Beranda / มาเฟีย / เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู / บทนำ : รอยร้าวแห่งกาลเวลา

Share

เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู
เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู
Penulis: หลูซื่อเต๋อ

บทนำ : รอยร้าวแห่งกาลเวลา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-21 19:49:14

ซู่ๆๆ

สายฝนโปรยลงมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้ามืด มันช่างน่าแปลก ปกติแล้วช่วงฤดูร้อนแบบนี้มักไม่ค่อยมีฝนตกลงมาสักเท่าไหร่ แต่ปีนี้สภาพอากาศดูแปรปรวนกว่าที่ผ่าน ๆ มา ท้องฟ้าทั้งผืนเป็นสีเทาหม่นขมุกขมัวเหนือเมืองหลวงในวันนี้ดูราวกับเป็นผ้าม่านที่กำลังปิดบังบางสิ่งเอาไว้

เป็นวันที่ไม่สดใสเอาเสียเลย...

หลินซือหยูคิดพลางยืนนิ่งอยู่หน้าตึกสูงของมหาวิทยาลัย เธอเปียกฝนเล็กน้อย มือกำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วซีด เพราะเธอเพิ่งได้รับข้อความจากอาจารย์ที่ปรึกษามาหมาด ๆ

ถ้าคุณยังส่งงานวิจัยไม่ทันภายในสิ้นเดือนนี้ ผมจะตัดคุณออกจากรายชื่อนักศึกษา ผมยืดเวลามาให้คุณมากเกินไปแล้ว

คำขู่ที่แสนเย็นชานั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความกลัว เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ อากาศชื้น ๆ จากฝนไหลซึมเข้าเต็มปอด แต่ไม่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด ยิ่งเจอสภาพอากาศแบบนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกดิ่งไปกันใหญ่

“ทำไมชีวิตฉันถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้เนี่ย!!” ซือหยูพึมพำกับตัวเอง น้ำตาคลอหน่วยที่ดวงตาทั้งสองข้าง

เธอในวัยยี่สิบห้าปีไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเลยสักครั้ง ครอบครัวก็แตกแยก เพื่อนก็มีน้อย แถมการเรียนก็ดันกลายเป็นโซ่ตรวนล่ามเธอจากอิสระมากกว่าที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของเธออย่างที่เคยปรารถนา

ลมเย็นจากถนนที่รถราพลุกพล่านพัดผ่านมา ผมยาวสีน้ำตาลเข้มของเธอที่มัดไว้หลวม ๆ ปลิวไปตามแรงลม เธอถอนหายใจเบา ๆ ขณะมองกลุ่มเพื่อนร่วมชั้นที่ทยอยลงมาจากรถบัสของมหาวิทยาลัย บางคนถือสมุดบันทึก บางคนสะพายกล้องถ่ายรูป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนดูตื่นเต้นกับการทัศนศึกษาในครั้งนี้มากขนาดนั้น

สำหรับเธอ มันก็เป็นแค่วันหยุดที่ถูกขโมยไปโดยอาจารย์จอมเข้มงวดวิชา “ประวัติศาสตร์เอเชียยุคกลาง” ที่เพิ่งส่งข้อความขู่มาให้เธอเมื่อครู่

บอกให้พวกฉันมาทัศนศึกษาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม...

แต่ตัวอาจารย์เจ้าของวิชาดันไม่มาด้วยเนี่ยนะ!

“ซือหยู รีบมาเซ็นชื่อเร็วเข้า!” เสียงแหลมใสของ หลี่เสี่ยว เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอในชั้นเรียนดังขึ้นจากด้านหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ หลี่เสี่ยวโบกมืออย่างกระตือรือร้น ผมสั้นสีดำของเธอเด้งไปมา “พ่อฉันบอกว่าวันนี้พิเศษมาก มีของใหม่จากราชวงศ์ถังมาโชว์ด้วย”

“รู้แล้วน่า!” ซือหยูยกยิ้มบางก่อนจะเอ่ยตอบสั้น ๆ แล้วลากขาเดินตามไป เธอหยิบปากกาจากกระเป๋าสะพายใบเก่าขึ้นมาเซ็นชื่อลงไปในสมุดที่หลี่เสี่ยวยื่นมาให้อย่างไม่เต็มใจนัก

หลี่เสี่ยวเป็นลูกสาวของศาสตราจารย์หลี่ หัวหน้าทีมขุดค้นที่ดูแลการทัศนศึกษาในครั้งนี้ และนั่นทำให้หลี่เสี่ยวตื่นเต้นเกินเหตุกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ต่างกับซือหยูเพราะเธอไม่เคยเข้าใจ ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนประวัติศาสตร์มาเกือบสี่ปี แต่เธอก็ชอบอ่านตำรามากกว่าการมองของเก่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและฝุ่นแบบนี้

“เธอจะตื่นเต้นไปไหนเนี่ย” ซือหยูพูดหยอกขณะเดินตามหลี่เสี่ยวเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ กลิ่นเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศผสมกับกลิ่นไม้เก่าของพื้นโถงใหญ่ตีเข้าจมูก เธอมองไปรอบ ๆ เห็นป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ที่เขียนเอาไว้ว่า

นิทรรศการพิเศษ: สมบัติจากราชวงศ์ถัง

“ก็มันพิเศษจริง ๆ น่ะสิ” หลี่เสี่ยวตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริง “พ่อบอกว่ามีของชิ้นหนึ่งที่เพิ่งขุดเจอจากสุสานเก่า เป็นจี้หยกที่สวยมาก ๆ ยังไม่มีข้อมูลด้วยนะว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นของใคร”

“เหรอ...”

“เธอต้องชอบแน่ๆ เพราะมันเกี่ยวกับตระกูลหลิน” หลี่เสี่ยวบอกพลางหันมามองหน้าซือหยูด้วยความตื่นเต้น

“ตระกูลหลิน?” ซือหยูเลิกคิ้ว “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”

เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงขบขัน เธอรู้ว่านามสกุล หลินของเธอเป็นชื่อที่พบได้ทั่วไปในจีน แต่การที่หลี่เสี่ยวยกมาเชื่อมโยงแบบนี้ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ

“ก็ไม่รู้สิ” หลี่เสี่ยวหัวเราะ “แต่มันบังเอิญดีออก บางทีเธออาจจะมีเชื้อสายขุนนางโบราณก็ได้นะ” เธอควงแขนซือหยูแล้วลากเข้าไปในโถงนิทรรศการโดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่เริ่มเบื่อหน่ายของเพื่อนสาว

ภายในโถงใหญ่แสงไฟจากโคมระยิบระยับสาดส่องลงบนตู้จัดแสดงที่เรียงรายอยู่ตามผนัง ซือหยูปล่อยให้หลี่เสี่ยวนำทางไปตามจุดต่าง ๆ ผ่านโลงศพไม้ที่มีรอยขูดลึก ๆ ดาบทองสัมฤทธิ์ที่ขึ้นสนิม และผ้าไหมเก่าที่ขาดวิ่น เธอพยักหน้าให้

หลี่เสี่ยวเป็นระยะ ๆ ราวกับว่ากำลังตั้งใจฟัง แต่สายตาของเธอเริ่มเลื่อนไปมองนาฬิกาข้อมือบ่อยขึ้น เธอแอบนับเวลาว่าเมื่อไหร่จะถึงตอนที่ได้กลับหอพักเพื่อนอนอ่านนิยายออนไลน์เรื่องโปรดสักที

จนกระทั่งเธอหยุดชะงักอยู่ที่หน้าตู้กระจกตู้หนึ่ง...

มันไม่ใช่ตู้ที่ใหญ่ที่สุดในโถง และไม่ใช่จุดที่คนมุงมากที่สุดด้วย แต่บางอย่างในนั้นดึงดูดสายตาของเธอโดยไม่รู้ตัว ซือหยูปล่อยแขนหลี่เสี่ยวในทันทีแล้วเดินตรงเข้าไปที่ตู้กระจกนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ภายในตู้มีจี้หยกสีเขียวมรกตรูปหยดน้ำวางอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้ม ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่ไปกว่าหัวแม่มือของเธอสักเท่าไหร่ ผิวหยกเรียบเนียนราวกับถูกขัดเกลามานานนับศตวรรษ มีรอยสลักคำว่า 林 (หลิน) อยู่ด้านหลัง แสงไฟของตู้จัดแสดงสะท้อนบนจี้หยกทำให้มันดูเหมือนมีชีวิตและลายเส้นสีเขียวเข้มบนหยกชิ้นนั้นในบางครั้งซือหยูก็รู้สึกเหมือนว่ามันจะขยับได้

“สวยจัง...” ซือหยูพึมพำขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอก้มลงไปอ่านป้ายเล็ก ๆ ที่ปรากฏอยู่ข้างตู้จัดแสดง

จี้หยกแห่งราชวงศ์ถัง คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิถังไท่จง พบในสุสานของขุนนางตระกูลหลินที่ยังไม่ระบุตัวตน บางตำรากล่าวว่าเป็นเครื่องรางผูกวิญญาณ

“ตระกูลหลินจริง ๆ ด้วย” ซือหยูพูดกับตัวเอง เสียงของเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน เธอหัวเราะในลำคอ ความคิดที่ว่าเธออาจจะมีความเชื่อมโยงกับวัตถุโบราณชิ้นนี้ช่างดูไร้สาระสิ้นดี แต่ในขณะเดียวกันหัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่มีเหตุผล มันรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองจี้หยกอีกครั้งและรู้สึกเหมือนมันกำลังจ้องกลับมาที่เธอ เงาสะท้อนของใบหน้าตัวเองบนผิวหยกนั้นดูแปลกตา เธอพบว่าดวงตาของเธอที่ปรากฏอยู่ในเงาสะท้อนไม่ใช่ของเธอ แววตานั้นดูเข้มแข็งและดื้อรั้น ไม่เหมือนกับแววตาของเธอในตอนนี้

“ซือหยู ดูอะไรอยู่น่ะ” หลี่เสี่ยวเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าเข้ามาข้าง ๆ

“นี่ไง...” เธอชี้ให้ดู

“อ๋อ จี้หยกนี่เอง พ่อบอกว่ามันพิเศษมากเลยนะ เพราะยังไม่มีบันทึกว่ามันเป็นของใคร ทั้งที่ฝีมือการแกะสลักเนี้ยบสุด ๆ”

“อ่อ...”

“เธอชอบเหรอ? ไม่เคยเห็นเธอสนใจอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” หลี่เสี่ยวเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ก็... ไม่รู้สิ” ซือหยูตอบเลี่ยง ๆ เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในอก มันไม่ใช่แค่ความสวยงามของจี้หยกที่ทำให้เธอหยุดมอง แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างในนั้นเรียกหาเธอ เสียงกระซิบที่ดังอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา มันเบามากจนเหมือนเสียงของลมที่พัดผ่านมาและผ่านไป แต่มันค่อนข้างรบกวนจิตใจของเธอได้ไม่น้อย และเธอแน่ใจว่ามันไม่ใช่แค่การจินตนาการไปเองอย่างแน่นอน

“แล้วเธอเคยได้ยินตำนานการผูกวิญญาณจากพ่อเธอบ้างไหม” ซือหยูถามต่อ

“อืม... พ่อเคยเล่าให้ฟังตอนเด็ก ๆ ว่านักรบโบราณบางคนฝังวิญญาณไว้กับเครื่องราง เพื่อรอคนที่ถูกกำหนดให้ปลดปล่อยมัน”

“หลี่เสี่ยว!!” ไมทันที่ซือหยูจะได้เอ่ยปากถามต่อ เสียงทุ้มของศาสตราจารย์หลี่ก็ดังมาจากอีกฝั่งของห้องโถง “พาเพื่อน ๆ ไปรวมตัวที่ห้องเก็บของลับเดี๋ยวนี้ พ่อจะเล่าเรื่องการขุดค้นให้ฟัง”

“ได้ค่ะ” หลี่เสี่ยวตะโกนตอบ แล้วหันมาคว้าแขนซือหยู “ไปกันเถอะ อย่ามัวยืนเหม่ออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวจะพลาดของดีเอา”

ซือหยูพยักหน้ารับแต่สายตายังไม่ละจากจี้หยก เธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ มันเหมือนมีบางอย่างในนั้นรอเธออยู่ บางอย่างที่เธอไม่เข้าใจและไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล

เธอหันหลังเดินตามหลี่เสี่ยวไปแต่ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังคงอยู่ เธอสัมผัสคอตัวเองตามสัญชาตญาณราวกับมีอะไรบางอย่างควรจะห้อยอยู่ที่นั่น

ในขณะที่เธอเดินออกไป เธอไม่รู้เลยว่าเงาสะท้อนของดวงตาในจี้หยกนั้นยังคงจ้องมองตามหลังเธอ มันเป็นดวงตาคู่หนึ่งที่ไม่ใช่ของเธอในตอนนี้ แต่ก็กำลังจะกลายเป็นของเธอในไม่ช้า...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 30 เงาจันทร์นิรันดร์ (END)

    แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนระเบียงไม้ของบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ราวกับผ้าคลุมสีเงินที่ทอจากแสงนวลตา ลมเย็นยามค่ำพัดพากลิ่นดอกไม้ป่าและใบไม้จากสวนหลังบ้านมากระทบใบหน้าของหลินซือหยู เธอยืนพิงราวระเบียง มือบางของเธอจับขอบไม้แน่น ขณะที่สายตาของเธอจับจ้องไปยังดวงจันทร์ที่สว่างเจิดจ้าบนท้องฟ้าดำสนิท ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแอ อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนขาของเธอยังเกิดขึ้นบ้าง แต่การดูแลของหย่งเฉินและสมุนไพรจากหมอหลวงช่วยให้เธอแข็งแรงขึ้นจนแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ชุดคลุมสีขาวบางของเธอปลิวไสวตามสายลม ผมยาวสีดำของเธอที่ปล่อยสยายลงมาถูกพัดให้ปัดปอยไปตามไหล่ เธอสูดลมหายใจลึก ๆ และรู้สึกถึงความสงบที่แผ่ซ่านในอกของเธออยู่ๆ ซือหยูก็นึกถึงจี้หยกที่เคยห้อยคอไว้ เธอยกมือขึ้นแตะที่คอของเธอตามสัญชาตญาณ จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงสีเขียวเข้มนั้นแตกสลายไปแล้วในวันที่เธอใช้มันดูดพิษจากร่างของหย่งเฉิน แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งในยามที่เงียบสงบเช่นนี้ เธอกลับรู้สึกถึงเงาของมันราวกับมันยังคงส่งพลังบางอย่างมาถึงเธอ ความทรงจำของยุคปัจจุบันผุดขึ้นในหัวของเธอ ทั้งที่มันห่างหายไปนานมากแล้ว ตั้งแต่ที่จี้หย

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 29 คำสัญญา

    แสงแดดยามเย็นระยิบระยับราวทองคำหลอมเหลวสาดส่องลงบนสวนเล็ก ๆ หลังบ้านชนบทใกล้เมืองหลัวหยาง ดอกไม้ป่าที่หย่งเฉินปลูกลงดินเมื่อหลายวันก่อนผลิดอกสีเหลืองและสีขาวเล็ก ๆ ลมเย็นยามเย็นพัดผ่านใบหลิวที่ปลูกไว้ริมลำธาร เสียงน้ำไหลดังกรุบกริบกลมกลืนกับเสียงนกที่ร้องเจื้อยแจ้ว หลินซือหยูนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ร่มเงาของต้นหลิว ผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ยังคลุมไหล่ของเธอ ร่างของเธอยังอ่อนอแม้จะผ่านไปหลายวัน อาการหน้ามืดและความชาที่ลามจากแขนและขาของเธอยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางครั้งเมื่อลมเย็นพัดมาแรง ๆ เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อจากพิษที่ยังสะสมอยู่ในร่าง แต่ใบหน้าซีดเผือดของเธอกลับมีรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่มองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยถังน้ำไม้ที่เขาทำเองจ้าวหย่งเฉินอยู่ในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย ผมยาวสีดำของเขาถูกรวบไว้หลวม ๆ ใบหน้าคมเข้มของเขามีสีแดงระเรื่อจากแสงแดดยามเย็น บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาก็ยังเคลื่อนไหวด้วยความแข็งแกร่ง เขาหันมามองซือหยูและเห็นรอยยิ้มของเธอ ความอบอุ่นที่ฉายอยู่ในดวงตาคู่สวยของเธอทำให้หัวใจของเขาเต้นแร

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 28 บ้านหลังใหม่

    หลินซือหยูนั่งอยู่บนเกวียนไม้ที่เคลื่อนไปตามถนนดินสีน้ำตาลเข้มนอกเมืองหลัวหยาง ลมเย็นยามเช้าพัดผ่านใบหน้าของเธอ พาเอาดอกไม้ป่ามากระทบจมูก เธอยังรู้สึกถึงความอ่อนแอจากพิษงูเขี้ยวแดงที่ยังหลงเหลือในร่าง ร่างกายของเธอเหนื่อยล้าง่าย เธอต้องคอยระงับอาการหน้ามืดด้วยการหลับตาและสูดลมหายใจลึก ๆ ทั้งแขนและขาของเธอมีรอยชาที่คอยเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากพิษนั้น แต่หมอหลวงบอกว่าเธอแข็งแรงขึ้นมากแล้ว และหากดูแลตัวเองดี ๆ อาการบางอย่างอาจค่อย ๆ จางลงเมื่อเวลาผ่านไป เธอห่มผ้าคลุมไหล่สีครามที่หย่งเฉินหยิบมาให้ มีอาการอ่อนล้าจากการเดินทางไกล แต่ในอกของเธอกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อมองไปยังจ้าวหย่งเฉินที่ขับเกวียนอยู่ข้างหน้าใบหน้าคมเข้มของหย่งเฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น ผมสีดำของเขาที่ถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงปลายผมเล็กน้อยที่ปลิวไสวตามสายลม ชุดเกราะที่เขาเคยใส่ถูกแทนที่ด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย บาดแผลที่หน้าอกของเขายังคงต้องพันด้วยผ้าสะอาด แต่เขาดูแข็งแรงขึ้นมากหลังจากหยุดพักหลายวัน“ใกล้ถึงแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่หันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน“ค

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 27 บาดแผลและความหวัง

    หลินซือหยูนอนอยู่บนเตียงไม้ในบ้านพักของแม่ทัพจ้าวในเขตขุนนางของเมืองฉางอาน กลิ่นสมุนไพรต้มและกลิ่นไม้ชื้นลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านหน้าต่างไม้ที่เปิดไว้บางส่วน กระทบลงบนใบหน้าซีดเผือดของเธอ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากด้านนอกผสมกับเสียงฝีเท้าของทหารที่เดินไปมา ร่างของเธอยังอ่อนแอจากพิษที่ไหลผ่านเส้นเลือดในวันนั้นบนสนามรบ แม้จี้หยกจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกไป แต่ร่องรอยของพิษจากงูเขี้ยวแดงที่ยังฝังลึกในร่างกายของเธอราวกับเงามืดที่ไม่อาจขจัดออกได้ง่าย ๆเธอรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านจากปลายนิ้วไปถึงแขนและขา ความชาที่ลามขึ้นจากฝ่าเท้าจนถึงเข่าทำให้เธอแทบไม่อาจขยับตัวได้โดยไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนเข็มทิ่มแทง แผลที่แขนซ้ายของเธอที่เกิดจากการไหลของพิษนั้นยังคงแดงและบวม รอยสีดำบาง ๆ คล้ายเส้นใยแมงมุมแผ่ออกมาจากแผลนั้น บางส่วนเริ่มหมองลง แต่ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายที่ยังไม่หมดไป เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ตื้นเขิน ทุกครั้งที่หายใจเข้า ความร้อนที่แผ่วเบาในอกของเธอเต้นระริกเหมือนไฟที่ยังไม่ดับสนิท และบางช่วงเธอรู้สึกถึงอาการหน้ามืดที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ผลกระทบระยะยาวจากพ

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 26 ชัยชนะของราชสำนัก

    หลินซือหยูยืนอยู่ในห้องโถงราชสำนักแห่งเมืองฉางอาน แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้แกะสลักลงบนพื้นหินอ่อนที่เงางาม กลิ่นกำยานจากกระถางทองแดงลอยคละคลุ้งในอากาศ บรรยากาศเงียบสงัดแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ขุนนางในชุดผ้าไหมสีสันฉูดฉาดยืนเรียงแถวสองฝั่ง ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นสูงที่จักรพรรดิถังเต๋อจงประทับนั่ง จ้าวหย่งเฉินยืนเคียงข้างเธอ ใบหน้าคมเข้มของเขายังคงมีรอยคล้ำจากความเหนื่อยล้า บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสะอาดใต้ชุดเกราะ เขายืนตัวตรง ดวงตาเย็นชาของเขามองไปยังแท่นสูงด้วยความเคารพ“วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ” เขาหันไปกระซิบกับซือหยูด้วยน้ำเสียงทุ้ม ขณะที่บีบมือของเธอเบา ๆซือหยูพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอตามความเคยชิน แต่จี้หยกชิ้นนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่าที่ย้ำเตือนเธอถึงการเสียสละในสนามรบครั้งที่ผ่านมา เธอยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากพิษที่ยังหลงเหลือในร่าง แต่มันจางลงมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกสงบที่เริ่มก่อตัวในอกของเธอ“ใช่ วันนี้เราจะปิดฉากทุกอย่างกัน” เธอมองไปยังหย่งเฉินด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ความรักที่เธอมีให้เขาทำให้เธอรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง แม

  • เงาจันทร์ซ่อนพันฤดู   ตอนที่ 25 ทางเลือกสุดท้าย

    หลินซือหยูรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ซึมผ่านผิวของเธอ ขณะที่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ในโรงหมอสนามใกล้ชานเมืองหลวงฉางอาน กลิ่นสมุนไพรฉุนปนกลิ่นยาต้มลอยคละคลุ้งในอากาศ แสงตะเกียงสลัวส่องผ่านผ้าม่านหยาบ ๆ ที่กั้นเตียงของเธอ เสียงฝนตกลงมาแผ่วเบาดังจากด้านนอก เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจากแขนและอก ความทรงจำของสนามรบผุดขึ้นในหัว ลูกธนูพิษที่ปักเข้าที่หน้าอกของหย่งเฉิน เธอใช้จี้หยกดูดพิษออกจากร่างของเขา และจี้หยกที่แตกเป็นเสี่ยง ๆเธอยกมือขึ้นสัมผัสที่คอของเธอด้วยความหวัง จี้หยกที่เคยร้อนผ่าวและเรืองแสงได้หายไปแล้ว เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่คอและหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น “ฉัน... ยังไม่ตาย” เธอพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่น“ซือหยู!” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างเตียง เธอหันไปมองและเห็นจ้าวหย่งเฉินนั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยรอยคล้ำใต้ตาและคราบโคลนที่ยังไม่เช็ดออก บาดแผลที่หน้าอกของเขาถูกพันด้วยผ้าสีขาวสะอาด เขาดูซีดเผือด แต่ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเมื่อเห็นเธอตื่น“เจ้า... เจ้าตื่นแล้ว!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้านจากความโล่งใจ เขาคว้ามือของเธอแน่นด้วยมือที่หยาบกร้านและเย็

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status