LOGINในชาติก่อนจางหลินซินเคยเป็นนักฆ่าผู้เก่งกาจ แต่ถูกครอบครัวทรยศและถูกยิงอย่างโหดเหี้ยม เฉินจือหานล้างแค้นแทนเธอและไปสวรรค์พร้อมกัน ในชาตินี้เธอได่เกิดใหม่และต้องการล้างบางพวกที่มันทำกับเธออย่างสาสม
View More14 กุมภาฯ วันวาเลนไทน์ เมื่อสิบปีก่อน
ในวันแห่งความรักเช่นนี้ใครต่อใครต่างมอบดอกกุหลาบหรือของขวัญแทนใจให้คนที่ตัวเองรัก บางคนก็เซอร์ไพรส์แฟนด้วยการขอแต่งงาน บางคู่ก็ถือเอาวันที่โลกเป็นสีชมพูเช่นนี้เป็นการออกเดตครั้งแรก และก็มีอีกหลายคนที่เดินเข้าไปสารภาพรักกับคนที่ตัวเองแอบรัก เช่นเดียวกับธารธารา อัศวนนท์ นักศึกษาแพทย์ ปีสอง ของมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐ ซึ่งใครต่อใครต่างคิดว่าเธอเป็นทอม ชอบผู้หญิง เพียงเพราะเธอชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วเธอนั้นเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ และแอบรักเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่ง จนถึงขั้นหาทางสารภาพรักกับเขาในวันนี้
หลังจากแอบเอาของขวัญไปใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของอีกฝ่ายในตอนเช้าตรู่ที่ปราศจากผู้คน ธารธาราก็ออกอาการกระวนกระวายจนเรียนไม่รู้เรื่อง กระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน
ปรเมศ จิรกุล หนุ่มฮอตของคณะแพทย์ศาสตร์เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกล่องของขวัญในมือ
“นี่ของมึงใช่ไหม” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาทว่าเย็นชา นัยน์ตาว่างเปล่า เอ่ยเสียงเรียบ
“เอ่อ…” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบว่ากระไรเขาก็สวนขึ้นเสียก่อน
“เอาของมึงคืนไป” เขายื่นกล่องของขวัญมาตรงหน้า ครั้นเธอจะรับอีกฝ่ายกลับจงใจปล่อยให้มันร่วงลงกระทบพื้นอย่างไม่แยแส จนสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกระเด็นออกมา
ธารธาราก้มลงมองนาฬิกาเรือนหรูที่ตัวเองอุตส่าห์เก็บเงินซื้อเกือบห้าเดือนด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเม้มปากแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์
“ทีหลังไม่ต้องเอาอะไรมาให้กูนะ กูไม่อยากได้ของมึง แล้วก็หัดเจียมตัวซะบ้าง กูเกลียดพวกผิดเพศจำไว้!”
“กูไม่ได้เป็นพวกผิดเพศ แค่ชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย กูผิดมากหรือไง” เธอค้านเสียงแข็งๆ แล้วเอ่ยเป็นเชิงพ้อในตอนท้าย คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่อยากปกปิดตัวตนที่แท้จริงในคราบของเครื่องแต่งกายทะมัดทะแมง หากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตไม่ตามมาหลอกหลอนเธอจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ยังไม่ทันที่แบดบอยตัวร้ายซึ่งมักแสดงด้านมืดออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอจะได้สวนกลับด้วยวาจาสุดโอหัง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็มุ่งตรงมาทางที่ทั้งคู่กำลังยืนหลบมุมอยู่
“พี่เมศขา…เมเม่ตามหาตั้งนานมาอยู่ที่นี่เอง”
น้ำเสียงหวานหยดเจือออดอ้อนอ่อนหวานของผู้มาใหม่ทำให้ธารธาราจำต้องกลั้นใจปรับสีหน้าให้เรียบสนิท ทว่าในวินาทีถัดมากลับต้องหัวตาร้อนผ่าว เมื่อสาวสวยดาวมหา’ลัยเดินเข้ามาเกาะแขนกำยำของปรเมศ แต่ที่มันชวนปวดใจกว่านั้นก็คือเขาหันไปคลี่ยิ้มบางๆ ทว่าอบอุ่นให้อีกฝ่าย แล้วยีผมแฟนสาวจนหล่อนหัวเราะคิกคัก ภาพสวีตที่เห็นตำตาทำให้ธารธาราแทบจะทนดูไม่ได้ และเขาก็เหมือนเลิกคิ้วท้าทายเธอ ก่อนจะก้มลงไปพูดกับแฟนสาว
“โทษทีนะตัวเล็ก พี่ลืมบอกไปเลยครับว่าจะมาที่นี่” น้ำเสียงสุภาพเจืออ่อนโยนที่หลุดออกมาจากปากหยักทำให้คนที่ตกเป็นส่วนเกินอดอิจฉาแม่สาวสวยตรงหน้าไม่ได้
“ขี้ลืมแบบนี้ต้องถูกทำโทษรู้มั้ยคะ”
“ยอมให้ทำโทษทั้งคืนเลยครับที่รัก” เขาเอ่ยเย้าอย่างยิ้มๆ พร้อมจ้องดวงหน้าสวยเฉี่ยวด้วยนัยต์ตากรุ้มกริ่มสื่อความนัยลึกซึ้ง ทำให้อีกฝ่ายค้อนน้อยๆ
“ว่าแต่…มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” ดาวมหา’ลัยคนสวยเอ่ยถามเสียงหวาน ขณะมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมาอย่างใคร่รู้ แล้วทันใดนั้นหล่อนก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ถูกทิ้งอย่างไร้ค่าบนพื้น
“นี่อย่าบอกนะว่าพี่มาสารภาพรักกับแฟนหนู” เจ้าของร่างสะโอดสะองหันขวับไปจ้องหน้าธารธารา แล้วเอ่ยเสียงแข็ง ความหึงหวงทำให้หล่อนเปลี่ยนท่าทีจากนางฟ้าเป็นนางมารร้ายในชั่วพริบตา
“ชู่ว์…ไม่เอา ไม่หัวร้อนนะคะคนสวย เมเม่ก็รู้นี่คะว่าพี่ไม่ชอบพวกผิดเพศ” ท้ายประโยคคนใจร้ายยังไม่วายตอกย้ำซ้ำเติมให้ธารธาราได้เจ็บปวดเป็นเท่าทวี
“งั้นเราไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่ทันรอบหนังที่เมเม่อยากดู”
“โอเคครับ”
ขาดคำหนุ่มหล่อสาวสวยที่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกก็ก้าวจากไป ทิ้งให้คนที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ยืนเคว้งคว้างอยู่ทางเบื้องหลัง แต่ยังไม่ทันจะเดินไปได้ไกลดาวมหา’ลัยคนสวยก็ปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์กับโมเดลลิ่งที่เธอสังกัดอยู่ ส่วนปรเมศก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เจ้าของร่างสูงใหญ่กลับหลังหัน แล้วเดินล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางขี้เก๊กมาหยุดลงตรงหน้าธารธารา
“เมื่อกี้กูลืมบอกไปอย่าง”
“มึงมีอะไรก็รีบพูดมา”
“ตัดใจจากกูซะ เพราะกูไม่มีวันชอบทอมอย่างมึง”
วาจาร้ายกาจสุดขั้วทำให้คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นทอมเจ็บลึกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หากแต่ต้องกำหมัดระงับความอ่อนไหว แล้วเชิดหน้าสวนกลับเสียงแข็งๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ากูรักมึงได้ กูก็เลิกรักมึงได้เช่นกัน”
ธารธาราไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ประกาศออกไปอย่างนั้น เธอก็แค่อยากให้ไอ้คนหลงตัวเองรู้สึกเสียหน้าบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะตัดใจจากอีกฝ่ายได้เช่นไร
ปรเมศทำเสียงเยาะในลำคอ แล้วเดินเข้าประชิดร่างบาง ทำเอาเธอถอยหลังไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่อแผ่นหลังแนบไปกับผนังตรงมุมลับตาคน แล้วก็ต้องหลับตาปี๋ในวินาทีที่ใบหน้าหล่อลากไส้เคลื่อนลงมาหา ลมหายใจผ่าวระอุที่รินรดพวงแก้มร้อนจี๋ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ก่อนจะแว่วได้ยินเสียงหัวเราะกลั้วลำคอหนา ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็จงใจกระซิบชิดใบหูน้อยด้วยถ้อยคำสุดโอหัง
“หึ…ให้มันแน่เถอะว่ะ กูเห็นคนที่ตกหลุมรักกูถอนตัวไม่ขึ้นทุกราย โดยเฉพาะพวกผิดเพศชอบตีฉิ่งและไม่เคยโดน ‘ของจริง’ อย่างมึง ถ้าได้ลองซักครั้งคงโงหัวไม่ขึ้น แต่เสียใจด้วยว่ะ กูไม่นิยมกระเดือกหุ่นแห้งๆ เหมือนไม้กระดานอย่างมึง ชิบหาย! แค่คิดว่าจะเอากับมึงกูก็ขนลุกแล้วว่ะ”
หลังจากยืนกำหมัดตัวสั่นเทิ้มทนฟังผู้ชายพันธุ์ดิบเหน็บแนมจนจบ เธอก็ลืมตาพรึ่บ ผลักอกกว้างให้ถอยห่าง แล้วย้อนกลับทันควัน
“ไอ้คนบ้า! กูบอกแล้วไง ว่ากูไม่ใช่พวกผิดเพศ แค่เหมือนทอม แต่กูเป็นผู้หญิง! กูเป็นผู้หญิงได้ยินไหม!” ท้ายประโยคธารธาราระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหมดสิ้นความอดทน
“ต่อให้มึงสลัดคราบทอม แล้วแต่งหญิงให้สวยกว่านี้ร้อยเท่า กูก็ไม่เหลือบตาแล เกลียดก็คือเกลียด…ชัดนะ!”
แบดบอยตัวร้ายขยี้หัวใจเธอให้แหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี ตบท้ายด้วยการแค่นยิ้มหยัน แล้วหมุนตัวเดินไปโอบแฟนสาวที่คุยโทรศัพท์เสร็จพอดี จากนั้นทั้งคู่ก็เดินจากไป
ปรเมศจากไปแล้ว แต่เธอยังคงยืนขาตายอยู่ตรงนั้น อาการอกหักทั้งที่ยังไม่ได้เอ่ยคำว่ารักออกมาจากปากมันเจ็บปวดจนธารธาราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนเม้มปากกลั้นน้ำตาที่กำลังจะทะลักออกมา สูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างเรียกสติ แล้วทรุดกายลงเก็บนาฬิกาเจ้ากรรมที่หน้าปัดร้าวจากการผลักไสอย่างไม่ไยดีของผู้ชายใจทมิฬ จากนั้นก็เก็บมันไว้ในล็อกเกอร์ ให้มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าเธอควรตัดใจจากคนใจร้ายพรรค์นั้นได้แล้ว
หลังจากวันนั้นหากมีปรเมศอยู่ที่ไหนก็จะต้องไม่มีธารธาราอยู่ที่นั่น แค่เห็นเธอไกลๆ เขาก็แสดงท่าทีหงุดหงิดเสียแล้ว การเปิดเผยความรู้สึกทำให้เขาเกลียดขี้หน้าเธอมากกว่าเดิม และนั่นทำให้เธอไม่กล้าเฉียดกายเข้าใกล้เขา ทำได้เพียงเฝ้ารักและแอบมองเขาอยู่ห่างๆ เพราะเจียมตัวดีว่าอีกฝ่ายแสนจะรังเกียจตนมากแค่ไหน
ไม่นานปรเมศก็เลิกกับสาวสวยดาวมหา’ลัย แล้วคบคนใหม่ไปเรื่อย โดยไม่คิดจะจริงจังกับใคร ทำตัวเป็นเพลย์บอยเนื้อหอมที่มีสาวๆ เคียงข้างกายไม่ว่างเว้น หนุ่มฮอต รูปหล่อ พ่อรวย ไม่เคยปฏิเสธสาวๆ ที่เข้าหา ยกเว้นเธอเท่านั้นที่เขาไม่คิดจะรับไมตรีจิต ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม
แต่ที่มันน่าแปลกก็คืออยู่ๆ นาฬิกาที่ธารธาราเก็บไว้ในล็อกเกอร์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย มันหายไปตอนไหนเธอมิอาจทราบได้ และไม่รู้ว่าใครเอามันไป จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
แต่ถึงแม้ว่านาฬิกาที่เป็นอนุสรณ์แห่งความเจ็บปวด เป็นสิ่งเตือนใจให้เธอหวนระลึกถึงการถูกคนที่ตัวเองแอบรักหักอกครั้งแรก จะหายไป แต่ความรักที่เธอมีต่อเขากลับไม่เคยจางหาย เช่นเดียวกับคำพูดที่เขาตอกหน้าอย่างไร้ความปรานีในวันนั้น ต่อให้ผ่านมานานแค่ไหนเธอก็ยังจำมันได้ขึ้นใจ ไม่อาจลืมเลือน
‘ต่อให้มึงสลัดคราบทอม แล้วแต่งหญิงให้สวยกว่านี้ร้อยเท่า กูก็ไม่เหลือบตาแล เกลียดก็คือเกลียด…ชัดนะ!’
ใครเลยจะรู้ว่าเธอไม่ได้อยากแต่งตัวเป็นทอม ไม่อยากถูกผู้ชายที่ตัวเองแอบรักประณามว่าเป็นพวกผิดเพศ ไม่อยากถูกเพศเดียวกันมารุมกรี๊ด หรือมาสารภาพรัก ไม่อยากฮอตในหมู่สาววาย หากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตไม่ตามมาหลอกหลอนเธอจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
เมื่อยี่สิบปีก่อน พ่อและแม่ของธารธาราถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมจากน้ำมือของหุ้นส่วนธุรกิจ คนเลวพวกนั้นกำลังจะลั่นไกปืนปลิดชีวิตเธอ หากคุณลุงข้างบ้านไม่มาช่วยไว้เสียก่อน จากการสูญเสียอันน่าเศร้าและแสนสะเทือนใจทำให้ลูกสาวมหาเศรษฐีอย่างเธอกลายเป็นคุณหนูตกยาก ไร้ที่พึ่ง บรรดาญาติๆ ต่างพากันผลักไสเพราะไม่อยากรับเป็นภาระ เดชะบุญที่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้ารับเธอไว้ในความดูแล ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ที่พักพิง ให้การศึกษา และให้ความรักความอบอุ่น แม้ว่ามันจะไม่อาจลบเลือนแผลในใจเธอได้ แต่มันก็ทุเลาลง กอปรกับเวลาช่วยเยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น จนเธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากพ่อกับแม่
ทว่าไม่นานแผลในใจของเธอก็ถูกสะกิดขึ้น เมื่อมีชายฉกรรจ์มาถามหาเด็กผู้หญิงที่มีรูปพรรณสัณฐานเหมือนเธอ ซึ่งธารธาราจำได้ขึ้นใจว่าสองในสี่คือคนที่เป็นผู้ลงมือสังหารพ่อกับแม่ของเธออย่างเลือดเย็นต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้นพวกมันก็มาป้วนเปี้ยนและด้อมๆ มองๆ แถวรั้วของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เธอหวาดกลัวจนตามติดแม่ครูแจและเอาแต่ร้องไห้ ซึ่งแม่ครูผู้ที่เธอรักและเคารพเกรงว่าคนเหล่านั้นจะทำร้ายเธอ ท่านจึงให้เธอตัดผมสั้น แต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย ให้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเสียใหม่ โดยใช้นามสกุลของท่าน ฉะนั้นจากเด็กหญิงนลีญา มหัสธาดา จึงกลายมาเป็นธารธารา อัศวนนท์ อย่างเช่นทุกวันนี้
เป็นคืนที่วุ่นวายที่สุดในเมืองหลวง ถนนหลายสายถูกปิดกั้น รถติดเป็นทางยาว และท้องฟ้ายามค่ำคืนมีเครื่องบินส่วนตัวหลายลำบินผ่านไปมา ชาวเมืองคิดว่าเป็นการซ้อมรบทางทหาร จึงพากันซุบซิบหลินซินกับทีมที่เจ็ดที่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาล ถูกโจมตีจากหน่วยคอมมาโดต่างชาติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเริ่มเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่กระนั้นก็ยังคงยิงได้แม่นยำ แต่การเคลื่อนไหวเริ่มช้าลง ลูกกระสุนที่บรรจุก็ไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรก ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่มีวันหมดสิ้น ฆ่าหนึ่งคนก็มีคนใหม่เข้ามาแทนหลินซินเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด"ใช้ยุทธวิธีฝูงชน น่ารำคาญจริงๆ" เธอยิงศัตรูที่กำลังวิ่งเข้ามา ยิงได้แม่นยำและฆ่ามันได้ทันที"หัวหน้า ศัตรูเยอะเกินไป เราไม่มีทางชนะ พวกเราจะถูกพวกมันฆ่าหมดถ้ายังสู้แบบนี้" 001 เปลี่ยนกระสุนซุ่มยิง"ฉันรู้!" หลินซินขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีแก้ไข ทีมที่เจ็ดที่อยู่ในห้องฉุกเฉินก็มาวิ่งมาหา ในแววตาแสดงถึงความหวัง"หัวหน้า! ทีมฉุกเฉินย้ายผู้ป่วยสำเร็จแล้ว พวกเขาให้เรามาแจ้งข่าว"ขอบคุณพระเจ้า!หากการผ่าตัดล้มเหลวหรือยืดเยื้อไปกว่านี้ พวกเขาทั้งหมดอาจต้องสังเวยชีวิต เธอไม
เงียบเกินไป เงียบจนหน้ากลัว ในขณะนี้ เธอได้ยินเพียงเสียงคลื่นทะเลตึก...ตึก...ตึก...บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอามือกุมบาดแผลที่หน้าอก เดินขากะเผลกเข้ามาหาหลินซิน ด้วยความเจ็บปวดเขาคุกเข่าลงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "นายหญิงหนีไปเถอะ...คุณชายมีอาการกำเริบ ครั้งนี้น่ากลัวมากไม่สามารถระงับได้ ผู้ช่วยเฉินให้ผมมาบอก คุณรีบออกจากเกาะตอนนี้เลย"หลินซินตัวเย็นเหงื่อท่วม เธอโยนของทุกอย่างในมือทิ้ง จับเสื้อของบอดี้การ์ดถามอย่างเร่งรีบ "ว่าอะไรนะ?! จือหานมีอาการกำเริบงั้นเหรอ ทำไมไม่แจ้งฉันเร็วกว่านี้!""นายหญิง เกาะที่คุณไปไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ข้อความจึงส่งไปไม่ถึง" บอดี้การ์ดไอเป็นเลือดในขณะนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินส่งเสียงเตือน เธอดึงออกมาดูพบว่ามีสายเรียกเข้าและข้อความแจ้งเตือนมากมาย"แย่แล้ว!"หลินซินทิ้งโทรศัพท์วิ่งตรงไปยังบ้านพัก ศพของสาวใช้และบอดี้การ์ดนอนเกลื่อนกลาด เลือดท่วมเต็มห้องนั่งเล่น มีโทรศัพท์ตกอยู่ข้างโซฟา เฉินอวี้พยายามยื่นมือไปหยิบเพื่อเรียกความช่วยเหลือ แต่ในวินาทีต่อมา เฉินจือหานเห็นการกระทำของเขา ยิงปืนจนโทรศัพท์แตกเป็นเสี่ยงๆจือหานเดินมาหาเฉินอวี้ใช้ปืนจ่อที่หัวเขา ริมฝีป
หลินซินตื่นเพราะเสียงคลื่นทะเล และถูกปลุกด้วยการถูกใบไม้เกามือ เมื่อเธอลืมตาใบหน้าหล่อเหลาของเฉินจือหานก็ปรากฏตรงหน้า เขาหนุนศีรษะด้วยมือข้างหนึ่งและใช้ใบไม้ด้วยมืออีกข้างเกาเธอเล่น"ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ""…"เป็นเพราะถูกเกาจนตื่นต่างหาก! เฉินจือหานถูกจับได้คาหนังคาเขาแต่ก็ไม่สนใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลินซินนั่งขึ้นด้วยความโกรธ แต่ด้วยแรงที่มากไป ผ้าห่มที่คลุมอกเธอก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นเรือนร่างเธอรีบคลุมผ้าห่มขึ้นกลิ่นของทะเลโชยเข้ามาในลำคอทำให้เธอรู้สึกแห้งผาก เมื่อมองไปรอบๆ ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่บังแสงอาทิตย์ไว้ ปล่อยให้มีพื้นที่ร่มรื่น ที่นั่งของพวกเขามีผ้าพื้นเมืองสีสันสดใสรองไว้กันทราย"พวกเราเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ" สายลมทะเลพัดผมที่ต้นคอของหลินซินเบาๆ"ใช่ เห็นเธอนอนหลับสบายเกินไป ฉันไม่อยากปลุก เลยสั่งให้เฉินอวี้เอาผ้าห่มมาให้ เรานอนที่นี่ทั้งคืน""อย่างนี้ก็แปลว่า..."เฉินอวี้เห็นพวกเราหมดแล้วสิ! หลินซินหน้าแดงจัด เฉินจือหานหัวเราะในลำคอ ความอบอุ่นซ่านในใจ เขาคิดว่าเธอน่ารักเหลือเกิน"ยังจะหัวเราะอีก!" หลินซินขว้างหมอนอิงใส่สามีด้วยความโกรธ
คลื่นทะเลซัดสาดเข้าหาชายหาดราวกับจิตใจที่ปั่นป่วนของหลินซิน ดวงตาเธอแดงขึ้นเมื่อไรก็ไม่รู้ ใจเกิดความรู้สึกหวั่นไหวจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา"ฉันก็รักคุณค่ะ จือหาน ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะรักคุณ"เฉินจือหานสวมแหวนเพชรที่นิ้วนางของหลินซิน และจูบที่หลังมือเธอราวกับเป็นการสาบาน ทั้งสองนั่งที่โต๊ะ เขารินไวน์แดงให้เธอ"นี่คือ นี่คือน้ำแห่งความรักของเรา ดื่มเพื่อฉลอง""ดื่มเพื่อฉลอง"แก้วไวน์ชนกัน หลังจากดื่มไวน์แดงไปหลายแก้ว แก้มของหลินซินเริ่มแดง ตาเธอพร่ามัว และมีอาการเมา เฉินจือหานเข้ามาใกล้อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน ลมหายใจร้อนของเขาพ่นลงบนลำคอ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ประคองใบหน้าของสามีและจูบเขา ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม"ที่รัก เธอทำแบบนี้ ฉันก็แย่สิ…" เฉินจือหานพูดเสียงแหบมีนัยยั่วยวนหลินซินยกมือขึ้นไปแตะเป้ากางเกงของเขา ทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาตื่นตัว เธออายจนก้มหน้าลง เฉินจือหานอุ้มภรรยามาที่ใต้ต้นมะพร้าว เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออก วางรองหลังเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ทรายบาดผิว"จะทำที่นี่เหรอ..." หลินซินกัดริมฝีปาก มองไปรอบๆ สถานที่นี้ดีมาก มีป่ามะพร้าวใหญ่บังสายตาได้อย่างดี เป






reviews