Share

บทที่ 9

Author: เฉียวเหมย
เฉินมู่ผลักเธอออกไป ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยถูกบีบด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

เฉินชิงเสวี่ยไม่กล้าหาเรื่องเธออีกต่อไป แต่เธอไม่อยากจากไปด้วยความอับอายเช่นนี้ เธอจึงเดินไปหา แล้วพูดเสริม “เฉินมู่ ไม่ว่าเธอจะดีแค่ไหน! ซีเจ๋อก็ไม่ต้องการสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดอย่างเธอหรอก!”

“เธอเองก็ไม่ส่องกระจกหรือไงกันนะ! จะมีใครบ้างที่อยากเห็นรอยถลอกบนหน้าของเธอ! รอให้ถึงวันแต่งงานของฉันกับซีเจ๋อก่อน เธอได้ร้องไห้แน่!”

เฉินมู่หัวเราะเยาะ “ก็แค่เธอคนเดียวที่ชอบขยะ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบเหมือนเธอ การที่เธอเป็นคนยังไง มันมีค่าสำหรับฉันงั้นเหรอ?”

หากเป็นเมื่อก่อน แค่ใช้เงินก็สามารถพบเจอฉินมู่ได้ ทว่าเนื้อแท้นั้น ฉินมู่ค่อนข้างจะซ่อนตัวอยู่ในเคโจวและหนานเคอ ขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอก นับประสาอะไรกับลู่ซีเจ๋อแค่คนเดียว?

เฉินชิงเสวี่ยหน้าแดง เธอพยายามรั้งไว้เป็นเวลานานเพียงเพื่อสาปแช่งด่าทอ “น่าเกลียด! ในชีวิตนี้เธอคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก!”

พูดจบก็รีบวิ่งออกมาทันที ราวกับว่ากลัวว่าเฉินมู่จะทำร้ายเธออีก

เฉินมู่ปิดประตู นั่งหน้ากระจก เมื่อพูดถึงเคโจว เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงภารกิจที่ตามหลอกหลอนราวฝันร้ายอีกครั้ง

ทุกคนโยนให้เธอเป็นคนทรยศ แต่น่าเสียดาย มีแค่อีกาเพียงตัวเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอออกไปทำภารกิจไม่ได้หลบหนีจากสนามรบ

เฉินมู่ติดตั้งแอพติดตามอย่างง่ายบนโทรศัพท์ และป้อนหมายเลขชิปของอีกา

แม้ว่าภารกิจนี้จะตายไปเก้าศพ แต่เธอกลับไม่เห็นร่างอีกาเลย เธอไม่เคยเชื่อว่าเขาจะตายไปแล้วจริง ๆ!

ต่อให้มีใครไขความลับออกมาจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่เธอแน่นอน ดังนั้นต้องหาคำตอบจากอีกาเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินมู่ตื่นแต่เช้า เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็วิ่งลงไปชั้นล่าง ร่างบางเดินเข้าไปในห้องอาหาร ก่อนจะพบว่าผู้อาวุโสยังไม่มา เห็นแค่ลู่ซีเจ๋อที่มาเร็วกว่าคนในครอบครัวเธอเสียอีก

เขานั่งถัดจากเฉินชิงเสวี่ย มองดูใบหน้าที่บวมแดงของเธออย่างทุกข์ใจ “เกิดอะไรขึ้น คุณปู่ตีคุณหรือว่าคุณลุงตีคุณเหรอครับ?”

เฉินชิงเสวี่ยสูดลมหายใจเข้า แล้วก้มศีรษะลง เหลือบมองเฉินมู่อย่างระมัดระวัง “ไม่...ไม่มีใครตีฉัน”

ลู่ซีเจ๋อเข้าใจทันที ชายหนุ่มหันไปมองเฉินมู่ พร้อมขึ้นเสียง “เฉินมู่! คุณทำสิ่งนี้เหรอ ทำไมคุณถึงได้กลายเป็นคนเลวทรามขนาดนี้!”

เฉินมู่ไม่ได้มองเขาเลย เธอก้มหน้าลงจิบน้ำผลไม้ ทำให้ลู่ซีเจ๋อรู้สึกหน้าแตก “เฉินมู่! ผมกำลังคุยกับคุณอยู่นะ! ไม่มีใครสอนคุณเหรอ?”

ในอดีตหากตัวเองเต็มใจที่จะพูดกับเฉินมู่ เฉินมู่แทบจะมีความสุขเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สนใจเขาแล้วจริง ๆ!

เฉินมู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นถาม “ฉันทำร้ายเธอเหรอ? แล้วคุณเห็นงั้นหรือไง?”

“คุณ...เสี่ยวมู่ คุณเห็นผมอยู่ด้วยกันกับเสวี่ยเอ๋อ ถ้าคุณไม่พอใจก็มาทำกับผม จะไปทำร้ายเธอทำไมกัน!”

ลู่ซีเจ๋อไม่สนใจในสิ่งที่เฉินมู่พูด ในใจเขาเชื่อว่าเฉินมู่ไม่พอใจเฉินชิงเสวี่ยจากสาเหตุการถอนหมั้น ซึ่งในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายของเขา นั่นเป็นเพราะเฉินมู่มีความรักที่ลึกซึ้งต่อเขา

เฉินมู่เยาะเย้ยราวกับได้ยินเรื่องตลกบางอย่าง เธอลุกขึ้นพูดทิ้งท้าย “ขอให้ความรักราบรื่นเป็นร้อย ๆ ปีนะ ขอให้ได้ลูกชายตั้งแต่หัวปีด้วยล่ะ”

ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว เฉินมู่ไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ ทำไมเธอถึงเฉยเมย?

เป็นการเปลี่ยนแปลงงั้นเหรอ? หรือเฉินมู่คิดใช้วิธีแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา? ทุกอย่างมันเป็นเพียงความปรารถนาดีงั้นสินะ!

เฉินมู่ถือจานอาหารเช้าของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหาร พอหันหน้าไปทางคนสองคนแล้วเธอกินไม่ลงจริงๆ

เฉินชิงเสวี่ยดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ หยุดโพล่งเรียกคนพี่ “พี่สาว! วันนี้ซีเจ๋อและฉันจะไปที่บ้านตระกูลฮั่วเพื่อเชิญคุณฮั่วไปทานอาหารเย็น พี่ไปด้วยกันกับเราไหม?”

“เสวี่ยเอ๋อ! เธอตบคุณนะ แถมเธอยังไม่ขอโทษเลยด้วยซ้ำ! ทำไมคุณถึงทำดีกับเธออีก!” ลู่ซีเจ๋อหยุดชะงักทันที

เฉินมู่เลิกคิ้วขึ้นมองคนน้อง “คุณฮั่ว? ฮั่วหยุนเซียวนะเหรอ?”

เฉินชิงเสวี่ยพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ คุณปู่ขอให้พวกเราไปมาหาสู่กันให้มากกว่านี้! อีกอย่างมันก็เป็นความสัมพันธ์ของบริษัทเรากับบริษัทฮั่ว เพียงแค่ไปทานข้าวสักมื้อ พี่ก็ควรไปด้วยนะ ก็แค่ปกปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าให้ดี......”

เฉินมู่หัวเราะเยาะในใจ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ฉันไม่ไป พวกเธอไปเถอะ ขอให้ทำสำเร็จ!”

เมื่อเฉินมู่เดินออกจากห้องอาหาร เธอยังได้ยินสองหนุ่มสาวปรึกษากันอย่างจริงจัง เสียงของลู่ซีเจ๋อกับเฉินชิงเสวี่ยที่อยู่เบื้องหลังยังดังเข้ามาในโสทประสาท “เสวี่ยเอ๋อ คุณใจดีกับทุกคนไม่ได้ บางคนไม่ได้ดีกับคุณ และคุณต้องรู้ปฏิเสธคนบ้าง!”

เฉินมู่วิ่งกลับไปที่ห้องนอน บอกว่าตัวเองไม่สนใจว่าฮั่วหยุนเซียวจะได้รับเชิญไปทานอาหารเย็นในวันนี้หรือไม่ ทว่าเมื่อถูกเฉินชิงเสวี่ยยั่วยุมาก เธอก็เริ่มเกิดความคิดที่จะลักพาตัวฮั่วหยุนเซียวเสียเดี๋ยวนั้น!

เฉินมู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคอย่างงุนงง ให้ตายสิ! เมื่อวานลืมขอเบอร์โทรศัพท์!

ด้วยความคิดที่ชาญฉลาด เธอจึงโทรไปที่โรงพยาบาลอันเซิ่ง จากนั้นก็บอกชื่อหมอที่ชื่อโอวจินกับทางโรงพยาบาล ไม่นานหมอโอวจินก็รับสายด้วยเสียงอบอุ่น “สวัสดี ฉันโอวจิน”

“ฉันกำลังตามหาฮั่วหยุนเซียว” เฉินมู่พูดอย่างตรงไปตรงมา

โอวจินตกตะลึงครู่หนึ่ง “คุณ...”

“ฉันคือเฉินมู่ เราพบกันที่งานเลี้ยงเมื่อวานนี้” เฉินมู่พูด

จู่ ๆ โอวจินก็ตระหนักได้ว่า จิตวิญญาณของแห่งการนินทากำลังลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ “คุณเฉินกำลังตามหาหยุนเซียวทำไมอ่ะ?”

เฉินมู่กัดนิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ “ฉันสัญญาว่าจะชวนเขาไปทานข้าว ฉันลืมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เขา ขอเบอร์เขาหน่อยได้ไหมคะ? หรือให้คุณบอกเขาแทนฉันก็ได้ค่ะ”

โอวจินมองลงไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง “คุณแน่ใจเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะ...เจ็ดโมงเองนะ!”

เฉินมู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ ฉันรู้จักร้านร้านหนึ่ง! ตอนนี้ร้านเปิดแล้ว! ไปเช้า ๆ จะได้กินของสดใหม่!”

โอวจินไม่สงสัยในตัวเธอเลย “เอาล่ะ ในเมื่อคุณมีนัดกันแล้ว ผมจะให้เบอร์ส่วนตัวของเขากับคุณ”

หลังจากเฉินมู่ได้หมายเลขที่ต้องการ เธอก็รีบโทรหาฮั่วหยุนเซียวทันที

ในขณะนี้ฮั่วหยุนเซียวกำลังเดินทางไปบริษัท นัยย์ตาคมก็เหลือบเห็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยบนหน้าจอโทรศัพท์ นิ้วเรียวกดตัดสายทันควัน ทว่าอีกฝ่ายโทรมาอีกครั้ง จนฮั่วหยุนเซียวจำต้องหยิบขึ้นมารับสาย “ใครครับ?”

“ฉัน! เฉินมู่!” เฉินมู่รีบแจ้งตัวเองทันที “คุณฮั่ว! เรามีนัดทานข้าวกันไม่ใช่เหรอ ไปทานกันเถอะ!”

ฮั่วหยุนเซียวมองไปที่นาฬิกาของตนเอง “ตอนนี้?”

เฉินมู่พยักหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง “ใช่! ตอนนี้!”

ฮั่วหยุนเซียวไม่สนใจ ก่อนจะหันไปพูดกับคนขับรถอย่างฮานเฉิงว่า “กลับรถ และไปที่บ้านของตระกูลเฉิน”

เฉินมู่เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หยิบรองพื้นขึ้นมา และรีบปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าของตนเอง อันที่จริงเมื่อแต่งหน้าแล้ว รอยแผลเป็นก็ไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้น

เธอวิ่งออกจากประตู ยามที่รถเบนท์ลีย์ของฮั่วหยุนเซียวจอดอยู่ข้างถนน มือเรียวรีบโบกมือให้พลันสาวเท้าก้าวขึ้นรถ ริมผีปากบางแย้มยิ้มอย่างสดใส “สวัสดีตอนเช้า!”

ฮั่วหยุนเซียวยิ้ม ซึ่งเป็นยิ้มที่ค่อนข้างหายาก “สวัสดีตอนเช้า”

สิบนาทีต่อมา ฮั่วหยุนเซียวกับเฉินมู่กำลังนั่งอยู่ในเคเอฟซี สายตาของพวกเขาหันหน้าเข้าหากัน แต่ไม่มีเสียงใด ๆ ดังลอดออกมาจากสองฝั่งเลยสักนิด

เวลาผ่านไปนานพักใหญ่ การแสดงออกของฮั่วหยุนเซียวที่ปรากฏออกมาโต้ง ๆ ก็ทำให้หญิงสาวประหลาดใจ “นี่คือสิ่งที่คุณพูดเหรอ ไปตอนเช้าจะได้ทานของสดใหม่ใช่ไหม?”

เขารู้สึกว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีปัจจัยอันยากจะควบคุมเกิดขึ้นมา เกรงว่าทั้งเมืองปินไห่จะไม่มีทางเจอผู้หญิงคนที่สองที่มากินเคเอฟซีกับฮั่วหยุนเซียวอีกแน่นอน!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status