Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / คำที่ไม่อยู่ในสมุด – เมื่อเด็กเริ่มเขียนประโยคใหม่แทนคำสวดเก่า

Share

คำที่ไม่อยู่ในสมุด – เมื่อเด็กเริ่มเขียนประโยคใหม่แทนคำสวดเก่า

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-06-30 03:24:05

คำที่ไม่อยู่ในสมุด – เมื่อเด็กเริ่มเขียนประโยคใหม่แทนคำสวดเก่า

"สมุดสวด" — เคยเป็นของศักดิ์สิทธิ์

แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นของที่ไม่มีใครอ่านจนจบ

ในหมู่บ้านอิซุโนะ เด็กคนหนึ่งชื่ออาโออิ นั่งอยู่กลางลานดิน

เธอไม่รู้จักคำว่า "บทที่ 13 วรรคที่ 2"

เธอแค่เขียนบนกระดาษบาง ๆ ด้วยลายมือสั่นเทา:

“แม่บอกว่าการจำชื่อคนไม่ใช่บาป”

“ถ้าหนูพูดชื่อเขา หนูจะไม่ลืมเขา”

“หนูคิดถึงเขาทุกคืน…”

เธอพับกระดาษนั้น วางไว้ใต้หิน

แล้วจุดเทียน — ไม่ใช่เพื่อสวด แต่เพื่ออ่านให้ใครก็ตามที่ผ่านมาฟัง

เด็กอีกกลุ่มในหมู่บ้านใกล้กัน เริ่มตั้ง "วงเขียนชื่อ"

พวกเขาไม่สวด ไม่จำบท

แต่เขียนประโยคของตัวเองขึ้นมา แล้วอ่านให้กันฟังทุกคืน

“พ่อเคยบอกว่าการอยู่เงียบไม่ใช่ความดีเสมอไป”

“หนูเคยร้องไห้เพราะห้ามพูดชื่อพี่ชาย”

“ตอนนี้หนูพูดได้แล้ว — พี่ชื่อมิโอะ”

คำเหล่านี้กระจายเหมือนหมึกบนผืนผ้า

ช้า... แต่ไม่หยุด

ซาโยะถือหนึ่งในกระดาษเหล่านั้นไว้ในมือ

ประโยคเขียนด้วยมือเด็ก แต่แรงกว่าดาบ

“ข้าไม่รู้ว่าพระองค์ไหนคือพระจริง

แต่ข้ารู้ว่าชื่อของแม่จริง…”

นางหันไปถามฮากุโร่ว่า

“นี่เรียกว่าศรัทธาไหม?”

เขาตอบเพียงเบา ๆ

“ข้าคิดว่า… นี่เรียกว่า กล้ารักโดยไม่ต้องอนุญาต

ข่าวนี้ไปถึงหูศาสนจักร

พระบางรูปเริ่มสับสน ไม่รู้จะสวดอะไรต่อ

เพราะประโยคใหม่เหล่านี้

เรียบง่าย

แต่มนุษย์อย่างแท้จริง

และสำคัญกว่าบทที่สั่งให้จำ

ตระกูลฮิโนเอะเปิด “หอเขียนคำ” แห่งแรก

เป็นเพิงไม้หลังเล็ก มีแค่โต๊ะ หมึก และผนังสำหรับติดประโยค

มีคำหนึ่งที่ติดไว้กลางหอ:

“ถ้าเจ้าคิดถึงใคร และเขายังไม่มีชื่อในสมุดใด

เขียนเถอะ — แม้ไม่มีใครอนุญาต

เพราะการคิดถึง… ไม่เคยต้องให้ผ่านพิธี”

และแล้ว สมุดเล่มใหม่เริ่มปรากฏ

ไม่ใช่สมุดของศาสนจักร

แต่คือ “สมุดจำของคนธรรมดา”

บรรทัดแรกเขียนไว้ว่า:

“ข้าไม่รู้ภาษาศักดิ์สิทธิ์

แต่ข้าจำได้ว่าเขายิ้มยังไงในตอนที่ยังมีชีวิต”

ในยามค่ำ ฮากุโร่ยืนกลางแสงตะเกียง

เขาพูดกับซาโยะว่า

“ศาสนาจักรกลัวคำพูดเหล่านี้…

เพราะมันไม่มีคำว่า ‘ให้อภัย’

แต่มันมีคำว่า ‘ยังรักอยู่’

และนั่น… ควบคุมไม่ได้”

แผ่นดินเริ่มไม่มีบท

เริ่มไม่มีสมุดสวด

แต่กลับมี “คำ” ที่ไม่เคยมีอยู่ในหนังสือใด

คำที่พูดเพราะหัวใจบอกให้พูด

ไม่ใช่เพราะใครสั่งให้จำ

และในท้ายที่สุด

คำเหล่านี้...

กลายเป็นพันธะใหม่ที่ไม่มีใครเขียนกฎให้

แต่คนทั้งแผ่นดินเริ่มเชื่อพร้อมกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   กำแพงวัดที่เริ่มสะท้อนเสียงกลับ – เมื่อบทสวดกลายเป็นการตั้งคำถาม

    กำแพงวัดที่เริ่มสะท้อนเสียงกลับ – เมื่อบทสวดกลายเป็นการตั้งคำถามภายในวัดเอย์จินหนึ่งในวัดที่ขึ้นชื่อว่า “มั่นคงต่อศาสนจักร”พระหนุ่มชื่อ มิโดริน เริ่มสวดผิดเพียงหนึ่งคำในพิธีศักดิ์สิทธิ์เดือนที่แล้ว เขาอ่านว่า“ขอจงปลดปล่อยผู้จากไป ด้วยการเรียกชื่อแท้ของเขา…”แทนที่จะกล่าวว่า“ขอจงลบชื่อของผู้พลาด เพื่อไม่ให้ศรัทธาสั่นคลอน”ผิดเพียงคำเดียวแต่มันดังก้องในหูของเด็กสามคนที่กำลังฟังอยู่และเงียบเกินไปสำหรับหูของพระอาวุโสที่ไม่เคยคิดจะตั้งคำถามหลังพิธีมิโดรินถูกเรียกเข้าห้องสอบสวนแต่เมื่อถูกถามว่า“เจ้าต้องการเปลี่ยนบทสวดหรือ?”เขาตอบเพียงว่า“เปล่า ข้าเพียงอยากรู้ว่า…ใครเขียนบทสวดนี้?”คำถามนั้น ไม่ใช่การต่อต้านแต่สำหรับศาสนจักร… มันคือระเบิดเสียงกระซิบเริ่มก้องในวัดอีกหลายแห่งเด็กที่เคยท่องตามพระเริ่มถามว่า“ทำไมแม่ของข้าจึงไม่มีชื่อในคำสวด?”“ทำไมพี่ชายที่ตายสงครามจึงถูกเรียกว่า ‘ไร้ศรัทธา’?”พระบางรูปตอบไม่ได้พระบางรูปเริ่มหลบสายตาพระบางรูป… กลับเอาบทสวดฉบับเก่าออกมาอ่านลับ ๆ ใต้แสงเทียนวัดทาโฮะพระหญิงนามว่า เรย์ชินขึ้นเทศน์หน้าคนเกือบร้อยแต่แทนที่จะกล่าวตามตำรานางเอ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ศาสนจักรที่เริ่มแตกร้าว – เมื่อพระต้องเลือกระหว่างตำรา กับชื่อที่เคยรู้จัก

    ศาสนจักรที่เริ่มแตกร้าว – เมื่อพระต้องเลือกระหว่างตำรา กับชื่อที่เคยรู้จักณ วัดฮงเซนซังศูนย์กลางอำนาจทางจิตวิญญาณของศาสนจักรแห่งรัฐมีพระกว่า 300 รูปประจำการบทสวดถูกบรรจงเขียนใหม่ทุกปีตามนโยบาย "การควบคุมคำ"แม้เพียงคำหนึ่งผิด… ก็นับว่าเป็นความผิดทางศาสนาแต่ในปีที่เสียงเงาเริ่มสะท้อนกลับมีบางบท… ที่พระไม่กล้าอ่านเพราะมีบางชื่อ… ที่แม้แต่พระก็ไม่กล้าลืมพระชราองค์หนึ่ง ชื่อ "อุนเกียว"เคยเป็นครูใหญ่ในวัดแห่งนี้กว่า 40 ปีท่องบทสวดจนจำได้แม้ในความฝันแต่เมื่อมีคำสั่งลบชื่อ “อาคาเนะ” ออกจากบันทึกพิธีมือของเขากลับสั่นเกินกว่าจะหยิบพู่กัน“ข้าเป็นคนให้ชื่อเด็กคนนั้น”“วันนี้ข้าจะเป็นคนลบมันออกงั้นหรือ?”ในค่ำคืนนั้นเขาไม่สวดบทที่ถูกสั่งให้สวดแต่สวดชื่อของศิษย์ผู้จากไป ด้วยเสียงเบาที่สุดให้ได้ยินเพียงตนเองทว่าเสียงนั้นกลับดังกว่ากลองยามเช้าในใจเขาพระรุ่นใหม่บางกลุ่ม เริ่มแอบเก็บ “สมุดชื่อ”ซ่อนไว้ใต้ฐานพระบางเล่มเขียนด้วยน้ำหมึกบางเล่มเขียนด้วยเลือดจากนิ้วตนไม่มีใครกล้าพูดในที่แจ้งแต่ในลานวัดยามไร้ผู้คนมีเสียงกระซิบชื่อเหล่านั้นเหมือนบทสวดลับในที่ประชุมระดับสูงของศาสนจักร

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทสนธิสัญญาเงา – เมื่อเงาเริ่มเป็นพันธมิตร

    บทสนธิสัญญาเงา – เมื่อเงาเริ่มเป็นพันธมิตรคืนเดือนดับใต้สะพานไม้เก่าที่เชื่อมเขตชายแดนสามแคว้นเงาของคนสิบกว่าคนประชุมโดยไม่มีโคมไฟมีเพียงเสียงลมหายใจ และกระดาษในมือผู้แทนจากตระกูลยามากาตะ, คุเสะ, ชิราโนะ, โทคิโนะ และมินาเสะรวมตัวกันในสิ่งที่ไม่ได้เรียกว่ากองทัพไม่ได้เรียกว่าสภาแต่พวกเขาเรียกว่า“วงแห่งการจดจำ”ไม่มีตราประทับไม่มีชื่อเจ้าภาพมีเพียงสิ่งเดียวที่ร่วมกัน — รายชื่อผู้ถูกห้ามพูดถึงจากศาสนจักรซาโยะนั่งเงียบในเงาข้างกายฮากุโร่ซึ่งยังคงปิดหน้าเธอพูดขึ้นเพียงประโยคเดียวเสียงนั้นเยือกเย็นแต่ชัดเจน“เราจะไม่สู้ด้วยดาบเราจะสู้ด้วยสิทธิในการเรียกชื่อผู้ตายว่า ‘มนุษย์’”ชายจากตระกูลโทคิโนะถาม“หากศาสนจักรตอบโต้มาด้วยไฟลุก… เราจะมีอะไรป้องกัน?”ฮากุโร่ยื่นผืนผ้าขาวให้บนผืนผ้านั้น มีชื่อหลายร้อยชื่อปักด้วยด้ายดำเขาพูดว่า“เราจะไม่ป้องกันแต่จะสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่าไฟนั้นเผาอะไรอยู่จริง ๆ”บทสนธิสัญญาเงาถูกเขียนด้วยหมึกสีน้ำตาลแดงจากเปลือกไม้ไม่มีลายเซ็นไม่มีวันเวลาแต่ทุกคนในวงรู้ว่าคืนนี้... พวกเขาไม่ได้มาคุยแต่กำลังลงมือร่วมสร้างเงาให้มีร่างหนึ่งในนั้นเสนอ“เราจ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”    ปราสาทโอซึกิยามะ – ห้องประชุมลับของเหล่าผู้นำ 12 ตระกูล

    ปราสาทโอซึกิยามะ – ห้องประชุมลับของเหล่าผู้นำ 12 ตระกูลใต้แสงเทียนที่สะท้อนแค่ครึ่งหน้าผู้นำจากตระกูลโทคิโนะ, ยามากาตะ, คุเสะ, ชิราโนะ และอีกเจ็ดสายเลือดล้อมวงอยู่ในห้องประชุมเงียบงันแผนที่แคว้นถูกคลี่บนพื้นรายชื่อ “ผู้สวดเงา” แผ่กระจายดั่งหมึกซึมบางรายชื่อถูกขีดฆ่าด้วยหมึกแดงบางชื่อ… ไม่มีแม้กระทั่งใบหน้าให้จดจำไดเมียวโทคิโนะ ผู้สูงวัยที่สุด มองผ่านแว่นกลมต่ำลงมากล่าวเสียงแผ่ว“สมัยข้า... เสียงที่ไม่มีบท คือเสียงกบฏ”“แต่ตอนนี้ ข้าเริ่มไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่กบฏต่อมนุษย์”เจ้าแคว้นคุเสะ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องกลยุทธ์ พูดพลางลูบบาดแผลเก่าบนฝ่ามือ“หากเราอยู่เฉย เท่ากับปล่อยให้ศาสนจักรทำลายความทรงจำของประชาชนด้วยตรายาง”“แต่นี่ไม่ใช่ศึกที่มองเห็นศัตรู”“นี่คือศึกกับความเงียบ”ผู้นำตระกูลยามากาตะ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ทหารของข้าสิบคนถูกสั่งให้จับเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ เพราะเธอเขียนชื่อแม่บนผ้า... แล้วมอบให้ลม”“ข้าถามตนเองว่า ข้ายังปกครองแผ่นดินอยู่ หรือข้าแค่รับใช้องค์กรที่กลัวชื่อมนุษย์”เกิดความเงียบอีกครู่หนึ่งก่อนที่หญิงผู้นำจากตระกูลชิราโนะ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องวรรณกรรมและวิญญาณส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   กองทัพไม่มีแม่ทัพ

    “กองทัพไม่มีแม่ทัพ” ผู้คนไม่มีหัวหน้า แต่ทุกชื่อที่เอ่ยออก… กลับเคลื่อนทัพได้จริงเสียงที่ไม่มีผู้นำ – เมื่อการจดจำไม่ต้องการธงกลางลานดินแห่งหมู่บ้านโฮรุมิเสียงสวดดังสลับเบาไม่มีเวทีไม่มีนักเทศน์มีเพียงวงคนเรียบง่าย ที่ยืนล้อมกันและสวด "ชื่อ"“อาคิระ…”“มาซาเอะ…”“ชิบุยะ…”“โคโตมิ…”ไม่ใช่บทสวดจากตำราศาสนาแต่เป็นชื่อคนธรรมดาที่เคยถูกสั่งห้ามเอ่ยที่หมู่บ้านฟูรานะชายชราเจ้าของร้านขายของเก่าตั้งกระดานไม้หน้าบ้านให้ทุกคน “ขีด” ชื่อที่อยากจดจำกระดานเต็มทุกวันชื่อที่เขียนด้วยมือไม้สั่นบางชื่อถูกลบแล้วเขียนซ้ำแต่ไม่มีใครถามว่าใครเริ่มเพราะไม่มีใครเริ่มไม่มีใครสั่งและไม่มีใครยอมให้มันหยุดศาสนจักรพยายามรับมือพวกเขาส่งพระรุ่นใหม่เสนอ “บัญชีชื่อที่อนุญาตให้สวด”รายชื่อที่ถูกกลั่นกรองผ่านพิธีผ่านตราประทับผ่านผู้นำที่อนุมัติแต่คนเงียบหญิงชราคนหนึ่งเงยหน้าจากผืนผ้า แล้วกล่าวว่า“ข้าสวด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   เงาที่ไม่ต้องหนี – เมื่อผู้สวดเงาเริ่มเดินกลางเมือง

    เงาที่ไม่ต้องหนี – เมื่อผู้สวดเงาเริ่มเดินกลางเมืองในวันที่ฟ้าหม่นเหนือเมืองหลวงอิคุตะฝนโปรยบางเบาแต่ในสายตาของศาสนจักรเม็ดฝนกลับดูเหมือนเศษขี้เถ้าจากสมุดต้องห้ามเพราะผู้คนกลุ่มหนึ่งแต่งชุดเรียบง่าย สีเทาดั่งเงาเดินเรียงแถวเข้าสู่ใจกลางเมืองมือเปล่า ไม่มีอาวุธไม่มีแม้เสียงตะโกนพวกเขาถูกเรียกว่า "ผู้สวดเงา"ครั้งหนึ่งเคยแอบสวดในป่าเขียนบนผนังที่ไม่มีใครเห็นแต่วันนี้ พวกเขาเดินในถนนใหญ่สวด "ชื่อ" ของผู้ที่เคยถูกห้ามพูด“ยูซากุ…”“โฮชิเอะ…”“อายูมิ…”“ซาโฮะ…”แต่ละชื่อคือคำสวดแต่ละก้าวคือการต่อต้านไม่ใช่ด้วยดาบ แต่ด้วยการไม่หนีอีกต่อไปเด็กหญิงคนหนึ่งเขียนชื่อพ่อที่ตายเพราะถูกประณามว่า “ลืมบท”ลงบนผ้าสีขาว แล้วผูกกับไม้ไผ่เดินถือเข้าไปในตลาดใหญ่กลางวันแสก ๆไม่มีใครกล้าห้ามแม้เจ้าหน้าที่ศาสนจักรจะยืนอยู่แต่ดวงตาหลายคู่มองมาที่ไม้ไผ่นั้น… แล้วลดสายตาลงอย่างเงียบงันพระหนุ่มแห่งกลุ่มโยรุโนะมิโกะหยุดเดินกลางสี่แยกสวดชื่อเพื่อนที่เคยถูกลากออกจากหมู่บ้านไปโดยไม่มีคำอธิบายเขาพูดเพียงว่า“ศาสนาใดที่กลัวชื่อของผู้ตายคือศาสนาที่กลัวความจริงของผู้ยังมีชีวิต”คืนหนึ่งในศาลากล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status