ร่างไร้สติของหญิงสาวถูกยัดใส่เบาะหลังรถ โดยมีชายหนุ่มก้าวขึ้นมานั่งด้านข้าง ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดเหลือบมองคนข้างตัวด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึก
ศีรษะที่ถูกคลุมเอาไว้เอนซบไหล่หนาโดยไม่รู้ตัว ความใกล้ชิดส่งผลให้กลิ่นกายหอมหวานคุ้นเคยของเธอ ลอยมากระทบจมูกโอนิกซ์อีกครั้ง
เขาพ่นลมหายใจออกมา เบือนหันหน้าหนี เพื่อหวังว่าจะไม่ต้องได้กลิ่นเย้ายวน แต่กลับไม่ยอมผลักไสเธอออก ปล่อยให้เธอซบต่อไป
"แผลเป็นไงบ้างครับ" ไทเปเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
โอนิกซ์ก้มมองหลังมือตนเองที่ถูกหญิงสาวข่วนเสียเลือดซิบเป็นทาง เริ่มรู้สึกแสบๆ คันๆ ขึ้นมาบ้าง
"ฤทธิ์มากฉิบ"
"ทำแผลก่อนไหมครับ"
"ช่างมัน กลับเพนต์เฮ้าส์เลย"
ลูกน้องอีกคนพยักหน้ารับ ขับรถตรงกลับที่พักทันที
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์
"อื้อออ~"
หญิงสาวส่งเสียงในลำคอเบาๆ เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ความเจ็บจี๊ดบริเวณท้ายทอยเป็นสิ่งแรกที่รู้สึก กำลังจะยกมือขึ้นไปจับ แต่ก็ต้องเบิกตาโพลง หัวใจหล่นวูบเมื่อข้อมือถูกเชือกมัดไว้ ไล่ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็เริ่มสติแตก เมื่อรู้ว่าเธอถูกลักพาตัวมา
แพรวาดิ้นให้หลุดไปจากพันธนาการนี้ แต่เชือกนั้นก็มัดเธอเอาไว้แน่นเหลือเกิน เธอถูกจับนั่งติดกับเก้าอี้ ข้อมือและข้อเท้ามีเชือกหนาพันไว้ ถุงผ้าที่คลุมหัวทำให้เธอไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
"ช่วยด้วย! มีใครอยู่ไหม ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้"
เสียงร้องตะโกนดังก้อง ยิ่งเธอดิ้นเชือกมันก็ยิ่งบาดผิวบางๆ ของเธอจนแดงเถือก
เสียงสวบสาบทำให้เธอรับรู้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง รีบร้องขอความเห็นใจทันที
"ใครอยู่ตรงนั้น ขอร้อง มีอะไรคุยกันดีๆ ถ้าอยากได้เงินฉันจะโอนให้ ได้โปรดปล่อยฉันเถอะ"
"ไปตามนายมาเถอะ เธอฟื้นแล้ว"
"ครับ"
ลูกน้องที่ยืนเฝ้าหันไปคุยกัน ก่อนที่อีกคนจะเดินออกไปตามเจ้านาย
"เดี๋ยว! ที่นี่ที่ไหน มาตกลงกันดีๆ เถอะ"
"รอก่อนครับ เดี๋ยวนายจะมาคุยเอง"
"..."
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนแน่น หัวใจเต้นกระหน่ำ หวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกลักพาตัวทั้งที่อยู่ในบริษัทที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ความเครียดส่งผลให้น้ำตาหยดร้อนๆ ไหลอาบแก้ม
เธอร้องไห้เงียบๆ อยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงประตูหนักๆ เปิดเข้ามา
พรึ่บ!
แสงสว่างที่สาดเข้ามากะทันหัน ทำให้ดวงตาเธอหยีพร่า ต้องกะพริบอยู่หลายครั้งถึงเริ่มโฟกัสภาพตรงหน้าได้
"ปะ...ประธาน!"
แพรวาร้องออกมาเสียงดังด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นใบหน้าของโอนิกซ์ชัดๆ ร่างสูงกอดอกจ้องเธอตาไม่กะพริบ สีหน้าของเขาเย็นชาเรียบเฉยไม่ต่างปกติที่เธอเห็น แต่แววตากลับดุดันจริงจัง
"นะ...นี่มันเรื่องอะไรกัน...ทะ...ทำไม" เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกักด้วยความสับสน
"เธอทำงานให้ใคร"
"คะ? อะไร วาก็ทำงานให้ประธานไง"
"..."
โอนิกซ์ถอนหายใจ มองใบหน้าซีดเผือดของเลขาสาวอย่างรำคาญใจ
"เมื่อกี้...เธอเข้าไปทำอะไรห้องฉัน"
"วาเข้าไปตรวจเอกสาร วารู้สึกว่าตัวเลขงบประมาณที่ได้รับช่วงเย็นมันต่างจากเอกสารที่ส่งให้ประธานตอนบ่าย เลยเข้าไปตรวจเช็กอีกครั้ง"
"..."
"อึก ขอร้อง ปล่อยวาไปเถอะ วาไม่รู้ว่าทำไมประธานต้องจับวามาด้วย" พูดไปน้ำตาก็ไหลไปด้วยความกลัว
โอนิกซ์มองเธอนิ่งๆ หันไปส่งสายตาให้ลูกน้องด้านหลัง อีกฝ่ายก็รีบก้มหัวรับรู้ เดินไปหยิบโน้ตบุ๊กที่วางไว้บนโต๊ะมุมห้อง
ช่วงเวลานั้นทำให้หญิงสาวเริ่มมีสติสังเกตภายในห้อง ห้องนี้โล่งโจ้งไร้เฟอร์นิเจอร์ มีเพียงโซฟาและโต๊ะตัวเล็กที่มุมห้อง ผนังกำแพงสีเข้มมีกลิ่นอับชื้นน่าสะอิดสะเอียนชวนคลื่นไส้ ไร้ช่องระบายอากาศ เหนือศีรษะมีหลอดไฟเพียงดวงเดียว ฉายตรงลงมาให้ความสว่างในห้อง
บรรยากาศดังกล่าวเหมือนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ เวลาจับคนร้ายมาสอบสวนทรมาน ด้วยที่แพรวาถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ ทำให้ไม่เห็นว่าด้านหลังของเธอเป็นลูกกรงเหล็ก มืดทึบ ส่งกลิ่นอายความตายคละคลุ้งเย็นยะเยือก
โอนิกซ์รับโน้ตบุ๊กและจัดการหันหน้าจอมาให้หญิงสาวดู
"อธิบายมา" เขาเอ่ยเสียงเรียบ
แพรวาเพ่งมองภาพวิดีโอผ่านม่านน้ำตา ก็เห็นภาพตัวเองเมื่อสัปดาห์ก่อนเข้าไปในห้องของชายหนุ่ม และเดินหายไปยังมุมห้องที่กล้องจับถ่ายไม่ได้ สักพักก็เดินกลับออกมาตัวเปล่า
"วะ...วาแค่เข้าไปตรวจเช็กเอกสารเก่า อึก เพื่อเปรียบเทียบราคา"
"..."
"อึก...สาบาน วาไม่รู้ว่าประธานต้องการอะไร"
มาเฟียหนุ่มกอดอกมองเธออย่างจับผิด ไม่ไว้วางใจ พยายามมองหาสิ่งผิดปกติสักนิดบนใบหน้าของเธอ คำอธิบายของเธอมันก็พอฟังขึ้น แต่อะไรบางอย่างในใจมันบอกว่าเรื่องนี้มันมีจุดผิดปกติ
สายตาคมหรี่ลงเมื่อเห็นเส้นสีแดงๆ สะดุดตา โผล่ออกมาจากโคนผมสีน้ำตาลเข้มของเธอ
แพรวาแทบกลั้นลมหายใจเมื่อมือหนาเอื้อมตรงมายังใบหน้าเธอ หัวใจเต้นระรัว ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน ภาวนาในใจว่าขอให้เขาเชื่อและยอมปล่อยเธอไป
พรึ่บ!
ร่างเล็กหลับตาปี๋ เมื่อวิกผมถูกกระชากออก หัวใจร่วงหล่นราวกับจะหยุดเต้นไปแล้ว
สีหน้าของโอนิกซ์ตื่นตะลึง ตกใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด เมื่อพบความลับที่เลขาสาวซ่อนเอาไว้
หมับ!
"อื้อ" ร่างเล็กร้องในลำคอด้วยความเจ็บปวด เมื่อฝ่ามือหนาบีบเข้าที่คางและบังคับให้เธอเงยหน้ามอง
ยางมัดผมที่รวบเส้นผมถูกกระชากทิ้ง ปล่อยให้สีผมแท้จริงสยายเต็มแผ่นหลัง น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม รู้ดีว่าต่อให้เธอจะพูดแก้ตัวอะไรออกมา เขาก็จะไม่มีทางเชื่ออีกแล้ว
แว่นตาหนาถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี เผยให้เห็นใบหน้าสวยที่ถูก
ซุกซ่อนอยู่หลายปี แม้จะไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม แต่เขาก็มองออกถึงความงดงามของเธอ
"หึ เธอนี่เองที่เดินชนฉัน"
เขาแค่นหัวเราะ ทั้งโกรธทั้งแค้น รู้สึกตัวเองโง่เป็นครั้งแรก ไม่เคยเอะใจเลยว่าเลขาคนสนิทที่เจอหน้ากันเกือบทุกวันแอบซ่อนตัวตนเอาไว้ภายใต้ภาพลักษณ์ยัยเฉิ่ม
"อึก ขอร้อง มันไม่ใช่อย่างที่ประธานคิด"
"หลักฐานขนาดนี้แล้ว ฉันยังควรฟังคำอธิบายอีกเหรอ"
"ฮือ ไม่นะ วาไม่รู้ว่าทำไมประธานต้องจับวามา...แต่ถ้าเรื่องนี้วาอธิบายได้"
"..."
นิ้วสากออกแรงบีบกรามเธอแน่นยิ่งขึ้น จนเธอหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตไร้แว่นบดบังพยายามมองเขาอย่างอ้อนวอนผ่านม่านน้ำตา
"วา...แค่อยากใช้ความสามารถตัวเองในการทำงาน"
"หมายความว่ายังไง?" โอนิกซ์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
"อึก...ตอนเรียน เวลาที่วาได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย คนก็นินทาวาได้เพราะความสวย เวลาที่วาสอบได้คะแนนดี คนก็นินทาวาเอาตัวเข้าแลก"
"..."
"พอจบมา วาไม่อยากให้คนอื่นมองวาแบบนั้นอีก เลยเลือกแต่งตัวเชยๆ และใช้แค่ความสามารถในการทำงาน"
"..."
"อึก เชื่อวาเถอะ วาไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงโดนจับมา"
"คิดว่าแต่งนิยายให้ฉันฟังแล้วจะเชื่อเหรอ บอกมา! เธอทำงานให้ใคร!"
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกชายหนุ่มตะคอกถามเสียงดัง ส่ายหน้าปฏิเสธทั้งน้ำตา
"มะ...ไม่รู้ว่าประธานหมายถึงอะไร...วะ...วาบอกทุกอย่างหมดแล้ว"
"มันมีเครื่องดักฟังติดในห้องทำงานฉัน! ตรงที่เธอบอกว่าไปเอาเอกสาร! พูดความจริงมาได้แล้วแพรวา อย่าให้ฉันต้องใจร้ายกับเธอ!"
เสียงตวาดดังลั่นห้องโล่ง เธอได้แต่ส่ายหน้าส่งสายตาอ้อนวอน กายสาวสั่นเทาหวาดกลัวจับใจ โอนิกซ์เหมือนคนสติแตก เธอไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายเงียบขรึมจะสามารถแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดได้น่ากลัวขนาดนี้ได้
เหล่าลูกน้องยืนตัวแข็ง ไม่กล้าหายใจเสียงดังด้วยซ้ำ พวกเขาทำงานกับโอนิกซ์มานาน แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นเจ้านายสติหลุดเท่านี้มาก่อน ลอบมองไปยังนักโทษสาวด้วยแววตาเห็นใจ เห็นทีอีกไม่นานพวกเขาคงต้องทนดูเธอถูกทรมานจนตายแน่นอน
พรึ่บ!
โอนิกซ์สะบัดมือออกอย่างแรงจนเธอหน้าหัน เขายกมือลูบหน้าตัวเองข่มโทสะในใจที่มันลุกโชนพร้อมระเบิด ตวัดมองร่างเล็กอีกครั้ง ปากบางเม้มเข้ากันกลั้นเสียงสะอื้น น้ำตาร้อนไหลออกมาไม่ขาดสาย แรงบีบทำให้ผิวขาวๆ เธอแดงเป็นปื้น
เขาเกลียดการถูกหักหลัง ยิ่งคนทรยศคือคนที่เขาไว้ใจ เขายิ่งแค้น!
คำอธิบายของเธอมันดูงี่เง่าไร้เหตุผล และหลักฐานทุกอย่างมันก็โยงมาที่ตัวเธอ ถึงจะไม่ได้แน่ชัด 100% แต่ใจเขาเชื่อไปแล้วว่าเธอคือสปายที่แอบเข้ามาล้วงข้อมูล
"จะคอยดูว่าเธอจะปากแข็งได้อีกนานแค่ไหน..."
"...เอามีดมา"
แพรวาหน้าซีด เมื่อได้ยินคำพูดของประธานหนุ่ม พยายามดีดดิ้นร้องไห้อ้อนวอน
"อย่า อย่าฆ่าวา...ฮือออ...วาไม่รู้จริงๆ ขอร้องปล่อยวาไป"
เหล่าลูกน้องมองหน้ากัน แต่ก็ต้องยอมล้วงมีดสั้นเงาวับในกระเป๋าส่งให้ผู้เป็นเจ้านาย เบือนหน้า หลบสายตาให้พ้นจากภาพโหดร้าย
ร่างเล็กกรีดร้องลั่น เมื่อโอนิกซ์เดินตรงมาหา ประกายเงาวับของมีดในมือบีบหัวใจดวงน้อย สายตาโหดร้ายเย็นชาทำเธอตัวสั่นระริก หลับตาปี๋ไม่กล้ามองอีกต่อไป
ฉึบ ฉึบ ฉึบ!
เธอตกใจลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ถูกกรีดไม่ใช่ร่างกายเธอแต่เป็นเชือกเส้นหนา ยังไม่ทันคลายกังวล ก็ถูกร่างสูงอุ้มพาดบ่าไปแล้ว
"กรี๊ดดด! ปล่อยนะ จะทำอะไร! ใครก็ได้ช่วยด้วย!"
เธอดิ้นกายสุดแรงทุบตีแผ่นหลังเต็มไปด้วยมัดกล้ามเต็มแรง ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไปตลอดทาง หวังว่าจะมีคนพบเห็นบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะเมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่ชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายกันหมด เหมือนสถานที่แห่งนี้จะมีแต่ลูกน้องของโอนิกซ์
"ถ้าเธอทำฉันเจ็บอีกทีเดียว เธอไม่ได้ตายดีแน่"
เสียงเหี้ยมเกรียมเอ่ยลอดไรฟันบ่งบอกได้ถึงพื้นอารมณ์ที่ไม่มั่นคง คำขู่ของเขาได้ผล แพรวาไม่กล้าขัดขืนอีก กัดปากจนเลือดซิบ ก้มหน้าร้องไห้สะอื้นด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน ไม่รู้ว่าจะมีอะไรโหดร้ายรออยู่เบื้องหน้า
โอนิกซ์เอื้อมมือสัมผัสกับแผงควบคุมหน้าลิฟต์เพื่อสแกนลายนิ้วมือ ก่อนนิ้วเรียวจะกดตัวเลขชั้นบนสุด
ภายในลิฟต์เงียบเชียบ มีเพียงสะอื้นของร่างเล็กลอยมา ท่าทางน่าสงสารของเธอไม่ได้ทำให้คนเย็นชาเห็นใจได้ ยิ่งลิฟต์เคลื่อนตัวสูงขึ้น หัวใจเธอกลับยิ่งร่วงหล่น
เขาก้าวออกมาเมื่อถึงที่หมาย แพรวาเบิกตากว้างกวาดสายตามองทั่ว เห็นว่าเป็นเพนต์เฮ้าส์สุดหรู หัวใจเต้น แรงอะดรีนาลีนหลั่งไปทั่วร่างกาย มือไม้เย็นเฉียบ ภาวนาให้ชายหนุ่มเห็นถึงความตั้งใจทำงานตลอดหลายปี และใจอ่อนปล่อยเธอไป แต่มันก็เริ่มริบหรี่เมื่อขายาวๆ ก้าวขึ้นบันไดชั้น 2
พรึ่บ!
ร่างเธอถูกเหวี่ยงลงกับเตียงอย่างแรงราวกับเป็นเพียงสิ่งของ ทำท้องน้อยจุกแปลบจนหน้าเบ้ พยายามหยัดกายขึ้นเตรียมจะวิ่งหนี แต่ร่างหนาของประธานกลับก้าวขึ้นคร่อมเธอเสียก่อน บดเบียดกายร้อนผ่าวแนบชิดร่างเล็กแนบแน่น จนอากาศแทบจะแทรกผ่านไม่ได้
แพรวาหน้าซีด เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไป แม้จะออกแรงขัดขืนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันสายเกินไปแล้ว