"ไปรับสาวใช้คนนั้นมาหรือขอรับ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?"เซียวหลันยวนสายตาประดุจใบคมมีด ฟาดผ่าออกไป"ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้! พระชายาท่านอย่าเพิ่งโกรธเลย ท่านกินข้าวก่อนเถิด"ชิงอีรีบวิ่งออกไปคนของตระกูลเสิ่นจะต้องคิดว่าพวกเขาบ้าแน่ๆ ส่งคนไปแปปเดียว ไม่ทันไรก็กลับมารับแล้วก็นั่นล่ะ พวกเขาบ้าไปแล้วพอเห็นเซียวหลันยวนให้ชิงอีไปรับเสี่ยวชิ่น ไฟโกรธของฟู่จาวหนิงก็เหมือนจะลดลงมาหน่อยแล้วนางมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนที่เห็นหน้ากากนั่นก็เกือบจะพูดออกมาอีกแล้ว แต่ก็ยั้งไว้ทันถึงอย่างไรเขากับนางก็ขีดเส้นกั้นแล้วนี่ เมื่อครู่ยังไม่ยอมออกจากห้องทะเลาะกับนางข้ามกำแพงอยู่เลย ถ้านางพูดมากไปจะกลายเป็นยุ่งไม่เข้าเรื่องหรือเปล่า?เซียวหลันยวนตอนที่นางมองเข้ามาก็เอียงหน้าหน่อยหนึ่งแม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เขาก็ยังคิดจะเบี่ยงครึ่งหน้านั้นออกด้วยสัญชาตญาณ"ท่านอ๋อง ข้ามาขอข้าวกินด้วย" ชิ่งอวิ๋นเซียวนั่งลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเปิดไหสุราที่กอดไว้นั่นออก กลิ่นสุราที่รุนแรงลอยออกมาทันทีกระทั่งเซียวหลันยวนยังอดเอียงมองไม่ได้ "นี่คือสุราที่พวกเจ้าจะใช้ในพิธีหรือ?""ก็แค่สุราที่อยากจะให้องค์หญิงใ
หลังจากเข้าใจเรื่องที่สวนตระกูลเสิ่นชัดเจนแล้ว ในใจเซียวหลันยวนก็สำนึกเสียใจขึ้นมาดังนั้นเขาที่เขาเพิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงไปล่ะ? นั่นมันอะไรกัน?เซียวหลันยวนรู้สึกว่าหน้าของตนเองเจ็บหน่อยๆ ไม่ใช่เพราะแผลเป็นพิษ แต่รู้สึกเหมือนถูกตบจนชา"เรื่องนี้" เขามองไปทางหลานหรงที่อยู่ไม่ห่างออกไปนักหลานหรงใจสั่นวาบ "ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น""นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ คิดว่าตระกูลเสิ่นคงถูกเล่นงานจนตั้งตัวแทบไม่ทัน" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอ่ยขึ้น อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับตระกูลเสิ่น ยังคิดว่าตระกูลเสิ่นเชิญฟู่จาวหนิงให้เดินทางไกลนับพันลี้มาต้าชื่อเสียอีก เพื่อมารักษาไท่ไท่อาวุโสเรื่องนี้ก็ปกติดี ถึงอย่างไรเสิ่นเสวียนก็ไปแคว้นเจามาแล้ว และวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงก็ดีเสียขนาดนั้นแต่ว่าตอนนี้จุดสำคัญของเซียวหลันยวนไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเสิ่นเป็นอย่างไร ที่เขาคิดตอนนี้ก็คือ จะขอโทษฟู่จาวหนิงอย่างไรต่างหากหนึ่งคือเขาไม่ใช่แค่ไม่สนใจเรื่องตระกูลเสิ่น สองคือเขายังเข้าใจผิดฟู่จาวหนิงด้วยเรื่องนี้อีก"รีบไป" เขาพูดกับหลานหรง จากนั้นก็เสริม
"ไม่มีนะ นางไม่ได้ห้ามข้าเลย แล้วก็ไม่พูดว่าไม่ดีเลยสักคำด้วย หลังจากออกมายังชมข้าอยู่เลย เหอะๆ ท่านอ๋อง ท่านต้องเรียนรู้อย่างข้าบ้าง ข้ารู้สึกว่าข้ายังปลอบพระชายาได้อยู่นะ""ให้เจ้าไปปลอบหรือ? นั่นเป็นพระชายาของเจ้าไหม?" เซียวหลันยวนตอบกลับโดยไม่ต้องคิดชิ่งอวิ๋นเซียวก็หุบปากลงทันทีนี่ปากเร็วไปเสียแล้ว"กินเสร็จก็กลับไปเถอะ อย่ามาเอาแต่พึ่งข้า"ชิ่งอวิ๋นเซียวเบ้ปากอ๋องเจวี้ยนนี่ถือว่าข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานหรือเปล่า? ทำไมมาไล่เขาไปเสียแล้วล่ะ?"เอาเถอะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน"ชิ่งอวิ๋นเซียวออกประตูไป ก็เห็นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ใต้ชายคา แหงนหน้ามองพระจันทร์พระจันทร์คืนนี้ดูสว่างเป็นพิเศษ แสงจันทร์สาดลงมา พร่างพราวอยู่บนใบหน้าฟู่จาวหนิง ส่องจนใบหน้านางราวกับเป็นหยกขาวอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังดูมีแสงประกายเย็นอยู่อีกชั้นหนึ่งด้วยพริบตานี้ หัวใจของชิ่งอวิ๋นเซียวก็ถูกกระแทกมาทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่งดงามจริงๆเขาเข้าใจบ้างแล้วเหมือนกันว่าทำไมซือถูไป๋ที่รู้ว่านางเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยวางถึงอย่างไรซือถูไป๋ก็รู้ ว่าการแต่งงานของสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน
กอดความคาดเดาต่างๆ นานาไว้ เสี่ยวชิ่นทั้งตกตะลึงทั้งหวาดกลัวไร้ที่พึ่ง ร้องไห้ไปหนึ่งชั่วยามจนตอนนี้ปวดตาไปหมดแล้วจนกระทั่งฟู่จาวหนิงกุมมือนางมั่น บอกกับนางว่าไม่ต้องกลัว นางจึงรู้สึกว่าใจของตนเองสงบลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองชิงอีที่ก้มหน้าม่อย จากนั้นก็หันไปมองเซียวหลันยวน "แล้วข้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม?"ไม่สนแล้ว ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน"แน่นอน""เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านอ๋องมาก"ฟู่จาวหนิงดึงเสี่ยวชิ่นออกไป "ไปเถอะ กลับไปจะจัดการดวงตาเจ้าให้"เสี่ยวชิ่นถูกนางดึงจึงรีบเดินตามไปตัวตนอ๋องเจวี้ยนอยู่ตรงนั้นอย่างแรงกล้า ยืนอยู่ที่นั่นแม้จะไม่พูดจา แต่นางก็มองข้ามไม่ได้เลยทว่าตอนนี้นางหวาดกลัวอ๋องเจวี้ยนอยู่หน่อยๆ กระทั่งจะเหลือบมองเขาก็ยังไม่กล้า ทำได้แค่ก้มหน้าเดินอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิงพอเห็นว่านางตกใจเสียขนาดนี้ ตาก็ยังร้องไห้จนดูไม่ได้ ฟู่จาวหนิงก็ยิ่งรู้สึกว่าเซียวหลันยวนนี่แย่จริงๆกระทั่งชิงอี นางเองก็ไม่สบอารมณ์ไปด้วย"เสี่ยวชิ่น เจ้ากินอะไรมาหรือยัง?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัว นางจะกินลงได้อย่างไรกัน?ไม่ใช่แค่กินไม่ลง ตกใจอยู่นานสองนาน ขนาดน้ำก็ยังไม
"ขอรับ"ชิงอีรีบไปจัดการ เรื่องนี้เขาต้องไปจัดการเอง เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงออกถึงความจริงใจของเขาหลานหรงกลับมองแผ่นหลังอ๋องเจวี้ยนที่เดินเข้าห้องไปพลางถอนหายใจพวกเขาก็แค่เป็นห่วงท่านอ๋องเท่านั้น เป็นห่วงว่าเขาจะจมดิ่งเพราะปัญหาเรื่องหน้าตาท่านอ๋องยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากับพระชายาอย่างไรเลยเซียวหลันยวนหลังจากเข้าห้องไปก็ยังไม่สงบใจลงมา เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวชิ่นจะพูดอะไรกับฟู่จาวหนิงบ้างคิดถึงจุดนี้ ในใจเขาสั่นกึก หมุนตัวออกประตูไปทันทัน ปลดปล่อยวิชาตัวเบาพุ่งแฉลบไปยังฟู่จาวหนิงทางนั้นอย่างเงียบเชียบ"ไม่ต้องตามมา"หลานหรงเดิมทีคิดจะตามไป พอได้ยินประโยคนี้ก็ทำได้แค่หยุดเท้าลงฟู่จาวหนิงพอเสี่ยวชิ่นกลับไปที่ห้อง พวกของสืออีก็ส่งข้าวส่งชาเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีน้ำร้อนมาให้อีกด้วย"ประคบตาเอาไว้ก่อน ร้องไห้เสียขนาดนี้คงจะเจ็บน่าดูเลย จะเอาแต่ใช้ผ้ามาเช็ดน้ำตาตลอดไม่ได้นะ"ถ้าเช็ดต่อผิวได้ถลอกแน่เสี่ยวชิ่นฟังคำของนาง ดื่มชาไปแก้วหนึ่ง เอนตัวบนแคร่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคมดวงตา มุมปากเองก็เกร็งเม้ม ดูแล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยและตึงเครียดอยู่ฟู่จาวหนิงนั่งลงมาข้างนาง"เสี่ยวชิ่น
อ๋องเจวี้ยนเป็นสามีของนางจริงไหม?"ตอนนี้น่ะใช่" ฟู่จาวหนิงตอบ อืม อย่างน้อยก็ยังไม่ได้หย่ากันนี่นะ เขาเองก็ไม่ได้คิดจะเลิกกับนางด้วย"ฮือ..."พอได้ยินคำตอบของฟู่จาวหนิง เสี่ยวชิ่นก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ร้องไห้ทำไมกันล่ะ?""นายท่านรุ้ไหม? นายท่านเคยเจออ๋องเจวี้ยนไหม?""เคยสิ เขารู้อยู่แล้ว""ไม่ นายท่านจะต้องไม่เคยเห็นอ๋องเจวี้ยนในสภาพนี้แน่ ข้าน้อยเมื่อครู่เห็นอ๋องเจวี้ยนใส่หน้ากากอยู่!""อืม เขาก่อนหน้านี้ก็ใส่หน้ากากตลอดจริงๆ""คุณหนู แล้วใครกันที่มาทำร้ายท่านเช่นนี้? ทำไมจึงให้ท่านแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน? ท่านไม่กลัวใบหน้าของเขาหรือ? ยิ่งไปกว่นั้นเขายังไม่ดีกับท่านด้วย!"เสี่ยวชิ่นครั้งนี้พอเจอเซียวหลันยวนก็เกือบชีวิตจะหาไม่ ดังนั้นภาพจำจึงเป็นความหวาดกลัวจากที่นางเห็น อ๋องเจวี้ยนน่ากลัวมาก หน้าตาน่ากลัว อารมณ์เองก็เย็นชา คนเช่นนี้จะดีกับคุณหนูได้อย่างไร?เสี่ยวชิ่นเป็นห่วงฟู่จาวหนิงจริงๆ"คุณหนูท่านเป็นคนดี เป็นคนอ่อนโยน ดีเสียขนาดนี้ ทำไมจึงยอมรับการแต่งงานนี้กัน?" เสี่ยวชิ่นร้องไห้สะอึกสะอื้น ปวดใจเหลือเกิน "ไท่ไท่อาวุโสล้วคิดอยากจะแนะนำชายหนุ่มดีดีของต้าชื่อใ
"จะว่าไป เจ้าเองก็รู้จักข้ามานานแค่ไหน? เจ้ารู้ว่าข้ากับเขาแต่งงานกันอย่างไรไหม?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัวอย่างงงงัน"เจ้ารู้ไหมว่าพวกเราเจอกันอย่างไร?""เจ้าทำไมถึงมั่นใจนักว่าเขาไม่คูควรและปกป้องข้าไม่ได้?""เจ้าไม่ใช่ข้าเสียหน่อย เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะตกใจกับหน้าตาของเขาเหมือนเจ้าหรือไม่? เจ้าทำไมถึงมั่นใจนัก ว่าข้ารู้สึกน่าสงสารขนาดนี้?""เจ้าไม่รู้อะไรเลยถูกไหม? เจ้าก็แค่รู้สึกของเจ้าไปเอง คิดไปเอง แต่เขาเป็นสามีของข้า ไม่ใช่ของเจ้า"ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา "ต่อให้เป็นพ่อแม่ข้า ก็ไม่มีคุณสมบัติจะใช้ความคิดของตนเองมาส่งผลกระทบกับการเลือกของข้า แล้วเจ้าเป็นใครกัน?"คำพูดนี้พูดถึงจุดหลักๆ เสี่ยวชิ่นก็ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น"คุณหนู ข้าน้อยไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น""ดังนั้นข้าหวังว่าคำพูดเช่นนี้จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง" ฟู่จาวหนิงมองสภาพตัวสั่นงันงกของนาง ก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนที่นางเห็นเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ตกใจกลัวมากขนาดไหนสำหรับเซียวหลันยวนแล้ว น่าจะกระทบกระเทือนจิตใจมากแต่ในใจนางก็ยังรู้สึกสงสัยตอนแรกที่นางจาดมา ใบหน้าของเซียวหลันยวนยังไม่ถึงกับน่ากลัวขนาดนี้กระมัง? เ
หลานหรงพอเห็นฟู่จาวหนิงเข้ามา ในใจก็ลิงโลดพระชายายังไม่วางใจท่านอ๋องสินะ? เพราะเขาเห็นฟู่จาวหนิงสะพายกล่องยามาด้วยเช่นนี้ในใจท่านอ๋องก็คงจะดีขึ้นบ้างแล้วเมื่อครู่ท่านอ๋องออกไปพักหนึ่ง หลังจากกลับมาก็เข้าห้องปิดประตู กลิ่นอายทั้งตัวทำเอาคนสันหลังวาบจนไม่กล้าเข้าใกล้ต่อให้ไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง ก็ยังรู้ว่าอารมณ์ของเขาดิ่งวูบแค่ไหน"พระชายาท่านมาแล้ว"หลานหรงยกเสียงสูง หวังว่าท่านอ๋องในห้องจะได้ยิน"ท่านอ๋องของพวกเจ้าล่ะ?"ฟู่จาวหนิงมองประตูห้องที่ปิดสนิท"ท่านอ๋องอยู่ในห้องขอรับ..."พอสิ้นเสียงหลานหรง พวกเขาก็เห็นแสงเทียนที่ลอดออกมาจากหน้าต่างกระดาษดับลงทันที ในห้องมืดลงทันควันครึ่งประโยคหลังของหลานหรงจุกอยู่ตรงคอไม่ใช่สิ ท่านอ๋อง ท่านทำอะไรเนี่ย?ฟู่จาวหนิงเองก็ถูกท่าทีของเซียวหลันยวนทำให้โมโหเสียแล้ว"เซียวหลันยวน ข้ายังเป็นหมอของท่านนะ ข้าจะเข้าไปจับชีพจร แล้วรักษาต่อ!"นางพอคิดถึงการทำร้ายต่อตัวเขาของเสี่ยวชิ่น ก็รู้สึกว่าตนเองยอมถอยให้ก้าวหนึ่งได้ ดังนั้นต่อให้จะโกรธ ก็ยังอดระงับไฟโกรธในใจแล้วพูดออกมา"ไม่ต้อง ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ" ในห้องมีเสี
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ