บทที่ 1
ฉินหรูตายแล้ว
แคว้นเหลียง เมืองถงโจว
ค่ำคืนหนึ่ง กลางเดือนสิบเอ็ดเป็นช่วงฤดูหนาว
ภายในเรือนสาวใช้ของคฤหาสน์สกุลอวิ่น
ท่ามกลางความมืดสลัว หญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดเข่าตัวเอง ร่างกายสั่นเทิ้ม แผ่นหลังแนบติดผนัง สีหน้าตื่นกลัวในขณะที่มองเงาร่างสูงของบุรุษชุดดำที่ยืนตระหง่านตรงหน้า
สายตาของเขาเป็นประกายคมกริบ พอยืนหันหลังให้กับแสงจันทร์ ไม่ต่างอะไรกับภูตผีจากเมืองนรก
“ภรรยา เหตุใดเจ้าคิดจะสังหารข้ากันเล่า?”
“....”
นางสั่นศีรษะด้วยความหวาดกลัว
ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าจากหวั่นไหวเป็นบึ้งตึง พูดจาแดกดันนางด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ยาพิษของเจ้ารสชาติอย่างไร อร่อยหรือไม่”
หญิงสาวยกมือขึ้นกุมลำคอของตน ตอนนี้ลำคอของนางแสบร้อนเหมือนมีน้ำเดือดๆ ลวกอยู่ในนี้ ทั้งยังได้กลิ่นคาวของเลือดแล้ว
“ขะ ข้าผิดแล้ว...ชะ ช่วยข้าที”
หญิงสาวบีบน้ำตาอย่างน่าสงสาร
นางไม่อยากตาย ช่วยที ช่วยด้วย!
ทว่า...สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเย็นยะเยือกของชายตรงหน้า
แม้วิธีอ้อนวอนโง่ๆ จะใช้ได้ผลกับผู้ชายคนอื่น แต่มันทำให้เขาหลงกลไม่ได้สินะ
หญิงสาวกัดฟันกรอด อดทนต่อความทรมานจากพิษ และอดทนที่จะไม่สบถด่า แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว นางโพล่งออกไป
“สารเลว...เจ้ากลับมา...ทำไม...อึก!”
พิษได้แทรกซึมไปทั่วร่างของหญิงสาวแล้ว ทุกครั้งที่ขยับปาก เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกปากและจมูก
ก่อนที่นางจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางนัดเขาให้มาพบที่เรือนสาวใช้ วางยาพิษในน้ำชาตั้งใจฆ่าปิดปาก นั่นก็เพื่อไม่ให้เขาเผยความลับเรื่องของนางให้คนอื่นรู้
เป็นการกระทำโง่ๆ อย่างที่เขาพูดจริงๆ แต่วัวสันหลังหวะอย่างนางคิดได้แค่วิธีนี้เท่านั้น
ไม่รู้เขาใช้ลูกไม้อะไร คนที่ดื่มพิษกลับเป็นนาง!
ทุกครั้งที่นางกระอักเลือด สีหน้าของนางทุกข์ทรมานอย่างมาก แต่เขายืนอมยิ้ม มองดูนางที่กำลังจะตายด้วยแววตาซับซ้อน
เขากำลังคิดอะไรอยู่ นางไม่รู้เลย
“สามี...ใช่ เราเป็นสามภรรยากันไม่ใช่หรือ ข้าไม่อยากตายแบบนี้ เจ้าช่วยหาถอน...ให้ข้าที” หญิงสาวเปลี่ยนท่าทีแข็งกระด้างมาเป็นอ้อนวอนขอร้อง “ละ ลูก...ข้ากับเจ้ามีลูกด้วยกัน อย่างน้อย...อึก อั่ก”
นางคิดจะใช้ลูกเป็นยันต์ปกป้องตัวเองจากความตาย แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าแล้วพูดด้วยความเย็นชา
“เด็กคนนั้นข้าจะเลี้ยงดูเขาเอง...รวมถึงพ่อกับแม่ของเจ้าด้วย นับจากนี้เจ้ากับข้าลาขาด” ชายหนุ่มกล่าวอย่างไร้เยื่อไย
ว่าจบ ก็หันปลายเท้าไปที่ประตู ตั้งท่าเดินจากไป
ดวงตาของนางฉายประกายความสิ้นหวัง แต่ถึงอย่างนั้น ร่างกายกลับตอบสนอมโดยใช้แรงเฮือกสุดท้าย นางเอื้อมมือออกไปสุดแขน คว้าขากางเกงเขาราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย
ชายหนุ่มสะบัดเท้าหนี
หญิงสาวหงายหลัง ศีรษะชนเข้ากับผนัง
เขาปรายตามองนางอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนเดินออกห้องโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีกเลย
“ยะ อย่าไป”
หญิงสาวร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอร้องให้กลับมา
“…ช่วยด้วย…ข้า…ข้าขอโทษ”
แต่ชายหนุ่มเดินออกไปไกลแล้ว ไม่มีทางได้ยินเสียงของนาง
“ฮะ เฮงซวย สารเลว ไอ้คนเส็งเคร็งเอ๊ย...คนผิดไม่ใช่ข้า!!!”
นางด่าทอชายหนุ่มด้วยความเจ็บใจ
ผู้ชายคนนั้นคือสามีของนาง...
เมื่อสี่ปีก่อน เขาจากไปทำสงคราม ไม่มีใครรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่มีจดหมายจากเขาส่งกลับมาสักฉบับ
ครั้นพอสืบข่าวจากบ้าน ‘อดีตสามี’ พบว่าเขาหนีออกจากกองทัพ
โทษของการหนีออกจากกองทัพคือประหาร นางไม่อยากซวยไปด้วย ไม่ใช่แค่นั้น นางที่อุ้มท้องลูกของเขาต้องทนอับอายเพราะถูกตราหน้าว่าท้องลูกไม่มีพ่อ
นางเป็นเพียงคนธรรมดา หากเลือกเส้นทางได้ย่อมอยากอยู่อย่างสุขสบาย
หลังจากคลอดเด็กคนนั้น นางเปลี่ยนชื่อแซ่ หนีมาชุบตัวใหม่ที่เมืองถงโจว ตอนที่จับผู้ชายดีๆ ได้ เขาดันมาปรากฎตัวต่อหน้า
นางไม่ได้รักใคร่ผูกพันกับเขาตั้งแต่แรก ทั้งเขาก็ถูกตัดชื่อออกจากวงศ์ตระกูล ไม่ได้มีฐานะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเศรษฐีแล้ว ใครอยากจะกลับไปใช้ชีวิตลำบากลำบนกันเล่า!
หญิงสาวคิดด้วยความเจ็บใจ
แต่ต่อมา ความรู้สึกผิดก็ผุดขึ้นมากลางอก
ว่ากันว่า ความทรงจำในอดีตมักจะผุดเข้ามาในหัวก่อนที่คนเราจะตาย
ในยามนี้ภาพของทารกน้อย ภาพของพ่อแม่แก่ๆ ที่อยู่บ้านนอก ชีวิตอิสระสนุกสนานในวัยเด็ก ทุ่งนาสีเขียว บึงที่เต็มไปด้วยดอกบัวต่างผุดเข้ามาในหัวของนางไม่หยุด
นางก็แค่อยากมีชีวิตสุขสบายกับเขาบ้าง
“...ข้าไม่อยากตาย”
แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยินเสียงของนาง
เรือนนี้เป็นเรือนสาวใช้ก็จริง แต่ก็เป็นเรือนแยกสำหรับสาวใช้คนพิเศษ
หลังจากใช้ความพยายามจนได้เป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณชายใหญ่สกุลหนึ่ง นางยังใช้เสน่ห์มารยาทปีนขึ้นเตียงของเขาจนสำเร็จ คุณชายใหญ่มอบเรือนนี้ให้นาง เพื่อนางจะได้อยู่อย่างสบายและเป็นส่วนตัว ค่ำคืนนี้คุณชายใหญ่ไม่อยู่ นางจึงนัดผู้ชายให้มาหา ตั้งใจจะฝังเขาที่นี่ สุดท้ายคนที่ถูกพิษกลับเป็นนางเสียเอง
เรียกว่าเวรกรรมตามสนอง
หึ!
หญิงสาวแค่นหัวเราะอย่างทุกข์ทรมาน
แม้คิดว่าตายไปเสียแบบนี้ก็คงดี แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิต นางกลับสำนึกเสียใจสิ่งที่ตนทำผิดจนอยากย้อนเวลากลับไปเริ่มใหม่
“...แค่ก...พรวด!”
ข้าไม่อยากตาย
ทว่าหญิงสาวก็ฝืนสังขารต่อไม่ไหว พ่นเลือดออกมาคำโต ก่อนฟุบลงบนพื้นนอนแน่นิ่งภายในเรือนหลังเล็กอย่างโดดเดี่ยว
วาระสุดท้ายก่อนตาย ปากของนางขยับคำว่า ‘ขอโทษ’ ซ้ำไปซ้ำมา
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม