หน้าหลัก / แฟนตาซี / เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี / เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๑ เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๔)

แชร์

เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๑ เจ้าจันทร์คือสนมเอกของกรุงยักษา (๔)

ผู้เขียน: Madam Hangover
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-31 00:42:08

“อื้อ... ตรงนั้นมัน” เธอเปล่งเสียงครวญครางน่าเย้าใจ เพราะความรู้สึกทั้งมวลนั้นเต็มอิ่ม สยิวจนหายใจแทบมิทัน แก้มที่แดงระเรื่อถูกสัมผัสด้วยริมฝีปากหยัก ก่อนที่กลีบปากและเรียวลิ้นเล็กของมธุรสจะถูกช่วงชิงเป็นอย่างถัดไป

มธุรสถูกยักษ์หนุ่มกำราบได้เพราะเพียงรสจูบครั้งที่สอง ดูดดื่มและมัวเมา ตัวเล็กๆ ของเธออ่อนปวกเปียกแทบละลายคาอกหนา ทรวงถูกหยอกเย้าจนแดงแจ๋ ทั้งบี้ทั้งคลึงเสียจนเธอเสร็จสมคาตักแกร่ง จึงได้เวลาที่ยักษ์หนุ่มต้องรุกรานสรีระด้านล่างเสียบ้าง

มธุรสกัดกลีบปากของตนแน่น ร่างกายมิเป็นดั่งใจเอาเสียเลย ราวกับว่าเมื่อบุรุษตรงหน้าสัมผัสเธอที่ตรงใด ก็จะร้อนผ่าวและทิ้งความกรุ่นร้อนอยู่ตามผิวส่วนนั้น มือหนาใหญ่ที่อบอุ่น จับนั่นแตะนี่เพียงพึงใจ เลื่อนลงมาที่เอวคอดและสะดือสวย ลูบไล้ไปตามกายาที่เป็นสัดส่วนโค้งเว้าอย่างสตรีของนาง

จนปลดผ้าซิ่นสีหมากสุกของเธอได้ ผ้าผ่อนสีสดหล่นตุบไปกองลงกับพื้น มธุรสหน้าแดงก่ำ เปิดเปลือยอวดดอกไม้งามที่มีน้ำหวานชุ่มฉ่ำเล็กน้อยตรงเกสร เชิญชวนให้ภมรตัวยักษ์อย่างสุวรรณราพณ์ได้เชยชม

แม้นี่จะมิใช่ร่างกายของเธอก็จริง แต่เพราะวิญญาณจุติมาเกิดในร่างนี้แล้ว เลยรู้สึกเหมือนกับว่านี่คือร่างของตนเองไปแล้ว

ไอ้ความรู้สึกเสียวขยี้แทบขาดใจนี่ก็ด้วย ทุกอย่างมันเหมือนของจริงมาก!

ปลายมชฺฌิมา (นิ้วกลาง) ไล่ระดับลงมายังแอ่งแกนเกสรสวย มันเป็นสีขาวอมชมพูและกลีบงามนั้นปิดสนิทราวกับเด็กสาวแรกแย้ม ไรขนน้อยๆ ขึ้นเป็นอุ้งแซมๆ พอน่าดูชม

งดงามไปทั้งตัว ทั้งหอม ทั้งเย้ายวน กลิ่นกายสาปสาวมันหอมหวานราวกับรสทิพย์จากสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ มิเคยได้เสพกลิ่นหอมของสนมนางไหนแล้วปรีเปรมดิ์เช่นนี้มาก่อน

ไม่แคล้ว เจ้าจันทร์คงเป็นนางสวรรค์ที่จุติมาเกิดบนโลกนี้เป็นแน่แท้

สุวรรณราพณ์ชื่นชมดอกบัวงามที่ผลิบานอยู่ในอุ้งมือหยาบหนาของเขา รู้ดีว่าตนเป็นเพียงแค่ยักษ์ เผ่าพันธุ์อสุรกายที่ไม่ควรสมสู่กับมนุษย์ ยิ่งมนุษย์สูงศักดิ์และงดงามเช่นนาง ยิ่งไม่ควรแตะต้องให้หมองหม่นในเกียรติ

แต่ทว่า... สุวรรณราพณ์นั้นมีจิตสีทมิฬที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยู่มาก ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นนางฟ้านางสวรรค์ หรือพระธิดาที่งดงามบริสุทธิ์ของกษัตริย์พระองค์ใด

เขารู้ว่านางคือคู่ชะตาชีวิตของเขาเมื่อชาติปางก่อนเท่านั้น

นางคือสาวน้อยหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ที่ช่วยเหลืออสุรกายมิมีวันมอดม้วยมรณาเช่นเขา แม้จักรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ หญิงสาวก็ไม่ได้รังเกียจ เธอยอมตกเป็นเมียของยักษ์กายอัปลักษณ์ตนนั้น เพราะนางรักเขาอย่างมากล้น

ชาตินี้คู่ชะตาของเขากลับมาเกิดใหม่ เป็นสาวนงเยาว์ที่สวยสดงดงามตามบุญที่สร้างมา ซ้ำยังมีบิดาเป็นกษัตริย์ ต่างจากชาติก่อนที่นางเป็นเพียงแค่สาวชาวบ้านขี้ริ้วธรรมดา

ในขณะที่เขากลับมาเกิดใหม่ในพระครรภ์ของพระมารดาที่เป็นกษัตริย์เมืองยักษาแห่งนี้ เกิดมาเป็นกษัตริย์อสุราผู้โหดเหี้ยม บ้าหญิง หลายสนม และเสพมนตร์ขลัง รวมถึงระลึกชาติได้

แม้ว่าจะแตกต่างกันสักแค่ไหน แม้ว่าคู่ชะตาของนางในชาตินี้อาจไม่ใช่เขา

สุวรรณราพณ์ก็จะสาบานตนว่าจะตามหาเธอเรื่อยไป จนกว่าจะได้กลับมาอยู่กินร่วมกันอีกครา

และในเพลานี้... ดอกบัวงามดอกนี้ ตกอยู่ในกำมือของเขาเสียแล้ว

“อะ... อื้อ คุณสุวรรณราพณ์” เสียงหวานหวีดหวิวพอทำให้กระชุ่มใจยิ่งนัก ดวงใจของเธอถูกบดบี้ผ่านเนื้อนุ่ม ผ้าซิ่นหลุดออกจากกายเสียแล้ว กำไลข้อเท้าส่งเสียงกรุ้งกริ้งเมื่ออีกฝ่ายยกเรียวขางามขึ้นเพื่อจะได้สำรวจแกนเกสรได้ถนัด

ท่าทางของเธอและเขาในเวลานี้ช่างเรทอาร์เสียจริง โดยเฉพาะกับความรู้สึกตรงแอ่งเกสร ที่กำลังถูกปลายมชฺฌิมา (นิ้วกลาง) ชอนไช สะบัดปลายนิ้วหยอกล้อกับเมล็ดพันธุ์ของเธอที่บวมเต่งสุกใส ความซาบซ่านบังเกิดจนทำให้แน่งน้อยขนลุกซู่ บิดเกร็งไปมาด้วยความสยิวเกินทานทน

“เพรียกเพียงชื่อข้าก็พอ... เจ้าจันทร์” สุ้มเสียงทระนงแต่กลับขยี้อารมณ์สวาทดังข้างริมหู กดริมฝีปากจูบเบาๆ ที่สันกรามสวยของเธอ ดวงใจดวงน้อยสั่นเร้าจนแทบหลุดลงมากองกับพื้น

“อ๊ะ... คุณ อื้ออออ” ปลายนิ้วแทรกผ่านแกนเกสรสัมผัสความนุ่มนวลด้านใน เข้าออกอย่างเชื่องช้าเพราะแน่นขนัดเหลือทน สาวเจ้าแอ่นกายร้องครวญอย่างสิเหน่หา ยามเมื่อมชฺฌิมาพัดแรงขึ้น น้ำหวานก็ทะลักออกมาจากแกนกลางดอกบัวงามจนชุ่มฝ่ามือ

“แฮ่ก...” มธุรสหอบหายใจราวกับไปวิ่งมาราธอนมาก็ไม่ปาน ดวงใจสั่นตุบตับๆ เหมือนจังหวะรัวกลองในอก เชิญชวนให้กายาใหญ่นั้นกระตุกยิ้มยวน ยกฝ่ามือใหญ่ที่เปียกชุ่มจ้องมองน้ำหวานบนอุ้งมืออย่างหลงใหล

“หวานสมกับกายเจ้า” สุรเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างกกหูอีกครั้ง พร้อมกับลิ้มรสน้ำหวานในอุ้งมืออย่างเปี่ยมล้นไปด้วยไฟราคะในดวงจิต “หอมและหวาน ราวกับข้าได้ชิมน้ำผึ้งก็มิปาน”

เขาหยอกเย้าด้วยการโอ้โลมตัวนาง ร่างกายของนาง รวมถึงรสชาติของนางเช่นกัน

มธุรสกัดริมฝีปากแน่น เธอหอบหายใจ สั่นกระตุกเป็นระยะ รู้สึกราวกับว่าเพิ่งผ่านสงครามอันหนักหน่วงมา

“ฮึก... คุณสุวรรณราพณ์ใจร้าย” เธอเบ้หน้าร้องไห้ออกมาทันทีเมื่อคืนสติ ปล่อยให้พญายักษานิ่งตะลึงงั้นกับท่าทีที่เปลี่ยนไป เจ้าตัวน้อยนั้นปาดหลังมือกับดวงตาที่เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำใส สะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย “หนูกลัวแล้ว ไม่เอาแล้ว ฮึก”

“...”

“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว”

ว่ากันว่า... มธุรสนั้นเป็นเด็กสาวที่ไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก จนเธอโหยหาความรักมาก ชีวิตที่แสนน่าเวทนา และต้องตายลงในอายุขัยแค่ยี่สิบห้าปีโดยมิได้ทำอันใดที่สมควรจะทำ ไม่สมควรได้เสพสุขสันต์ในสิ่งที่ควรจะมี ดวงจิตก่อนตายในครั้งสุดท้าย นอกจากจะขอผัวแล้ว ก็อยากให้ตัวเองกลับมารู้สึกดั่งเช่นสาวรุ่นเยาว์อีกครา จนได้จุติมาเกิดในร่างของเด็กสาวเยาว์วัยคนนี้

ช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ถูกแต่งแต้มแค่เพียงความหงอยเหงา โดดเดี่ยว และไร้มิตรของเธอนั้น

อาจจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในโลกนี้ก็เป็นได้

ในนิมิต มธุรสมองเห็นตัวเธอในอายุสิบเจ็ดปี ที่นั่งอยู่เดียวดายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนัก

หญิงสาวผอมเพรียวไร้สัดส่วนโค้งเว้า สวมแว่นสายตาหนาเตอะ นั่งทำการบ้านกองโตของตนเองเพียงลำพัง ไร้พ่อแม่เคียงข้าง ไร้ไออุ่น เนื่องจากพอจาตุรงค์เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังอายุเพียงแค่สิบสองปี ส่วนแม่ก็ตรอมใจจากการตายของสามี กลายเป็นโรคซึมเศร้าต้องรับประทานยากดประสาททุกวัน ส่วนลูกสาวในอายุสิบเจ็ดปี ก็ได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่ยังน้อย

เธอทำทุกอย่างที่พอจะทำให้เป็นเงินได้ แม่ที่ไร้ความสามารถที่จะเลี้ยงดูจุนเจือครอบครัวเพราะจิตใจแปรปรวนนั้นทำให้มธุรสเติบโตมาด้วยลำแข้งของตัวเองเพียงลำพัง ไม่มีเพลาจักไปหาคนรักหรือคู่ครองของตัวเองเลย

เธอเป็นผู้ใหญ่ที่ยังคงจมอยู่กับโลก 2D และโลกเสมือนจริง บางครั้งก็ชอบทำตัวเหมือนเด็กจนน่าระอา

มธุรสชื่นชอบโลกของวรรณกรรม นวนิยาย เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอหนีออกจากโลกความเป็นจริงได้ชั่วคราว โลกที่เต็มไปด้วยความสวยงาม สามารถรังสรรค์ได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา ไม่ใช่โลกที่เธอนั้นดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว

ใบหน้าของสาวเจ้าหมองเศร้า เบือนสายตาหนีจากภาพอันอ้างว้างนั้นอย่างไม่อยากดู ตรงหน้าของเธอจึงฉายเป็นภาพมอนิเตอร์ของตัวเจ้าจันทร์ในฝันของเธอ

‘ชะตาของเจ้าถูกกำหนดขึ้นมาเช่นนี้แล้ว เจ้าจักกลายเป็นเจ้าจันทร์ ส่วนเจ้าจันทร์นั้นไซร้คือกายเนื้อของเจ้า’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๕) จบบริบูรณ์

    หลังจากที่จันทร์ดาได้พบกับแม่ที่แท้จริงของตนเอง แถมกรรณิกาอัปสรกับพระสุวรรณราพณ์ก็คิดจะจับมือกันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ต่อลูกอีก ต้องยอมรับว่าเธอมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว “จันทร์ดา เจ้านี่ฝีมือดีจริงหนา” หญิงสาวยิ้มเขินเมื่อมารดาของตนยกผ้าทอมือที่ถูกปักจากขนของครุฑขึ้นมาเชยชม แค่สอนการเย็บปักถักร้อยไม่กี่เดือน นับว่าลูกสาวของเธอหัวไวมากทีเดียว ถึงกับเย็บชุดสไบทรงเครื่องมาให้เลย แถมยังงามจับตาเสียด้วย “เจ้านี่มีพรสวรรค์น่าดู ข้าละภาคภูมิใจเสียจริงๆ” “เป็นเพราะท่านแม่สอนสั่งข้าเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ” ฝ่ายจันทร์ดาเองก็ถ่อมตัวและยกย่องความดีความชอบไปให้แม่ของตนเองแทน กรรณิกาอัปสรที่นั่งอยู่ร่วมกันที่ศาลาริมบึงบัวอดไม่ได้ที่จักแย้มยิ้มปิติยินดี เพราะตอนนี้แม่ลูกได้เข้าใจกันโดยสมบูรณ์ แถมยังสนิทสนมกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกด้วย ดูเหมือนจันทร์ดาเองก็ค่อยๆ เปิดใจให้เธอแล้วเช่นเดียวกัน บางคราหญิงสาวก็มองมาราวกับจะสื่อความขอบคุณ ตั้งแต่วันนั้น พระสุวรรณราพณ์ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในทุกกิจกรรมของลูกโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องบอก ในตอนนี้เหลือเพียงแค่จันทร์ดาที่ยังคงรักษาเอาไว้ได้ เขาจึงพยายามเข้าหาล

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๔)

    กว่าจักรู้สึกตัวก็โน้มดวงหน้าลงไป คุกเข่าลงเพื่อให้ร่างใหญ่ได้พอดีกับร่างกายเล็กๆ ของนาง ริมฝีปากของหญิงชายใกล้กันจนเอื้อมถึง แต่น้องคนดีกลับเบี่ยงหน้าหนีในทันใด“ข้าบอกพี่แล้วนะ ว่าข้ามีสามีแล้ว” นางยังคงใจแข็งแม้นดวงใจจักเต้นรัวราวกับกลองทับ ดวงหน้าคมคายจึงผละออกไป พระสุวรรณราพณ์ไม่คิดบังคับใจหล่อน หากพร้อมกลับมาคืนใจเมื่อใด เขาจักรออยู่ที่นี่เสมอ “ข้าอยากมาพูดคุยเรื่องอินทร์มุก... ข้ารู้มาว่าบุตรชายของเจ้าพี่หายตัวไป”“ข้าเองก็จนปัญญาที่จักอบรมบ่มสันดานไอ้ลูกชายคนนี้แล้ว ในคุกหลวงก็เหมือนกับว่าจักลักพาพระสนมเนตรเกล้าไปด้วย มันอาจหลงรักนางเข้าจริงๆ” กรรณิกาอัปสรนึกครุ่นคิดถึงชื่อหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในบทสนทนา เนตรเกล้า... คงเป็นผู้หญิงปากเสียที่จักเข้ามาทำร้ายเธอในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายเราหลงรักผู้หญิงร้ายกาจตนนั้น “นางถูกคุมขังเพราะเล่นชู้กับพระโอรส พี่กลัดกลุ้มใจเหลือเกิน”อัปสรสาวนึกตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายที่เคยตัวเล็กน่ารักเพียงครึ่งข้อขาคนนั้นจักเติบโตมาเกเรอาจหาญเล่นชู้กับผู้หญิงได้ แถมยังเป็นพระสนมของพ่อตนเอง ดูท่าว่าการเอาใจใส่ของเขานั้นจักมีปัญหา ลูกจึงเสียนิสัยไปได้ไกลเช่นน

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๓)

    หากแต่เด็กหนุ่มที่มองจ้องมาทางหล่อนนั้น ชวนให้รู้สึกแปลกๆ ราวกับเขาจ้องมองมาด้วยความใคร่อยากจักรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย แลไม่ได้ไว้ใจในตัวของหญิงสาวชาวมนุษย์นักไกรสรไม่ได้รับรู้เรื่องราวได้ชัดเจนสักเท่าไร เนื่องจากเจอแม่อีกทีก็ตอนที่พระสุวรรณราพณ์เล่าเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รู้แค่เพียงว่ามารดาพานางมาเพื่อต้องการชดเชยความผิดจากอดีตที่ทำต่ออีกฝ่าย เขาไม่ได้มาในตอนที่กรรณิกาเสกดวงตาที่ชิงมากลับไปให้เจ้าจันทร์ หรือแม้แต่เห็นตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในฐานะที่น่าอดสู จึงยังคงมีความคลางแคลงในตัวของเจ้าจันทร์อยู่พอสมควรเมื่อนึกถึงอดีต... ภาพของจันทร์ดาก็หวนคืนกลับมา ชวนให้เขารู้สึกเศร้าใจอยู่เล็กน้อย ที่ถึงแม้มารดาของตนจักเป็นฝ่ายเจรจาให้เอง แต่ชายผู้นั้นคือบิดาของจันทร์ดา เขาคงไม่มีวันให้อภัยอสุราตนนั้นที่เคยทำร้ายแม่ เหมือนที่แม่ให้อภัยเขาได้หรอกไกรสรคงไม่กล้าอาจหาญครองรักกับจันทร์ดา ในขณะที่มองดูแม่ที่เคยผิดหวังจากความรักต่ออสุราผู้นั้นได้ หากมีแม่กับผู้หญิงที่สมควรจะรัก เขาคงเลือกแม่ตนเองอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะแม่คือทุกอย่างของเขา แม่ผู้ให้กำเนิด แม่ที่ทำให้เขาเติบใหญ่มาอย่างดีที่สุ

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๒)

    ณ เมืองจันทร์ในเวลานั้น“เจ้าหญิงงั้นรึ! ที่พระราชวังมิมีองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว นางโดนราชายักษ์จับกินจนมิเหลือแม้แต่กระดูก แลเจ้าเองก็มิใช่องค์หญิง เจ้าตาบอด นำนังคนบ้านี่ออกไปนอกอาณาเขตราชวัง นี่เป็นรับสั่งจากกษัตริย์!”กว่าจักใช้ปีกน้อยๆ นั้นบินฝ่าเมฆหมอกมาสู่เมืองที่เคยจากมา จำต้องใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูง เจ้าจันทร์ในร่างนกการเวกตาบอดโผบินแลกลายเป็นร่างหญิงสาวในชุดไทยวิจิตร หากแต่ดวงตาที่บอดสนิททั้งสองข้างนั้น พร้อมทั้งท่าทางที่ราวกับคนไม่สมประกอบ ทำให้ชาวบ้านที่หลงเหลืออยู่ต่างพากันเข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนบ้าใบ้สติไม่ดี เจ้าจันทร์นั้นเดินโซเซด้วยตีนเปล่ามาจนถึงหน้าประตูวังตามกลิ่นลมรอบตัว แต่กลับถูกนายทหารไล่ตะเพิดออกมาดูเหมือนว่าเมืองจักถูกซ่อมแซม เกณฑ์ประชาชนที่ยังมีชีวิตรอดมาสร้างเมืองใหม่ แม้จักทุลักทุเลแต่ก็กลับมาแทบจะเหมือนเก่า เพราะกษัตริย์ยักษ์ตนนั้นมิได้คิดจักทำลายไปทั้งเมือง คงต้องขอบใจในวาสนาของลูกสาวที่เป็นตัวตายตัวแทน แลนางคงไม่มีวันกลับมา ว่ากันว่ายักษ์นั้นดุร้าย ป่านนี้คงไม่เหลือแม้แต่ซากเป็นแน่เอาเถอะ ขอแค่เมืองแลพระราชารอดพ้นวิกฤตนี้ไปก็พอใช่ เสด็จพ่อที่ดู

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๑)

    “มธุรสวดี งั้นเจ้ายินดีจักกลับไปอยู่กับพี่ใช่หรือไม่ เจ้ารู้ความในใจของพี่แล้ว แลพี่เองก็มิรู้ว่าจักชดเชยความรู้สึกที่เสียไปของเจ้าเช่นไร พี่โป้ปดเจ้า พี่ทำให้เจ้าช้ำอุรา พี่รู้ดี...”“พี่สุวรรณราพณ์ ข้าเคยมีความรักอันดีต่อพี่ ข้ามอบใจให้พี่ แลตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง” ท้าวไกรสิงห์สยายปีกสีชาดด้วยสีหน้าขุ่นหมองราวกับไม่อยากรับฟังสิ่งใดต่อจากนั้นอีกต่อไปแล้ว เขารู้ดีว่านางยังคงมอบดวงใจเฝ้ารักไอ้อสุราตนนั้น แลไม่มีเหตุผลที่จักไม่กลับไป ตลอดมาเขาทำได้เพียงรักแลถนอมนางให้ดีที่สุด“...”“แต่ข้าคงมิอาจตอบตกลงเพื่อกลับไปหาพี่ได้ ข้าค้นพบสถานที่ที่ข้าต้องอยู่แล้ว”“...”“แม้นจักไม่เทียบเท่าที่เคยมอบให้พี่ แต่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจที่จักมอบชีวิตให้พี่ไกรสิงห์ แลข้าเอง... ก็มีลูกชายที่ต้องดูแลในฐานะมารดาต่อจากนี้”“...!!”“หากพี่เข้าใจแลกลับไปแต่โดยดี ข้าอาจจักขอมากไป แต่ข้าขอฝากอินทร์มุกแลจันทร์ดาไว้กับพี่ด้วย ข้าอยากให้พี่ดูแล มอบความรักให้พวกเขาราวกับเป็นลูกแท้ๆ ของเรา... ถึงแม้ว่าข้าจักมิได้ตั้งท้องพวกเขามาก็ตาม”“...”“แต่ถ้าหากพี่ยังดึงดันจักฆ่าพี่ไกรสิงห์ ก็เอาชีวิตของข้าไปแท

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๒ ทวงคืนเจ้า (๔) จบตอน

    ความมืดที่กลืนกินสุวรรณราพณ์นั้นทำให้เมื่อครบวันตามกำหนด เขาจึงเคลื่อนทัพด้วยตัวคนเดียว ฝ่ามือกุมดาบทมิฬไว้แน่น ดวงตาวาวโรจน์ ร่างกายถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดจนเห็นเป็นเพียงเรือนกายสีทมิฬ เขาเหาะเหินเดินอากาศไปตามนภา ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมความพยาบาท บีบเค้นอัปสรบนท้องฟ้าเพียงถามหาทางไปวิมานฉิมพลี ด้วยความกลัวเพราะพญายักษ์นั้นเสียสติไปแล้ว เหล่าอัปสรชี้ไปทางเมฆที่เกาะกลุ่มแน่นหนาที่สุด เพียงขว้างศาสตราวุธไปทางกลุ่มเมฆเหล่านั้น ก็เกิดอัสนีบาตรจนกลุ่มเมฆเผยเส้นทางภายในที่เต็มไปด้วยแผ่นดินลอยฟ้า ปกคลุมไปด้วยต้นงิ้วออกดอกสีแดงฉานห้อยระย้าดูงดงามตระการตา แต่บัดนั้นสีแดงจักเป็นสีของโลหิตเหล่าประชาชนเมืองครุฑให้สาสมใจเขาเคลื่อนตัวออกจากเมืองยักษาโดยมิได้แจ้งจักษ์แก่ผู้ใดในเมือง มิว่าจักเป็นราชครูผู้สนิท หรือแม้แต่เหล่าอำมาตย์ผู้ภักดี เมื่อใช้เพลาจนสังวรีราพณ์สามารถกัดกินจิตใจได้เกินครึ่ง เขาจึงใช้แรงอสุรกายทมิฬขับเคลื่อนท่องคาถาเหาะเหินเดินอากาศหวังเพียงได้ฆ่าเผ่าพันธุ์ครุฑให้เหี้ยนแลพาอัปสรสุดที่รักกลับมาแลถ้าหากนางมิกลับมาที่นี่ เขาจักยอมดับดิ้นไปพร้อมกับคำสัตย์สาบานที่ว่ามิว่าชาติไหน ก็จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status