แจ็คสันลูบท้องน้อย ๆ ของทิฟฟานี่ “มันเย็นเกินไปเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศและร้อนเมื่อไม่ได้เปิด นอนซะ พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับบ้านกัน”ทิฟฟานี่ซุกหน้าอกเขา “ฉันนอนไม่หลับหรอก ฉันเพิ่งจะตื่นเองนะ ฉันซื้อเครื่องประดับทั้งหมดสำหรับงานแต่งแล้วและฉันก็เหนื่อยจากการเดินไป ๆ มา ๆ มาก คุณน่ะซ่อนตัวอยู่แต่ที่บ้านแทนที่จะมาด้วยกัน ฉันงอนแล้ว"เขาจุมพิตที่แก้มของเธอ “ผมไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านซะหน่อย ผมไปที่สำนักงานมา จริง ๆ นะ ผมจะผ่อนคลายได้ยังไงเเมื่อไม่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ? ผมทำไม่ได้หรอก”เธอยิ้มอย่างกะเร่อกะร่าแล้ววาดวงกลมรอบหน้าอกของเขาด้วยความเบื่อหน่าย ความซนของเธอกระตุ้นเอวของเขา “อย่าแตะต้องตัวผม ไม่อย่างนั้นผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ นี่มันก็นานมามากแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมควบคุมตัวเองนานขนาดนี้ได้ยังไง…”เธอจงใจแกล้งเขาต่อไป “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าสิ มันก็นานมามากแล้วจริง ๆ คุณคงจะทำลายสถิติตัวเองไปแล้ว สถิติในการละเว้นนับตั้งแต่ที่คุณเข้าวัยผู้ใหญ่ ฮา ๆ…”เขาอยากจะปีนขึ้นไปบนตัวเธอและทำทุกอย่างกับเธอจริง ๆ แต่เขากลัวว่าจู่ ๆ ซัมเมอร์จะมาเคาะประตูหรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะส่งเสียงดังมากเกิ
ทิฟฟานี่ตบขาของแจ็คสันพลางเลียนแบบนิสัยอย่างหนึ่งของเขา “ไปเถอะ”เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย ในสภาพนี้เขาก็ดูไม่ต่างอะไรจากของเล่น...เช้าวันรุ่งขึ้น แอเรียนพาแอริสโตเติลและมาร์คออกจากบ้าน ถึงเวลาฉีดยาของแอริสโตเติลแล้ว ระยะหลังนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยและเสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้ง่าย เมื่อคืนฝนก็ตกปรอย ๆ เธอจึงได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวให้แอริสโตเติลอีกชั้นหนึ่งเพื่อคลุมแขนและขาอันขาวเนียนของเขา เขาดูกลม ๆ และอ้วนขึ้นและน่ารักขึ้นไปอีกหลังจากที่ขึ้นรถมาร์คก็ตรวจดูเวลาบนนาฬิกาแล้วพูดกับไบรอันซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะคนขับว่า “พาพวกเขาไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยไปส่งผมที่สำนักงาน บอกให้เฮนรี่ไปรับพวกเขาเมื่อพวกเขาเสร็จธุระแล้วด้วย”แอเรียนขมวดคิ้ว “คุณมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า? คุณจะไม่อยู่ที่โรงพยาบาลกับพวกเราหรอกเหรอ?”เขาพยักหน้า “อืม ฉันต้องไปประชุม"เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เขาเคยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับแอริสโตเติล เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอไม่เคยรู้สึกถูกคุกคามเพราะเขามาก่อน แต่นับตั้งแต่ที่เจนิซปรากฏตัว แอเรียนก็เริ่มรู้สึกกังวลอย่างประหล
เจนิซกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอ “เธอได้แตะเอกสารบนโต๊ะของฉันหรือเปล่า?” ผู้จัดการถามขณะที่เธอเดินเข้ามาหาเจนิซ"คุณเทรมอนต์มาถึงที่สำนักงานแล้ว แต่คุณยังไม่ได้เอาเอกสารไปให้เขาเซ็น” เจนิซตอบอย่างใจเย็น “ฉันก็เลยเอาเอกสารเหล่านี้ไปให้เขาในขณะที่คุณไม่อยู่ คุณเทรมอนต์ลงนามหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน”ผู้จัดการอารมณ์เสีย “เธอเป็นแค่เด็กฝึกงาน ทำไมเธอถึงชอบยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง? อย่าแตะต้องของพวกนี้อีก! เธอยังไม่ได้รับสิทธิ์ที่จะเข้าห้องทำงานของท่านประธานซะหน่อย!”“คุณต่างหากที่ละเลยงานของคุณ แล้วทำไมคุณถึงไม่ปล่อยให้คนอื่นช่วยซะล่ะ?” เจนิซถาม “เราทุกคนทำงานในบริษัทเดียวกัน เรามีเป้าหมายเดียวกันก็คือการทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญ คุณไม่เห็นจะต้องโกรธฉันเลย ถ้าคุณไม่พอใจ คุณก็ลองไปคุยกับคุณเทรมอนต์ดูสิ ดูสิว่าเขาจะพูดอะไร”ผู้จัดการโกรธมากจนสีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีขาว “นี่เธอ… เธอเป็นเด็กฝึกงานนะ เธอคิดที่จะเหยียบย่ำฉันเหรอ? ค่อยกลับมาท้าทายฉันอีกครั้งเมื่อเธออยู่ในตำแหน่งของฉันนะ ถ้าขืนเธอยังแตะต้องสิ่งของของฉันอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะไล่เธอ
แอเรียนพยักหน้า "ตกลง" แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกแต่เธอก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ชีวิตของเธออาจดูสงบสุข แต่มันกลับสงบสุขเกินไป เหมือนดั่งน้ำที่นิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา มาร์คไม่ได้มีพ่อแม่ ญาติหรือพี่น้อง แจ็คสันและเอริกจึงมีความหมายกับเขามาก ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเอริกคงจะอยู่กับเขาไปอีกนานจริง ๆ แล้วเธอไม่มีความสุขเลย เธออารมณ์เสียที่เขาละเลยเธอและลูกในช่วงที่เขาเศร้าโศก เธอกับแอริสโตเติลควรจะมีความสำคัญสำหรับเขาเช่นกัน และพวกเธอยังเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาทั้งในเวลานี้และตลอดไปเมื่อพายุผ่านไปอากาศในเมืองหลวงก็เริ่มเย็นลง พวกเขากำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแอริสโตเติลเริ่มเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเองแม้จะยังคงสั่นคลอนอยู่ก็ตาม เขาจะเสียการทรงตัวและล้มลงเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ยังชอบที่จะลุกขึ้นนั่งใหม่และเล่นกับตัวเอง ตอนนี้เขาสามารถเล่นซอกับของเล่นที่เขาโปรดปรานได้เช่นกันตอนนี้แอเรียนมีอิสระที่จะออกไปทำงานแล้ว เธอจึงเริ่มหางานเร็วกว่าที่วางแผนไว้ เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าบริษัทมาร์คอยู่แล้ว ทุกคนที่นั่นต่างรู้จักเธอในฐานะคุณนายเทรมอนต์ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พิจารณามาบ้างแล
ทันใดนั้นมาร์คก็ดึงแอเรียนเข้ามากอด “แอริ… ฉันชอบที่เธอบอกฉันเมื่อเธอไม่มีความสุขกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนะ เอาเป็นว่าเราจะให้สมอร์กลับไปนอนในห้องของเขาเพราะยังไงสุดท้ายเขาก็จะต้องนอนคนเดียวให้ได้อยู่ดี เราแค่จะฝึกเขาให้คุ้นเคยกับมันเร็วขึ้น เราให้แมรี่คอยดูแลเขาได้เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว”ทันใดนั้นแอเรียนก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้เคร่งขรึมอีกต่อไปและกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เนื่องจากเมื้อกี้นี้เธอไม่ได้โกรธขั้นสุด ความโกรธของเธอจึงสงบลงในไม่ช้า เธอเล่นกับกระดุมเสื้อโค้ตบริเวณหน้าอกของเขาและพูดอย่างอ่อนหวานว่า “คุณเห็นสมอร์เป็นกัางขวางคอเพราะเขานอนขั้นเราทุกคืนเหรอ? ก็ได้ ตอนนี้เขาก็อายุเกือบจะครึ่งขวบแล้ว คืนนี้เรารีบเข้านอนกันเถอะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัวที่บริษัทแต่เช้า”มาร์คยื่นมือออกและยกคางของเธอขึ้น จากนั้นเขาก็จ้องตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ “ฉันเกรงว่าคืนนี้เราคงจะนอนเร็วไม่ได้หรอก…”ใบหน้าของแอเรียนแดงเล็กน้อยแต่เธอไม่ได้หลบสายตาที่เร่าร้อนและลึกซึ้งระหว่างที่เธอริเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เขาเมื่อพวกเขาเพลิดเพลินอยู่บนเตียง มาร์คก็กระตือรือร้นที่จะลงมือทำภารกิจหลักในข
เวลาล่วงเลยไป ดวงจันทร์ซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆและเสียงในบ้านก็สงบลงในที่สุด มาร์คและแอเรียนกอดกันและผล็อยหลับไป คืนนี้พวกเขาไม่มีสมอร์อยู่เป็นก้างขวางคออีกต่อไปเช้าวันรุ่งขึ้น แอเรียนออกไปทำงานอย่างเร่งรีบก่อนที่มาร์คจะออกจากบ้านด้วยซ้ำ วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานของเธอและเธอก็อารมณ์ดี ดังนั้นเธอจะไปสายไม่ได้เด็ดขาด สมอร์อยู่ในอ้อมแขนของแมรี่ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูขณะที่แอเรียนกำลังจากไป เขาดูเหมือนจะไม่สามารถห่างกับแม่ของเขาได้ เขาโบกมือเล็ก ๆ ไปในทิศทางที่แอเรียนจากไปและนอกจากนี้ดวงตาของเขายังน้ำตาคลออีกด้วยเมื่อเห็นเช่นนั้น มาร์คก็ยิ้มอย่างไม่พอใจ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ตอนนี้นายค่อนข้างโตแล้วนะ นายจะห่างแม่ตัวเองหน่อยไม่ได้เลยเหรอ? ไม่อายบ้างหรือไง? แม่นายต้องการออกไปข้างนอกนั่นและสร้างชื่อให้ตัวเอง แม้ว่าฉันเองจะไม่สามารถห่างเธอได้แต่ขนาดฉันยังไม่กล้าทำอะไรเลย แล้วนายจะทำให้เธออยู่ได้ยังไง? ถ้านายร้องอีกแม่นายจะไม่ต้องการนายอีกแล้วนะ”แมรี่ค่อนข้างกลัวและปิดหูของสมอร์ “นายท่านอย่าพูดว่านายหญิงไม่ต้องการเขาอีกนะคะ นายน้อยสามารถเข้าใจบางส่วนได้ไม่มากก็น้อย ถ้าเขาร้องขึ้นมาเราจะปลอบเขาได
โต๊ะทำงานของแอเรียนไม่ได้พิเศษอะไรมากนัก มันถูกแยกออกจากนักออกแบบทั่วไปคนอื่น ๆ และมีพื้นที่ที่กว้างขวางกว่าเล็กน้อย โต๊ะทำงานของเธอยังใหญ่กว่าคนอื่นเล็กน้อยเช่นกันไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้น คุณเยลแมนก็มาส่งสัญญาให้เธอด้วยตนเอง “ได้โปรดอ่านทบทวนดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นได้เลยครับ”แอเรียนถือสัญญาและอ่านมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็พูดว่า “ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันต้องแจ้งบางอย่างก่อน ฉันจะพยายามทำงานให้เสร็จในช่วงเวลากลางวัน ฉันต้องไม่ถูกขอให้ทำงานล่วงเวลาในช่วงสุดสัปดาห์เด็ดขาด และในวันธรรมดาฉันก็หวังว่าฉันจะได้ไม่ต้องทำงานล่วงเวลาเช่นกัน หากคุณมีข้อโต้แย้ง คุณสามารถลดจำนวนรายได้ต่อปีของฉันได้เลย โอเคไหมคะ?”คุณเยลแมนพูดด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอว่า “คุณพูดเรื่องอะไรของคุณกันครับ? ผมจะขอให้คุณทำงานล่วงเวลาได้อย่างไร? ยิ่งการทำงานล่วงเวลาตอนกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าคุณทำงานตัวเองเสร็จในตอนกลางวันแล้วคุณสามารถเลิกงานได้ก่อนเวลาด้วยซ้ำหากต้องการ เราเข้าใจดีว่าคุณต้องกลับบ้านเร็วเพื่อไปดูแลลูกของคุณ นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยครับ"'เขาทำตามความปรารถนาของฉันอย่างง่ายดาย!' เธอสง
ทิฟฟานี่อิจฉาอย่างสุดซึ้ง “ฉันยังได้รับเงินเดือนทีละเดือนอยู่เลย แต่รายได้ต่อปีของเธอก็ 100,000 ดอลลาร์แล้ว เธอนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! เธอต้องเลี้ยงฉันแล้วล่ะ”แอเรียนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเธอ "แค่นั้นก็พอแล้วไหม เงินของแจ็คสันก็เป็นของเธอทุกเดือนไม่ใช่เหรอ? มีอะไรให้ต้องไม่พอใจอีก? เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอหามาได้ไม่เพียงพอสำหรับเครื่องสำอางของเธอด้วยซ้ำ อย่าทำเป็นน้อยใจหน่อยเลย เธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์บ้างหรือยัง? ดูจากระยะเวลาในการตั้งครรภ์ของเธอแล้วเธอควรจะเริ่มรู้สึกบ้างได้แล้วนะ”ทิฟฟานี่เม้มปากแน่น "ไม่เลย บางทีเขาอาจจะขี้เกียจเกินไปที่จะเคลื่อนไหวก็ได้ ท้ายที่สุดผลการตรวจการตั้งครรภ์ก็บอกว่าทุกอย่างปกติดี ดังนั้นฉันก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มากนัก บางทีชั้นผิวที่ท้องฉันอาจจะหนามากจนฉันไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เอ่อ ธัญญ่าน่าจะท้องได้สองสามเดือนแล้วเหมือนกันนะ ฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง”เมื่อพูดถึงธัญญ่า บรรยากาศก็เริ่มกระอักกระอ่วน พวกเธอไม่ได้เกลียดธัญญ่าอย่างสุดซึ้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พวกเธอจึงทำได้แต่เพียง