Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / 4 พันธสัญญาแห่งเลือด (รีไรท์)

Share

4 พันธสัญญาแห่งเลือด (รีไรท์)

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-06-11 00:38:59

บทที่ 4: พันธสัญญาแห่งเลือด

การเดินทางไปหาโชกุนไม่ใช่เรื่องง่าย เส้นทางสู่เมืองหลวงเต็มไปด้วยหิมะที่หนาทึบและป่าที่เงียบสงัด คาเงะสวมเกราะสีดำเรียบง่าย และไม่ได้นำทหารคนใดไป นอกจากตัวเขาเองกับอากิระที่สวมชุดเดินทางที่หนาและกระชับ

“ทำไมถึงไม่พาทหารไปด้วย?” อากิระถามขณะที่พวกเขานั่งพักในกระท่อมเก่าๆ กลางทาง

“คนที่วางแผนนี้รู้จักทุกย่างก้าวของข้า” คาเงะตอบเสียงเรียบ “การเดินทางเงียบๆ เป็นวิธีเดียวที่จะรอด”

อากิระมองหน้าเขาแล้วพยักหน้า เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าความไว้ใจคือสิ่งเดียวที่พวกเขาจะใช้เพื่อเอาชนะศัตรูที่มองไม่เห็นได้

ระหว่างการเดินทาง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเปลี่ยนจากความเกลียดชังไปสู่ความเข้าใจ อากิระเริ่มมองเห็นคาเงะในมุมที่ต่างออกไป ไม่ใช่ในฐานะปีศาจที่ทำลายตระกูลของเธอ แต่ในฐานะชายที่โดดเดี่ยวและถูกหักหลังจากคนที่รัก และเขาก็เริ่มเห็นว่าอากิระไม่ใช่เพียงหญิงสาวผู้มุ่งมั่นในความแค้น แต่เป็นผู้ที่ค้นหาความจริงเพื่อกอบกู้เกียรติของบิดา

ค่ำคืนหนึ่งที่พวกเขาพักแรมในป่าลึก อากิระนั่งอยู่ข้างกองไฟ มองดูเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอย่างเงียบงัน

“เจ้าเคยคิดไหมว่า... ถ้าไม่มีเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้น” อากิระพูดขึ้นมาเบาๆ “เราจะเป็นอย่างไร?”

คาเงะหันมามองเธอ แสงไฟส่องให้เห็นเงาของเขาที่นิ่งสนิท

“ข้าไม่เคยคิดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้” เขาตอบ

อากิระหัวเราะเบาๆ “แต่ข้าคิด… ข้าคิดว่าเราอาจจะ… เป็นเพื่อนกัน”

คาเงะมองเธออีกครั้ง ในดวงตาที่เคยว่างเปล่ากลับมีประกายบางอย่างที่อากิระไม่เคยเห็นมาก่อน

“ข้าก็เคยมีเพื่อน” คาเงะพูดเสียงต่ำ “แต่พวกเขาไม่เคยเป็นเหมือนที่เจ้าเป็น”

คำพูดของเขาทำให้หัวใจของอากิระเต้นแรงขึ้น ความรักที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น กำลังเริ่มผลิบานในยามสงคราม

ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของโชกุนผู้เป็นกลางและผู้ควบคุมอำนาจเบื้องหลังทั้งหมด เมืองหลวงดูโอ่อ่าและสง่างาม แต่กลับมีความตึงเครียดที่มองไม่เห็นแฝงอยู่ทุกมุมถนน คาเงะนำอากิระไปยังปราสาทของโชกุนในฐานะภรรยา

“จำไว้ว่าอย่าพูดอะไรนอกจากที่จำเป็น” คาเงะกระซิบกับเธอขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปในปราสาท “โชกุนอาจไม่ใช่คนที่เจ้าคิด”

เมื่อพวกเขาได้เข้าเฝ้า โชกุนนั่งอยู่ในห้องโถงที่มืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงที่ส่องสลัวๆ โชกุนดูแก่ชราและอ่อนแอ แต่สายตาที่มองมายังทั้งสองกลับเฉียบคมและเต็มไปด้วยความรู้ทัน

“ข้าดีใจที่เจ้าทั้งสองมาเยือน” โชกุนพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พันธสัญญาแห่งการแต่งงานได้ถูกเติมเต็มแล้ว”

“พันธสัญญาอะไร?” อากิระถามอย่างกล้าหาญ “ท่านไม่ได้สั่งให้พวกเราแต่งงานเพื่อสงบศึกใช่ไหม?”

โชกุนยิ้มอย่างอ่อนแรง “สงครามระหว่างแคว้นเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อบังหน้า” เขาตอบ “การแต่งงานของเจ้ามีจุดประสงค์เดียวคือ... เพื่อนำเจ้ากลับมา”

“นำข้ากลับมา?” อากิระถามด้วยความสับสน

“ลูกสาวของเสนาบดีฮิงาชิ… คือกุญแจสำคัญในการปลุกปีศาจสงครามอีกครั้ง” โชกุนพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุก “พลังที่ซ่อนอยู่ในตระกูลของเจ้า คือพลังที่ควบคุมความตายได้”

คาเงะเดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นจดหมายฉบับที่อากิระพบให้โชกุน “นี่คือจดหมายของพ่ออากิระ” เขากล่าว “เขาถูกบังคับให้ร่วมมือกับใครบางคนเพื่อนำพาอากิระมาที่นี่”

โชกุนอ่านจดหมายอย่างช้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองอากิระอีกครั้ง “พ่อเจ้าเป็นคนฉลาด” เขาพูด “เขาพยายามจะปกป้องเจ้า แต่ในที่สุดก็ถูกกำจัดทิ้ง”

“แล้วใครเป็นคนทำ?” อากิระถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธ

โชกุนส่ายหน้า “ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ แต่คนผู้นั้นอยู่ในแคว้นของเจ้าเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “คนผู้นั้นต้องการจะปลุกพลังแห่งความตายที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้า เพื่อที่จะกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง”

อากิระหันไปมองคาเงะ เขาพยักหน้าให้เธอเป็นเชิงยืนยันว่าสิ่งที่โชกุนพูดคือเรื่องจริง

“ข้าต้องการให้เจ้าทั้งสองหนีไป” โชกุนพูด “หนีไปจากที่นี่ และอย่ากลับมาจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินจากไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

อากิระและคาเงะหันกลับไปมอง บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นนั้นคือ ทาเคชิ เพื่อนเก่าของอากิระและเป็นผู้บัญชาการทหารแห่งแคว้นฮิงาชิที่เคยเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ

“เจ้า… ทำไมถึงอยู่ที่นี่?” อากิระถามด้วยความสับสน

“ข้าอยู่ที่นี่… เพื่อที่จะรับตัวเจ้ากลับไป” ทาเคชิยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าคือคนที่พ่อของเจ้าต้องตายเพราะความผิดพลาด”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status