่สาม เพียงแต่พอเห็นของสองชิ้นนี้แล้วก็ยังเดาอะไรไม่ออก องค์จักรพรรดิเองก็ไม่มีหน้าไปถามเขาตรงๆ ว่าสิ่งนี้จะเอาไปใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร สุดท้ายจึงสะกดลงมาไม่ถามชั่วคราว"ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวอะไร แล้วให้คนมาจับตาจวนอ๋องเจวี้ยนไว้ หากเขามีการเคลื่อนไหวก็ให้ตามไป อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น"ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นนกกระจอกที่อยู่ด้านหลังตั้กแตนที่จับหนอนแมลงเองหลังจากกำหนดแผนการนี้ องค์จักรพรรดิก็ไม่รีบร้อนฟู่จาวหนิงคืนสิ้นปีนี้อยู่ที่บ้านตระกูลฟู่เซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวก็ดื่มสุราแก้
ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงหน้าประตู กระทืบหิมะที่รองเท้า ตบเสื้อผ้า ได้ยินเสียงของเขา พูดว่า "ท่านปู่ เช่นนั้นท่านก็คงไม่รู้จริงๆชื่อเสียงไม่ดีนั่นน่ะลือออกไปตั้งนานแล้ว""ลือออกไปแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่ตกตะลึงไป"ใช่แล้ว ฟู่เจียวเจียวเอาไปพูดภายนอก บอกว่าข้าขโมยขาไก่ของนางกิน แล้วยังแอบกินไข่ไปอีกตั้งหลายใบ จนทำเอาให้คืนสิ้นปีนั้นของบ้านพวกเขามีแต่ข้าวต้มกับผักดอง แล้วก็น้ำแกงอีกนิดหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็คิดเรื่องเหล่านี้ออกแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่บ้านเหล่านั้นยังอยู่ที่นี่ ช่วงนั้นวันวันก็วุ่นวายกันไปหมดจริงๆยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงยังถูกพวกเขาทำลายไปนานแล้วด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่มีคนจากบ้านอื่นมาสู่ขอนางได้อย่างไรกัน?ถึงอย่างไรด้วยหน้าตาเช่นนี้ของนาง ต่อให้ตระกูลฟู่จะยากจน แต่ก็ต้องมีคนไม่น้อยมาชอบนางบ้างตอนที่การหมั้นหมายของนางกับรัฐทายาทชินอ๋องเซียวยังไม่ได้พูดกันออกไป ก็ยังไม่มีใครเข้ามาพูดเรื่องสู่ขอ หรือว่านั่นจะเป็นเพราะพวกบ้านอื่นเอาชื่อเสียงของนางไปลือจนย่ำแย่หรือเปล่านะ?บอกว่านางกินเก่งแต่ขี้เกียจ อะไรก็ไม่ทำสักอย่าง อยู่ในบ้านยังคอยลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังชอ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ