หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ แอเรียนและทิฟฟานี่ก็รีบไปที่โรงพยาบาล แอเรียนมีความรู้สึกว่าชีวิตของเอริกกำลังจะถึงจุดจบ มาถึงจุดนี้การเข้าโรงพยาบาลก็เทียบเท่ากับการเข้าประตูนรกอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีใครสามารถบอกได้แน่นอนว่าเขาจะสามารถผ่านสิ่งนี้ไปได้หรือไม่เมื่อทั้งกลุ่มพบกันที่โรงพยาบาล เอริกก็ยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน แอเรียนชำเลืองมองเจนิซ ซึ่งอุ้มแอริสโตเติลอยู่ เพียงครั้งเดียว เจนิซตระหนักว่ามันไม่เหมาะสมที่เธอจะอุ้มสมอร์ไว้ เธอจึงเดินเข้าไปหาแอเรียนและพูดว่า “คุณนายเทรมอนต์ ดิฉันจะส่งคุณสมอร์คืนให้คุณนะคะ ดิฉันต้องกลับไปที่สำนักงานก่อน”แอเรียนรับแอริสโตเติลขณะที่เม้มริมฝีปากแล้วตอบว่า “อืม ขอบคุณ”เธอไม่สบายใจ มาร์คควรจะขอให้เดวี่มาด้วยก็ได้ เขาไม่เห็นต้องพาเจนิซมาด้วยเลย เว้นแต่เจนิซจะอยู่กับเขาก่อนที่เขาจะได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับเอริก...แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเอริก แอเรียนไม่สามารถทะเลาะกับมาร์คในเวลาแบบนี้ได้ ทุกคนต่างกำลังอารมณ์ไม่ดี ในเวลาแบบนี้บางสิ่งบางอย่างก็ต้องเก็บไว้ก่อนขั้นตอนการรักษาฉุกเฉินยังคงดำเนินต่อไป พวกนาธาเนียลค้นพบเรื่องนี้จนได้และได้รีบพากันมาที่โ
วิกกี้สะอื้นไห้ อาจด้วยความจริงใจหรือเหตุผลอื่น ๆ “หยุดพูดแบบนั้นสักทีเถอะ เธอกำลังพูดถึง 'ส่วน' ไหนของเธอ? ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเงิน 30,000 ดอลลาร์นั้น นี่เธอเห็นฉันเป็นอะไร? ขอทานเหรอ? ฉันรักเขาจริง ๆ แต่นี่คือสิ่งที่ฉันได้รับอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนว่าฉันจะต้องอารมณ์เสียสิ ฉันแค่อยากจะถามเขาว่าทำไม? ฉันแค่บอกครอบครัวของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการให้ครอบครัวนี้ได้กลับมารวมกันในช่วงเวลาสุดท้ายของเขาอีกครั้ง ฉันผิดเหรอ? เลิกดูถูกฉันซะทีเถอะ”ดวงตาของแอเรียนเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้า เธอรู้สึกเศร้าแทนเอริก สิ่งสุดท้ายที่เอริกต้องการคือให้พวกนาธาเนียลค้นพบเกี่ยวกับความตายที่ใกล้จะมาถึงของเขา แต่วิกกี้ก็พาคณะละครสัตว์ทั้งหมดนี้มาอยู่ดี เพื่อที่เธอจะได้รับส่วนแบ่งเมื่อพวกนาธาเนียลแบ่งทรัพย์สินของเอริก!แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ “วิกกี้ ฉันจะไม่เถียงกับเธอหรอก ฉันไม่ต้องการก่อเหตุ ไม่ใช่ในขณะที่ชีวิตของเอริกกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เธอควรจะทำตัวให้ดีเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอเสียใจแน่!”วิกกี้มองดูพวกนาธาเนียลและตระหนักว่าไม่มีใครมีท่าทีว่าจะพูดอะไรเพื่อปกป้องเธอเลย เธอกลัว
“ถ้าฉันอยู่ด้วยน่ะเหรอ? ไม่ต้องห่วงเลย จะไม่มีใครได้เข้ามาเว้นแต่นายจะอนุญาต” แจ็คสันพูดด้วยความเย็นชาเอริกส่ายหัว "ไม่เป็นไร ปล่อยพี่สาวฉันเข้ามา เธอเป็นคนเดียวในครอบครัวนาธาเนียลที่มีมนุษยธรรม”แอเรียนผงกศีรษะให้แจ็คสันเรียกพี่สาวของเอริกเข้ามา แจ็คสันเข้าใจและเปิดประตู พวกนาธาเนียลกำลังรับประทานอาหารอยู่และดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับความอัปยศในโรงพยาบาล เมื่อประตูเปิดออกพวกเขาก็เตร่เข้ามาเหมือนแมลงวันที่กำลังบินไปตอมไก่เน่าแจ็คสันขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ สายตาของเขากวาดไปมารอบ ๆ ทุกคนขณะที่ตัวเขายืนนิ่งเงียบ จากนั้นเขาก็เห็นว่าพี่สาวของเอริกเป็นคนเดียวที่ยังคงนิ่งและเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับประทานอาหารกับพวกเขา เอริกพูดถูก พี่สาวของเขาเป็นคนเดียวในครอบครัวที่มีมนุษยธรรมจริง ๆ“พี่สาวครับ เอริกขอให้คุณเข้าไปข้างใน” เขาเรียกเธอว่า "พี่สาว" เพราะเห็นแก่เอริกพี่สาวของเอริกตกตะลึง "อ้อ… โอเค"เอริกยิ้มให้พี่สาวของเขาเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง “สวัสดีครับพี่สาว”พี่สาวของเขายกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาที่หางตาและยิ้มกลับมาให้เขา “ฉันขอโทษนะ ฉันดูแลนายได้ไม่ดีเลย ฉันละเลยนายตั้งแต่ที่ฉั
เสียงฝีเท้าของพี่สาวของเอริกหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน เธอจ้องไปที่ญาติ ๆ ของเธอด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื้อหูของตัวเอง "พวกคุณทำอะไรของพวกคุณ? ฮะ? คุณพ่อ ลูกชายของคุณตายแล้วนะ พี่ใหญ่ น้องชายของพี่ตายแล้ว! เขาติดค้างอะไรพวกคุณเหรอ? ไม่มีเลย! สิ่งของเหล่านั้นทั้งหมดเป็นของเขาคนเดียว พวกคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับมันจากเขาแม้ว่าเขาจะนำพวกมันลงหลุมศพไปด้วยก็ตาม! บางคนนี่น่าเกลียดจนน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ! การเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงชะมัด!”พี่ชายสองคนของครอบครัวนาธาเนียลยังคงยึดมั่นในความหวังที่จะได้รับทรัพย์สินของเอริก มีเพียงคุณนาธาเนียลเท่านั้นที่พิจารณาเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “พวกนายทุกคนหุบปาก! ลืมมันเถอะ พวกเราไม่ควรจะมาที่นี่ตั้งแต่แรก ปล่อยให้เขาได้ไปอย่างสงบเถอะ…”วิกกี้สามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นเธอก็ตระหนักว่าเอริกตายแล้ว เธอหดตัวบนม้านั่งจากความซึม ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ผู้ชายที่เคยหัวเราะ พูดคุย ทานอาหารและนอนกับเธอเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ตายไปแล้วจริง ๆ… เขาจากโลกนี้ไปแล้วทันใดนั้นเธอก็ตระหนักว่าเธอทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เธอไม่เคย
พวกเขากำลังจะโต้กลับ แต่เมื่อเห็นแจ็คสันเดินออกมาจากวอร์ด พวกเขาจึงรีบจากไปด้วยความกลัว วิกกี้ลุกจากที่นั่ง “เธอหาเรื่องทะเลาะพอแล้วหรือยัง? ฉันจะกลับแล้วเหมือนกัน… ในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะพบฉัน ฉันก็จะไม่เข้าไปพบเขา…”ความโกรธของแอเรียนเกือบจะลดลงเมื่อเธอตบคน ๆ นั้น เธอไม่ได้สาธยายกับมันนานเพราะตอนนี้วิกกี้ก็ไม่ได้ทำตัวน่ารังเกียจนัก “เอริกสัญญาว่าจะให้เงินเธอ 30,000 ดอลลาร์แทนความเมตตาที่เขามีต่อเธอไม่ว่าเธอจะเคยทำอะไรเขาไว้บ้างก็ตาม เอาหมายเลขบัญชีธนาคารของเธอมา ฉันจะโอนเงินให้เธอในภายหลัง”วิกกี้ส่ายหัว "ไม่จำเป็น สิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น”แอเรียนไม่ได้ยืนกราน “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เธอ ถ้าเธอไม่ต้องการมัน ฉันก็จะเอามันไปบริจาค ปล่อยมันไปนั้นแหละดีแล้ว”ทิฟฟานี่กำลังตั้งครรภ์ มาร์คจึงขอให้แจ็คสันไปส่งเธอกลับบ้านก่อน แอเรียนก็ต้องดูแลสมอร์ ดังนั้นเธอจึงถูกส่งกลับบ้านพร้อมกับทิฟฟานี่ด้วย มาร์คอยู่ในโรงพยาบาลต่อคนเดียวเพราะเขายังมีสิ่งที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเอริกเมื่อต้องมองดูเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลโดยปราศจากลมหายใ
เจตต์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กางแขนออกและดึงธัญญ่าเข้ามากอด “ฉันไม่รู้วิธีปลอบใจคนอื่น ถ้าเธอเศร้าก็ร้องออกมาเถอะ”ธัญญ่าตกตะลึง ไม่นานเสียงสะอื้นเบา ๆ ก็เล็ดลอดออกมาจากลำคอของเธอ เธอตั้งใจว่าจะกลั้นมันเอาไว้แต่เธอกลับล้มเหลวไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม “ฉันขอโทษค่ะ… เขาตายแล้ว… ฉันเสียใจเหลือเกิน…”'เขา?' เจตต์ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงใคร 'แจ็คสันเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย แต่เธอชอบแจ็คสันไม่ใช่เหรอ? นอกจากแจ็คสันแล้วใครจะทำให้เธอเสียใจได้ขนาดนี้อีก?’สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามเธอ พวกเขาอยู่ด้วยกันเพราะชะตากรรม พวกเขาสามารถปลอบโยนและให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะตกหลุมรักกันได้…หลังจากนั้นสองสามวัน พายุฝนฟ้าคะนองอีกลูกก็พัดเข้ามาที่เมืองหลวง ดูเหมือนว่าสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งก่อนหน้านี้เป็นเพียงลางก่อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ดูเหมือนฝนจะต้องการชะล้างสิ่งสกปรกทั้งหมดที่ตกค้างอยู่ในเมืองพวกเขาจัดการงานศพของเอริกจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาเลือกที่จะฝังศพของเอริกไว้ข้าง ๆ คุณย่าของแอเรียนเนื่องจากทิฟฟานี่อ้าง
แอเรียนยื่นมือออกไปและกดรหัสผ่านของประตู "ได้สิ" จากนั้นประตูเหล็กก็ค่อย ๆ เปิดออก เจนิซขอบคุณเธอและรีบเข้าไปในบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เจนิซมาที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับสถานที่นี้มากทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแอเรียนอยู่บ้านตลอดเวลาเธอคงจะสงสัยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจนิซมาที่นี่จริง ๆ หรือเปล่า…แอเรียนเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเฉยเมย เจนิซขึ้นไปข้างบนแล้วแต่แอเรียนไม่ได้ไปจับตาดูพวกเขา เธอเพียงแต่แต่รอในห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ ผ่านไปประมาณห้านาที เจนิซก็ลงมาที่ชั้นล่าง "คุณนายเทรมอนต์ ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”แอเรียนยิ้มจาง ๆ “เธอกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่ ดังนั้นฉันจะไม่ขอให้เธออยู่ต่อหรอก แต่เธอช่วยถามอะไรเดวี่แทนฉันได้ไหม? เขาว่างขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมเขาถึงขอให้เด็กฝึกงานอย่างเธอมาส่งเอกสารที่สำคัญ? เขากำลังรังแกพนักงานใหม่เหรอ?”การแสดงออกทางสีหน้าของเจนิซตกตะลึงเล็กน้อย เธอสามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่แอเรียนพูดไม่มากก็น้อย “ไม่เป็นไรเลยค่ะ… ไม่มีกำไรใด ๆ หากไม่มีแรงงาน ดิฉันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยและดิฉันก็ไม่คิดว่าดิฉันกำลังถูกรังแกอยู่ค่ะ”คำตอบนั้นค่อนข้างน่าทึ่งและล
ในไม่ช้าทิฟฟานี่ก็เปลี่ยนวิธีที่เธอเรียกซัมเมอร์อย่างเชื่อฟัง “คุณแม่คะ ได้โปรดช่วยแอริเลือกให้หนูหน่อยค่ะ เร็ว ๆ เลยค่ะ! หนูมึนงงไปหมดแล้ว”ซัมเมอร์มองดูเครื่องประดับอยู่พักหนึ่ง เธอชี้ไปที่สร้อยคอที่ฝังเพชรไว้ตรงกลางชุดเครื่องประดับ ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรพวกเธอก็ได้ยินเสียงใส ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งข้าง ๆ พวกเธอ “เอาสร้อยเพชรนั่นมาให้ฉันดูหน่อย”ซัมเมอร์ไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้ในเหตุการณ์ที่มีคนมาชิงตัดหน้าเธอ “นี่สาวน้อย เรากำลังดูมันก่อน กรุณารอสักครู่นะ ถ้าเราไม่ต้องการมัน มันก็ยังไม่สายเกินไปที่เธอจะดูมัน”ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นทิฟฟานี่และตกตะลึง เธอเคยเห็นทิฟฟานี่ในรูปถ่ายที่อเลฮานโดรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ของเขามาก่อนเพียงมองแวบเดียวแอเรียนก็ตระหนักว่าเธอคือเมลานี ภรรยาของอเลฮานโดร "คุณนายสมิธ เราต้องการสร้อยคอเส้นนี้ กรุณาดูเครื่องประดับอื่น ๆ ไปก่อนนะคะ”เมลานีพึงพอใจมากเมื่อถูกเรียกว่าคุณนายสมิธ เธอมองไปที่สร้อยคอเพชรนั้นและโบกมือเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณเอาไปเถอะค่ะ ท้ายที่สุดฉันก็มีของพวกนี้ตั้งมากมาย ฉันจะดูเครื่องประดับอื่น