เข้าสู่ระบบพราวรัมภาตื่นมาด้วยอาการที่ยังปวดหัว เธอนอนคนเดียวที่ห้อง ส่วนพลอยไพลินอยู่ห้องเดียวกับพี่กริช หญิงสาวไม่แปลกใจนัก เธอพอที่จะรู้มาสักระยะแล้ว พี่พลอยไม่ค่อยอยู่คอนโด ส่วนมากจะพักที่โรงแรมที่ทำงาน เพราะเป็นระดับผู้บริหารจะมีห้องพักให้ หรือไม่พี่พลอยก็ไปอยู่บ้านของพี่กริช เธอไม่ยุ่งมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กริชชัยเป็นผู้ใหญ่แล้วอายุ 33ปี พี่พลอย 27 เธอรู้ว่าพี่กริชพยายามจะไปพบพ่อกับแม่เธอเพื่อทำการสู่ขอ แต่พี่สาวของเธอเองที่ไม่อยากให้ไป
หญิงสาวรีบลุก อาบน้ำอุ่นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลากกระเป๋าลงไปรอพี่สาวข้างล่าง แวะกินอาหารเช้าเพราะเธอต้องกินยา ไม่นานพลอยไพลินก็ลงมาพร้อมกับกริชชัย
“เป็นยังไงพราว นอนหลับไหมดีขึ้นหรือเปล่า”
“ดีขึ้นแล้วค่ะพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะคะ”
พราวไม่อยากให้พี่สาวห่วง ทั้งที่ยังมีอาการไข้แต่ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร หลังกินข้าวเช้าเสร็จกริชชัยและพลอยไปส่งหญิงสาวที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
“เดินทางปลอดภัยนะพราว พี่จะอยู่ช่วยงานพี่กริชอีกสักสองอาทิตย์แล้วจะตามไป”
“ค่ะพี่พลอย พราวไปก่อนนะคะใกล้ได้เวลาแล้ว สวัสดีค่ะพี่กริช ฝากพี่พลอยด้วยนะคะ”
“ครับไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลอย่างดี เดินทางปลอดภัยครับน้องพราว”
ทั้งสองคนยืนมองพราวรัมภาที่เดินเข้าไปด้านในอาคาร ท่าทางที่ยังเดินขากะเผลกนั้น ทำให้พลอยไพลินนึกสงสารน้องสาว ยิ่งพราวไม่ค่อยพูดเธอยิ่งเป็นห่วง เจ็บจนแทบจะไม่ไหวจริงๆ นั่นแหละถึงจะยอมปริปากบอก
“พี่ว่าน้องพราวยังมีไข้นะ ดูหน้าตาไม่ค่อยสบายเลย”
“ก็เป็นแบบนี้ล่ะคะ ถ้าไม่หนักจริงๆ พราวจะไม่ปริปากเลย”
พราวรัมภาเดินทางถึงสุวรรณภูมิยังเช้ามาก ตั้งใจไว้ว่ากลับถึงคอนโดจะนอนต่อ รู้สึกว่าตัวเองจะไข้ขึ้นอีกครั้ง บนเครื่องอากาศเย็นมาก ยิ่งไม่สบายยิ่งเย็นถึงแม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าหนาแล้วก็ตาม
หญิงสาวเดินทางถึงคอนโด ส่งข้อความถึงพี่สาวแล้ว รู้สึกว่าอาการยิ่งแย่ลง หนักหัวเวลาเดินหัวจะทิ่มเสียให้ได้ เลือกที่จะซื้อโจ๊กจากร้านสะดวกซื้อมากิน เสร็จแล้วกินยานอนอีกรอบ หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตื่นเมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง
“สวัสดีค่ะ “พราวรัมภารับสายทั้งที่ตายังหลับเสียงแหบแห้งและขึ้นจมูกมาก
“นี่คุณผมโทรตั้งหลายรอบแล้วนะ จะเบี้ยวกันรึยังไง กว่าจะรับสายได้หนีแล้วหนีอีก หนีหน้าไปอยู่ไหนกันแน่เนี้ย”
“ฉันไม่ได้หนีไปไหนหรอกค่ะ ถ้าคิดจะหนีฉันทิ้งเบอร์โทรไว้ให้คุณทำไม ฉันไม่ได้อยากเบี้ยวไม่ ฉันไม่สบายจริงๆ ขอเวลาอีกสักสองสามวันนะคะค่อยคุย ฉันต้องการพักผ่อน”
“น่ารำคาญจริง งั้นเอาไลน์มาผมจะได้ส่งรายละเอียดให้จะได้ไม่ต้องโทร จะได้จบสักที”
พราวรัมภาหลับไปอีกครั้งหลังจากบอกไอดีไลน์ให้เขาไป
มินทดาเชื่อว่าพราวรัมภาไม่สบายจริงๆ อาจเป็นไข้หวัดก็ได้ก็เปียกฝนซะขนาดนั้นแล้วไม่ยอมพัก โร่ขึ้นมาเชียงใหม่นี่ ขนาดเขาร่างกายแข็งแรงออกกำลังยังรู้สึกไม่สบายตัว ต้องกินยากันไว้ แล้วพราวรัมภารูปร่างบอบบางขนาดนั้น เดินเหมือนคนไม่มีแรง จะเอาอะไรมาต้านโดนฝนเข้าไปก็ป่วยง่ายจะตาย สงสัยในชีวิตคงไม่เคยออกกำลังกายเลยมั้ง
มินทดาไม่ได้อะไรมากมายกับรถของเขานัก เสียหายเล็กน้อย เขาไม่ได้เรียกประกัน ส่งเข้าให้ศูนย์จัดการ แต่เพราะอะไรไม่รู้อยากกวนคู่กรณี หมั่นไส้ พราวรัมภา หน้าตาก็สวยดีแต่นิสัยก็กวนๆ สวยหน้าตาย เหมือนคนเฉยชาไม่ค่อยมีความรู้สึกอะไรเลย ทำไมถึงเป็นผู้หญิงหน้านิ่งแบบนั้นนะ ต่างกับพี่สาวที่ดูคล่องแคล่ว กระชับกระเชงดูมีชีวิตชีวา ไม่เอื่อยเชื่อยเหมือนน้องสาว
มินทดาลืมตัวคิดถึงหญิงสาวคู่กรณี อยู่ๆ เขาก็นึกถึงแม่กับพ่อ แม่เคยเล่าให้ฟังว่า คู่หมั้นคู่หมายที่พ่อกับแม่จะให้เขาแต่งงานด้วย มีลูกสาวสองคนคนโตชื่อ พลอยอะไรสักอย่าง คนเล็กชื่อพราว หรือว่า ชายหนุ่มตื่นเต้น เขาคงไม่ซวยขนาดนี้หรอกนะ ใช้แล้วเขาจำได้แล้ว พลอยไพลินกับพราวรัมภา อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เขาเจอพราวรัมภาแถวบ้านเพื่อนพ่อ หรือว่า..............
มินทดาหยุดความคิดลงแค่นั้น แม่เขาโทรมาอีกแล้ว
“ครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ พอดีผมกำลังทำงาน”
“นี่มินทดาไม่ได้เรื่องเลยนะ เพื่อนแม่บอกว่าเขาอยู่บ้านตลอด ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย นี่อย่ามาทำโยกโย้กับแม่นะ ลูกก็รู้ว่าพ่อกับแม่ตั้งใจ อย่าให้ต้องเสียผู้ใหญ่นะมินทดา”
“แม่ครับใครจะไปมีเวลาขนาดนั้น ผมก็มีงานของผม”
“งั้นพ่อกับแม่จะเตรียมงานเอง ถึงวันแล้วก็อย่าลืมล่ะ”
“ตามใจพ่อกับแม่เถอะครับ เอายังไงก็เอา” อยู่ๆ เขาก็นึกอยากตามใจพ่อกับแม่ซะงั้น เมื่อก่อนเขาไม่ได้ต่อต้าน แต่ก็ไม่ได้ยินยอม พยายามเลี่ยงมากกว่า เขาก็มีผู้หญิงของเขาอยู่แล้วนี่นา ยังนึกว่าผู้หญิงบ้านนั้นยอมได้ยังไง กับการเหมือนถูกคลุมถุงชน และยิ่งถ้าเป็นพลอยไพลินคนที่เขาคิดว่าใช่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมแน่ๆ ดูก็รู้ว่าพลอยไพลินเป็นแฟนกับนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมคนนั้น และเขาไม่อยากคิดว่า สองคนคงเป็นของกันและกันแล้ว ก็ดีพ่อกับแม่เขาจะได้รู้ว่า ผู้หญิงเขามีคนอื่นไม่ได้อยู่รอเขาซะเมื่อไหร่ แล้วคนเล็กล่ะ พราวรัมภา ผู้หญิงคนนั้นมีเจ้าของหรือยัง มินทดาใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะทำงานเป็นจังหวะ เขากำลังใช้ความคิด
สองทุ่มตรง มินทดานัดกับลูกค้าไว้ที่โรงแรมในเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง หลังคุยธุระเสร็จลูกค้ากลับไปแล้ว เขายังคงนั่งดื่มต่อคนเดียว เป็นเรื่องปกติเขาไม่ค่อยชอบดื่มกับใคร ถ้าไม่สนิทเลือกที่จะนั่งดื่มคนเดียวมากกว่า เมาแล้วก็กลับไปนอน
ในขณะที่เขากำลังจะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน พลันสายตาก็หันไปเจอ พลอยไพลินควงคู่เข้ามาภายในห้องอาหารของโรงแรม พร้อมกับผู้ชายคนเดิม สองคนดูเป็นหนุ่มสาวที่รักกันดี มินทดาเลือกที่จะทิ้งตัวลงนั่งต่อ มุมที่เขานั่งเป็นมุมที่ค่อนข้างส่วนตัวมากๆ
“พี่กริชคะ พลอยไม่อยากกลับบ้านแล้วนะ เราไปต่างประเทศกันไหมคะ หรือให้พลอยไปช่วยงานที่ไหนก็ได้ นี่แม่โทรหาอีกแล้วค่ะ บอกว่าได้ฤกษ์แต่งแล้ว แต่พลอยยังหาทางติดต่อว่าที่เจ้าบ่าวพลอยไม่ได้เลย”
“ถ้าพลอยเจอจะบอกเขาว่ายังไงครับ”
“พลอยก็จะบอกว่าพลอยมีคนรักแล้ว และเราเป็นสามีภรรยากันไม่ใช่เพียงแค่คนรักเฉยๆ”
“กล้าเหรอ มันเสียหายกับพลอยนะ เผื่อพ่อกับแม่รู้อีก”
“กล้าซิคะ คนไม่เคยเห็นหน้ากันจะมาจับให้แต่งกันได้ยังไง หน้าตาก็ไม่เคยเห็น อยู่ๆ มาทึกทักเอาคำสัญญาสมัยเป็นเพื่อนกันมาทำให้ลูกไม่มีความไม่สบายใจได้ยัง ถึงพลอยไม่มีพี่กริชพลอยก็ไม่แต่งหรอกค่ะ”
“พี่ตัดสินใจแล้วนะว่า ลงไปกรุงเทพฯครั้งนี้ พี่จะพาพ่อกับแม่ไปสู่ขอพลอย”
“ไม่เอานะคะพี่กริช เดี๋ยวพ่อกับแม่พลอยอาละวาดตายเลย พลอยไม่อยากให้พ่อกับแม่ของพี่กริชเสียหน้า”
“แล้วพลอยจะเอายังไงครับ”
“พลอยไม่แต่งค่ะ ยังไงก็ไม่แต่ง ถึงแม้ว่า พ่อกับแม่จะตัดพลอยไม่คิดว่าเป็นลูกพลอยก็ยอม ก็คนไม่รักจะให้แต่งเข้าไปได้ยังไงคะแล้วพลอยกับพี่กริชเราเป็นคู่กัน พลอยคู่กับคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะต้องพี่กริชคนเดียวเท่านั้น”
“เอาน่าค่อยๆ คิด พี่ว่ามันคงมีทางออก เราไปจดทะเบียนสมรสกันไว้ก่อนดีไหมครับ น้องพลอยจะได้สบายใจ “
“จริงเหรอคะพี่กริช จริงๆ ด้วยถ้าเราจดทะเบียนสมรสกัน พ่อกับแม่ก็มาบังคับอะไรไม่ได้หรอก”
“พี่สงสัยนะว่า ทำไมพ่อกับแม่ไม่ให้น้องพราวแต่งไปเลย ทำไมต้องเป็นน้องพลอยด้วย”
“โอ้ย...ไม่หรอกค่ะ ก็อย่างที่พลอยเคยเล่าให้พี่กริชฟัง สองฝ่ายเขาอยากให้ลูกคนโตได้แต่งงานกัน บางทีพลอยก็สงสารน้องนะคะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยเอ็นดูพราวสักเท่าไหร่ มารุมที่พลอยคนเดียว ตั้งแต่เล็กแล้วค่ะ พราวก็ไม่ค่อยมีปัญหา จะเสียใจจะดีใจก็เงียบ แต่พลอยรู้ค่ะว่าน้องก็มีความรู้สึก แต่แกไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากเรื่องมากเลยเลือกที่จะเฉย”
“บางทีความคิดของคนรุ่นเก่าก็ไม่ค่อยมีเหตุผลนะ นี่พี่ไม่ได้ว่าพ่อกับแม่พลอยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พลอยเข้าใจ สมัยนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เจริญมากแล้ว แต่ทำไมพ่อกับแม่ซึ่งก็ไม่ใช่จะแก่มากมาย ทำไมถึงคิดว่าการคลุมถุงชน เป็นสิ่งที่พ่อกับแม่เลือกให้และหวังดีกับลูก และพลอยก็ไม่เข้าใจนะคะว่า คุณลุงกับคุณป้าเพื่อนของพ่อกับแม่ ก็ไปอยู่ต่างประเทศที่มีวิวัฒนาการล้ำนำสมัย แต่ทำไมถึงจับลูกให้แต่งงานกัน คิดแล้วก็ปวดหัวค่ะ”
“นี่แหละครับ ไม่งั้นเขาจะเรียกว่ามนุษย์เหรอ”
“ขอพลอยโทรหาพราวก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าป่วยแล้วไปหาหมอหรือเปล่า” หญิงสาวกดโทรศัพท์หาน้องสาวทันที
“พราวเป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นบ้างไหม”
“เป็นไข้หวัดใหญ่ค่ะพี่พลอย ไปหาหมอมาแล้ว หมอให้พักจนกว่าจะหาย พราวโทรลางานแล้วค่ะ ไม่กล้าไปทำงานกลัวเพื่อนๆ ติดไข้”
“อืม...ดีแล้ว พักซะบ้างเราน่ะทำแต่งาน พี่ยังไม่ได้กลับนะ มีอะไรก็โทรมา”
“ได้ค่ะพี่พลอย พราวขอตัวนอนก่อนนะคะ กินยาแล้วง่วงมากเลยค่ะ”
“พักผ่อนๆ นะคนดีของพี่ “
“น้องเป็นไข้หวัดใหญ่ค่ะพี่กริช เห็นบอกไปหาหมอแล้ว ลางานแล้ว หมอให้พักจนหายดีถึงให้ไปทำงาน”
“พราวก็น่าห่วงนะคะ อยู่มาป่านนี้ยังไม่มีแฟนกับเขาเลย “
“น้องคงไม่อยากวุ่นวายมังครับ เอ....หรือว่าเราหาแฟนให้น้องพราวดี รุ่นน้องพี่นิสัยดีๆ หลายคนเลยนะครับพลอย”
“ถึงหาให้ถ้าเขาไม่ชอบ เขาก็ไม่ไปต่อหรอกค่ะพี่กริช พลอยรู้นิสัยน้องดี”
“แล้วแต่นะครับ อยู่เป็นโสดก็ดีพี่ว่า อายุแค่ 25 เอง ยังใช้ชีวิตได้อีกนาน “
“ใช่ค่ะพี่กริช พลอยเองก็คิดแบบนั้น”
“ไม่เอาแล้วมาพูดเรื่องของเราดีกว่า พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกัน หลังจากนั้นเรามีลูกเลยดีกว่านะ พี่อยากเลี้ยงลูกแล้ว อยากรู้ว่าหน้าตาเขาจะเป็นยังไง เหมือนพ่อหรือเหมือนแม่”
มินทดาเสียมารยาทนั่งฟังสองหนุ่มสาวพูดคุยกันเพลิน จริงอย่างที่เขาคิด นี่มันเรื่องบังเอิญหรืออะไรกัน แล้วเขาจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี แน่นอนพลอยไพลินจะไม่ปรากฏตัวที่งานแต่งแน่ๆ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะไปไหม และถ้าไปเธอจะทำอะไร นั่นทำให้มินทดารู้สึกกังวล ถ้าหากวันนั้นพลอยไพลินประกาศว่า มีสามีแล้วและกำลังตั้งท้อง พ่อแม่และตัวเขา รวมถึงพ่อแม่ของพลอยไพลินจะเป็นยังไง เพราะอย่างที่รู้ ผู้ใหญ่ดื้อกันเหลือเกิน ไม่ฟังใครเลย ไม่ใช่แค่พลอยไพลินที่เหนื่อยกับพ่อแม่ เขาเองก็เช่นกัน พ่อกับแม่พาเขาไปอยู่ต่างประเทศ แต่หัวใจของพวกท่านยังคงความเป็นคนไทยโบราณเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยเลย
มินทดากลับโรงแรม เขาครุ่นคิดตลอดเวลา ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร เมื่อก่อนเขาไม่คิดไม่ใส่ใจ หรือว่าเขาจะเข้าไปคุยกับพลอยไพลินให้รู้เรื่อง แล้วพาเธอและกริชชัย ไปพบพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย อธิบายให้ท่านเข้าใจว่า ทั้งเขาและพลอยไพลินมีคู่หมายแล้ว ไม่สามารถแต่งงานได้ แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากทำ อยากปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันจะเป็น
ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ มินทดาคิดเรื่องแต่งงานตลอดเวลา เขาคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี พ่อกับแม่ส่งรูปสินสอดมาให้เขาดู เสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าว ถึงขนาดนี้แล้วพ่อกับแม่เขาก็ยังไม่ให้เขาเห็นรูปของเจ้าสาว และฝั่งของพลอยไพลินเองก็คงเหมือนกัน ใจของเขาคิดถึงอีกคนมากกว่า ป่านนี้พราวรัมภาคงหายป่วยแล้ว ตั้งแต่วันนัันเขาก็ยังไม่ได้ติดต่อหญิงสาวเรื่องค่าซ่อมรถ รู้ว่าไม่สบายเลยไม่อยากกวน ไว้รอเจอและเห็นหน้ากันเลยดีกว่า เขาก็แปลกผู้หญิงมีเยอะแยะ กลับมาคิดถึงแต่หน้าสวยนิ่งของพราวรัมภา
หกโมงเช้าที่คอนโดของพราวรัมภา หญิงสาวตื่นสาย ปกติเธอจะต้องตื่นตีห้า หรือไม่ก็ตีห้าครึ่ง แต่เพราะเมื่อวานเป็นวันที่เธอรู้สึกว่าเหนื่อยที่สุดในโลก เมื่อคืนหลังจากเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเรียบร้อย เธอเห็นมินทดาหลับเธอไม่อยากปลุก เขาเองก็ไม่เหนื่อยไม่น้อยไปกว่าเธอ เลยยอมให้เขานอนพักด้านนอกแบ่งผ้าห่มไปให้ ส่วนตัวเองก็นอนหลับสนิทตื่นเช้าทีเดียว รู้สึกสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเมื่อวานนิดหน่อย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาข้างนอก มินทดาตื่นแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า รู้สึกคุ้นเคยกับเขามากกว่า อาจเป็นเพราะว่าเธอกับเขาพบกันก่อนที่จะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นก็เป็นได้“สวัสดีค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ ตื่นนานหรือยัง เมื่อคืนฉันเห็นคุณหลับสนิทเลยไม่อยากปลุก”“ครับตื่นเมื่อสักครู่ ขอบคุณมากที่ไม่ปลุก แถมยังใจดีแบ่งผ้าห่มมาให้อีก”“เดี๋ยวฉันทำอาหารเช้าให้กินนะคะ แล้วค่อยขนของ ฉันยังต้องเก็บพวกอาหารสดใส่กล่องอีกนิดหน่อย รอสักครู่นะคะ หรือคุณจะกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”“ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกันครับ แล้วเดี๋
ระหว่างทางที่ทั้งสองคนเข้ากรุงเทพฯ มินทดาขับรถอย่างระมัดระวัง ฝนตกหนัก เขาไปส่งเจ้าสาวของเขาที่คอนโดของเธอ เหมือนความฝัน เมื่อเช้าเขาเข้าพิธีแต่งงานกับพราวรัมภา เขารู้มาตลอดว่าจะต้องเป็นพราวรัมภามินทดาส่งนักสืบติดตามพลอยไพลิน รู้ว่าเธอจะหนีการแต่งงาน ดีใจที่เป็นพราวรัมภา เอาจริงเขาภาวนาให้พลอยไพลินหนีไปให้ไกลๆ และให้เร็วที่สุด เขาเต็มใจแต่งงาน แต่ก็สงสารเจ้าสาวจำเป็น คงเป็นฝันร้ายของเธอไปอีกนาน เขาจะให้เวลา เสียงคนที่นั่งข้างๆ สะอื้น เห็นความพยายามระงับสติอารมณ์ และกลั้นสะอื้นแล้วก็สงสาร“ไม่น่าเชื่อนะว่าเราอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ไม่เคยพบกันซะงั้น”“จริงเหรอคะ คุณก็พักอยู่ที่นี่เหรอ ฉันอยู่มาตั้งแต่เข้ามาเรียนแล้วก็ทำงาน คุณมาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นแม่บอกว่าคุณอยู่ต่างประเทศตลอดไม่ใช่เหรอคะ”“ผมซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่อยู่เมืองไทย จนครอบครัวอพยพไปอยู่ต่างประเทศ นานๆ ผมกลับมาเมืองไทยก็มาพักที่นี่ ““ไม่น่าเชื่อนะคะ งั้นก็แสดงว่า วันที่คุณชนท้ายฉัน คุณก็กลับมาพักที่นี่เหรอคะ”“ครับ แต่ผ
พราวรัมภาพยายามที่จะไม่ร้องไห้ หญิงสาวกลั้นสะอื้น แต่ก็อดไม่ได้น้ำตาไหลตลอดเวลา โชคดีที่ญาติของมินทดาเป็นช่างแต่งหน้า ไม่ยากเพราะเครื่องหน้าของเจ้าสาวสวยอยู่แล้ว ชุดของพลอยไพลินถึงจะเซ็กซี้ไปปน่อย แต่พราวรัมภาก็ใส่ได้พอดี สองพี่น้องหุ่นเท่าๆ กัน“ทำใจดีๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ก็แค่แต่งให้เป็นพิธี หลังงานเราก็ต่างคนต่างก็แยกย้าย ผมสัญญา เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีการ์ดแต่งงาน ยกเลิกงานฉลองสมรสแค่นี้พอใจไหม” สงสารก็สงสารจากที่เคยหมั่นไส้แต่ตอนนี้หัวใจเขากลับอ่อนไหวเมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าสาว ใจเขาเสียไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำถูกหรือผิด แต่เขาต้องการให้เป็นแบบนี้“จริงๆ นะคะ เสร็จงานวันนี้แล้วเราก็ต่างคนต่างแยกย้าย คุณสัญญาไหมคะ” พราวรัมภาจับแขนของมินทดาเขย่าเหมือนขอความมั่นใจจากเขา“จริงซิ ผมไม่โกหกหรอก แต่ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันได้แล้ว ทำหน้ายิ้มเข้าไว้อย่าให้ใครจับพิรุธได้”พราวรัมภาถอนหายใจ พยายามกลั้นสะอื้น“พร้อมหรือยัง มาเกาะแขนผมไว้จะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัว แค่ผูกแขนเฉยๆ ไม่นานหรอก คนก็ไม่เยอะ
ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง ไม่มีการ์ดแต่งงานตามที่พลอยไพลินขอร้อง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เชิญเฉพาะญาติที่สนิท แต่งเช้ามีงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมในเมือง เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่มีโอกาสพบหน้ากัน เห็นเพียงรูปสมัยเด็กๆ พลอยไพลินพยายามค้นหาอยากพบอยากพูดคุยกับเขา เพื่อที่ว่าสองคนตกลงกันได้ งานแต่งงานจะได้ไม่เกิดขึ้น แต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอไม่ว่างพอที่จะมาตามเรื่องพวกนี้ พลอยไพลินมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะทำยังไง ถ้าพ่อกับแม่ตัดเธอออกจากการเป็นลูกเธอก็จะยอม หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้เธอก็ปล่อย ถึงเวลาที่เธอจะต้องเห็นแก่ตัว ชีวิตเป็นของเธอ จะไม่ยอมให้ใครมาบงการเด็ดขาด“แม่คะ เดี๋ยวให้ใครไปส่งพลอยกับพราวออกไปแต่งหน้าหน่อยนะคะ น่าจะกลับมาประมาณสองโมงเช้า ขากลับอย่าลืมให้รถไปรับพลอยกับน้องที่ร้านเสริมสวยนะคะแม่”“ได้ๆ ลูก แม่คุณคนดีของแม่ เสร็จแล้วโทรมาบอกแม่นะลูกจะได้ให้รถไปรับ” นางพจนีย์สาละวนกับเรื่องต่างๆ ขบวนขันหมากเริ่ม 09.30-10.30 พิธีหมั้นและสวมแหวน 10.30-11.30 นางเป็นคนจัดการจองโรงแรมให้กับครอบครัวของว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ได้เรียกว่าจองเรียกว่าปิดโรงแรมเลยดีกว่า
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากที่ที่พราวรัมภาและพลอยไพลินกลับไปเยี่ยมบ้าน ทั้งสองสาวกลับไปทำงานปกติ หลังจากนั้นเธอกับพี่สาวก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย พลอยไพลินย้ายไปอยู่กับกริชชัยที่คอนโดใช้ชีวิตร่วมกันพราวรัมภาไม่ได้รับข้อมูลหรือรายละเอียดจากผู้ชายคู่กรณีของเธอเลย เขาแอดไลน์มา แต่ไม่ส่งรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายมาให้ เธอคิดเอาเองว่า เขาคงนำรถเข้าศูนย์เอง รถเขาไม่ได้เสียหายอะไรมาก เลยตัดสินใจเปลี่ยนไอดีไลน์ใหม่เรื่องที่ทำให้ทั้งเธอและพี่สาวแปลกใจอีกเรื่องคือ ทำไมพ่อกับแม่เงียบมาก กับเรื่องของพี่พลอย ปกติจะโทรหาเธอหรือไม่ก็โทรหาพี่สาว แอบดีใจว่า พ่อกับแม่คงล้มเลิกความคิดแล้ว ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากให้ทุกฝ่ายเสียหายหรือเสียงชื่อเสียง บ้านเธอเป็นสังคมชนบท มีเรื่องมีราวไม่งามคนก็จะเล่าลือไปทั่ว ทำให้พ่อแม่รวมถึงญาติพี่น้องอับอายได้ ซึ่งพ่อกับแม่ของพวกเธอไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอนวันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ พราวรัมเร่งงานไม่อยากให้งานค้างไปถึงวันจันทร์ เธอตั้งใจเลิกงานสักประมาณสามทุ่มรอให้ถนนว่าง ตั้งใจแวะซื้อของใช้และอาหารสดที่ห้างนิดหน่อย แล้วกลับคอนโดเ
พราวรัมภาตื่นมาด้วยอาการที่ยังปวดหัว เธอนอนคนเดียวที่ห้อง ส่วนพลอยไพลินอยู่ห้องเดียวกับพี่กริช หญิงสาวไม่แปลกใจนัก เธอพอที่จะรู้มาสักระยะแล้ว พี่พลอยไม่ค่อยอยู่คอนโด ส่วนมากจะพักที่โรงแรมที่ทำงาน เพราะเป็นระดับผู้บริหารจะมีห้องพักให้ หรือไม่พี่พลอยก็ไปอยู่บ้านของพี่กริช เธอไม่ยุ่งมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กริชชัยเป็นผู้ใหญ่แล้วอายุ 33ปี พี่พลอย 27 เธอรู้ว่าพี่กริชพยายามจะไปพบพ่อกับแม่เธอเพื่อทำการสู่ขอ แต่พี่สาวของเธอเองที่ไม่อยากให้ไปหญิงสาวรีบลุก อาบน้ำอุ่นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลากกระเป๋าลงไปรอพี่สาวข้างล่าง แวะกินอาหารเช้าเพราะเธอต้องกินยา ไม่นานพลอยไพลินก็ลงมาพร้อมกับกริชชัย“เป็นยังไงพราว นอนหลับไหมดีขึ้นหรือเปล่า”“ดีขึ้นแล้วค่ะพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะคะ”พราวไม่อยากให้พี่สาวห่วง ทั้งที่ยังมีอาการไข้แต่ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร หลังกินข้าวเช้าเสร็จกริชชัยและพลอยไปส่งหญิงสาวที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ“เดินทางปลอดภัยนะพราว พี่จะอยู่ช่วยงานพี่กริชอีกสักสองอาทิตย์แล้วจะตามไป”“ค่ะพี่พลอย พราวไปก่อนนะ







