ห้องคลังของเซียวหลันยวนใหญ่โตมาก มีลัง ตู้วางอยู่เต็มไปหมด แล้วยังเห็นชั้นที่เป็นช่องตารางใส่ยาบางส่วนอีกด้วยแม้ในลังในชั้นวางอะไรไว้จะมองไม่เห็น แต่ฟู่จาวหนิงใช้แค่นิ้วเท้าก็ยังคิดออก ที่นี่จะต้องมีของวางอยู่ไม่น้อยแน่นอนไม่แน่ว่าพวกตราประทับแคว้นเจาที่ไท่ซ่างหวงให้มาพวกนั้นก็อาจจะเก็บอยู่ที่นี่เซียวหลันยวนจะต้องร่ำรวยมากแน่ๆถ้าเป็นของทั่วไปเขาไม่จำเป็นต้องซ่อนไว้ในห้องลับนี้ วางเอาไว้ด้านนอกได้เลยลังเหล็กสิบกว่าลังที่นำกลับมาจากตงฉิงวางกองไว้อยู่มุมหนึ่งของห้องฟู่จาวหนิงเดินตรงไปกล่องใหญ่ใบนั้นใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับไว้ นางเองก็รู้อยู่เปิดฝาออก ฟู่จาวหนิงก็ย้ายเสื้อผ้าเครื่องประดับที่วางซ้อนกันด้านในออกมาทีละชุด หลายชุดที่อยู่ด้านบนล้วนดูสูงค่าทรงสง่า มีความน่าเกรงขามอหังการ แดงล้วนกับทองล้วนสองสี ทอแสงสดใสนี่คือชุดคลุมจักรพรรดิของตงฉิง ต้องไม่เหมาะแน่ๆรื้อต่ำลงไป ฟู่จาวหนิงมือก้ลูบไปเจอความอ่อนนุ่มลื่นเย็น พอเพ่งตาดู เป็นชุดกระโปรงผ้าไหมอ่อนนุ่มชุดหนึ่ง สีน้ำเงิน ตกแต่งด้วยไข่มุก ไหมเงินปักหยกขาวไว้ สุกสกาวทรงสง่านางยกกระโปรงขึ้นมา กางออกเบาๆ ด้านบนมีผ้าแพรนุ่
ยิ่งไปกว่านั้นบนชุดกระโปรงยังประดับเต็มไปด้วยอัญมณีไข่มุก ดูสูงสง่าอย่างมาก แล้วยังขับเด่นฟู่จาวหนิงสุดๆ อีกด้วยหงจั๋วกับเฝิ่นซิงตะลึงงันไป"พระชายา สวยมากจริงๆ""ใช่เลย ชุดกระโปรงนี้สวยยิ่งกว่าชุดแสงไหลนั่นเสียอีก"ฟู่จาวหนิงโบกแขนเสื้อเบาๆ "เย็นสบายมากเลย"จะสวยแค่ไหนนางไม่ได้สนใจมากนัก หลักๆ คือไม่รู้ว่าเนื้อผ้าคืออะไร หลังจากสวมแล้วทั้งเบานุ่มและระบายลมดี เย็นสบายสุดๆ"กระทั่งข้าน้อยยืนอยู่ที่นี่ยังรู้สึกว่าเย็นสบายเลย""ใช่เลยใช่เลย มองแล้วรู้สึกเย็นสดชื่อเหมือนน้ำทะเลสาบเลย"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงเองก็ทอดถอนใจชื่นชมไม่ขาดปาก"ยิ่งไปกว่านั้นชุดกระโปรงนี้พระชายาใส่แล้วกลับพอดีเลย" หงจั๋วเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาด พอเห็นเช่นนี้ เซวียนหยวนซือตอนอายุยังน้อยน่าจะพอพอกับนางรอจนนางแต่งหน้าเสร็จ ยืนขึ้นหน้ากระจก หงจั๋วตาเคลิบเคลิ้มไปแล้ว"พระชายาเป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าน้อยเคยเห็นมาจริงๆ"สวยเพริศพริ้งเอามากๆฟู่จาวหนิงเองก็เตรียมจะติดของบางส่วนไป พอได้ยินก็ยิ้ม "ปากหวาน"แต่ตอนนี้เองนางก็อดคิดถึงองค์หญิงหนานฉือขึ้นมาไม่ได้ และไม่รู้ว่าทางฝั่งองค์หญิงหนานฉือจะเป
ยังจำตอนงานเลี้ยงครั้งที่แล้วได้ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาสามีภรรยาพอปรากฎตัว ก็งามสะพรั่งไปทั้งงานครั้งนี้พวกเขาก็คาดหวังไว้สูงเช่นกันเดิมคิดว่าจะเห็นอ๋องเจวี้ยนจูงมือพระชายาเดินเคียงมาด้วยกัน แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือ คนที่เดินเข้ามามีเพียงพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนเดียวนางดูสง่างาม ตอนที่เดินเข้ามาชุดสีฟ้าบนตัวก็ราวกับตะวันเฉิดฉายกลางนภา เพียงพริบตาก็ทำให้คนรู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างไสว ดูผ่อนคลายสบายๆตอนเริ่มรู้สึกว่าผ่อนคลายสบาย แต่พอมองอย่างละเอียด ก็พบว่ามันดูหรูหราอย่างมาก!ด้ายเงินบนกระโปรง ประดับไว้ด้วยอัญมณีไข่มุก ระหว่างที่นางเดินก็เปล่งแสงที่น่าหลงใหลออกมามีคนมองออกถึงความพิเศษ"ชุดกระโปรงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน เหมือนจะแตกต่างจากที่พวกเราเห็นกันบ่อยๆ นะ"ชุดกระโปรงนี้ขับเด่นทรวดทรงท่อนบน แล้วยังขับช่วงเอวออกมาด้วย แตกต่างกับชุดกระโปรงพันหน้าอกหน้าร้อนของพวกนาง มองแล้วยิ่งเผยรูปร่างออกมาอย่างแจ่มชัดคอเสื้อไขว้นั้นเห็นได้บ่อย แต่ที่รวบเอวขึ้นสูงก็ทำให้กระโปรงดูยาวเอามากๆ ขับเด่นให้คนดูตัวสูงขึ้นพอควรดูมีบุคลิกอย่างมากพอเห็นชุดกระโปรงปลิวสยายยังรู้สึกได้ว่าเนื้อผ้าเบามาก ดึง
ตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนยังเป็นชายหนุ่มอยู่ครั้งนั้นก็มีข่าวลือเป็นระลอกๆ แต่เพราะตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนกลับมาแค่ไม่กี่วัน และไม่ได้เปิดเผยหน้าตาเท่าไรนัก ไม่นานก็กลับยอดเขาโยวชิงไป ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ลือต่อตอนนี้มีคนคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง ก็ยิ่งตกตะลึงไป"หลายปีมานี้ใบหน้ายังต้องพันผ้าไว้อีกหรือ? นี่มันเน่าเฟะมาโดยตลอด หรือก็คือถ้าไม่พันไว้จะมาพบปะผู้คนไม่ได้เลยสินะ?""คงจะน่ากลัวมากกระมัง?"ไม่ใช่คนทั้งหมดที่จะกล้าวิพากษ์วิจารณ์อ๋องเจวี้ยน เพียงแต่มีบางส่วนที่อยู่ห่างออกไปหน่อย นั่งอยู่ในหลืบมุม รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนน่าจะไม่ได้ยิน ถึงได้กล้าพูดเสียงเล็กกันออกมา"ข้าเองก็รู้สึกเป็นไปได้มากว่าใบหน้านั้นคงจะน่ากลัวมาก ไม่เช่นนั้นตัวตนฐานะอย่างอ๋องเจวี้ยน หล่อเหลาขนาดนี้ ต่อให้มีแค่แผลเป็นเล็กๆ ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไร ถึงอย่างไรก็มีคนอยากแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว แต่เจ้าลองคิดดู หลายปีมานี้ มีแค่ท่านอหญิงอวิ๋นเหยาที่อยากจะแต่งกับเขา ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่ท่านหญิงแล้ว แต่เป็นซ่งอวิ๋นเหยา"การคาดเดาเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกใกล้เคียงความจริงยังมีอีกหนึ่งความจริง..."อ๋องเจวี้ยนนั่งเกี้ยวเบาถู
"ทุกคนกำลังมองท่านเช่นนี้ ท่านเห็นสายตาของฮูหยินใหญ่โม่ไหม?"ฟู่จาวหนิงเห็นฮูหยินใหญ่โม่แล้ว นางเข้าไปอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน เอ่ยกับเขาแผ่วเบา"นั่นต้องเป็นสายตาเห็นใจข้าแน่ๆ""เห็นใจเจ้า?" เซียวหลันยวนเหลือบมองออกไป เต็มไปด้วยพลานุภาพ ทำเอาคนเหล่านั้นล้วนต้องหันหน้าออกไม่มองมาทางเขาอีกเอาแต่จ้องตลอดแบบนี้มันชัดเจนเกินไปแล้วถ้าหากอ๋องเจวี้ยนพบว่าพวกเขารู้สึกว่าเขาน่าเวทนา พิการไปแล้ว และแทบจะเดินมาจนถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว คงจะกระตุ้นถึงเขามากเลยกระมัง?ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าสบตากับอ๋องเจวี้ยนที่สำคัญที่สุดคือ ถ้ามองมาตลอดก็คงจะอดมองไปยังครึ่งใบหน้าที่พันอยู่นั้นไม่ได้แน่นอนแล้วก็อดมองที่ขาเขาไม่ได้ด้วยเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงเย็นชา"พวกเขาน่าจะรู้สึกว่าไม่ควรเรียกข้าว่าอ๋องเจวี้ยน น่าจะเรียกอ๋องพิการมากกว่า" คำว่าพิการของพิกลพิการ พิการอ่อนแอ โรคพิการ พิการทางใบหน้าถึงอย่างไรก็คือพิกลพิการนั่นล่ะ"ฮูหยินใหญ่โม่พวกนางก็น่าจะรู้สึกว่าข้าน่าจะใกล้อยู่เป็นม่ายแล้ว" ฟู่จาวหนิงเหล่ยิ้มๆแค่กๆเซียวหลันยวนพอได้ยินคำนี้ก็คิดฟุ้งซ่านทันที "พวกเราตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรกันเ
ฟู่จาวหนิงไม่ได้ปิดบังฮูหยินใหญ่โม่แต่ว่าฮูหยินใหญ่โม่ก่อนหน้านี้ก็รู้เรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยนอยู่ ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก นางกระทั่งรู้สึกว่าถ้าไม่มีฟู่จาวหนิง อ๋องเจวียนตอนนี้คงจะออกมานอกบ้านไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวไปแล้วดังนั้นนางจึงรุ้สึกว่าฟู่จาวหนิงบางทีอาจจะเพระาไม่สะดวกพูดความจริง"ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง เกรงว่าองค์จักรพรรดิจะสร้างความลำบากให้เอา" ฮูหยินใหญ่โม่คิดแทนฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจ"ข้ารู้แล้ว ขอบคุณฮูหยินมาก"ฮูหยินใหญ่โม่ไม่กล้าพูดอะไรมากกับฟู่จาวหนิง ทำได้เพียงเดินจากไปอย่างกังวล"โต๊ะที่นั่งจัดเตรียมเสร็จแล้ว ขอให้ทุกท่านเคลื่อนตัวไปยังโถงงานเลี้ยง" คนมีในวังเข้ามาเชิญพวกเขาผู้คนก็เชิญให้อ๋องเจวี้ยนนำไปก่อนอ๋องเจวี้ยนแน่นอนว่าไม่เกรงใจ กวักกวักมือ องครักษ์สองคนข้างๆ ก็ยกเกี้ยวเบาขึ้นมาอีกครั้ง เขาบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายา ไปเถอะ พวกเราไปนั่งที่โต๊ะอาหารกัน"รอจนอ๋องเจวี้ยนออกไป คนอื่นๆ จึงตามขึ้นมาเพราะวันนี้อากาศร้อนแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จึงจัดที่ตำหนักฮวาเซียวตำหนักฮวาเซียวเปิดประตูได้ทั้งสี่ด้าน เสาระเบียงด้านนอกแขวนม่านบ
ฟู่จาวหนิงเองก็สายตาลุกวาวเสียเช่นกันถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่อำนวย นางคงจะผิวปากออกมาแล้วเอ้อ เหมือนจะดูนักเลงหน่อยๆ แฮะ นางลูบปลายจมูกเบาๆแต่ก็รู้สึกสนใจกับปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนขึ้นทันที นางมองไปทางเขา และก็เห็นเซียวหลันยวนกำลังมององค์หญิงหนานฉือขึ้นมาจริงๆๆ สายตานั่นดูจะลึกซึ้งหน่อยๆฟู่จาวหนิงตกตะลึงไปครู่หนึ่งชั่วขณะหนึ่ง นางเองก็บอกไม่ถูกว่าตนเองตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรก่อนหน้านี้นางเคยรู้สึกว่า การชื่นชมต่อความงามเป็นสัญชาตญาณของคนทุกคนอยู่แล้ว และเป็นเรื่องที่ปกติ ดังนั้นต่อให้ทั้งสองคนจะมีคู่รักแล้ว แต่การชื่นชมต่อความงามของคนอื่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่ตอนนี้เซียวหลันยวนมององค์หญิงหนานฉือ แต่นางกลับรู้สึกปวดร้าวเล็กๆ หรือ?นางอยากจะยื่นมือออกไปแล้วแบะหน้าเขาออกอย่างนั้นหรือ?นางแปลกไปหรือเปล่า?เซียวหลันยวนยื่นนิ้วชี้ จิ้มลงไปที่หลังมือนาง เอ่ยขึ้นเสียงต่อ "ทำอะไรน่ะ? จะแบะนิ้วตัวเองออกหรือ?"เขาแค่เหลือบมององค์หญิงหนานฉือผาดเดียว ก็ไม่ใช่ขนาดว่าองค์หญิงหนานฉือหน้าตาอย่างไรก็ไม่รู้ องค์หญิงหนานฉือนั่นงดงามกว่าที่เขาคาดไว้จริงๆ แต่เห็นคนงามขนาดนี้ ในใ
ตรงข้ามคือเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงดวงตาของนางเบิกโพลง สีหน้าชะงักด้วยความสนใจ"องค์หญิงหนานฉือเดินทางมาไกล แล้วยังนำน้ำใจมาให้กับแคว้นเจาอีก เหล่าขุนนางที่รักยิ่ง มา ข้าจะชูแก้วขึ้นพร้อมพวกท่าน ต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ"องค์จักรพรรดิยกแก้วสุราขึ้นมาก่อน คนอื่นเองก็ชูแก้วยืนขึ้นมา"ยินดีต้อนรับองค์หญิงหนานฉือ องค์หญิงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทางเสียแล้ว"คนทั้งหมดล้วนพูดขึ้นพร้อมกัน ชูกแก้วสุราขึ้นเคารพตอนที่คนทั้งหมดลุกขึ้นยืน มีอ๋องเจวี้ยนเท่านั้นที่ไม่ยืน ฟู่จาวหนิงเดิมทีก็คิดจะยืน แต่เซียวหลันยวนกุมมือของนางไว้ ไม่ให้นางลุกขึ้นนางจึงแค่ชูแก้วขึ้นเซียวหลันยวนไม่ยกแก้วด้วยซ้ำ มือหนึ่งกุมฟู่จาวหนิงไว้ มืออีกข้างยันโต๊ะไว้ กดลงไปที่หน้าผากทำท่าเหมือนยังไม่ทันดื่มสุราแต่ก็ทนฤทธิ์สุราไม่ไหวแล้วอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วเหมือนคนที่ป่วยหนักเอามากๆโต๊ะนี้ของพวกเขาก็ชัดเจนเป็นพิเศษองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นมาทันที"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน พวกเจ้าทำไมไม่เคารพองค์หญิงล่ะ? องค์หญิงเป็นแขกคนสำคัญที่เดินทางมาไกลเลยนะ"แต่ว่า พอเขาเห็นหน้าตาฟู่จาวหนิงอย่างชัดเจนก็อดตกตะลึงไม่ได้ฮองเฮาเ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ