ช่วงเวลาสอบกลางภาคกำลังจะเริ่มขึ้น ทำให้บรรยากาศของนักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 เต็มไปด้วยความกดดัน อาจารย์เร่งสอนเนื้อหาให้ทันก่อนสอบ ขณะที่นักศึกษาทุกคนต่างต้องเร่งอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนอย่างเคร่งเครียด ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของกนกเองที่ตอนนี้กำลังปรึกษากันว่าหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วพวกเขาจะไปอ่านหนังสือกันที่ไหนต่อ
“หลังจากนี้คงต้องติวให้เยอะกว่าเดิม” กนกพูดขึ้นขณะที่พราวและมิวกำลังกดโทรศัทพ์เปิดดูแหล่งบันเทิงเพื่อผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดที่เพิ่งผ่านกันมา
“ก็คงงั้นแหละ เพราะบางคาบแกก็หลับในห้องไง กนก” พราวอมยิ้มและดูสนุกที่ได้แซวเพื่อนตัวเล็ก
“ทำเป็นพูดนะพราว เหมือนแกไม่เคยหลับ”
“ถึงชั้นจะหลับ แต่ก็ไม่ได้หลับเกือบทุกคาบเหมือนแก” ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะเถียงกันจะเกิดเสียงดังและอาจจะมีการโกรธเคืองเกิดขึ้น
“ทั้งสองหยุดเลย เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” มิวแทรกเข้ามาด้วยเสียงหนักแน่น
“หลังจากกินข้าววันนี้ เราจะไปหาหนังสือที่ห้องสมุด ใครจะไปบ้าง?”
“เราไป” พราวตอบทันที
“เราไปด้วย”
“ไม่ใช่ว่าไปอ่านหนังสือนิยายนะ กนก” พราวแซวอีกครั้ง
“แล้วจะทำไม พราว?” กนกถามด้วยเสียงเหนื่อยๆ
“พราว หยุด! กนกพอได้แล้ว... ถ้าทั้งสองยังพูดไม่รู้เรื่อง เราจะไปคนเดียว” มิวตัดบทและเริ่มจำรำคาญการต่อล้อต่อเถียงของเพื่อนทั้งสองคน จากนั้นพวกเขาทั้งสามจึงเดินทางไปห้องสมุดคณะซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงอาหารเท่าไร
ห้องสมุดของคณะวิทยาศาสตร์กว้างขวางและแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ให้นักศึกษาได้ใช้ตามความต้องการ เมื่อมาถึง ทั้งสามคนเลือกจับจองโต๊ะบริเวณโถงกลาง ซึ่งสามารถมองเห็นทั่วทั้งห้องสมุดได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสะดวกต่อการหยิบหนังสือจากชั้นวางรอบๆ
ขณะที่ทั้งสามกำลังค้นหาหนังสือเพื่ออ่านเพิ่มเติม กนกก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เขา ความรู้สึกนั้นชัดเจนจนทำให้เขาขนลุก แต่เมื่อหันกลับไปมองรอบตัว ทุกอย่างกลับดูเป็นปกติ นักศึกษาคนอื่นยังคงอ่านหนังสือและพูดคุยกันตามปกติ ไม่มีใครแสดงท่าทีผิดสังเกตหรืออย่างน้อยก็ไม่มีใครที่เหมือนกำลังมองเขาอยู่
“แกเป็นอะไร กนก... ทำไมทำตัวแปลกๆ?” มิวถามขึ้นมาอย่างสงสัย มองเพื่อนของเขาที่หันซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
“ไม่รู้... แต่รู้สึกแปลกๆ” กนกตอบ สีหน้าของเขาดูไม่มั่นใจนัก
“ทำไมหรอ?” พราวที่ยืนอยู่ข้างๆ เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะหันมองตามกนก
“รู้สึกเหมือนมีคนมอง”
“หรอ...” พราวมองไปรอบๆ อีกครั้ง สายตากวาดไปตามมุมต่างๆ ของห้องสมุดที่เต็มไปด้วยนักศึกษา แต่ทุกอย่างก็ดูปกติ
“ก็ไม่เห็นนะ... คิดไปเองหรือเปล่า?” พราวพูดพลางยักไหล่
“อืมมม... อาจจะ” กนกพึมพำ แต่ลึกๆ แล้ว เขายังไม่แน่ใจนัก
แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพราะความเครียดจากการสอบกลางภาค แต่ความรู้สึกเหมือนมีใครสักคนจับจ้องเขาอยู่ก็ยังไม่หายไป...ถึงแม้จะมีความกังวลในใจ แต่พอมองกลับไปก็ไม่พบเจอใครหรือสิ่งใด เลยกลับมาจดจ่อกับชั้นหนังสือตรงหน้า และช่วยกันหาหนังสือเพื่อใช้ในการอ่านบททวนก่อนสอบ
ยิ่งช่วงใกล้สอบกลางภาคหลังจากนักศึกษาเรียนจบคลาสสุดท้ายช่วงประมาณ 4 โมงกว่า หลายคนจึงมารวมตัวกันที่ห้องสมุด ทำให้ในช่วงภาคค่ำวันนี้ ภายในห้องสมุดกลับคับคั่งไปด้วยนักศึกษาหลากหลายชั้นเรียน บางคนมาหาหนังสือเพื่อเตรียมสอบ บางคนมาติวหนังสือ ทำให้ห้องสมุดที่ดูกว้างขวางกลับแคบลงไปจนแทบไม่มีที่ว่าง
“วันนี้คนเยอะอ่ะ” กนกหันมองไปดูรอบๆ ห้องสมุดแล้วก็แปลกใจเล็กที่เพราะวันนี้นักศึกษาเยอะกว่าทุกๆ วันที่เขาเคยมา
“อืม... หิวข้าวแล้วด้วย” พราวหันไปพูดคุยกับกนก
“กี่โมงแล้วล่ะ?” มิวเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนทั้งสองที่เริ่มจะไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือแล้ว
“จะทุ่มนึงแล้ว... หิวข้าวอ่ะ เราไปกินข้าวกันเถอะนะ มิว” พราวตอบอย่างรวดเร็ว
“อืม... งั้นเรากลับกัน”
“เย้!” เสียงพราวแสดงความดีใจอย่างไม่ปิดบัง มันทำให้มิวต้องเผลอส่ายหน้าให้กับเพื่อนสาวที่คิดอะไรก็จะแสดงออกมาทันที
ขณะที่ทั้งสามเก็บของเตรียมตัวจะออกจากห้องสมุด ชายคนหนึ่งในชุดนักศึกษาปีสูงกว่าเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา เขาถือถุงกระดาษใบเล็กไว้ในมือ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้ากนก
"น้องกนกครับ... มีคนฝากมาให้"
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ และก่อนที่กนกจะได้เอ่ยถาม เขาก็รีบส่งถุงกระดาษให้ แล้วก้าวฉับๆ เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยที่ยังค้างคา
"ใครอ่ะ? พี่รหัสหรอ?" พราวรีบเอ่ยถาม ขณะชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ
"นั่นสิ เปิดตัวขนาดนี้เลยเหรอ? …นึกว่าให้พวกเราตามหาซะอีก" มิวพูดเสริม พลางเหลือบมองไปทางที่ชายคนนั้นเดินจากไป
ขณะที่ทั้งสามเก็บของเตรียมตัวจะออกจากห้องสมุด ชายคนหนึ่งในชุดนักศึกษาปีสูงกว่าเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา เขาถือถุงกระดาษใบเล็กไว้ในมือ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้ากนก
"น้องกนกครับ... มีคนฝากมาให้"
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ และก่อนที่กนกจะได้เอ่ยถาม เขาก็รีบส่งถุงกระดาษให้ แล้วก้าวฉับๆ เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยที่ยังค้างคา
กนกมองถุงในมือด้วยความงุนงง มันมีน้ำหนักเบาและไม่ใหญ่มาก พอจะดูออกว่าข้างในมีของกินหรืออะไรบางอย่างที่ไม่ได้หนักเกินไป
"ใครอ่ะ? พี่รหัสหรอ?" พราวรีบเอ่ยถาม ขณะชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ
"นั่นสิ เปิดตัวขนาดนี้เลยเหรอ?" มิวพูดเสริม พลางเหลือบมองไปทางที่ชายคนนั้นเดินจากไป "หรือว่า... คนที่พวกเราตามหา?"
"ไม่รู้เหมือนกัน" กนกตอบเสียงเบา ดวงตายังคงจับจ้องถุงกระดาษในมือ เขารู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆ
"เปิดดูหน่อยๆๆ!" พราวเร่งเร้า ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้ กนกค่อยๆ เปิดปากถุง ข้างในมีขนม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง และซองจดหมายเล็กๆ สีขาววางอยู่ด้านบนสุด
"โห... ขนมน่ากินอ่ะ ขอนะ!" พราวไม่รอช้า คว้าหยิบขนมออกมาอย่างตื่นเต้น แต่กนกไม่ได้สนใจของกินพวกนั้นเล
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ซองจดหมายนั่น รู้สึกถึงบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาด...
"พราว! เสียมารยาท เขาไม่ได้ให้เธอสักหน่อย” มิวดุเพื่อนสาวที่มักจะทำอะไรตามอำเภอใจเสมอ
“ก็ให้กนกไง... เราเพื่อนกันเนอะ” พราวยิ้มทะเล้น ขณะที่กนกยังไม่ได้สนใจของในถุง แต่กลับดึงซองเล็กๆ ออกมาแทน เมื่อเปิดดู เขาพบว่ามันเป็นการ์ดใบเล็กที่มีข้อความเขียนไว้
"อย่าลืมพักผ่อนด้วย ไม่ต้องกลัวนะ... พี่จะไม่ทิ้งเรา"
กนกเบิกตากว้าง ความรู้สึกหนาวเยือกแล่นผ่านสันหลัง เขาเผลอเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวทันที ในโถงกลางของห้องสมุด เสียงนักศึกษายังคงดังจอแจ ทุกอย่างดูปกติ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกไม่ปกติเอาเสียเลย นี่มัน... ประโยคเดียวกับที่เขาเคยได้ยินมาก่อน...“กนก เป็นอะไรหรือเปล่า?” มิวเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนนิ่งไป สีหน้าของกนกดูซีดเผือดกว่าปกติ
“อ่า... เปล่า”
“กลัวหรอ?”
“อ่า...” กนกอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก
“งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากินให้เอง” พราวคว้าถุงขนมไปทันที ก่อนจะเดินนำออกไป มิวมองกนกอย่างเป็นห่วง ก่อนจะเดินเข้ามาประคองเขาให้เดินตามไป ท่ามกลางฝูงชนที่คับแน่นของห้องสมุด แต่กนกยังคงหันมองไปรอบๆ อย่างไม่ลดละราวกับหวังว่าจะได้พบใครบางคนที่เขาตามหา...
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน