หน้าหลัก / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / สมุดที่ไม่มีคนเขียน – เมื่อคนที่เคยเงียบกลายเป็นผู้บันทึกของยุคสมัย

แชร์

สมุดที่ไม่มีคนเขียน – เมื่อคนที่เคยเงียบกลายเป็นผู้บันทึกของยุคสมัย

ผู้เขียน: mafath9
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-30 03:31:30

สมุดที่ไม่มีคนเขียน – เมื่อคนที่เคยเงียบกลายเป็นผู้บันทึกของยุคสมัย

มันเริ่มจากสมุดเล่มหนึ่ง

ไม่มีปก ไม่มีชื่อเจ้าของ

มีเพียงคำแรกเขียนด้วยลายมือสั่นของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง:

“ข้าไม่แน่ใจว่านี่ควรเรียกว่าบทหรือเปล่า

แต่วันนี้ ข้าจำชื่อแม่ของข้าได้ โดยไม่รู้สึกผิด”

สมุดเล่มนี้ถูกวางทิ้งไว้ในห้องเก็บของร้างในหมู่บ้านอาคาสึ

ไม่มีใครรู้ว่าใครเริ่ม

แต่ในเวลาไม่นาน

มันถูกเขียนต่อ

ด้วยมือที่เคยถูกห้ามพูด

และปากกาของผู้ที่เคยไม่ถูกฟัง

หน้าแล้วหน้าเล่า

มีแต่ชื่อ

บทสนทนาสั้น ๆ

คำอธิษฐานที่ไม่มี “พระ” ใดอยู่ในประโยค

“ข้าไม่ได้ขอพร แต่ข้าขอให้เขายังอยู่ในความทรงจำของใครสักคน”

“ข้าเขียนเพื่อไม่ให้เขาหายไปจากโลก แม้เพียงหนึ่งบรรทัดก็พอ”

สมุดเล่มนั้นถูกลอกหลายสำเนาด้วยมือเปล่า

กระดาษหยาบ

หมึกจาง

แต่ทุกบรรทัดคือเลือดใจ

เด็กที่เคยไม่กล้าพูด กลายเป็นผู้ลอก

หญิงชราที่เคยกลัวตาย กลายเป็นผู้สอนเด็กเขียน

ชายพิการที่ถูกตัดลิ้นในศาสนจักรเก่า กลายเป็นผู้แปล “ความรู้สึก” เป็นประโยค

มันไม่ใช่ตำรา

แต่มันมีชีวิต

เพราะมันไม่มีใครเป็นเจ้าของ

ทุกคนเป็นแค่คนเขียน “ชั่วคราว”

และนั่นทำให้มันกลายเป็น สิ่งที่แท้จริงที่สุดในยุคเงานี้

ศาสนจักรเริ่มหวาดกลัว

เคียวยะสั่งจัดตั้งหน่วย “ผู้ลบคำ” — กองนักสวดที่มีหน้าที่ตามเก็บสมุดพวกนี้

แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเผาหนึ่งเล่ม

จะมีสองเล่มใหม่ปรากฏขึ้นในหมู่บ้านข้างเคียง

ฮากุโร่กล่าวต่อที่ประชุมพันธมิตรว่า

“เจ้าลบหมึกได้

แต่เจ้าลบความจำของแม่ที่ร้องไห้ไม่ได้

และเจ้าลบความคิดถึงจากหัวใจของลูกไม่ได้”

วันหนึ่ง เด็กชายคนหนึ่งพบสมุดเล่มนั้นใต้เสาศาลาร้าง

เขาไม่รู้หนังสือ

แต่เขาขอให้หญิงชราอ่านให้ฟัง

เขานั่งฟังเงียบ ๆ จนถึงหน้า 47

แล้วถามเบา ๆ

“ข้า... เขียนชื่อพ่อข้าบ้างได้ไหม?”

หญิงชราพยักหน้า

เขาหยิบถ่านเขียนบนหน้าสุดท้าย

และพูดว่า

“ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่า ข้าก็เขียนได้ แม้ข้าจะไม่มีศาสนา”

นับจากวันนั้น

ในทุกหมู่บ้าน

ในทุกคืนจันทร์ครึ่งดวง

จะมีสมุดหนึ่งเล่ม ถูกวางกลางลาน

ไม่มีคนสวด

ไม่มีผู้นำ

มีเพียงเสียงปากกาที่เคลื่อนไปช้า ๆ

ในเงียบ

แต่ลึก

ซาโยะอ่านสมุดเล่มหนึ่งที่ลอกมาจากต้นฉบับนั้น

มีบรรทัดหนึ่งที่ทำให้นางหยุดนิ่ง

“ข้าไม่ใช่คนเขียนหนังสือ

แต่ข้าแค่อยากให้แม่ข้ายังมีชื่อในโลกนี้”

นางปิดสมุดนั้น

และกล่าวกับฮากุโร่ว่า

“บางที... ยุคของเราเริ่มขึ้นเมื่อไม่มีใครอยากเป็นนักเขียน

แต่ทุกคนยอมเป็น ‘คนจำ’ แทนกัน”

สมุดที่ไม่มีคนเขียน

กำลังเปลี่ยนเป็นสมุดที่ “ทุกคนเขียน”

มันไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยพิธี

แต่มันศักดิ์สิทธิ์เพราะทุกคนเขียนมันด้วยหัวใจที่เคยถูกทำให้เงียบ

และในหน้าสุดท้าย

ไม่มีลายมือ

มีเพียงช่องว่าง

รอชื่อถัดไปที่จะเติมมาโดยใครก็ตาม

ที่ไม่อยากลืมใครสักคน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทสนธิสัญญาเงา – เมื่อเงาเริ่มเป็นพันธมิตร

    บทสนธิสัญญาเงา – เมื่อเงาเริ่มเป็นพันธมิตรคืนเดือนดับใต้สะพานไม้เก่าที่เชื่อมเขตชายแดนสามแคว้นเงาของคนสิบกว่าคนประชุมโดยไม่มีโคมไฟมีเพียงเสียงลมหายใจ และกระดาษในมือผู้แทนจากตระกูลยามากาตะ, คุเสะ, ชิราโนะ, โทคิโนะ และมินาเสะรวมตัวกันในสิ่งที่ไม่ได้เรียกว่ากองทัพไม่ได้เรียกว่าสภาแต่พวกเขาเรียกว่า“วงแห่งการจดจำ”ไม่มีตราประทับไม่มีชื่อเจ้าภาพมีเพียงสิ่งเดียวที่ร่วมกัน — รายชื่อผู้ถูกห้ามพูดถึงจากศาสนจักรซาโยะนั่งเงียบในเงาข้างกายฮากุโร่ซึ่งยังคงปิดหน้าเธอพูดขึ้นเพียงประโยคเดียวเสียงนั้นเยือกเย็นแต่ชัดเจน“เราจะไม่สู้ด้วยดาบเราจะสู้ด้วยสิทธิในการเรียกชื่อผู้ตายว่า ‘มนุษย์’”ชายจากตระกูลโทคิโนะถาม“หากศาสนจักรตอบโต้มาด้วยไฟลุก… เราจะมีอะไรป้องกัน?”ฮากุโร่ยื่นผืนผ้าขาวให้บนผืนผ้านั้น มีชื่อหลายร้อยชื่อปักด้วยด้ายดำเขาพูดว่า“เราจะไม่ป้องกันแต่จะสะท้อนให้ทุกคนเห็นว่าไฟนั้นเผาอะไรอยู่จริง ๆ”บทสนธิสัญญาเงาถูกเขียนด้วยหมึกสีน้ำตาลแดงจากเปลือกไม้ไม่มีลายเซ็นไม่มีวันเวลาแต่ทุกคนในวงรู้ว่าคืนนี้... พวกเขาไม่ได้มาคุยแต่กำลังลงมือร่วมสร้างเงาให้มีร่างหนึ่งในนั้นเสนอ“เราจ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”    ปราสาทโอซึกิยามะ – ห้องประชุมลับของเหล่าผู้นำ 12 ตระกูล

    ปราสาทโอซึกิยามะ – ห้องประชุมลับของเหล่าผู้นำ 12 ตระกูลใต้แสงเทียนที่สะท้อนแค่ครึ่งหน้าผู้นำจากตระกูลโทคิโนะ, ยามากาตะ, คุเสะ, ชิราโนะ และอีกเจ็ดสายเลือดล้อมวงอยู่ในห้องประชุมเงียบงันแผนที่แคว้นถูกคลี่บนพื้นรายชื่อ “ผู้สวดเงา” แผ่กระจายดั่งหมึกซึมบางรายชื่อถูกขีดฆ่าด้วยหมึกแดงบางชื่อ… ไม่มีแม้กระทั่งใบหน้าให้จดจำไดเมียวโทคิโนะ ผู้สูงวัยที่สุด มองผ่านแว่นกลมต่ำลงมากล่าวเสียงแผ่ว“สมัยข้า... เสียงที่ไม่มีบท คือเสียงกบฏ”“แต่ตอนนี้ ข้าเริ่มไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่กบฏต่อมนุษย์”เจ้าแคว้นคุเสะ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องกลยุทธ์ พูดพลางลูบบาดแผลเก่าบนฝ่ามือ“หากเราอยู่เฉย เท่ากับปล่อยให้ศาสนจักรทำลายความทรงจำของประชาชนด้วยตรายาง”“แต่นี่ไม่ใช่ศึกที่มองเห็นศัตรู”“นี่คือศึกกับความเงียบ”ผู้นำตระกูลยามากาตะ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ทหารของข้าสิบคนถูกสั่งให้จับเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ เพราะเธอเขียนชื่อแม่บนผ้า... แล้วมอบให้ลม”“ข้าถามตนเองว่า ข้ายังปกครองแผ่นดินอยู่ หรือข้าแค่รับใช้องค์กรที่กลัวชื่อมนุษย์”เกิดความเงียบอีกครู่หนึ่งก่อนที่หญิงผู้นำจากตระกูลชิราโนะ ผู้ขึ้นชื่อเรื่องวรรณกรรมและวิญญาณส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   กองทัพไม่มีแม่ทัพ

    “กองทัพไม่มีแม่ทัพ” ผู้คนไม่มีหัวหน้า แต่ทุกชื่อที่เอ่ยออก… กลับเคลื่อนทัพได้จริงเสียงที่ไม่มีผู้นำ – เมื่อการจดจำไม่ต้องการธงกลางลานดินแห่งหมู่บ้านโฮรุมิเสียงสวดดังสลับเบาไม่มีเวทีไม่มีนักเทศน์มีเพียงวงคนเรียบง่าย ที่ยืนล้อมกันและสวด "ชื่อ"“อาคิระ…”“มาซาเอะ…”“ชิบุยะ…”“โคโตมิ…”ไม่ใช่บทสวดจากตำราศาสนาแต่เป็นชื่อคนธรรมดาที่เคยถูกสั่งห้ามเอ่ยที่หมู่บ้านฟูรานะชายชราเจ้าของร้านขายของเก่าตั้งกระดานไม้หน้าบ้านให้ทุกคน “ขีด” ชื่อที่อยากจดจำกระดานเต็มทุกวันชื่อที่เขียนด้วยมือไม้สั่นบางชื่อถูกลบแล้วเขียนซ้ำแต่ไม่มีใครถามว่าใครเริ่มเพราะไม่มีใครเริ่มไม่มีใครสั่งและไม่มีใครยอมให้มันหยุดศาสนจักรพยายามรับมือพวกเขาส่งพระรุ่นใหม่เสนอ “บัญชีชื่อที่อนุญาตให้สวด”รายชื่อที่ถูกกลั่นกรองผ่านพิธีผ่านตราประทับผ่านผู้นำที่อนุมัติแต่คนเงียบหญิงชราคนหนึ่งเงยหน้าจากผืนผ้า แล้วกล่าวว่า“ข้าสวด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   เงาที่ไม่ต้องหนี – เมื่อผู้สวดเงาเริ่มเดินกลางเมือง

    เงาที่ไม่ต้องหนี – เมื่อผู้สวดเงาเริ่มเดินกลางเมืองในวันที่ฟ้าหม่นเหนือเมืองหลวงอิคุตะฝนโปรยบางเบาแต่ในสายตาของศาสนจักรเม็ดฝนกลับดูเหมือนเศษขี้เถ้าจากสมุดต้องห้ามเพราะผู้คนกลุ่มหนึ่งแต่งชุดเรียบง่าย สีเทาดั่งเงาเดินเรียงแถวเข้าสู่ใจกลางเมืองมือเปล่า ไม่มีอาวุธไม่มีแม้เสียงตะโกนพวกเขาถูกเรียกว่า "ผู้สวดเงา"ครั้งหนึ่งเคยแอบสวดในป่าเขียนบนผนังที่ไม่มีใครเห็นแต่วันนี้ พวกเขาเดินในถนนใหญ่สวด "ชื่อ" ของผู้ที่เคยถูกห้ามพูด“ยูซากุ…”“โฮชิเอะ…”“อายูมิ…”“ซาโฮะ…”แต่ละชื่อคือคำสวดแต่ละก้าวคือการต่อต้านไม่ใช่ด้วยดาบ แต่ด้วยการไม่หนีอีกต่อไปเด็กหญิงคนหนึ่งเขียนชื่อพ่อที่ตายเพราะถูกประณามว่า “ลืมบท”ลงบนผ้าสีขาว แล้วผูกกับไม้ไผ่เดินถือเข้าไปในตลาดใหญ่กลางวันแสก ๆไม่มีใครกล้าห้ามแม้เจ้าหน้าที่ศาสนจักรจะยืนอยู่แต่ดวงตาหลายคู่มองมาที่ไม้ไผ่นั้น… แล้วลดสายตาลงอย่างเงียบงันพระหนุ่มแห่งกลุ่มโยรุโนะมิโกะหยุดเดินกลางสี่แยกสวดชื่อเพื่อนที่เคยถูกลากออกจากหมู่บ้านไปโดยไม่มีคำอธิบายเขาพูดเพียงว่า“ศาสนาใดที่กลัวชื่อของผู้ตายคือศาสนาที่กลัวความจริงของผู้ยังมีชีวิต”คืนหนึ่งในศาลากล

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทสวดแห่งการซ่อน

    บทสวดแห่งการซ่อนเมื่อคำกลายเป็นอาวุธ คนจึงต้องซ่อนมันไว้ไม่ใช่แค่จากสายตาแต่จาก “หู” ของผู้คอยฟังเพื่อสั่งฆ่านี่คือยุคที่เสียงไม่เดินทางผ่านลมอีกต่อไปแต่มุดดิน แทรกหิน และซ่อนอยู่ใต้บาดแผลกำแพงที่ไม่มีหู – เมื่อคำถูกซ่อนไว้ใต้หิน ใต้ดิน ใต้ผิวหนังกำแพงหินโบราณที่เคยล้อมรอบศาสนสถานอามาเทระสุบัดนี้ถูกเรียกว่า "กำแพงที่ไม่มีหู"เพราะคำพูดใด ๆ ที่เอ่ยตรงนั้นจะไม่ถูกสอดแนมจะไม่ถูกฟังและจะไม่สะท้อนกลับมาในคืนหนึ่ง เด็กหญิงคนหนึ่งนำหินก้อนเล็ก ๆ ใส่ไว้ในถุงผ้าและกระซิบใส่หินก้อนละคำ:“พ่อ”“แม่”“ข้าไม่ได้ลืม”จากนั้น เธอฝังหินพวกนั้นไว้ใต้ต้นไม้ริมกำแพงไม่มีใครรู้ยกเว้นเธอ และคนที่เธออยากให้ยังมีตัวตนใต้ดินของหมู่บ้านทาคามิกลุ่มผู้สวดเงาจัดพิธีใหม่ชื่อว่า “การฝังคำ”ทุกคนจะเขียนคำหนึ่งคำใส่กระดาษแล้วกลืนมันเชื่อว่า“หากเขียนไม่ได้ ก็จงทำให้คำกลายเป็นเลือดของเราเอง”บางคนเขียนด้วยหมึกบางคนเขียนด้วยเลือดตนเองและบางคนไม่เขียนเลยแค่หลับตาแล้วนึกถึงชื่อที่เคยถูกห้ามพูดเพียงเท่านั้นคำก็กลายเป็นเปลวที่ซ่อนไว้ในอกมีเด็กชายคนหนึ่งในหมู่บ้านอิจิโนะที่ฝังคำลงบนแขนของตนเขาสั

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   สมุดที่ถูกเผาไม่หมด – เมื่อลมหายใจกลายเป็นหมึกในยุคที่คำคืออาวุธ

    สมุดที่ถูกเผาไม่หมด – เมื่อลมหายใจกลายเป็นหมึกในยุคที่คำคืออาวุธกลางลานศาลาในหมู่บ้านโคะซึคิกองไฟยังคงลุกโชนเศษกระดาษดำเป็นเถ้า ลอยวนในลมค่ำสมุด “จำชื่อ” ทั้งสิบห้าเล่มถูกเผาเหลือเพียงปกหนังไหม้เกรียมกับคำที่อ่านไม่ออกแต่เด็กคนหนึ่งชื่อ “ฮินาโอะ”ยังคงนั่งเขียนด้วยไม้เถาเล็ก ๆ บนดิน“ข้าอาจไม่รู้ว่าคำสวดว่าอย่างไรแต่ข้ารู้ว่าแม่เคยพูดกับข้าแค่สองคำว่า‘อย่าลืมนะ’ ”เขาเขียนซ้ำ ๆ บนพื้นแม้รู้ว่าไฟจะลามมาอีกแม้รู้ว่าคำจะถูกเหยียบจนจมหายที่ชายป่าทางเหนือพระหนุ่มจากกลุ่มโยรุโนะมิโกะรวบรวม “เถ้ากระดาษ” จากที่ต่าง ๆบดรวมกับหมึกและเขียนคำบนผ้าเก่า“นี่คือหมึกที่เกิดจากความจำ”“ไม่ใช่หมึกจากต้นไม้ แต่จากเสียงร้องของคน”เขามอบผ้าผืนนั้นให้หญิงชราผู้เคยถูกห้ามเรียกชื่อลูกเธอใช้มันเขียนเพียงคำเดียว“โทโมยะ”แล้วร้องไห้เงียบ ๆ จนหมึกเปื้อนมือข่าวลือเริ่มกระซิบผ่านหมู่บ้านว่ามี “สมุดเถ้า”ที่เขียนจากหมึกของคนที่ถูกลืมสมุดเหล่านั้นไม่มีใครอ่านออกหมดเพราะมันถูกเขียนด้วยเสียงสะอื้นมากกว่าภาษาแต่ทุกหน้าคืออาวุธที่ทำให้ศาสนจักรหวาดกลัวมากกว่าดาบใดฝ่ายศาสนจักรเริ่มใช้กลยุทธ์ใหม่ไม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status