Share

บทที่ 9

เฉินมู่ผลักเธอออกไป ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยถูกบีบด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

เฉินชิงเสวี่ยไม่กล้าหาเรื่องเธออีกต่อไป แต่เธอไม่อยากจากไปด้วยความอับอายเช่นนี้ เธอจึงเดินไปหา แล้วพูดเสริม “เฉินมู่ ไม่ว่าเธอจะดีแค่ไหน! ซีเจ๋อก็ไม่ต้องการสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดอย่างเธอหรอก!”

“เธอเองก็ไม่ส่องกระจกหรือไงกันนะ! จะมีใครบ้างที่อยากเห็นรอยถลอกบนหน้าของเธอ! รอให้ถึงวันแต่งงานของฉันกับซีเจ๋อก่อน เธอได้ร้องไห้แน่!”

เฉินมู่หัวเราะเยาะ “ก็แค่เธอคนเดียวที่ชอบขยะ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบเหมือนเธอ การที่เธอเป็นคนยังไง มันมีค่าสำหรับฉันงั้นเหรอ?”

หากเป็นเมื่อก่อน แค่ใช้เงินก็สามารถพบเจอฉินมู่ได้ ทว่าเนื้อแท้นั้น ฉินมู่ค่อนข้างจะซ่อนตัวอยู่ในเคโจวและหนานเคอ ขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอก นับประสาอะไรกับลู่ซีเจ๋อแค่คนเดียว?

เฉินชิงเสวี่ยหน้าแดง เธอพยายามรั้งไว้เป็นเวลานานเพียงเพื่อสาปแช่งด่าทอ “น่าเกลียด! ในชีวิตนี้เธอคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก!”

พูดจบก็รีบวิ่งออกมาทันที ราวกับว่ากลัวว่าเฉินมู่จะทำร้ายเธออีก

เฉินมู่ปิดประตู นั่งหน้ากระจก เมื่อพูดถึงเคโจว เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงภารกิจที่ตามหลอกหลอนราวฝันร้ายอีกครั้ง

ทุกคนโยนให้เธอเป็นคนทรยศ แต่น่าเสียดาย มีแค่อีกาเพียงตัวเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอออกไปทำภารกิจไม่ได้หลบหนีจากสนามรบ

เฉินมู่ติดตั้งแอพติดตามอย่างง่ายบนโทรศัพท์ และป้อนหมายเลขชิปของอีกา

แม้ว่าภารกิจนี้จะตายไปเก้าศพ แต่เธอกลับไม่เห็นร่างอีกาเลย เธอไม่เคยเชื่อว่าเขาจะตายไปแล้วจริง ๆ!

ต่อให้มีใครไขความลับออกมาจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่เธอแน่นอน ดังนั้นต้องหาคำตอบจากอีกาเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินมู่ตื่นแต่เช้า เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็วิ่งลงไปชั้นล่าง ร่างบางเดินเข้าไปในห้องอาหาร ก่อนจะพบว่าผู้อาวุโสยังไม่มา เห็นแค่ลู่ซีเจ๋อที่มาเร็วกว่าคนในครอบครัวเธอเสียอีก

เขานั่งถัดจากเฉินชิงเสวี่ย มองดูใบหน้าที่บวมแดงของเธออย่างทุกข์ใจ “เกิดอะไรขึ้น คุณปู่ตีคุณหรือว่าคุณลุงตีคุณเหรอครับ?”

เฉินชิงเสวี่ยสูดลมหายใจเข้า แล้วก้มศีรษะลง เหลือบมองเฉินมู่อย่างระมัดระวัง “ไม่...ไม่มีใครตีฉัน”

ลู่ซีเจ๋อเข้าใจทันที ชายหนุ่มหันไปมองเฉินมู่ พร้อมขึ้นเสียง “เฉินมู่! คุณทำสิ่งนี้เหรอ ทำไมคุณถึงได้กลายเป็นคนเลวทรามขนาดนี้!”

เฉินมู่ไม่ได้มองเขาเลย เธอก้มหน้าลงจิบน้ำผลไม้ ทำให้ลู่ซีเจ๋อรู้สึกหน้าแตก “เฉินมู่! ผมกำลังคุยกับคุณอยู่นะ! ไม่มีใครสอนคุณเหรอ?”

ในอดีตหากตัวเองเต็มใจที่จะพูดกับเฉินมู่ เฉินมู่แทบจะมีความสุขเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สนใจเขาแล้วจริง ๆ!

เฉินมู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นถาม “ฉันทำร้ายเธอเหรอ? แล้วคุณเห็นงั้นหรือไง?”

“คุณ...เสี่ยวมู่ คุณเห็นผมอยู่ด้วยกันกับเสวี่ยเอ๋อ ถ้าคุณไม่พอใจก็มาทำกับผม จะไปทำร้ายเธอทำไมกัน!”

ลู่ซีเจ๋อไม่สนใจในสิ่งที่เฉินมู่พูด ในใจเขาเชื่อว่าเฉินมู่ไม่พอใจเฉินชิงเสวี่ยจากสาเหตุการถอนหมั้น ซึ่งในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายของเขา นั่นเป็นเพราะเฉินมู่มีความรักที่ลึกซึ้งต่อเขา

เฉินมู่เยาะเย้ยราวกับได้ยินเรื่องตลกบางอย่าง เธอลุกขึ้นพูดทิ้งท้าย “ขอให้ความรักราบรื่นเป็นร้อย ๆ ปีนะ ขอให้ได้ลูกชายตั้งแต่หัวปีด้วยล่ะ”

ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว เฉินมู่ไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ ทำไมเธอถึงเฉยเมย?

เป็นการเปลี่ยนแปลงงั้นเหรอ? หรือเฉินมู่คิดใช้วิธีแบบนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา? ทุกอย่างมันเป็นเพียงความปรารถนาดีงั้นสินะ!

เฉินมู่ถือจานอาหารเช้าของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องอาหาร พอหันหน้าไปทางคนสองคนแล้วเธอกินไม่ลงจริงๆ

เฉินชิงเสวี่ยดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ หยุดโพล่งเรียกคนพี่ “พี่สาว! วันนี้ซีเจ๋อและฉันจะไปที่บ้านตระกูลฮั่วเพื่อเชิญคุณฮั่วไปทานอาหารเย็น พี่ไปด้วยกันกับเราไหม?”

“เสวี่ยเอ๋อ! เธอตบคุณนะ แถมเธอยังไม่ขอโทษเลยด้วยซ้ำ! ทำไมคุณถึงทำดีกับเธออีก!” ลู่ซีเจ๋อหยุดชะงักทันที

เฉินมู่เลิกคิ้วขึ้นมองคนน้อง “คุณฮั่ว? ฮั่วหยุนเซียวนะเหรอ?”

เฉินชิงเสวี่ยพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ คุณปู่ขอให้พวกเราไปมาหาสู่กันให้มากกว่านี้! อีกอย่างมันก็เป็นความสัมพันธ์ของบริษัทเรากับบริษัทฮั่ว เพียงแค่ไปทานข้าวสักมื้อ พี่ก็ควรไปด้วยนะ ก็แค่ปกปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าให้ดี......”

เฉินมู่หัวเราะเยาะในใจ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ฉันไม่ไป พวกเธอไปเถอะ ขอให้ทำสำเร็จ!”

เมื่อเฉินมู่เดินออกจากห้องอาหาร เธอยังได้ยินสองหนุ่มสาวปรึกษากันอย่างจริงจัง เสียงของลู่ซีเจ๋อกับเฉินชิงเสวี่ยที่อยู่เบื้องหลังยังดังเข้ามาในโสทประสาท “เสวี่ยเอ๋อ คุณใจดีกับทุกคนไม่ได้ บางคนไม่ได้ดีกับคุณ และคุณต้องรู้ปฏิเสธคนบ้าง!”

เฉินมู่วิ่งกลับไปที่ห้องนอน บอกว่าตัวเองไม่สนใจว่าฮั่วหยุนเซียวจะได้รับเชิญไปทานอาหารเย็นในวันนี้หรือไม่ ทว่าเมื่อถูกเฉินชิงเสวี่ยยั่วยุมาก เธอก็เริ่มเกิดความคิดที่จะลักพาตัวฮั่วหยุนเซียวเสียเดี๋ยวนั้น!

เฉินมู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคอย่างงุนงง ให้ตายสิ! เมื่อวานลืมขอเบอร์โทรศัพท์!

ด้วยความคิดที่ชาญฉลาด เธอจึงโทรไปที่โรงพยาบาลอันเซิ่ง จากนั้นก็บอกชื่อหมอที่ชื่อโอวจินกับทางโรงพยาบาล ไม่นานหมอโอวจินก็รับสายด้วยเสียงอบอุ่น “สวัสดี ฉันโอวจิน”

“ฉันกำลังตามหาฮั่วหยุนเซียว” เฉินมู่พูดอย่างตรงไปตรงมา

โอวจินตกตะลึงครู่หนึ่ง “คุณ...”

“ฉันคือเฉินมู่ เราพบกันที่งานเลี้ยงเมื่อวานนี้” เฉินมู่พูด

จู่ ๆ โอวจินก็ตระหนักได้ว่า จิตวิญญาณของแห่งการนินทากำลังลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ “คุณเฉินกำลังตามหาหยุนเซียวทำไมอ่ะ?”

เฉินมู่กัดนิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ “ฉันสัญญาว่าจะชวนเขาไปทานข้าว ฉันลืมทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เขา ขอเบอร์เขาหน่อยได้ไหมคะ? หรือให้คุณบอกเขาแทนฉันก็ได้ค่ะ”

โอวจินมองลงไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง “คุณแน่ใจเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะ...เจ็ดโมงเองนะ!”

เฉินมู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ ฉันรู้จักร้านร้านหนึ่ง! ตอนนี้ร้านเปิดแล้ว! ไปเช้า ๆ จะได้กินของสดใหม่!”

โอวจินไม่สงสัยในตัวเธอเลย “เอาล่ะ ในเมื่อคุณมีนัดกันแล้ว ผมจะให้เบอร์ส่วนตัวของเขากับคุณ”

หลังจากเฉินมู่ได้หมายเลขที่ต้องการ เธอก็รีบโทรหาฮั่วหยุนเซียวทันที

ในขณะนี้ฮั่วหยุนเซียวกำลังเดินทางไปบริษัท นัยย์ตาคมก็เหลือบเห็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยบนหน้าจอโทรศัพท์ นิ้วเรียวกดตัดสายทันควัน ทว่าอีกฝ่ายโทรมาอีกครั้ง จนฮั่วหยุนเซียวจำต้องหยิบขึ้นมารับสาย “ใครครับ?”

“ฉัน! เฉินมู่!” เฉินมู่รีบแจ้งตัวเองทันที “คุณฮั่ว! เรามีนัดทานข้าวกันไม่ใช่เหรอ ไปทานกันเถอะ!”

ฮั่วหยุนเซียวมองไปที่นาฬิกาของตนเอง “ตอนนี้?”

เฉินมู่พยักหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง “ใช่! ตอนนี้!”

ฮั่วหยุนเซียวไม่สนใจ ก่อนจะหันไปพูดกับคนขับรถอย่างฮานเฉิงว่า “กลับรถ และไปที่บ้านของตระกูลเฉิน”

เฉินมู่เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หยิบรองพื้นขึ้นมา และรีบปิดรอยแผลเป็นบนใบหน้าของตนเอง อันที่จริงเมื่อแต่งหน้าแล้ว รอยแผลเป็นก็ไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้น

เธอวิ่งออกจากประตู ยามที่รถเบนท์ลีย์ของฮั่วหยุนเซียวจอดอยู่ข้างถนน มือเรียวรีบโบกมือให้พลันสาวเท้าก้าวขึ้นรถ ริมผีปากบางแย้มยิ้มอย่างสดใส “สวัสดีตอนเช้า!”

ฮั่วหยุนเซียวยิ้ม ซึ่งเป็นยิ้มที่ค่อนข้างหายาก “สวัสดีตอนเช้า”

สิบนาทีต่อมา ฮั่วหยุนเซียวกับเฉินมู่กำลังนั่งอยู่ในเคเอฟซี สายตาของพวกเขาหันหน้าเข้าหากัน แต่ไม่มีเสียงใด ๆ ดังลอดออกมาจากสองฝั่งเลยสักนิด

เวลาผ่านไปนานพักใหญ่ การแสดงออกของฮั่วหยุนเซียวที่ปรากฏออกมาโต้ง ๆ ก็ทำให้หญิงสาวประหลาดใจ “นี่คือสิ่งที่คุณพูดเหรอ ไปตอนเช้าจะได้ทานของสดใหม่ใช่ไหม?”

เขารู้สึกว่า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีปัจจัยอันยากจะควบคุมเกิดขึ้นมา เกรงว่าทั้งเมืองปินไห่จะไม่มีทางเจอผู้หญิงคนที่สองที่มากินเคเอฟซีกับฮั่วหยุนเซียวอีกแน่นอน!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status