บทที่ 36
อาเหยาอยากมีน้อง!?
เมื่อเสี่ยวจินปล่อยอาเหยา ความวุ่นวายเล็กๆ ก็สงบลง
แก้มนุ่มนิ่มของเจ้าตัวเล็กที่ถูกเสี่ยวจินบีบเหมือนซาลาเปากลายเป็นสีชมพูดระเรื่อ
“อาเหยาน่ารักขนาดนี้ ข้าเองก็อยากมีวาสนามีเจ้าตัวน้อยกับเขาบ้าง แต่ว่า ข้าอายุขนาดนี้แล้ว จะหาคนดีๆ ก็นับว่ายาก หากไม่ให้สหายที่ไว้ใจได้ช่วยแนะนำคนดีๆ ให้ เกรงว่าจะเจอผู้ชายไม่ดีเข้ามาหลอกเอาน่ะ”
หญิงสาวตามชนบทอย่างฉินหรู อายุสิบสี่สิบห้าก็แต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว
ตอนนี้เสี่ยวจินอายุยี่สิบสาม
จริงอยู่ หลายคนมองว่าผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าๆ หาสามียากแล้ว เพราะเชื่อกันว่าอายุยิ่งเยอะยิ่งมีลูกยาก แต่สำหรับฉินหรู ผู้หญิงวัยนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเปล่งปลั่ง ยังมีลูกได้อยู่
ไม่เพียงแค่คิด ฉินหรูยังพูดกับเสี่ยวจินด้วยสีหน้าจริงจัง “อายุขนาดนี้อะไรกัน หญิงสาววัยยี่สิบอย่างพวกเรายังนับว่าสาวและสวยอยู่เลยนะ!”
ไป๋เหิงหัวเราะอย่างเห็นด้วย “ใช่ๆ เสี่ยวหรูพูดถูก ขิงต้องแก่ถึงจะเผ็ด อย่างพวกเรา ถึงอายุเยอะแล้ว แต่ก็เผ็ดอยู่ไม่ใช่หรือ”
พอได้ฟังคำปลอบของเหล่าสหาย เสี่ยวจินก็ยิ้มอย่างมีแรงใจ นางลูบศีรษะเล็กๆ ของอาเหยาที่นั่งกินขนมอยู่ด้านข้างด้วยความเอ็นดู
“ขอบใจพวกเจ้าจริงๆ ว่าแต่เจ้าเถอะ เสี่ยวหรู สามีกลับมาทั้งที อีกไม่นานคงมีน้องให้อาเหยาอุ้มสินะ ข้าละอิจฉาเจ้าจริงๆ”
ประเด็นที่เสี่ยวจินพูดมาอย่างปุบปับ ทำเอาฉินหรูถึงกับนิ่งอึ้ง
อาเหยาเป็นเด็กฉลาด พอได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดถึงตน ทั้งยังได้ยินคำว่า ‘น้อง’ เจ้าตัวเล็กก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นปนสงสัย
“น้อง!?”
“ใช่แล้ว น้องของอาเหยา” เสี่ยวจินพยักหน้ายิ้มๆ ให้เจ้าตัวเล็ก
“น้องคืออะไร” อาเหยาถามเสี่ยวจิน
เสี่ยวจินหัวเราะอย่างเอ็นดู พูดกับเจ้าหนูน้อยว่า “น้องก็คือเจ้าตัวเล็กที่มีสายเลือดเดียวกับเจ้า ลองนึกภาพตอนที่ลูกเจี๊ยบเดินตามก้นเจ้าต้อยๆ สิ น่ารักมากใช่หรือไม่ ถ้าเจ้ามีน้อง น้องของเจ้าก็จะเดินตามเจ้า แล้วเรียกเจ้าว่าพี่จ๋าๆ ยังไงล่ะ”
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายของเสี่ยวจินไม่ได้ทำให้อาเหยาเข้าใจสักนิด
แต่ว่า...
อาเหยาชอบลูกเจี๊ยบ
ตอนไปไร่กับท่านตาท่านยาย ลูกเจี๊ยบตัวเล็กๆ ขนอ่อนสีเหลืองนุ่มๆ พวกนั้นจะเดินตามอาเหยาแล้วร้องจิ๊บๆ
ไม่ว่าอาเหยาจะเดินไปทางไหน ลูกเจี๊ยบพวกนั้นก็จะเดินตามต้อยๆ สนุกดี แถมน่ารักมากด้วย
เช่นนั้นอาเหยาก็อยากมีน้อง เพราะอาเหยาชอบลูกเจี๊ยบ!
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าตัวเล็กก็โพล่งออกมา “อาเหยาอยากได้น้อง”
“งั้นเจ้าต้องบอกพ่อกับแม่เจ้าแล้ว”
ศีรษะเล็กๆ ของอาเหยาหันขวับไปทางมารดา ดวงตากลมโตใสแป๋วจ้องมองฉินหรูเหมือนคาดหวัง
“ท่านแม่...”
สีหน้าของฉินหรูทั้งแดงก่ำทั้งลำบากใจ
ยิ่งเห็นสีหน้าคาดหวังของลูกชาย ฉินหรูยิ่งปฏิเสธไม่ออก
ท้ายที่สุด ฉินกรูก็หันไปโวยวายใส่เสี่ยวจิน
“พี่เสี่ยวจิน!! ท่านสอนอะไรให้กับอาเหยากันเนี่ย”
เสี่ยวจินหัวเราะร่วน “ในกลุ่มของพวกเรา เจ้าอายุน้อยสุด และยังแต่งงานแล้วด้วย อย่างน้อยๆ ก็มีเจ้าตัวเล็กให้พวกเราได้อุ้มอีกสักสองสามคนเถอะ อาเหยาจะได้มีน้องน้อยๆ น่ารักๆ ด้วย”
“พูดอย่างกับว่าท่านอายุหกสิบเจ็ดสิบอย่างนั้นแหละ อีกอย่าง ไม่เกี่ยวกับอายุสักหน่อย ท่านทั้งสองยังมีลูกได้อยู่นะ รีบๆ แต่งเสียสิ”
“เช่นนั้นเจ้าก็รีบบอกสามีของเจ้า แนะนำผู้ชายดีๆ ให้ข้าวันนี้เลยได้หรือไม่ ข้าจะอยากแต่งงานวันนี้เลย” ประโยคนี้ เสี่ยวจินแค่พูดเล่น
แม้รู้เช่นนั้น แต่ทุกคนก็กรอกตาพลางส่ายหน้า
“ว่าแต่ เจ้ากับสามีไม่ได้ระลึกความหลังทั้งวันทั้งคืนจริงหรือ” เสี่ยวจินเข้าประเด็น ก่อนหน้านี้ได้ยินฉินหรูกับไป๋เหิงคุยกันถึงตรงนี้พอดี ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถาม แต่ตอนนี้อยากรู้
“ไม่มีสักหน่อย” ฉินหรูปฏิเสธหน้าแดง
“จริงหรือ อย่าปิดบังกันเลย สามีเจ้าไปเป็นทหารตั้งสี่ปี กลับมาจะไม่แตะต้องภรรยาเชียวหรือ”
“อาเหยานอนด้วยทุกคืน ข้าจะทำเรื่องนั้นทั้งที่ลูกนอนด้วยได้อย่างไร”
“ถึงลูกไม่อยู่ เขาก็ไม่แตะต้องเจ้าเลยหรือ”
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกน่า” ฉินหรูยังปฏิเสธขึงขังต่อไป
เสี่ยวจินได้ยินแบบนั้นรีบหุบยิ้มทันควัน “แบบนี้ไม่ดีแล้ว”
ฉินหรูเริ่มหวั่นวิตก “อะไรคือไม่ดีหรือ”
“ถ้าเขาไม่พยายามแตะต้องเจ้า ไม่ใช่ว่ากำลังซุกซ่อนผู้หญิงอื่นอยู่หรือ”
ได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเสี่ยวจิน หัวใจของฉินหรูพลันหวิวโหวง
ที่ผ่านมา ฉินหรูกังวลว่าตัวเองจะถูกเฟิงหยางเคี่ยวกรำจนร่างกายรับไม่ไหว ‘ส่วนนั้น’ ของเขาทั้งใหญ่ทั้งอึดทนทานเหมือนกับลา นางเลยโล่งใจมากที่เขายังไม่แตะต้องนางทันที
แต่ไม่เคยคิดเลยว่า สามีของนางจะต้องการเรื่องนั้นหรือไม่ ถ้าเขารู้สึกไม่เต็มอิ่มเพราะภรรยามอบความต้องการให้ไม่ได้ มีโอกาสสูงมากที่เขาจะออกไปหาเศษหาเลยข้างนอก
พอคิดมาถึงตรงนี้ ฉินหรูก็ตระหนกวูบถึงขั้นเผลอพึมพำออกมา
“ข้าบกพร่องหน้าที่ของภรรยาแล้ว?”
“ก็ใช่น่ะสิ” เสี่ยวจินยืนกรานคำพูดนั้น “สามีเจ้าไปเป็นทหารตั้งสี่ปี อยู่ที่ค่ายมีแต่ผู้ชายล่ำบึก ต้องเก็บกด อยากแตะต้องความนุ่มนิ่มของหญิงสาวอยู่แน่ๆ คนที่ข้ารู้จัก สามีก็ไปรับใช้ชาติแบบนี้แหละ พอกลับมาอยู่บ้าน ก็ขยันรดน้ำพรวดดินทั้งวันทั้งคืน ได้ลูกหัวปีท้ายปีแล้ว ไม่เชื่อถามพี่ไป๋เหิงก็ได้”
“ไหงเป็นข้า!” ไป๋เหิงโพล่งอย่างลนลาน
คราวนี้ฉินหรูเลื่อนสายตามองไปที่ไป๋เหิง
ทันใดนั้น ไป๋เหิงก็หน้าแดง
เสี่ยวจินเร่งเร้าให้ไป๋เหิงบอกฉินหรู
หลังจากอ้ำอึ้งอยู่นาน ในที่สุด ไป๋เหิงก็กล่าวว่า “ข้า...ข้าบอกชอบคุณชายใหญ่ไปแล้ว”
ฉินหรูร้อง “หา?”
ถึงตรงนี้ เสี่ยวจินเป็นฝ่ายเล่าต่อ นางบอกว่าหลังจากที่ไป๋เหิงรวบรวมความกล้าไปสารภาพความรู้สึกกับคุณชายใหญ่เซวีย คุณชายใหญ่ตอบรับความรู้สึกของไป๋เหิงทันที ไม่ใช่ว่าเขาขาดแคลนผู้หญิง แต่ที่ไม่แต่งงานจนอายุขนาดนี้ เพราะเขาเองก็มีใจให้ไป๋เหิงนานแล้ว
หลังจากรู้ว่าใจตรงกัน ทุกค่ำคืน ทั้งคู่ต่างมีช่วงเวลาที่หวานชื่น
และตอนนี้คุณชายใหญ่ก็กำลังเจรจากับที่บ้านเซวีย สู่ขอไป๋เหิงเป็นเรื่องเป็นราว
สรุปง่ายๆ ไป๋เหิงสมหวังในความรักของนางแล้ว
“...พูดอีกที ตอนนี้คงมีแค่ข้าคนเดียวที่ยังไร้คู่ครองสินะ!” เสี่ยวจินโวยวาย
ท้ายที่สุดก็ย้อนกลับมาที่เรื่องนี้จนได้
....
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ไป๋เหิงกับเสี่ยวจินสรวลเสเฮฮากับฉินหรูอยู่ประมาณครึ่งวัน ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว
หลังจากพวกนางกลับไปสักพัก ฉินหรูก็จูงมืออาเหยาเข้าบ้าน
จังหวะนั้น เฟิงหยางแต่งตัวเต็มยศ ก้าวยาวๆ ออกมาจากประตูบ้านพอดิบพอดี
“ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ” ฉินหรูเอ่ยถาม
เฟิงหยางหยุดฝีเท้า พยักหน้าให้นางทีหนึ่ง
“จั่นเถิงรายงานว่ามีงานด่วน ข้าอาจจะกลับมาค่ำๆ หน่อย”
ฉินหรูตอบกลับไปว่า เข้าใจแล้ว จากนั้น สายของทั้งคู่ก็สบประสานกันครู่หนึ่ง
ในตอนที่เฟิงหยางตั้งท่าจะหมุนตัวหันหลัง จู่ๆ เจ้าตัวเล็กก็ร้องเรียก
ทว่า...
“ท่านพ่อ!”
ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า ย่อตัวนั่งยองๆ พลางถาม “มีอะไรหรือ อาเหยาของพ่อ”
ขาสั้นและป้อมของอาเหยาวิ่งเข้าไปหาเฟิงหยาง ทันทีที่หยุดตรงหน้าท่านพ่อ อาเหยาตะโกนเสียงดังฟังชัด
“อาเหยาอยากได้น้อง!”
เฟิงหยางนิ่งอึ้ง
ต่อมา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองภรรยา รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า
แค่กๆ
ฉินหรูสำลักอากาศทันที
“คือว่า...เสี่ยวจินเป็นคนสอนมาน่ะ ไม่ใช่ข้าจริงๆ นะ!”
“ข้าเข้าใจ เอาไว้ กลับมาแล้วค่อยคุยเรื่องน้องของอาเหยากัน” น้ำเสียงของเฟิงหยางทั้งทุ้มทั้งแหบพร่า มิหนำซ้ำ แววตายังลึกล้ำมองไม่เห็นก้นบึ้งใดๆ
อย่าบอกนะว่า...
ฉินหรูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก กระนั้น นางก็ตอบกลับไปว่า เจ้าค่ะ
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม