หลังจากเหตุการณ์ที่ทิชาเข้ามาสร้างแรงกดดันในที่ทำงาน ปลายฝันก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น เธอพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ให้ใครเข้ามาโจมตีได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรของทิชาที่คอยจับจ้องเธออยู่เสมอ ทว่าท่ามกลางความอึดอัดนั้น ปลายฝันกลับรู้สึกได้ถึงความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่มีเหตุผล ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาดใจ
เช้าวันหนึ่ง ปลายฝันเดินทางมาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่เช่นเคย เมื่อมาถึงโต๊ะทำงาน เธอก็พบว่าโปรแกรมออกแบบที่เธอใช้เป็นประจำเกิดปัญหา เปิดใช้งานไม่ได้ แม้จะพยายามแก้ไขอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่ได้ผล ปลายฝันถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด เพราะโปรแกรมนี้สำคัญต่องานที่เธอกำลังทำอยู่มาก เธอตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากแผนก IT
ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากโต๊ะทำงาน เธอก็เห็นภาคินัยเดินผ่านมาทางแผนกพอดี เขาไม่ได้มองมาที่เธอ แต่เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาที่อยู่สุดทางเดิน ปลายฝันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อย เธอรีบก้มหน้าลงแกล้งทำเป็นมองเอกสาร เพื่อไม่ให้เขาสังเกตเห็นว่าเธอกำลังแอบมองเขาอยู่
เวลาผ่านไปไม่นาน ปลายฝันก็กลับมาจากแผนก IT ด้วยสีหน้าผิดหวัง เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที และต้องใช้เวลาตรวจสอบอีกครั้ง ปลายฝันกลับมานั่งที่โต๊ะด้วยความกังวลใจ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะงานที่ได้รับมอบหมายต้องเสร็จภายในบ่ายนี้
เธอพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเองอีกครั้ง เธอกดคลิกไปมาบนหน้าจออย่างหมดหวัง และในขณะที่เธอกำลังจะถอดใจ จู่ๆ โปรแกรมออกแบบที่เคยมีปัญหาก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ปลายฝันเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เธอพยายามนึกว่าใครเป็นคนมาช่วยแก้ไขให้เธอ แต่ก็ไม่มีใครเดินมาที่โต๊ะของเธอเลยตลอดเวลาที่เธอไปแผนก IT หรือนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอเหลือบมองไปยังห้องทำงานของภาคินัย ประตูยังคงปิดสนิทเหมือนเดิม
"แปลกจัง..." ปลายฝันพึมพำกับตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนมีใครบางคนแอบมาช่วยเหลือเธอ แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ ปลายฝันรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนช่วย แต่ความรู้สึกขอบคุณก็ก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ
ในวันต่อมา ปลายฝันได้รับมอบหมายให้เตรียมเอกสารสำหรับโครงการพิเศษที่ต้องใช้ข้อมูลจากแผนกอื่นเป็นจำนวนมาก เธอใช้เวลาทั้งวันไปกับการรวบรวมข้อมูลและประสานงานกับแผนกต่างๆ ซึ่งทำให้เธอเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก กว่าจะรวบรวมเอกสารได้ครบก็เป็นเวลาค่ำแล้ว เธอรีบจัดเรียงเอกสารทั้งหมดใส่แฟ้ม เพื่อนำไปส่งให้คุณชลดาในเช้าวันรุ่งขึ้น
ขณะที่ปลายฝันกำลังเดินออกจากบริษัท เธอก็สังเกตเห็นว่าวันนี้ลิฟต์ตัวที่เธอใช้เป็นประจำเสีย และลิฟต์ตัวอื่นๆ ก็มีคนรอคิวยาวเหยียด ปลายฝันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เธอไม่อยากเสียเวลาไปกับการรอคิวลิฟต์ จึงตัดสินใจเดินลงบันไดแทน
เธอเดินลงบันไดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงชั้นล่างสุด และในจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากบันได เธอก็สะดุดเข้ากับขั้นบันไดที่ชำรุด ทำให้ร่างของเธอเซถลาไปข้างหน้า แฟ้มเอกสารในมือหลุดร่วงลงพื้น และเอกสารกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
"โอ๊ย!" ปลายฝันอุทานด้วยความเจ็บปวด เธอเสียหลักล้มลงไปนั่งกับพื้น ข้อเท้าแพลงเล็กน้อย
ขณะที่ปลายฝันกำลังพยายามลุกขึ้นและเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น จู่ๆ ก็มีมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาช่วยเก็บเอกสารเหล่านั้น ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมอง และในวินาทีนั้นเอง ภาพที่เห็นก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที
ภาคินัย กำลังนั่งคุกเข่าลงข้างเธอ และช่วยเก็บเอกสารเหล่านั้นอย่างเงียบๆ ใบหน้าคมคายของเขายังคงดูนิ่งเฉยเช่นเคย แต่แววตาของเขากลับฉายแววห่วงใยเล็กน้อย ปลายฝันรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่เขามาอยู่ที่นี่ และยิ่งประหลาดใจมากขึ้นที่เขาลงมาช่วยเธอเก็บเอกสารด้วยตัวเอง
"คุณภีม!" ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ เธอไม่คิดว่าจะเจอเขาในสถานการณ์แบบนี้
ภาคินัยไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่เก็บเอกสารเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว และยื่นให้ปลายฝัน
"ขอบคุณมากค่ะคุณภีม" ปลายฝันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เล็กน้อย เธอรู้สึกเขินอายที่เขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้
ภาคินัยพยักหน้าเล็กน้อย "ระวังด้วย" เขาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินจากไป ปล่อยให้ปลายฝันนั่งอยู่คนเดียวกับความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเขินอาย ประหลาดใจ และดีใจ
ปลายฝันมองตามหลังภาคินัยไปจนกระทั่งเขาเดินลับหายไป เธอหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา และพยายามลุกขึ้นยืน แต่ข้อเท้าของเธอยังคงเจ็บอยู่ เธอจึงตัดสินใจนั่งพักอยู่ตรงนั้นอีกครู่หนึ่ง
ไม่นานนัก ธามก็เดินผ่านมา เขาเห็นปลายฝันนั่งอยู่ตรงบันไดด้วยสีหน้าเจ็บปวด จึงรีบเดินเข้ามาหาทันที
"คุณปลายฝัน! เป็นอะไรไปครับ ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้" ธามถามด้วยน้ำเสียงกังวล
ปลายฝันยิ้มเจื่อนๆ "สะดุดล้มค่ะ ข้อเท้าแพลงนิดหน่อย"
ธามมองดูข้อเท้าของปลายฝันด้วยความเป็นห่วง "ไปหาหมอไหมครับ ให้ผมพาไป"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณธาม เดี๋ยวปายกลับบ้านไปประคบน้ำแข็งก็หายแล้วค่ะ" ปลายฝันปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
"ไม่ได้หรอกครับ ดึกแล้ว อันตรายด้วย" ธามเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านดีกว่าครับ"
เมื่อธามพูดแบบนั้น ปลายฝันก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของเขาได้ เธอพยุงตัวลุกขึ้นยืน โดยมีธามคอยประคองอยู่ข้างๆ
ระหว่างทางกลับบ้าน ธามชวนปลายฝันคุยเรื่องต่างๆ เพื่อให้เธอลืมความเจ็บปวด ปลายฝันรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับธาม เขาเป็นคนใจดีและเป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจ
เมื่อรถมาถึงหน้าบ้านของปลายฝัน ธามลงจากรถมาเปิดประตูให้เธอ และยังคงประคองเธอจนเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน
"ขอบคุณมากเลยนะคะคุณธาม ที่มาส่งปาย" ปลายฝันเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง
"ไม่เป็นไร" ธามยิ้มให้เธอ "พักผ่อนเยอะๆ นะ"
"ค่ะ"
ปลายฝันเดินเข้าบ้านไป พร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึกขอบคุณธามในความมีน้ำใจของเขา และก็อดที่จะคิดถึงภาคินัยไม่ได้ การที่เขาลงมาช่วยเธอเก็บเอกสาร และความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาแสดงออก ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
ปลายฝันเริ่มสังเกตเห็นว่าภาคินัยมักจะแอบช่วยเหลือเธอในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว เช่น การที่เขาส่งอีเมลแจ้งเตือนถึงกำหนดส่งงานสำคัญล่วงหน้า หรือการที่เขาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมออกแบบใหม่ๆ โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ บางครั้งเธอก็พบว่าเอกสารที่เธอลืมไว้บนโต๊ะทำงาน ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หรือบางครั้งเธอก็ได้รับข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการที่เธอกำลังทำอยู่ ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามาจากไหน
ปลายฝันไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำสิ่งเหล่านั้นให้เธอ แต่ความรู้สึกดีๆ ที่เธอได้รับ ทำให้เธอรู้สึกว่ามีใครบางคนคอยเป็นห่วงและคอยช่วยเหลือเธออยู่เสมอ และความรู้สึกนั้นก็ทำให้เธอมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น และทำให้เธออดที่จะคิดถึงภาคินัยไม่ได้
แม้ว่าภาคินัยจะยังคงเป็นคนพูดน้อยและดูเย็นชา แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาแสดงออกอย่างเงียบๆ กลับทำให้ปลายฝันรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเขา ซึ่งยิ่งทำให้ความรู้สึกของปลายฝันที่มีต่อภาคินัยเริ่มเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ โดยที่เธอยังไม่ทันจะรู้ตัวว่าความรู้สึกเหล่านี้กำลังจะนำพาเธอเข้าสู่เรื่องราวที่ซับซ้อนและท้าทายยิ่งกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อทิชาเริ่มสังเกตเห็นความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันนี้
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ