บทที่ 35
ไป๋เหิงกับเสี่ยวจินมาเที่ยวบ้าน
หลังจากนั้น จั่นเถิงก็นำความมารายงานเฟิงหยาง
ชายหนุ่มกระดกมุมปากยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากฟังจบ
“เจ้าปลอมตัวเป็นเสี่ยวเอ้อต่ออีกสักสองสามวัน หากเสิ่นเซียวอวี้ติดสารแห่งความสุขเรียบร้อย ค่อยปล่อยให้เขาไปหาซื้อที่อื่นเอาเอง”
ต่อให้เสิ่นเซียวอวี้เลิกเสพสารแห่งความสุขสำเร็จ แต่ว่ากันว่า หากกลับมาติดอีกครั้ง คราวนี้คงเลิกยาก
หมากกระดานนี้ เฟิงหยางเป็นผู้ชนะ
“ขอรับท่านแม่ทัพ” จั่นเถิงตอบ ก่อนจะถามต่อ “ต้องให้ข้าไปรายงานฮูหยินทราบหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้อง วันนี้ให้นางมีความสุขกับเหล่าสหายที่มาเยี่ยมเถอะ เรื่องพวกนี้ข้าจะบอกนางทีหลัง”
วันนี้ไป๋เหิงกับเสี่ยวจินมาเยี่ยมเยือนฉินหรูที่บ้าน
ตอนที่เฟิงหยางถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ฉินหรูเข้าไปทำงานเป็นแม่ครัวในบ้านเซวีย ก็ได้ทั้งสองคนนั้นคอยสอนงาน ทั้งยังคอยหาข่าวลือของบ้านเสิ่นมาบอกเล่าสู่กันฟัง ทั้งพวกนางยังดีกับอาเหยามากๆ
ในเมื่อเป็นสหายของภรรยา เฟิงหยางย่อมมองว่าไป๋เหิงกับเสี่ยวจินเป็นคนน่าคบหาไม่น้อย
“รายงานเรื่องต่อไป” เขาเปลี่ยนเรื่องด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ข้อมูลที่สืบมาได้ตอนนี้ เสิ่นเทาไม่เพียงขูดรีดดอกเบี้ยจากลูกหนี้ด้วยวิธีโหดร้ายทารุณ แต่ยังใช้เงินนั้นเป็นทุนให้กับบัณฑิตยากไร้ที่มีแววว่าจะสอบขุนนางผ่าน เมื่อบัณฑิตพวกนั้นสอบติดจนเข้ารับราชการ พวกเขาก็กลับมาสนับสนุนเสิ่นเทาขอรับ ขุนนางที่เป็นเส้นสายให้กับเสิ่นเทาตอนนี้มีประมาณ 2-3 คนขอรับ”
การกระทำของเสิ่นเทาและบัณฑิตพวกนั้นถือเป็นการทุจริต
“มีหลักฐานหรือไม่”
“ตอนนี้รวบรวมมาได้ส่วนหนึ่งแล้วขอรับ ข้ากำลังให้พวกเฉินต้านจัดการกับเอกสารพวกนั้น”
เฟิงหยางพยักหน้าชื่นชมจั่นเถิงว่าทำงานดีและรวดเร็ว
จั่นเถิงก้มศีรษะกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ออกจากห้องทำงานโดยทันที
เฟิงหยางยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาคมเข้มที่ไร้ความรู้สึกทอดมองออกนอกหน้าต่าง สักครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ
ก่อนกลับมารับตำแหน่งที่เมืองฉาง เฟิงหยางได้รับมอบหมายจากเบื้องสูง ให้ทำลายแหล่งค้าขายสารเสพติด เพราะเหตุนี้เขาจึงมีต้าหมาอยู่ในมือ และใช้มันมาเล่นงานเสิ่นเซียวอวี้
ส่วนเรื่องปล่อยเงินกู้ ผู้อยู่เบื้องสูงต้องการให้แม่ทัพหนานกง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเฟิงหยางอีกทีหนึ่งเป็นคนจัดการเรื่องนี้ เหตุผลที่ไม่ให้เหิงหยางเข้ามายุ่ง เพราะคนทำผิดคือบิดาแท้ๆ ของเฟิงหยาง
อย่างไรก็ตาม…โทษทัณฑ์ที่เสิ่นเทาจะได้รับ อย่างเบาคือถูกเนรเทศไปใช้แรงงานที่ชายแดน อย่างหนักคือประหาร แต่เฟิงหยางกลับไม่ได้รู้สึกรู้สาใดๆ แม้แต่นิดเดียว ทั้งยังอาสาขอทำงานนี้ด้วยตัวเอง
….
ใต้ต้นไม้ใหญ่อันร่มรื่น ณ ลานกว้างหน้าบ้าน
ไป๋เหิงกับฉินหรูกำลังจิบชาคุยเรื่องไร้สาระที่โต๊ะหิน
ส่วนเสี่ยวจินกับอาเหยาวิ่งเล่นไล่จับอยู่ใกล้ๆ
เสียงหัวเราะของทั้งสองทำให้บรรยากาศรอบๆ ผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
วันนี้เป็นวันหยุด ไป๋เหิงกับเสี่ยวจินจึงมาเยี่ยมเยือนสหายอย่างฉินหรู
“เสี่ยวหรู ทุกคนที่บ้านเซวียฝากความคิดถึงมาให้เจ้าด้วยละ โดยเฉพาะฮูหยินผู้เฒ่ากับคุณชายรอง บ่นทุกวันว่าอยากให้เจ้ากลับไปทำงานเป็นแม่ครัวเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็นะ ในเมื่อสามีของเจ้าเป็นถึงแม่ทัพ หากเจ้าที่เป็นฮูหยินแม่ทัพมาทำงานเป็นแม่ครัวก็คงไม่เหมาะสม พวกเขาเองก็เข้าใจดี แค่บ่นว่าเสียดายเท่านั้นแหละ” ไป๋เหิงบอก
ฉินหรูหัวเราะเบาๆ “จริงๆ แล้วข้าก็อยากกลับไปทำงาน อยู่ว่างๆ น่าเบื่อจะตาย เอาไว้หากข้ามีเวลาว่างเมื่อไรจะทำของอร่อยๆ ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า ถือโอกาสไปเที่ยวหาพวกท่านด้วย”
ไป๋เหิงยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว “ข้าดีใจที่เจ้ายังเป็นเสี่ยวหรูคนเดิม ก่อนมาที่นี่ เสี่ยวจินกังวลแทบตายว่าเจ้าจะลืมพวกเราแล้วหรือไม่”
“โธ่ พี่ไป๋เหิง พวกเราสนิทสนมกันมาตั้งหลายปี ตอนอยู่บ้านเซวีย พวกท่านก็ดีกับข้ามาก คอยชี้แนะข้าทุกอย่าง แล้วข้าจะลืมพวกท่านได้ยังไง”
“ข้าก็บอกเสี่ยวจินแบบนี้แหละ พูดก็พูดเถอะ สามีเจ้าไม่เพียงมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงแม่ทัพ ยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือคุณชายใหญ่ของข้าอีก ความบังเอิญนี้ ข้าไม่รู้จะพูดยังไงเลย...ข้าอยากฝากเจ้าไปขอบคุณเขาน่ะ”
“ได้ๆ แล้วข้าจะบอกสามีให้นะ อีกอย่าง อย่าว่าแต่พี่ไป๋เหิงคาดไม่ถึง ข้าก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะเป็นแม่ทัพ”
พอพูดจบ ทั้งฉินหรูทั้งไป๋เหิงต่างก็หัวเราะด้วยความขบขัน
ใครจะคาดคิดว่า ชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารจะกลับมาพร้อมตำแหน่งใหญ่โต
ในชาติก่อน ตอนที่ ‘เสิ่นหยาง’ กลับมาหาฉินหรู เพื่อพานางกลับไปสร้างครอบครัวกันใหม่ เขาไม่ได้บอกนางสักคำว่าแอบเปลี่ยนชื่อแซ่เป็น ‘เฟิงหยาง’ และไม่ได้บอกเรื่องที่ได้ตำแหน่งใหญ่กลับมา
บอกตรงๆ ชาติก่อนนั้น นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสามีเลย
“พูดก็พูดเถอะ ในเมื่อสามีกลับมาแล้ว วันๆ พวกเจ้าคงหวานชื่นน่าดูเลยสิ?” ไป๋เหิงเอ่ยพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีนัยแฝง
ฉินหรูได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร วันๆ มีแต่เรื่องให้ปวดหัวมากกว่าไม่ว่า”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” ไป๋เหิงถามอย่างเป็นห่วง
“บ้านเก่าของสามีข้าน่ะสิ คงเห็นว่าเขาได้ดิบได้ดีก็เลยตามรังควานกันไม่เลิกเลย”
“แย่จริง! คนพวกนั้นต้องการอะไรกับพวกเจ้ากันแน่ ตอนแรกขับไล่ไสส่ง พอเห็นว่าสามีเจ้าได้ดิบได้ดีกลับมา ก็คิดจะพาตัวกลับไปหรือ เห็นแก่ตัวชัดๆ”
ไป๋เหิงรู้สึกโกรธแทน ถึงขั้นโพล่งเสียงดังออกมา
ตอนนั้นเอง เสี่ยวจินกับอาเหยาเล่นจนเหนื่อยแล้ว เสี่ยวจินจึงอุ้มเจ้าตัวเล็กมานั่งพักที่โต๊ะหิน พอได้ยินไป๋เหิงกับฉินหรูคุยกันมาถึงตรงนี้ เสี่ยวจินก็กล่าวแทรกทันที
“ถึงคนพวกนั้นจะตามรังควานพวกเจ้า แต่เชื่อเถอะ พวกเขาเองก็กำลังเจอเคราะห์ร้ายเหมือนกัน”
“พูดมาแบบนี้ พี่เสี่ยวจินได้ยินอะไรมาหรือ” ฉินหรูแสร้งถามเสี่ยวจิน
หึหึหึ…
เสี่ยวจินปิดปากหัวเราะอย่างได้ที ก่อนจะพูดฉอดๆ อย่างออกรสชาติ
“คุณชายรองเล่าให้ข้าฟังมาน่ะ บ้านเสิ่นตอนนี้เหมือนเจอมรสุมลูกใหญ่ หนิงฮูหยินปวดท้องทุกวี่วัน แต่หมอกลับวินิจฉัยโรคไม่ได้ ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร นังสาวใช้จอมผยองข้างตัวหนิงฮูหยินก็เหมือนจะป่วยด้วยโรคเดียวกันเลยลาหยุดยาว เสิ่นเซียวอวี้ก็ไม่กลับบ้านมาสามวันแล้ว ลือกันว่าเขากลับไปติดสารแห่งความสุขอะไรนั่นอีก ข้าคิดว่า เพราะเวรกรรมที่พวกเขาทำ หากไม่ใช่กรรมตามสนองแล้วจะเรียกว่าเป็นอะไรได้!”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินหรูแสร้งทำทีเป็นสะดุ้งตกใจ ทั้งที่ในใจแอบอมยิ้ม
“เป็นเคราะห์ร้ายของพวกเขาชัดๆ”
เคราะห์ร้ายอะไรกัน
กรรมตามสนองอะไรกัน
ทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของนางกับสามีต่างหาก
ถึงคิดอย่างนั้น หากฉินหรูกลับทำทีเป็นถอนหายใจ แล้วเอ่อออตามเสี่ยวจิน
ทันใดนั้น อยู่ดีๆ เสี่ยวจินก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ่อนหวานเหมือนจงใจประจบฉินหรู
“จริงสิ เสี่ยวหรู…ไม่สิ ฮูหยินท่านแม่ทัพเจ้าขา”
ฉินหรูกะพริบตาอึ้งๆ สักครู่ก็ขำพรืดออกมา
ลองว่าเสี่ยวจินมาไม้นี้ คงไม่พ้นเรื่องนั้นแหง
“สามีเจ้าเป็นถึงแม่ทัพ ย่อมรู้จักคนไม่น้อยใช่หรือไม่ คงแนะนำคนดีๆ ให้ข้าได้บ้างสินะ”
คิดไว้แล้วเชียว!
ตั้งแต่รู้จักเสี่ยวจิน อีกฝ่ายมีจุดยืนที่ชัดเจนจนฉินหรูเทียบไม่ติด
เสี่ยวจินต้องการผู้ชายดีๆ สักคนมาสร้างครอบครัวแสนสุข ถึงแม้จะมีคนเข้ามาจีบ แต่ผู้ชายพวกนั้นเข้าหาเสี่ยวจินเพื่อปอกลอก เสี่ยวจินรู้ทันจึงปฏิเสธคนที่เข้ามาจีบทั้งหมด
ถ้าไม่ใช่คนดี ขอไม่มีเสียดีกว่า เสี่ยวจินเคยพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่วายตามหารักดีๆ ต่อไป
“ข้าคุยกับสามีแล้ว เขาต้องแนะนำคนดีๆ ให้ท่านได้แน่”
เสี่ยวจินยิ้มกว้างอย่างสดใส ก่อนจะโผกอดฉินหรู
“มีเพียงเจ้าที่รู้ใจข้า!”
เจ้าตัวเล็กเห็นท่านน้าเสี่ยวจินกอดมารดาก็คิดว่าจะถูกแย่งท่านแม่ไป
อาเหยากระโดดลงจากเก้าอี้ สองแขนป้อมๆ ดึงท่านน้าเสี่ยวจินออกจากมารดา
“ท่านแม่ ท่านแม่ของอาเหยา!”
ทั้งสามคนเห็นอย่างนั้นก็นึกเอ็นดู พวกนางถึงกับหัวเราะพรืดออกมา
“ข้าไม่แย่งแม่ของเจ้าหรอกน่า” เสี่ยวจินพูดพร้อมหยิกแก้มนุ่มนิ่มของเจ้าตัวเล็ก สักครู่สั้นๆ นางปล่อยมือที่โอบกอดฉินหรู หันมากอดเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยแทน “สมแล้วที่เป็นอาเหยา น่ารักเกินไปแล้ว!”
อาเหยาถูกเสี่ยวจินกอดจนแก้มกลมๆ ขาวๆ เหมือนซาลาเปาที่ถูกเบียดจนแบน
“งื้อ อึดอัด...”
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม