มาเฟียหนุ่มเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเข้าสู่วันที่สอง วันนี้เวกัสลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายของอีกวัน จะพูดให้ถูกก็คือเขาไม่สามารถนอนต่อได้ เพราะเสียงสนทนาของคนสองคนดังเกินกว่าจะข่มตาหลับ
“เหี้ยเอ๊ย! พวกมึงสองตัวกลับไปเลยไป๊!” น้ำเสียงหงุดหงิดถูกเปล่งออกมาอย่างสุดกลั้น
เซนกับลูเซียซึ่งกำลังนั่งคุยสัพเพเหระกันอยู่บริเวณโซฟาภายในห้องพักผู้ป่วยหันมามองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ
“เป็นส้นตีนอะไรอีก ตื่นมาก็โวยวาย -_-” ผู้บริหารลูซโซปรายตาใส่คนป่วยพร้อมกับรอยยิ้มหยัน “โกสท์แม่งน่าจะยิงเจาะปาก”
“ปากมึงสิ! หิวน้ำหยิบให้หน่อย -_-;”
“ข้างเตียงนั้นไง หยิบเองสิ” นิ้วเรียวชี้ไปยังโต๊ะบริเวณหัวเตียงที่มีเหยือกน้ำและแก้ววางคว่ำเสร็จสรรพ
“มาก็ไม่ดูแลกู มาทำห่าอะไรกัน คุยกันเสียงดังจนกูนอนไม่ได้”
“แค่มาดูว่าตายไหม ถ้าตายจะได้รีบซื้อหุ้นคืน”
คำตอบจากพ่อค้าแอลกอฮอล์ระดับโลกทำเอานักธุรกิจหนุ่มหัวเราะเหอะ ลูเซีย กรอสเวอเนอร์ถ่อจากฝรั่งเศสเพื่อมาดูใจหุ้นส่วนคนสำคัญถึงฮ่องกง
“เป็นเกียรติมากครับคุณลูเซีย” เขาประชดเพื่อนออกไปและเอื้อมสุดแขนออกไปหยิบเหยือกกับแก้ว “เจ็บแผลฉิบหาย…”
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับนาย…นาย!”
คีรีถลาเข้ามายังเตียงผู้ป่วยพร้อมกับดันให้ผู้เป็นนายนอนลง ก่อนที่จะเป็นฝ่ายรินน้ำจากเหยือกยื่นให้
“มีอะไร” เอ่ยถามลูกน้องหลังจากยกดื่มจนหมดแก้ว
“คุณข้าวปั้นโทรมาครับ”
สิ้นคำพูดของคีรี ทั้งห้องก็ตกเข้าสู่ความเงียบ ลูกน้องหนุ่มส่งโทรศัพท์ส่วนตัวของผู้เป็นนายให้ จากนั้นจึงถอยออกไปยืนรอที่มุมห้อง
“ฮะ ฮัลโหล ครับ…”
(พี่เวย์ ทำไมเพิ่งจะรับสายปั้น!)
“อ๊ะ เอ่อ พี่เพิ่งออกจากห้องประชุมครับ ปิดเสียงเอาไว้”
(งั้นก็แสดงว่าวันนี้กลับมาไม่ทันวันเกิดลูกใช่ไหมคะ?)
เสียงของปลายสายเบาลงหลังรับรู้คำตอบที่เฝ้ารอทั้งวัน
“พี่กลับตอนนี้ไม่ได้ครับ งานยังไม่เรียบร้อย” ฝ่ามือหนาถูกยกขึ้นมาลูบใบหน้าตนเองหลังเอ่ยจบ “ปั้นปลอบไข่หวานให้พี่หน่อยได้ไหม?”
ไม่ใช่ว่าไม่แคร์ลูก
แต่สภาพเขาในตอนนี้ไม่สามารถกลับไปหาลูกกับเมียได้ ไม่งั้นคำถามมากมายคงตามมาไม่จบไม่สิ้น
(พี่เวย์โอเคหรือเปล่าคะ?)
น้ำเสียงของข้าวปั้นอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เขาบอกว่างานมีปัญหา เวกัสจึงสบโอกาสนี้ปั้นน้ำเสียงเคร่งเครียดออกไปให้เธอได้ฟัง
“พี่ต้องไปดูไซต์งานด้วยตัวเอง ลูกค้ารายนี้ค่อนข้างเรื่องมาก ปั้นพูดกับลูกให้พี่หน่อยนะครับ”
(จะพยายามค่ะ รีบกลับมาง้อไข่หวานนะคะ)
“ครับ...พี่ต้องเข้าประชุมรอบบ่ายแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ พี่รักปั้นนะ”
ติ๊ด!
เป็นครั้งแรกที่คนอย่างเวกัส อัศวยุธานนท์ พ่อบ้านโนหนึ่งกล้าตัดสายเมียตัวเองทิ้งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา เมื่อกี้เขายอมรับอย่างไม่อายเลยว่าล่กมาก ตอนนี้ใจเขาเต้นแรงจนลามไปปวดแผลที่สีข้างจนเหงื่อตก
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกโกหกเมีย” เซนถามพลางยิ้มมุมปากออกมา “หลอกเมียว่าทำรับเหมา จนต้องตั้งบริษัทแบกค่าใช้จ่ายจนหลังแอ่น สักวันมึงจะล้มละลายเพราะบริษัทเหี้ยนี่”
“เสือก -_- กูมาไกลจนไม่รู้จะกลับตัวยังไง” สารภาพออกมาอย่างตรงไปตรงมา ก่อนจะเอนกายลงนอน
“เพราะแบบนี้ไง ช่องว่างมึงถึงได้เยอะไปหมด”
“ถ้าเป็นกู มึงตายไปแล้วเวกัส” ลูเซียสำทับคำพูดเซนอีกคน “มึงเคยมีปัญหากับโกสท์ มาฮ่องกงควรพกลูกน้องมาเยอะกว่านี้”
“กลัวแต่เมียสงสัยจนต้องมานอนให้น้ำเกลือ เหอะ”
“พวกมึงรุมกู -_-^”
แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าเรื่องจริง
“รีบสารภาพกับเมียมึง กูหวังดี”
“คนมีเมียเข้าข้างตลอดเวลาอย่างมึงอย่าสาระแนมาสอนกู ข้าวปั้นไม่ได้นิสัยเหมือนพริมโรส” ริมฝีปากหยักเอ่ยพาดพิงภรรยาของเซนและลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่าย
“หาใหม่เลยไหมล่ะ?”
“ไม่”
อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ได้ คนเป็นเพื่อนเลยขี้เกียจจะพูดต่อ
“หาคนตัวคนทำได้เหรือยัง?” คราวนี้เวกัสหันกลับไปถามลูกน้อง
คีรีพยักหน้า ขยับเข้ามารายงานเจ้านาย ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกหยิบออกมาจากเสื้อสูทสีดำ เขาส่งมันให้ผู้เป็นนายก่อนจะเริ่มรายงานสิ่งเจอมา
“มีรายงานว่า ก่อนที่นายจะมาถึงฮ่องกง มีศัตรูของเราสองคนติดต่อไปที่โกสท์”
มือข้างที่ยังมีสายน้ำเกลือเปิดเอกสารขึ้นมาสองชุด ในนั้นมีหลักฐานการโอนเงินไปยังเลขบัญชีต่างประเทศ ซึ่งเขาเคยได้ข้อมูลจากบีมว่าอาจมีความสัมพันธ์กับองค์กรนักฆ่า
“คนแรกคือแจ็คสัน นักธุรกิจชาวจีน เจ้าของธุรกิจนำเข้าสปอร์ตคาร์และสนามแข่งรถในประเทศไทย อีกคนคือนาตาลีอดีตภรรยาของฟิลิปส์ครับ”
“แจ็คสัน? มึงมีปัญหาอะไรกับมัน?” ลูเซียถามเพื่อนก่อนคนแรกหลังจากคีรีเอ่ยชื่อของนักธุรกิจที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันออกมา
“กู…ประมูลของตัดหน้ามันมา แต่ๆๆ นานแล้ว”
“จะพูดให้ถูก คือนายประมูลของตัดหน้าแจ็คสันสามครั้งครับ” ลูกน้องคนสนิทรายงานออกไปตามจริง
ส่วนคนถูกแฉก็จิ๊ปากนั่งเงียบ
“ก็กูอยากได้ อันแรกก็แหวนของอเมทิสต์ ก็เอามาใช้ขอเมียกูแต่งงาน ส่วนอีกสองชิ้นก็เป็นรถยนต์ที่ประมูลมาแล้วไม่ค่อยได้ใช้ ตอนนี้เลยจอดทิ้งไว้สวยๆ อยู่ที่บ้าน”
เพื่อนสองคนที่ได้ฟังก็หัวเราะเหอะ หันหน้าหนีไปคนละทาง
“เป็นกู กูไม่ส่งสไนเปอร์ไปให้มึงหรอก กูจะเอาระเบิดไปโยนเข้าบ้านมึง” เซนหัวเราะออกมาหลังพูดจบ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
“แจ็คสันมันไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย กูกล้ารับประกัน” เจ้าของดวงตาสีเทามูนสโตนเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจ
คงเพราะแจ็คสันคือคู่ค้าของลูเซียเช่นกัน เขาถึงกล้ารับรองออกมา
“แล้วมันติดต่อโกสท์ทำไม?”
“ก็คงมีธุระส่วนตัวมันนั่นแหละ”
“ช่างแม่งก่อน คีรีไปซื้อตุ๊กตาให้ไข่หวาน พรุ่งนี้กูจะกลับไทย”
“จัดการเรียบร้อยครับนาย”
“มึงแน่ใจนะว่าเมียมึงจะไม่สงสัยแผลมึง”
“กูเตรียมไว้แล้ว” เตรียมที่ว่าคือคำพูดโกหกกรณีที่ข้าวปั้นจับได้ว่าตนเองบาดเจ็บ
อุบัติเหตุจากการทำงานง่ายๆ คนตัวเล็กคงไม่สงสัยอะไร
“เวกัส…”
เซนเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นครั้งแรก ทำเอาทั้งห้องเงียบลงและหันไปมองเขาเป็นตาเดียว
“บอกเมียมึงก่อนที่จะรู้เอง หรือเกิดอะไรที่แย่กว่านี้”
ครั้งนี้เวกัสรอดจากความตายเพราะดวง แต่มันอาจจะไม่มีครั้งถัดไป
“ถ้ามึงไม่ห่วงตัวเอง มึงก็ควรจะลูกกับเมียมึง”
“…”
“ระวังว่ามันจะหันไปเล่นข้าวปั้นกับไข่หวาน”
มาเฟียหนุ่มได้ยินคำเตือนของเพื่อนก็พยักหน้า เขาเองก็ไม่ได้อยากโกหกคนรักเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ปกปิดเอาไว้ห้าปีกว่าๆ มันไม่ได้ง่ายที่จะยืดอกพูดออกไปว่า
‘ปั้นครับ เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับพี่ที่หนูรู้มา พี่โกหกหมดเลย’
‘ไม่เป็นไรค่ะพี่เวย์ เรามาเริ่มกันใหม่นะคะ ^^’
ไม่มีทาง...
เขาไม่สามารถสละความไว้เนื้อเชื่อใจที่เธอให้ทิ้งไปได้ เพราะอาจไม่ได้รับมันอีกเลยตลอดชีวิต
“เพิ่มคนตามประกบข้าวปั้นกับไข่หวาน”
คำสั่งนั้นถูกเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะกดมือถือส่งข้อความบอกภรรยาว่าจะกลับบ้านในวันพรุ่งนี้
════☆♡☆════