บทที่ 17
บ้านของเรา
เสิ่นหยางถูกคนบ้านเสิ่นเตะออกจากตระกูลแล้ว เขายังมีบ้านให้กลับด้วยหรือ
ฉินหรูคิดอย่างสงสัย
ในขณะเดียวกัน คำถามของหญิงสาวทำเอามุมปากของเสิ่นหยางกระตุกเล็กน้อย นางคงกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ ไม่สิ ต้องบอกว่านางไม่รู้เรื่องของเขาเลยถึงจะถูก
คิดแล้ว เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ลืมบอกเรื่องของตนให้นางฟัง
“คือว่า...”
เสิ่นหยางเปิดปากเตรียมอธิบาย
ทันใดนั้นเสียง จ๊อกกก ดังขัดจังหวะ
เสิ่นหยางกับฉินหรูก้มมองต้นตอของเสียง เห็นเจ้าตัวเล็กลูบท้องกลมๆ ของตัวเอง ทั้งใบหน้าเล็กยังแดงก่ำเหมือนกำลังเขิน
“หิวข้าว” อาเหยาเงยหน้าบอกท่านแม่
ฉินหรูยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหันมาพูดกับเสิ่นหยาง
“พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย ท่านเข้าบ้านมาก่อนสิ กินข้าวเสร็จแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยคุยกัน”
เสิ่นหยางพยักหน้าให้นาง ครู่ต่อมา เขากับอาเหยาก็เข้ามานั่งรอฉินหรูในบ้าน ส่วนนางอยู่หลังครัว ทำกับข้าว
เจ้าตัวเล็กลากตะกร้าของเล่นใต้โต๊ะออกมา
“ฮึบ”
ของเล่นของอาเหยา อาเหยาไม่เคยทิ้งเลย ท่านแม่ขยันทำงานมาก ซื้อของขนมกับของเล่นมาให้เยอะแยะ ดังนั้นในตะกร้าจึงมีของเล่นทั้งใหม่และเก่าปะปนกัน
ในขณะที่เด็กชายเลือกของเล่นออกจากตะกร้าทีละชิ้น เสิ่นหยางมองบ้านไม้เก่าๆ ที่เพิ่งซ่อมแซมใหม่
เป็นอย่างที่เซวียอวี้เจินบอกไว้ไม่มีผิด ฉินหรูตั้งใจทำงาน เก็บเงินซ่อมแซมบ้าน ดูแลลูกน้อย ที่ผ่านมานางคงลำบากไม่น้อยเลย
เขายังเคยคิดว่านางเป็นเด็กสาวทะเยอทะยาน เห็นแต่ได้ฝ่ายเดียว หลังจากเขาออกมาจากเสิ่น นางก็คงรีบหาสามีใหม่ทันที ไม่คิดเลยว่านางจะตั้งใจทำงาน หาเงินจุนเจือครอบครัว
เสิ่นหยางเอื้อมมือไปหยิบกังหันลมเก่าๆ ขึ้นมา ก่อนจะถามอาเหยา
“ท่านแม่ซื้อให้เจ้าหรือ”
ศีรษะเล็กๆ ผงกขึ้นลง “อือ”
เสิ่นหยางยื่นมือลูบศีรษะเล็ก
อาเหยาเงยหน้ามองบิดา กะพริบตาปริบๆ
ดวงตาของเด็กชายใสบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ก็มีส่วนคล้ายเสิ่นหยางด้วยเช่นกัน เห็นเด็กคนนี้ครั้งแรก เขาก็มั่นใจว่าอาเหยาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไม่ผิดแน่
“แม่ของเจ้า เลี้ยงดูเจ้าดีหรือไม่”
เจ้าตัวเล็กเอียงศีรษะ แม้ในใจสงสัยอยู่บ้าง แต่อาเหยาก็ตอบเสียงดัง
“อาเหยารักท่านแม่!”
ความหมายก็คือ ฉินหรูตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างดี
เสิ่นหยางยิ้มอ่อนโยนขณะมองเจ้าตัวเล็ก
บนตัวของเขาไม่ร่องรอยของการถูกตี
มารดาของเสิ่นหยางชื่อว่า ‘เฟิงเฟยกุ้ย’ เป็นภรรยาเอกสกุลเสิ่น แต่หลังจากที่คลอดเสิ่นหยางได้ไม่นาน นางก็สิ้นใจ จากนั้นหนิงลี่ก็เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นภรรยาเอกแทน นางไล่บ่าวของอดีตภรรยาเอกออกทั้งหมด
เสิ่นหยางที่ไม่มีใครเหลียวแลกลายเป็นตัวไร้ค่าและถูกทอดทิ้ง
ไม่เคยได้รับความรักของคนเป็นพ่อแม่ ทุกวันมีแต่คำว่าอดทนและอดทนเท่านั้น
โชคยังดี ยังเหลือบ่าวของท่านแม่คนหนึ่งที่ไม่ถูกไล่ออก
‘ลุงหม่า’ คือบ่าวขาเป๋ที่ใครต่อใครต่างมองว่าไร้ประโยชน์ เพราะอย่างนั้นหนิงลี่จึงให้ลุงหม่าทำงานในบ้านเสิ่นต่อ แต่สำหรับเสิ่นหยาง ลุงหม่าคืออาจารย์คนแรกที่สอนเขาหลายๆ อย่าง ทั้งวิธีเอาตัวรอดทั้งเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพร และนั่นคือสาเหตุที่เสิ่นหยางเอาชีวิตรอดกลับมาจากสนามรบ
ผ่านไปไม่นาน เสียงของหญิงสาวก็ตะโกนเข้ามา
“ข้าวเสร็จแล้ว!”
ก่อนหน้านี้ เสิ่นหยางเห็นว่าหลังบ้านมีโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่ง นางคงตั้งโต๊ะกินข้าวที่นั่น เขาลุกขึ้น จูงมือเจ้าตัวเล็กออกมาหลังบ้าน กับข้าวบนโต๊ะเรียบง่าย ผัดผักกาดขาวใส่ไข่กับข้าวต้ม ถึงอย่างนั้น เขากลับรู้สึกมื้อนี้ต้องเป็นมื้อที่อร่อยที่สุด
สามคนพ่อแม่ลูกนั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกัน
อาเหยาตักข้าวต้มเข้าปาก ตามด้วยผัดผักกาด เขาเคี้ยวคำโตดูเอร็ดอร่อยมาก
เสิ่นหยางยิ้มมองลูกชาย จากนั้นก็มองภรรยาด้วยสายตาลึกล้ำ
ฉินหรูรีบหลบสายตาชายหนุ่ม ก้มหน้ากินข้าว
ไม่เจอกันนาน นางคงทำอะไรไม่ถูก เขาคิด
หลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้ว ฉินหรูเก็บถ้วยชามไปล้าง อาเหยาที่ถือของเล่นติดมือมาด้วย ลงไปนั่งเล่นกับดิน ส่วนเสิ่นหยางเดินตามฉินหรูมา ด้วยอยากจะช่วยนางทำงานบ้าน
“อยู่เล่นกับอาเหยาเถอะ ตรงนี้ข้าทำเอง”
“ข้าอยากช่วยเจ้า”
ไม่พูดเปล่า เสิ่นหยางถลกแขนเสื้อสีดำขึ้น แล้วลงไปนั่งยองๆ หน้าอ่างล้างจาน ฉินหรูจนใจจะห้ามจึงปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ
“ไม่เจอกันสี่ปี ท่านเป็นคนพูดเยอะตั้งแต่เมื่อไร”
บอกตรงๆ เขาเป็นแบบนี้ นางไม่ชินเลยสักนิด
ประเด็นไม่ใช่แค่เรื่องที่เสิ่นหยางเป็นคนพูดน้อย แต่ ‘สามี’ ที่รู้จักกันเพียงสามวัน แล้วหายไปนานถึงสี่ปี จู่ๆ ก็กลับมา หากคุ้นเคยก็โกหกแล้ว
“ว่าแต่ เรื่องของข้ากับอาเหยา ท่านรู้ได้อย่างไร”
“คนรู้จักของข้าบอกมา”
“เอ๊ะ!?”
“เขาเป็นคนเมืองฉาง”
“อ้อ”
เช่นนั้นนางไม่แปลกใจแล้ว ทำไมเสิ่นหยางถึงรู้เรื่องนางกับลูก
เมืองฉางจะว่าเล็กก็เล็ก จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะสืบค้นประวัติชาวบ้านคนหนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
ย้อนกลับมาเรื่องสำคัญ
“ท่านอยากให้ข้ากลับไปที่บ้านเสิ่นหรือ” ขณะถาม น้ำเสียงของฉินหรูเจือแววกังวล
ลำพังแค่ฉินหรูคนเดียวยังพอสู้รบตบมือกับความร้ายกาจของหนิงลี่ได้ แต่ตอนนี้นางมีอาเหยา นางไม่อยากให้ลูกต้องมาผลกระทบ ตอนที่นางตั้งท้องอ่อนๆ คนพวกนั้นยังจับนางกรอกยาทำแท้ง คิดแล้วก็เจ็บใจนัก
เสิ่นหยางรู้เรื่องของฉินหรู ก็เป็นหลังจากที่เขาช่วยเหลือคุณชายใหญ่เซวีย
เซวียเยี่ยนจื่อวานให้บ้านเซวียอวี้เจินผู้เป็นน้องชายหาข่าวของฉินหรู เขาถึงได้รู้ว่าหนิงลี่ทำเรื่องชั่วๆ กับภรรยาตัวน้อยของตนอย่างไรบ้าง นางไม่อยากกลับไปเหยียบบ้านเสิ่นอีก เขาเข้าใจดี
“ไม่ใช่บ้านเสิ่นหลังนั้นหรอก ข้าสร้างผลงานในสนามรบ กลับมาจึงได้รับเงินก้อนหนึ่ง ข้าเลยเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อบ้านสำหรับพวกเรา”
“อ้อ เป็นบ้านท่านเองหรอกหรือ” ฉินหรูพูดด้วยความโล่งใจ
ในเมื่อเขามีบ้านของตัวเองแล้ว หากย้ายเข้าไป อาเหยาก็ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางวงล้อมของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นางค่อยสบายใจหน่อย
“บ้านของเรา” เสิ่นหยางแก้คำ
ทว่า ฉินหรูไม่ได้ฟังคำพูดนั้นเพราะกำลังคิดเรื่องอื่น
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม