มีบางรอยยิ้มที่ไม่ได้เกิดจากความสุข
แต่เกิดจากความจำเป็น…ที่จะไม่พูด
เช้าวันพิธีอภิเษกของบุตรแห่งตระกูลศักดิ์สิทธิ์
หญิงชราคนหนึ่งยืนแจกพัดพร้อมคำเตือนนุ่มนวล:
“ยิ้มให้เทพด้วยนะลูก…ท่านจะสังเกตอยู่จากบนแท่น”
ไม่มีใครกล้าถามว่า
“เทพองค์ใดต้องให้มนุษย์ยิ้มเพราะถูกสังเกต?”
ซาโยะ ยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน
เสียงเดียวที่มี — คือเสียงดนตรีพิธีที่เปิดวน
ฮากุโร่ อยู่ในเงาด้านหลังเวที
“นี่คือความสงบ...หรือคือความเงียบที่ถูกบีบอัดไว้ด้วยความกลัว?”
เด็กหญิงอายุหกขวบ บุตรสาวของแม่ครัว
นางถูกผู้คุมพิธีต่อว่าเบา ๆ:
“รอยยิ้มเจ้าทำให้คนข้าง ๆ หม่นลงนะ
เจ้าควรยิ้มให้เหมือนพวกเขา”
เธอมองไปรอบตัว
คุโรอิ นำภาพถ่ายลับของรอยยิ้มวันพิธี
เขาเขียนข้อความไว้ใต้ภาพ:
“เมื่อศรัทธาเริ่มผลิตรอยยิ้ม
นั่นคือวันที่หัวใจเริ่มผลิตเงา”
ในยามค่ำ
มีเพียง “ความสงบ” ที่หนักกว่าเสียงโห่ร้อง
ซาโยะ เขียนในสมุดของตนว่า:
“ข้าเห็นผู้คนยิ้มทั้งเมือง
แต่ข้ากลัวกว่าตอนที่เห็นพวกเขาร้องไห้เสียอีก”
แม่มดแห่งแสง นั่งอยู่คนเดียวในห้องฉายภาพพิธี
“บางที...ข้าควรหัดแยกให้ออกว่า
อะไรคือความสงบ
และอะไรคือความเงียบที่ตะโกนอยู่ในใจคน”
บทที่ 73: ฤดูที่เงาไม่กลับมาสัญญาณสุดท้าย…บางครั้งไม่ใช่ระฆัง หรือเปลวไฟแต่คือ “ความเงียบ” ที่ไม่มีใครกล้าทำลายคือฤดูที่เงาไม่กลับมา — หรือแท้จริง...เงากลายเป็นแสงเสียแล้วเมืองหลวงชั้นใน — ฤดูใบไม้ผลิแรก หลัง “พิธีโคมไร้ไส้” สิ้นสุดไม่มีคำสั่งลบชื่อไม่มีการเผากระดาษไม่มีเจ้าหน้าที่จากศาสนจักรแสดงตนในหมู่บ้านรอบนอกมาเป็นเดือนราวกับ “เงา” ทั้งหมด...หยุดไหลเวียนแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่า — หยุดเพราะยอมแพ้ หรือเพราะกำลังคิดใหม่ หมู่บ้านอาเนะโนะเด็ก ๆ จัด “พิธีชื่อ” ครั้งสุดท้ายแต่ครั้งนี้ — พวกเขาไม่พูดชื่อของคนตายพวกเขา “เงียบ”อาคิชี้ให้เพื่อนนั่งล้อมวง เงียบเช่นกัน“ถ้าเราเคยพูดชื่อ เพื่อให้เขาอยู่…งั้นวันหนึ่ง เราก็ควรให้เขาพัก...โดยไม่ต้องร้องเรียกซ้ำ”ซาโยะเดินในลานศาลาเก่า ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ชำระความจำเธอพบกล่องไม้เล็ก ๆข้างในไม่มีสมุด ไม่มีชื่อมีเพียงกระดาษเปล่ากว่าร้อยแผ่น กับข้อความหนึ่งเขียนไว้:“นี่คือชื่อของวันพรุ่งนี้จงเขียนเมื่อเจ้าแน่ใจว่ามันคือสิ่งที่ควรจดจำ”ตัดกลับเมืองหลวง:ชายชราในหอสมุดร้าง (ผู้เคยเป็นนักสวดระดับสูง) นั่งมองกระดาษชื่อที่เด็กๆ ส่งมาเขา
บทที่ 72: ผู้ที่เลือกอยู่ในแสง – เมื่อคนที่ไม่เคยพูด เริ่มนำเสียงของคนถูกลืมไม่มีใครบังคับให้เขาพูดเขาแค่ลุกขึ้นมา — ไม่ใช่เพื่อเถียงแต่เพื่อ “พูดแทน” ผู้ที่ไม่มีปากตลาดกลางเมืองฮิโนะคาเงะเสียงเร่ขายของเริ่มกลับมา หลังความกลัวค่อย ๆ จางลงแต่ที่กลางลานหิน — เด็กชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปยืนบนลังไม้เขาคือ ชิรานุอิเด็กกำพร้าที่ไม่เคยพูด…แม้แต่กับตนเองเขาเงียบมาตลอดชีวิตแต่ในมือของเขาวันนี้คือสมุดชื่อที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเขียนผู้คนมองบางคนหัวเราะบางคนกระซิบว่า “เขาเป็นใบ้นี่นา”แต่เขาเปิดสมุด — ช้า ๆแล้วเริ่ม “อ่าน” ออกเสียงเสียงแรก สั่น เสียงต่อมา แข็งและบรรทัดที่สาม...เริ่มกลายเป็นเสียงของผู้ที่ตายแล้ว แต่ยังไม่ถูกลืม“โยชิเอะ — หญิงที่ไม่ยอมสวดชื่อสามีในพิธีล้าง”“เรนโตะ — เด็กชายที่ถูกเผาพร้อมสมุดจด”“ชิกะ — ผู้หญิงที่เขียนชื่อแม่ลงบนฝาผนังศาลา”ฝูงชนเงียบแม้เสียงของชิรานุอิไม่ดังแต่ทุกคน “หยุดฟัง”เพราะในเสียงของเด็กชายใบ้คือความกล้าที่ไม่ใช่ของเขาคนเดียว ซาโยะ และอาคิมองจากบนหลังคาซาโยะกระซิบเบา ๆ“เด็กคนนี้เคยเงียบจนเหมือนไม่มีอยู่จริง…แต่วันนี้ เขาเลือกยืนในแส
บทที่ 71: ทะเลที่ไม่มีภาพสะท้อนเมื่อผู้เฝ้ามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เพราะมันไม่มี…แต่เพราะเขาไม่อยากยอมรับว่า “ความจริง” มีใบหน้าอื่น ชายฝั่งทิศเหนือ – ทะเลซึคุโยมิที่นี่เคยเป็นจุดประกอบพิธี “สะท้อนศรัทธา”ที่ให้ผู้นำศาสนจักรยืนต่อหน้าทะเลอันสงบ แล้วเฝ้ามอง “ภาพสะท้อน” ของตนถ้ามองไม่เห็นภาพตัวเอง หมายถึง “ใจไม่บริสุทธิ์”แต่วันนี้…ไม่มีใครเห็นเงาพระอาวุโสอิกุไน ผู้ชำระศรัทธามาหลายสิบปียืนอยู่ริมหน้าผาเบื้องล่างคือทะเลสีเทาอึมครึมเขาเพ่งลงไปไม่มีภาพสะท้อนมีเพียงคลื่นที่ดูเหมือนจะหนีแสงตะวันเสียงเด็กหญิงดังขึ้นเบื้องหลัง — อาคิ“ท่านกำลังมองหาตัวเองในทะเลที่ท่านไม่เคยเชื่อว่าใครมีเงา”“มันเลยไม่สะท้อนอะไรกลับมาเลย…”อิกุไนหันมาช้า ๆแววตาเขาไม่ได้โกรธแต่มีรอยปริแตกในความเชื่อ“ข้าเคยเชื่อว่า ถ้าคนตายถูกจารไว้ พวกเขาจะกลายเป็นเงาบริสุทธิ์แต่ตอนนี้…ข้ากลับได้ยินชื่อพวกเขากลับมาจากเสียงคนเป็น”“นั่นน่ากลัวกว่าเงาใด ๆ ที่ข้าเคยเห็นในพิธี”อาคิเข้ามานั่งข้าง ๆในมือเธอมี “สมุดที่ไม่มีปก”เต็มไปด้วยลายมือจากเด็กคนแล้วคนเล่าที่เขียนชื่อคนตาย…คนหาย…คนที่ไม่มีใครเอ่ยชื่อ
บทที่ 70 — เงาที่ล้มเงาเมื่อคนที่เคยเงียบ...เริ่มพูด,เมื่อคนที่เคยก้มหน้า...เริ่มมองตา,และเมื่อความกลัวหมดฤทธิ์ — ผู้ชำระความจำ…เริ่มสะดุ้งกับเสียงที่ไม่ใช่เสียงตะโกนหมู่บ้านอาเนะโนะ - ยามก่อนรุ่งบนลานหน้าศาลาว่างมีคนยืนเรียงเป็นแถวเงียบ...ไม่มีธูป ไม่มีไฟ ไม่มีผู้นำแต่ทุกคนถือกระดาษแผ่นเล็กหนึ่งใบเด็กคนหนึ่งอ่านออกเสียงช้า ๆ“มิเนะ - ผู้เก็บเงาจากผืนดิน”หญิงชราอีกคนต่อว่า“เร็นโซ - ผู้ไม่เคยสวด...แต่เคยช่วยข้าหนีน้ำป่า”ชายหนุ่มในชุดชาวไร่พูดตาม“ข้า - ผู้เคยลืมชื่อแม่ตนเอง…วันนี้ ข้าจำได้อีกครั้ง”นี่คือ “พิธีชื่อ” ที่ไม่หลบซ่อนอีกต่อไปจัดกลางหมู่บ้านในวันเดียวกับที่ผู้ชำระความจำจะเดินทางมาล้างบันทึกครั้งใหญ่ผู้ชำระความจำกลุ่มหนึ่ง — นำโดยขุนนางหนุ่มชื่อ “อิซุนะ”เดินทางพร้อมนักบันทึก และนักสวดแต่เมื่อมาถึงอาเนะโนะ พวกเขาพบเพียงภาพที่ไม่เคยปรากฏในบันทึกใดคนในหมู่บ้านยืนเรียงกันโดยไม่พูดและบนกำแพงศาลา — มีชื่อของ “คนที่เคยตายตามทะเบียน”ถูกจารไว้อย่างเปิดเผยบางชื่อเป็นเด็ก…บางชื่อคือพ่อแม่ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอิซุนะพึมพำกับตนเอง:“นี่คือการยั่วยุศรัทธา...หรือคือศรั
บทที่ 69 — คนตายที่เดินอยู่ในเงาพวกเขาไม่ได้กลับมาด้วยความแค้นแต่กลับมาพร้อมคำว่า “ข้าเคยมีตัวตน”สถานที่: ทางเดินใต้ดินเชื่อมหมู่บ้านร้างสามแห่งซึ่งเคยใช้เป็นที่ลี้ภัยในยุคสงครามสายเลือดเก่าเสียงฝีเท้าเบา ๆ กึกก้องในความมืดชายชราเดินนำ สวมเสื้อคลุมปิดหน้าเด็กหญิงสองคนตามหลัง ขนสมุดหนาไว้ในกระสอบเมื่อถึงห้องลับ — แสงจากโคมไร้ไส้สะท้อนผนังเผยให้เห็นใบหน้าของ “ผู้ตายตามทะเบียน”คือคนที่เคยถูกประกาศว่าเสียชีวิตในการชำระศรัทธาแต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ — ในเงาชายคนหนึ่ง (เคยเป็นช่างไม้):“ลูกข้าเคยถามว่า ทำไมชื่อข้าถึงไม่มีในคำสวดข้าตอบไม่ได้ แต่ข้าจำเสียงหัวเราะของนางได้มันพอแล้ว...ที่ข้ายังอยู่เพื่อฟังเสียงนั้นอีกครั้ง” ซาโยะแอบตามรอยเงาในป่าพบเงาคนสองคนวางกระดาษไว้ใต้ต้นไม้เมื่อหยิบขึ้นมา เธอพบเพียงข้อความว่า:“เราคือคนตายที่เดินอยู่ในเงาแต่ถ้าท่านยังจำ ข้าไม่ใช่วิญญาณอีกต่อไป”ซาโยะไม่พูดอะไรเธอแค่เขียนชื่อเหล่านั้นลงในสมุดของตนต่อเติมบันทึกเงาที่อาคิทิ้งไว้ย้อนอดีตของผู้ชำระความจำคนหนึ่ง (เร็นไซ)เขาเคยเห็นชายชราถูกเผาทั้งเป็นเพราะสลักชื่อเมียลงบนหินคืนหนึ่งในป่า เขา
บทที่ 68 — ดอกไม้ที่เบ่งบานในวันศพบางศพไม่ต้องเผา...ก็ส่งกลิ่นแห่งการเปลี่ยนแปลงสถานที่: หมู่บ้านอาเนะโนะ, ฮานาเระ, มินามิ-ซาวะ และอีกเจ็ดหมู่บ้านเวลา: สัปดาห์ถัดจากเหตุการณ์ไฟไหม้หอสมุดที่ไม่มีใครอ้างตัวรับผิดชอบข่าวลือแพร่ไปทั่วแคว้นในคืนเดียวว่า“เด็กหญิงที่เขียนชื่อคนตาย ถูกจับไปแล้ว”“เธอไม่ได้ร้องไห้แม้แต่คำเดียว”“ก่อนถูกพาไป เธอวางสมุดเล่มหนึ่งไว้ใต้เสื่อ...เขียนคำสุดท้ายว่า ‘อย่าลืมชื่อของพวกเขา’”ไม่มีใครยืนยัน ไม่มีใครเห็นแต่ทุกคน...เชื่อในหมู่บ้านอาเนะโนะ:ยายของอาคิยืนเงียบหน้าศาลาว่างเธอถือโคมไร้ไส้หนึ่งอัน และกล่าวเบา ๆ“ข้าจะไม่พูดว่าหลานข้าตายข้าจะพูดว่า...ความเงียบของเจ้า เปลี่ยนฤดูกาลได้”ฉาก: เด็ก ๆ แต่งชุดขาว เรียงกันบนเนินเขาแต่ละคนถือกระดาษแผ่นเล็ก เขียนชื่อใครบางคนที่เคยถูกลืมแทนพวงหรีด — พวกเขาวางกระดาษเหล่านั้นรอบโคม“นี่คืองานศพที่ไม่มีศพแต่มีคนจำนวนมาก...ที่ตื่นขึ้น”ในหมู่บ้านมินามิ-ซาวะพระผู้เคยเผาแผ่นไม้ กลับเดินมาร่วมพิธีเงียบเขาไม่พูด เขาแค่ถอดผ้าโพกหัววางไว้ข้างชื่อหนึ่งบนกระดาษชื่อที่เขาเคยสั่งให้ลบเสียงกระซิบจากฝูงชน:“นางยังมีชีวิตหร