ท่านหมอไป๋อี้เฉิงไม่ทันฟังจนจบก็รีบทรุดตัวลงข้างจ้าวอินหลัว มือเขาคลำชีพจร กดเบาๆ แล้วขมวดคิ้ว
"ยังเต้นอยู่...แต่แรงไม่เท่าเดิม"
อี้เฉิงควักยาถุงเล็กออกมา ชงยาสีคล้ำอีกถ้วย ปล่อยให้เย็นพอดี จากนั้นจึงใช้แขนข้างหนึ่งรองศีรษะอินหลัวขึ้นพิงอก ก้มลงป้อนยาทีละนิดอย่างระมัดระวัง
แต่เพราะจ้าวอินหลัวยังสลบเขาจึงต้องใช้ช้อนเขี่ยริมฝีปากให้อ้าเบาๆ แล้วหยอดยาเข้าไป เช็ดคราบยาตามมุมปากด้วยผ้าขาว ละเมียดละไมไม่ต่างจากคนดูแลน้องสาวที่ป่วยหนัก
กระบวนการกินยาของจ้าวอินหลัว ใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็นนัก หลี่เจินหรงมองภาพนั้นจากบนแท่นนอนและเขาไม่พูดอะไร แต่สีหน้าดู...สงบขึ้นเล็กน้อย ไม่แน่ว่าเพราะยา หรือความโกรธลดลง เมื่อยาทั้งหมดถูกกลืนลงไปแล้ว อี้เฉิงถอนหายใจเสียงยาว เหมือนปล่อยลมที่กักไว้นาน
"โชคดีที่ยาปราณคู่นี้มีอีกสรรพคุณหนึ่ง..."
อี้เฉิงพูดกับหลี่เจินหรง พลางเก็บเครื่องไม้เครื่องมือ
"นอกจากจะแบ่งความเจ็บแล้ว...มันยังแบ่งผลของยาให้ด้วย ยาชาบรรเทาอาการบาดเจ็บของท่าน...เพราะผูกปราณกันไว้ ตอนที่นางกลืนยาเข้าไป ผลจึงส่งถึงท่านเช่นกัน"
"หมายความว่า..."หลี่เจินหรงขมวดคิ้วช้าๆ
"หมายความว่า...ข้ากำลังเสี่ยงให้หญิงสาวผู้นี้กินยาแทนท่าน โดยหวังว่า...อย่างน้อยท่านจะรู้สึกดีขึ้นสองเท่า" เขายิ้มจางๆ
"มันอาจช่วยไม่ได้มาก แต่มันดีกว่าท่าน...ต้องเจ็บอยู่คนเดียว"
"น่ารำคาญ..." สบถเบาๆ ตั้งใจอยากให้อินหลัวทรมานอยู่แบบนั้นเขากินยาเท่ากับนางบรรเทานางกินาเท่ากับเขาบรรเทาเช่นกัน
จ้าวอินหลัวรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงและร่างกายที่อ่อนแรงเหมือนเพิ่งวิ่งหนีเสือมาไกลสิบกิโลเมตร หัวหนัก ร่างกายเบาแปลกๆ แต่ความเจ็บปวดที่เคยแผดเผาในกระดูกกลับหายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่
อินหลัวค่อยๆ กะพริบตา มองเพดานกระโจมแล้วขยับตัวเล็กน้อย พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ผ้าห่มหยาบๆ ปูพอประทังหนาว มือข้างหนึ่งยังมีคราบยาติดอยู่บางเบา
ดวงตานางเหลือบไปข้างซ้าย เห็นร่างสูงของบุรุษในชุดสีขาวสะอาดยืนอยู่ เขายืนห่างออกไปเล็กน้อย ข้างแท่นนอนอีกฝั่งของกระโจม กำลังเฝ้ามองดูอาการของหลี่เจินหรงที่นอนอยู่บนแท่นนอนนุ่มหรูหรากว่าหลายเท่า
“มาตรฐานอยู่ตรงไหนเลือกปฏิบัตินี่”
ดวงตาของหมอไป๋อี้เฉิงที่มักจะเรียบเฉย เวลานี้กลับมองอ๋องหลี่เจินหรงด้วยสีหน้าจริงจังและห่วงใย อินหลัวกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ รู้สึกแห้งผาก
"หึ..." เสียงในลำคอเบาๆ พลางขมวดคิ้ว
อินหลัวหันหน้ามองเพดานอีกครั้ง ก่อนจะคิดขึ้นมาในหัวเสียงชัดเจน
"หมอคนนี้...ช่างไร้จรรยาบรรณแพทย์จริงๆ ทำไมต้องไปดูแลเขาก่อน คนที่นอนขาดใจอยู่ตรงนี้เขาไม่คิดมาดูบ้างเลยหรือยังไง"
ดวงตากลมโตขยับไปทางอีกฝั่งอีกครั้ง จ้องไปยังร่างของหลี่เจินหรงที่ยังหลับตา ใบหน้าซีดแต่ดูสงบ
"ดูนั่นสิ...นอนนิ่งๆ แบบนั้นเหมือนไม่ได้เจ็บอะไรเลย ยังจะทำท่าทางเหมือนโลกเป็นของตัวเอง ดวงตาเขายังแข็งกร้าวแม้ตอนหลับ เฮอะ...แบบนี้เรียกว่าคนป่วยตรงไหน”
อินหลัวขบฟันกรอดในใจ พลางเบือนหน้าหนีอีกครั้งอย่างหงุดหงิด นางไม่รู้ว่าเพราะยานั่นหรือไม่ แต่อารมณ์เหมือนอยากยกหมอนข้างขึ้นฟาดใครสักคนสักที ...โดยเฉพาะคนที่ต้องผูกปราณด้วยโดยไม่เต็มใจ ในโลกนี้มียาบ้าๆ แบบนี้ด้วยเหรอ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เขาเจ็บข้าเจ็บมันทำได้ไง นี่บลูทูธความรู้สึกเจ็บกันหรอ
พอเห็นนางฟื้นขึ้นมา เจินหรงไม่พูดพร่ำทำเพลง กลับตะโกนเสียงกร้าวทันที
“เสี่ยวหม่า เจ้าโง่เสี่ยวหม่า เข้ามาจับนางมัดไว้”
“มาแล้วขอรับ นายท่าน เสี่ยวหม่ามาแล้วขอรับ” ขันทีหนุ่มหน้าเด่อวิ่งเข้ามาพร้อมกับเชือกในมือ ไปหามาจากไหนไวมาก
"มัดนางไว้ เอาเชือกมัดแขนกับเตียงให้แน่น ห้ามให้นางหนีได้อีก"
เสียงตวาดของเจินหรงดังเหมือนฟ้าผ่ากลางกระโจม อินหลัวเบิกตากว้าง
"ห๊ะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน นี่ข้ายังไม่ทันได้กระดิกตัวเลยนะ ฟื้นขึ้นมายังไม่ทันได้หายใจครบหนึ่งรอบเลย"
แต่คนสั่งพยักหน้าให้กับขันทีเสี่ยวหม่า สีหน้าเย็นเฉียบไร้เยื่อใย
"เจ้าเคยหนีได้ครั้งหนึ่งแล้ว จ้าวอินหลัว ข้าจะไม่ประมาทอีก"
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด เสียงถอนหายใจยาวก็ดังขึ้นเบาๆ ใต้ลมหายใจใครคนหนึ่ง
"...อีกแล้ว...หรือ"
ไป๋อี้เฉิงพูดเบาๆ พลางส่ายหน้าเดินมาทรุดกายข้างแคร่ไม้ไผ่ เสี่ยวหม่ายืนรอท่าอยู่ตรงนั้น
สองนิ้วของเขาแตะลงบนข้อมือของจ้าวอินหลัว วัดชีพจรอย่างเงียบงันด้วยท่าทีอ่อนโยน ด้วยความสงสารร่างเล็กกระจิดเดียวที่ถูกอ๋องหลี่เจินหรงจองล้างจองผลาญ
มือเขาอุ่นและนิ่ง อ่อนโยน ไม่ได้คิดว่านางเป็นเชลยหรือนักโทษ อินหลัวเหลือบตามองคนตรงหน้า
“ทำไมต้องดูแลนางด้วย ตามที่ตกลงกันก็แค่ไม่ให้ตาย”
หลี่เจินหรงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไป๋อี้เฉิงชะงักไปนิดเดียว แต่ไม่ได้ละมือ เขาไม่ยิ้ม แต่ดวงตาไหวเล็กน้อย
"ข้าแค่ทำหน้าที่หมอ" เขาตอบเรียบๆ
"จรรยาบรรณของเจ้าชักสั่นคลอนนะท่านหมอ เจ้าดูอ๋องหลี่นั่น ท่านดูแลเขาไม่ห่างแต่ข้าแค่จับชีพจรยังมีปัญหา" อินหลัวหัวเราะในลำคอเบาๆ
หลี่เจินหรงที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ ชำเลืองตามามอง คิ้วเขากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงนิ่งเรียบ
"ปากดีนักนะ ปกติแล้วชายาอ๋องเหล่ยปากดีอย่างนี้หรือ"
“ใช่ๆๆๆ ข้าเคยได้ยินว่าชายาอ๋องเหล่ย อ่อนหวานงดงาม และมีเมตตาราวกับเจ้าแม่กวนอิม ท่านอ๋องท่านจับมาผิดคนหรือเปล่านี่อาจเป็นสาวใช้ปากมากสักคนของชายาอ๋องเหล่ย”
เสี่ยวหม่าตั้งข้อสังเกต เพราะที่ได้ยินมาเกี่ยวกับจ้าวอินหลัวแบบนั้นไม่มีผิด แต่ที่เห็นนี่คืออะไรไม่เหมือนที่เขาพูดกันสักนิด
"ชอบยั่วยวนบุรุษเช่นนี้สินะ ไม่แปลกใจเลยเจ้าจึงทำให้มีคนหลงใหลเจ้ามากมาย กี่คนกันนะ ทั้งอ๋องเหล่ย ทั้งท่านหมอ หรือว่าจะรวมคนสนิทของบิดาเจ้าก็คือเสียนหยางคนนั้นด้วยหรือแต่ละคนท่าทางองอาจหล่อเหลา เอหรือจะรวมเจ้าเสี่ยวหม่าไว้ด้วยหรือเปล่า ออกรับแทนเจ้าตลอดเวลา"ฟาดงวงฟาดงาคำพูดของหลี่เจินหรงกระแทกเข้าไปในใจของอินหลัว ไม่รู้ว่ามันเป็นการพูดด้วยความโกรธเกลียด หรือความหึงหวงที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาอินหลัวกดความเจ็บปวดในใจเอาไว้ลึกๆ ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "ท่านอ๋องคิดจะพูดถึงใครก็พูดเถอะ ข้าทำอะไรท่านไม่ได้ ข้าแค่... เป็นคนที่ไม่มีค่าเท่านั้นเอง ในสายตาท่านจะทำอะไรก็ผิดไม่ทำก็ผิดอยู่แล้ว"หลี่เจินหรงจ้องมองอินหลัวอยู่ในท่าทางนิ่งๆ ตลอดเวลา ความรู้สึกที่เขามีกับเธอนั้นดูเหมือนจะเป็นการผสมผสานระหว่างความโกรธและไอ้ความรุ้สึกอีกอย่างที่มันนถาโถมนี่คือความรู้สึกใดกันแน่"...ปราณเราเชื่อมกันสินะตอนนี้ข้ารู้สึกแปลกๆ หรือว่าเป็นเจ้าที่รู้สึกแบบนั้นแล้วส่งต่อมาถึงข้า ชิ…ช่างเถอะข้าหาสนใจไม่ เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องมาคอยสนใจเจ้าแบบนี้"หลี่เจินหรงพึมพำเบาๆ ความรู้สึกของทั้งสองคนยิ่
กระโจมที่พักในขบวนเดินทางเงียบสงัด อากาศยามเช้าเย็นสบาย ลมอ่อนๆ พัดผ่านรอบๆ ขบวนที่พัก เสียงใบไม้ไหวเป็นระยะๆ ขณะที่ท่านหมอไป๋อี้เซิงเดินเข้ามาในกระโจมที่พักของอินหลัว ใบหน้าของเขาแสดงความห่วงใยเมื่อเห็นอินหลัวนอนอยู่บนแท่นนอน“เจ้า...ดูดีขึ้นมากทีเดียว” ท่านหมอพูดอย่างพอใจ พร้อมยิ้มเล็กน้อย “ท่านอ๋องให้เวลาสามวันเจ้าใช้ไม่คุ้มเลยนี่ขาดอีกตั้งวันหนึ่งเลยทีเดียว”อินหลัวขยับตัวเล็กน้อย ขยี้ตาแล้วยิ้มบางๆ ให้ท่านหมอ ก่อนที่จะบอกออกมาอย่างขำขัน “อย่างนั้นข้านอนต่อเถอะรอให้ครบสามวันฮ่าาาา” แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งเหมือนจะหลับไปท่านหมอยิ้มขำเอ็นดูท่าทางของอินหลัว แต่ไม่ยอมให้นอนต่อ “ลุกขึ้นมานั่งเสียบ้าง นอนแบบนี้ ท่านอ๋องมาเห็น ข้าจะโมโหได้เขาอากจะเดินทางต่อแล้ว” ไป๋อี้เซิงพูดออกไปอย่างยิ้มๆ พร้อมพยายามยกตัวอินหลัวให้ลุกขึ้น แต่อินหลัวก็แกล้งทำท่าเหมือนจะลุกไม่ขึ้น“โอ๊ยๆๆ ...ข้าไม่ไหวแล้วข้าไม่มีแรงจะลุกขึ้นเลย” อินหลัวบ่นออกมาเสียงแผ่ว ราวกับยังอ่อนแอจากอาการป่วยเมื่อก่อนหน้านี้ท่านหมอที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยื่นมือไปดึงตัวอินหลัวขึ้น “โอ๊ะ” ทำให้เขาพลาดไปล้มตัวลงบนร่างเล็กของอินหลัว
ในความเงียบของกระโจม เสียงลมหายใจของผู้คนที่หลับไปแล้วรวมถึงเสียงลมหายใจเบาๆ ของอินหลัวที่เผลอหลับอยู่ในอ้อมแขนของหลี่เจินหรงทำให้บรรยากาศรอบตัวชวนให้รู้สึกเงียบสงบ ท่ามกลางแสงจางๆ ที่ส่องผ่านจากโคมไฟที่ยังติดอยู่บนเพดาน กระโจมเล็กๆ ดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเงียบสงบหลี่เจินหรงนั่งอยู่ข้างแท่นนอนของอินหลัว ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเขายังคงหลับสนิท ท่าทางของหลี่เจินหรงนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอินหลัวที่นอนหลับนิ่งอย่างอ่อนโยน มือของเขาพาดอยู่บนตัวจ้าวอินหลัวอย่างเบามือ ทั้งยังคงโอบกอดร่างบางนั้นให้แนบชิดกับตัวเขาท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบและความวิตกกังวล ทุกอย่างเหมือนจะหมุนวนไปช้าๆเสี่ยวหม่าที่เดินเข้ามาในกระโจม เห็นภาพตรงหน้าและหยุดยืนอยู่ที่ประตู กระทั่งยิ้มบางๆ ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกออกมาเป็นคำพูดได้ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ยิ้มให้กับภาพนั้นอย่างรู้ดี“หาตั้งนานท่านอ๋องมาอยู่นี่เองสินะ”ในใจของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยความเข้าใจ “ท่านอ๋องในที่สุดก็รู้ใจตัวเองสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ยิ้มน้อยๆภายใต้รอยยิ้มนั้นเสี่ยวหม่ารู้สึกเป็
หลี่เจินหรงมองไปที่อินหลัวที่หลับอยู่บนแท่นนอน“ข้าให้เวลาแค่สามวัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายในเวลานั้น ข้าจะไม่รออีกต่อไปต่อให้ต้องหามนางก็ต้องเดินทาง” เขาหันไปมองไป๋อี้เซิงไป๋อี้เซิงพยักหน้าด้วยท่าทีสงบแต่ก็มีความกังวลในแววตา "ท่านอ๋อง ท่านไม่ต้องกังวล ข้าน้อยเองก็คิดว่าไม่น่าเกินสองหรือสามวันต่อไปนี้จะจัดยาบำรุงร่างกายเพิ่มให้ด้วย”“จะทำอะไรก็รีบทำ ข้าเบื่อและรำคาญเกินทนแล้ว เดี๋ยวก็พิษกำเริบเดี๋ยวก็ป่วยไข้เมื่อไหร่จะถึงวังหลวง”หลี่เจินหรงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะเข้าใจ “ยิ่งพักนานในป่านี้ยิ่งไม่สามารถควบคุมอันตรายจากการมาถึงของผู้ที่หวังร้ายได้ ถ้ามีคนมาชิงตัวอินหลัวไปอีกยิ่งจะทำให้เสียเวลา แค่สามวันไม่เกินนั้น”เสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างล้อเล่น แต่ก็แฝงด้วยความหมาย“ตั้งสามวันเชียวหรือ ดีจัง ปกติถ้าเป็นเสี่ยวหม่าป่วยวันเดียวท่านอ๋องก็ไล่ให้ลุกแล้ว ข้าจะไปไหนก็ไปกันเร็วๆ ถ้าป่วยนานเกินไป ข้าก็จะโดนดุแล้ว” เสี่ยวหม่าพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆหลี่เจินหรงหันมามองเสี่ยวหม่าด้วยท่าทีหงุดหงิด แล้วถอนหายใจออกมาเสียงดังจนเสี่ยวหม่าถึงกับยิ้มแห้งอีกครั้ง“อยากจะไปเ
ร่างของอินหลัวในอ้อมแขนของเขายังคงมีแต่ความอ่อนแอ บนใบหน้าของหลี่เจินหรงมีเพียงความเย็นชา บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมกับความรู้สึกในใจ ที่จริงเขารู้ดีว่าเขาควรจะให้ความสนใจกับการป่วยของอินหลัวมากขึ้น แต่เพราะความเคยชินที่ต้องปกป้องตัวเอง เขาจึงพยายามจะหลบหลีกมันไปไม่นานนัก ไป๋อี้เซิงก็เดินเข้ามา พร้อมกับเสี่ยวหม่าเยว่หรงและอวิ๋นเอ่อร์ เขาหยุดลงตรงหน้า “ข้าจะตรวจดูอาการของนางเสียก่อนจึงจะบอกได้ว่าเป็นอย่างไร” หลี่เจินหรงพยักหน้าเยว่หรงกับอวิ๋นเอ่อร์ช่วยกันจัดท่านอนและอวิ๋นเอ่อร์ที่นำผ้าชุบน้ำมาเช้ดใบหน้าซีดเซียวของอินหลัว"ท่านอ๋อง... นางมีอาการไข้สูงมาก เป็นพิษจากภายนอกที่ยังคงคั่งค้างในร่างกาย อาการกำเริบเพราะความเครียดและการเดินทางที่ยาวนาน และความที่เมื่อยล้าในการเดินทาง" ไป๋อี้เซิงรายงานอย่างเป็นทางการหลี่เจินหรงพยักหน้า "ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อบรรเทาอาการ""ขอรับท่านอ๋อง" ไป๋อี้เซิงตอบรับแล้วเข้าไปดูแลอินหลัวหลี่เจินหรงขยับไปที่ข้างๆ ไม่นานก็เห็นไป๋อี้เซิงเริ่มจัดการกับยาที่เขานำมาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น หลี่เจินหรงยังคงยืนอยู่ข้างๆ ในท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่ส
ในห้องหรูของต้าหวางจ้าวจินเทา เสียงลมหายใจที่หนักหน่วงดังก้องในห้อง จ้าวจินเทานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจกลั้นได้ ข้อมือที่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อเสียนหยางที่บาดเจ็บสาหัสและกลับมาหลังจากทำงานพลาด รีบรุดเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาฝืนยิ้ม พยายามไม่ให้ตัวเองเกิดอาการ แต่สายตาของจ้าวจินเทาที่จับจ้องมา จนไม่อาจซ่อนเร้น"เสี่ยวหยางรู้ไหมว่าควรทำอย่างไร ข้าบอกแล้วหากไม่สำเร็จไม่ต้องกลับมา" เสียงของจ้าวจินเทาดังขึ้นจากคออย่างเกรี้ยวกราด เสียนหยางยืนอยู่ตรงประตู มองเจ้านายตัวเองด้วยความหวาดกลัวในดวงตา"ขออภัยขอรับต้าหวางข้ายินดีให้ลงทัณฑ์...ข้าทำพลาด...ข้า..."จ้าวจินเทากระชากร่างของเสี่ยวหยางเข้าไปใกล้ ราวกับจะบดขยี้เขาด้วยสายตา จ้าวจินเทาตะคอกเสียงดังสนั่น"ควรทำเช่นไร เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าทำงานพลาด ข้าสั่งให้เจ้าพาจ้าวอินหลัวกลับมา และเจ้ากลับได้รับบาดเจ็บแทน หลี่เจินหรงผู้นั้นเจ้าไม่อาจต่อกรด้วยเชียวหรือ”เสียนหยางก้มหน้าหลบสายตาจ้าวจินเทา รู้ตัวดีว่าเขาผิด "เสียนหยางผิดไปแล้ว เสียนหยางกำลังจะได้ตัวคุณ