อันชิงคิดไม่ถึงเลยว่าจะปิดบังพี่ชายไว้ไม่ได้ ทำได้แค่พยักหน้า"พี่หญิงจาวหนิงก็ให้ข้าไม่ต้องรีบร้อน นางจะส่งคนไปช่วยข้าตรวจสอบ"อันเหนียนพบว่า น่าจะเพราะฟู่จาวหนิงพูดอะไรไว้ ดังนั้นอันชิงตอนนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย จิตใจยังดูผ่อนคลายเขาควรจะขอบคุณฟู่จาวหนิงแล้วก็ตามคาด น้องสาวได้มาพบกับฟู่จาวหนิงนี่ถือเป็นพรสูงสุดของนางจริงๆ"ท่านพี่ องค์หญิงหนานฉือไปพบจักรพรรดิแล้วหรือ?" อันชิงเองก็เข้ามาหาข่าวเพราะเรื่องนี้เช่นกัน "องค์หญิงหนานฉือสวยมากไหม? องค์จักรพรรดิคิดจะให้ได้ดองกับอ๋องเจวี้ยนจริงหรือ?"อันเหนียนหัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่"เจ้าถามมารวดเดียวตั้งหลายคำถาม แล้วข้าต้องตอบข้อไหน?""บอกมาก่อนว่าองค์หญิงหนานฉือสวยกว่าพี่หญิงจาวหนิงไหม?"อันเหนียนหัวสมองมีภาพของฟู่จาวหนิงขึ้นมา"ท่านพี่?"อันชิงเห็นเขานิ่งไปพักหนึ่ง จึงผลักเขาเบาๆอันเหนียนได้สติกลับมา "องค์หญิงหนานฉือก็สวยอยู่ แต่ว่า เจ้าคิดว่านางจะดูดีกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไหม?""ไม่มีทาง ในใจข้า พี่หญิงจาวหนิงคือคนที่งามที่สุดในใต้หล้าแล้ว" อันชิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเลอันเหนียนหัวเราะ ไม่พูดอะไรอีกอันชิงเหมือนเข
ไทเฮาส่ายหัว "หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น รู้สึกแต่ในใจมันกลัดกลุ้มไปหมด"สงบใจลงไม่ได้เลยคืนนี้ ฟู่จาวหนิงกลับหลับอย่างสบายเรื่องที่นางต้องเตรียมตัวก็เตรียมไว้หมดแล้ว เรื่องที่ต้องจัดการก็จัดการหมดแล้ว แค่รอให้เรื่องวางเรียบร้อย สุขภาพของเซียวหลันยวนมั่นคงขึ้นมาหน่อย นางก็จะเดินทางไปต้าชื่อแล้ว ตอนนี้ที่หวังไว้ก็คือขอให้ราบรื่น อย่าให้เกิดอะไรผิดพลาดก็พอแน่นอน ร่างกายของนางตอนนี้ก็ยังต้องปรับตัวให้ดี ถึงอย่างไรถัดจากนี้ก็ยังต้องเร่งเดินทางคงจะเหนื่อยเอามากๆระหว่างทางถ้าป่วยไป ต่อให้นางเป็นหมอเองแต่ก็คงจะรู้สึกแย่มากดังนั้นสิ่งที่นางควรกินก็กินควรดื่มก็ดื่ม ควรนอนก็นอนให้ดี พักผ่อนให้ดี สะสมกำลังวังชาท่านผู้เฒ่าฟู่พอเห็นนางเป็นเช่นนี้กลับไม่กังวลเลย แต่กลับเป็นกังวลฟู่จาวเฟยแทนฟู่จาวเฟยหลังจากปิดประตูนั่งเสียใจอยู่วันหนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็ไปเคาะประตูห้องเขา"ท่านพี่"ฟู่จาวเฟยเปิดประตูให้นาง น้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาเองก็แดงเถือกเขาเห็นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ที่ประตู ก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่าตนเองเสียใจไปแล้ววันหนึ่ง เช่นนี้พี่สาวกับท่านปู่คงจะกังวลเขากระมัง?ฟู่จาวเฟยรู้สึกไม่ค่อยสงบ เงยหน
เซียวหลันยวนเองก็เข้ามาแล้ว"สวมชุดที่เป็นแสงไหลนั่นเถอะ" เขาพอเข้ามาก็เห็นสองสาวใช้กำลังเลือกชุดออกมาให้ฟู่จาวหนิงดู จึงเอ่ยปากขึ้นฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกประหลาดใจ "ไม่ต้องสวมพวกชุดพิธีของพระชายาอะไรพวกนั้นแล้วหรือ?"ถึงอย่างไรก็เข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวัง ครั้งที่แล้วเข้าวังนางสวมเข้าไปก็กำเริบเสิบสานพอควร ไม่ได้ทำตามขนมธรรมเนียมเท่าไร แต่ตอนนี้มีองค์หญิงหนานฉืออยู่ด้วย ก็รู้สึกว่าควรจะสวมให้เป็นทางการหน่อยดีกว่าไหม?นางมองเซียวหลันยวน ชายคนนี้อยู่ในชุดคลุมผ้าฝ้ายสีม่วงปักทอง เข็มขัดทองหม่น บนชุดคลุมผ้าฝ้ายปักมังกรหกกรงเล็บไว้ น่าจะเป็นชุดทางการของท่านอ๋องในแคว้นเจาแล้วนางไม่ต้องสวมหรือ?พอได้ยินนางถามเช่นนี้ หงจั๋วกับเฝิ่นซิงก็ล้วนมองไปทางเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงได้สติกลับมาทันทีดังนั้นนี่หมายความว่าอะไร "ท่านคิดว่าข้าไม่ควรสวมหรือ?"อันที่จริงก็มีชุดราชสำนักของนางอยู่ แต่เซียวหลันยวนไม่ให้สาวใช้นำมาให้นางใส่?"ข้า""ข้าไม่คู่ควรกระมัง?" ฟู่จาวหนิงสองมือกอดอก เอนตัวไปข้างโตีะ เชิดคางเล็กๆ ใส่เขาหงจั๋วกับเฝิ่นซิงรู้สึกว่าท่าทางขอนี้ของนางเหมือนกำลังจะทะเลาะกันยกใหญ่แล้วสาว
"แล้วต่อมาทำไมถึงไม่เผาทิ้งเสียล่ะ?""ลืมไปแล้ว เรื่องมันเยอะมากจนลืมเรื่องนี้ เดิมทีรู้สึกว่าเจ้าเองก็ไม่น่าจะสวมชุดนี้ด้วย"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็รู้สึกน้อยใจหน่อยๆเขารู้สึกจริงๆ ว่าฟู่จาวหนิงไม่น่าจะสนใจเรื่องนี้ น่าจะไม่คิดจะสวมชุดราชสำนักพระชายานี้ด้วย ถึงอย่างไรตอนแรกนางก็เอาแต่พูดว่าจะหย่ากับเขา"แล้ววันนี้ถ้าไม่ใส่แล้วจะไม่ถูกกับธรรมเนียมเอาหรือ?"พอหลังจากได้ยินว่าชุดถูกแก้เป็นรูปร่างซ่งอวิ๋นเหยา ฟู่จาวหนิงก็ไม่อยากจะใส่แล้ว"บางทีฮองเฮาอาจจะพูดอะไรใส่บ้าง แต่เจ้าก็ไม่ต้องไปกลัวนาง" เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว "มารยาทในราชสำนักจริงๆ ก็สั่งให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้ว แต่คงเร็วมากไม่ได้ น่าจะต้องรอให้เจ้ากลับมาจากต้าชื่อเสียก่อน"พอนางกลับมาจากต้าชื่อ ก็ไม่รู้ว่าจะยอมสวมชุดราชสำนักพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้กับเขา มายืนอยู่ข้างกายเขาให้ไหม"เช่นนั้นข้าก็สวมชุดที่เป็นแสงไหลก่อนแล้วกัน"ชุดนั้นจริงๆ คือสวยมาก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เองก็สูงกว่าตอนที่ใส่ครั้งที่แล้วหน่อยด้วย จะต้องยิ่งเข้ากับกระโปรงตัวนั้นแน่ฟู่จาวหนิงกำลังเตรียมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็คิดอะไรออกขึ้นม
"ระวัง!"เซียวหลันยวนพอได้ยินการเคลื่อนไหวด้านหลังก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว ร่างของฟู่จาวหนิงก็โถมเข้ามาแล้วเขายื่นมือไปกอดนางอย่างรวดเร็ว แต่เพราะฟู่จาวหนิงล้มลงมาเร็วเกินไป เขายังไม่ได้อาบน้ำยาในขั้นตอนนี้เสร็จ ตอนนี้ร่างกายจึงยังอ่อนแอหน่อยๆ พริบตาที่กอดนาง หัวเข่าของฟู่จาวหนิงก็งัดเข้ามาบนขาของเขา ทำเอาเขาอ่อนยวบ"ผัวะ"ทั้งสองคนล้มลงไปบนพื้นด้วยกันเซียวหลันยวนเป็นเบาะรองให้ฟู่จาวหนิง สองมือยังกอดนางไว้แน่นฟู่จาวหนิงอย่บนตัวเขา หัวเข่าตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บอยํูความเจ็บปวดนี้ทำให้นางแอบรู้สึกไม่ค่อยดีหัวเข่าเจ็บ นั่นเป็นเพราะกระแทกไปบนจุดชีพจรจุดหนึ่งบนขาเซียวหลันยวน แล้วตอนที่ล้มหัวเข่านางก็แทงไปที่จดนั้นพอดีหลายวันนี้เซียวหลันยวนอาบน้ำยาอยู่ และกระดูกในร่างกายก็ถูกคุณสมบัติทางยาเปิดออก นางก่อนหน้านี้ยังกำชับเขาไว้ว่าช่วงนี้จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ สลักคำว่า "ห้ามใช้วิชายุทธ์" "ห้ามออกกำลังหนัก" ไว้ในเลือดไปเลย คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตอนนี้นางจะมาล้มทับเขา!"เซียวหลันยวน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงหลังจากตั้งตัวกลับมาก็พลิกออกจากตัวเขาอย่างระมัดระวัง มองเขาอย่างตึงเค
ตอนนี้บาดเจ็บเข้าแล้ว แล้วยังฟื้นฟูไม่ได้เร็วอีกด้วย"ทำอย่างไรดี? ท่านอาจจะเดินไม่ได้ถึงสามวันเลย" ฟู่จาวหนิงรู้สึกผิดจนไม่รู้จะขอโทษอย่างไรแล้วช่วงสำคัญเช่นนี้ คนเขายังต้องเข้าวังอีกนะเซียวหลันยวนไม่เคยเห็นฟู่จาวหนิงดูรู้สึกผิดขนาดนี้มาก่อนเห็นท่าทางนี้ของนางเขากลับรู้สึกว่าน่ารักดี ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จาวหนิงแบบนี้ยังดูมีความเป็นมนุษย์กว่าหน่อย รู้สึกใกล้ชิดกับเขาขึ้นมาอีกหน่อยปกติแน่นอนไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่นางทำอะไรก็ดีไปเสียทุกเรื่อง แข็งแกร่ง เก่งกาจ ดูแล้วทำเป็นมันทุกอย่าง สิ่งนี้ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตนเองต้องพยายามอย่างมาก ถึงจะสามารถยืนอยู่ข้างกายนางได้อย่างมั่นใจยอดเยี่ยมเกินไป เจิดจ้าเกินไปตอนนี้ในที่สุดนางก็ดูมีความเป็นหญิงแล้ว มีความลนลานอยู่ไม่สุขที่หญิงสาวอายุประมาณนี้ควรจะมีเซียวหลันยวนมองแล้วดูสดใหม่เหลือเกิน และยังรู้สึกใจอ่อนเอามากๆตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกชอบฟู่จาวหนิงขึ้นไปอีกหลายเท่าหลังจากนี้ถ้าพวกเขาอยู่ด้วยกัน เขาจะแย่ให้นางแสดงสีท่าทีอย่างนี้ออกมาบ้าง คงจะสนุกน่าดู"สามวันเดินไม่ได้หรือ?" เขาจงใจทำสีหน้าแข็งทื่อ จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองขาตนเอง นิ่งงั
ห้องคลังของเซียวหลันยวนใหญ่โตมาก มีลัง ตู้วางอยู่เต็มไปหมด แล้วยังเห็นชั้นที่เป็นช่องตารางใส่ยาบางส่วนอีกด้วยแม้ในลังในชั้นวางอะไรไว้จะมองไม่เห็น แต่ฟู่จาวหนิงใช้แค่นิ้วเท้าก็ยังคิดออก ที่นี่จะต้องมีของวางอยู่ไม่น้อยแน่นอนไม่แน่ว่าพวกตราประทับแคว้นเจาที่ไท่ซ่างหวงให้มาพวกนั้นก็อาจจะเก็บอยู่ที่นี่เซียวหลันยวนจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆถ้าเป็นของทั่วไปเขาไม่จำเป็นต้องซ่อนไว้ในห้องลับนี้ วางเอาไว้ด้านนอกได้เลยลังเหล็กสิบกว่าลังที่นำกลับมาจากตงฉิงวางกองไว้อยู่มุมหนึ่งของห้องฟู่จาวหนิงเดินตรงไปกล่องใหญ่ใบนั้นใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับไว้ นางเองก็รู้อยู่เปิดฝาออก ฟู่จาวหนิงก็ย้ายเสื้อผ้าเครื่องประดับที่วางซ้อนกันด้านในออกมาทีละชุด หลายชุดที่อยู่ด้านบนล้วนดูสูงค่าทรงสง่า มีความน่าเกรงขามอหังการ แดงล้วนกับทองล้วนสองสี ทอแสงสดใสนี่คือชุดคลุมจักรพรรดิของตงฉิง ต้องไม่เหมาะแน่ๆรื้อต่ำลงไป ฟู่จาวหนิงมือก้ลูบไปเจอความอ่อนนุ่มลื่นเย็น พอเพ่งตาดู เป็นชุดกระโปรงผ้าไหมอ่อนนุ่มชุดหนึ่ง สีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยไข่มุก ไหมเงินปักหยกขาวไว้ สุกสกาวทรงสง่านางยกกระโปรงขึ้นมา กางออกเบาๆ ด้านบนมีผ้าแพรนุ่
ยิ่งไปกว่านั้นบนชุดกระโปรงยังประดับเต็มไปด้วยอัญมณีไข่มุก ดูสูงสง่าอย่างมาก แล้วยังขับเด่นฟู่จาวหนิงสุดๆ อีกด้วยหงจั๋วกับเฝิ่นซิงตะลึงงันไป"พระชายา สวยมากจริงๆ""ใช่เลย ชุดกระโปรงนี้สวยยิ่งกว่าชุดแสงไหลนั่นเสียอีก"ฟู่จาวหนิงโบกแขนเสื้อเบาๆ "เย็นสบายมากเลย"จะสวยแค่ไหนนางไม่ได้สนใจมากนัก หลักๆ คือไม่รู้ว่าเนื้อผ้าคืออะไร หลังจากสวมแล้วทั้งเบานุ่มและระบายลมดี เย็นสบายสุดๆ"กระทั่งข้าน้อยยืนอยู่ที่นี่ยังรู้สึกว่าเย็นสบายเลย""ใช่เลยใช่เลย มองแล้วรู้สึกเย็นสดชื่อเหมือนน้ำทะเลสาบเลย"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเองก็ทอดถอนใจชื่นชมไม่ขาดปาก"ยิ่งไปกว่านั้นชุดกระโปรงนี้พระชายาใส่แล้วกลับพอดีเลย" หงจั๋วเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด พอเห็นเช่นนี้ เซวียนหยวนซือตอนอายุยังน้อยน่าจะพอพอกับนางรอจนนางแต่งหน้าเสร็จ ยืนขึ้นหน้ากระจก หงจั๋วตาเคลิบเคลิ้มไปแล้ว"พระชายาเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าน้อยเคยเห็นมาจริงๆ"สวยเพริศพริ้งเอามากๆฟู่จาวหนิงเองก็เตรียมจะติดของบางส่วนไป พอได้ยินก็ยิ้ม "ปากหวาน"แต่ตอนนี้เองนางก็อดคิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาไม่ได้ และไม่รู้ว่าทางฝั่งองค์หญิงหนานฉือจะเป
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ