“เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ข้ากลัวอันใดกัน ข้าไม่เคยทำผิดต่อผู้ใดเหตุใดต้องหวาดกลัว”
จางซุนโหรวตวาดแหวใส่หลานสาวตัวดี ท่าทางของนางเวลานี้ดูอย่างไรก็เหมือนคนกำลังลนลานหาทางปกปิดเรื่องไม่ดี
“ไม่เคยทำผิดหรือ เช่นนั้น...ท่านช่วยบอกข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ท่านลุงใหญ่หายตัวไปนับสิบปีเหตุใดท่านที่เป็นภรรยาถึงได้ตั้งครรภ์ หรือว่าป้าสะใภ้สามารถตั้งครรภ์กับสายลมแสงแดด”
“เจ้า!! เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร...”
จางซุนโหรวตกใจไม่คาดคิดว่าเด็กสาวตรงหน้าจะรู้เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ ก่อนหน้านี้นางเคยคิดจะทำแท้งแต่ไม่คิดว่าเรื่องจะแดงขึ้นเสียก่อน หากให้ผู้อื่นรู้เรื่องของนางและน้องสามี จากนี้ตนคงได้จมน้ำลายของคนทั้งหมู่บ้านแน่
ไม่ได้!! อย่างไรก็ต้องปฏิเสธ!! ขอเพียงยืนยันว่าไม่มีอะไรแบบนั้น นางก็ทำอะไรตนเองไม่ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นบุตรชายของนางที่เรียนอยู่ที่สำนักศึกษาต้องเสียชื่อเสียงไปด้วยแน่
“มะ...ไม่! ไม่ใช่นะ เจ้าใส่ร้ายข้า...ข้าไม่ได้ท้อง นางพูดโกหก เซี่ยชิงหลีอาหารกินมั่วได้แต่เจ้าไม่สามารถพูดจามั่วซั่วได้”
“ข้าพูดจริงหรือไม่ท่านรู้ดีแก่ใจ ในเมื่อป้าสะใภ้คิดว่าข้าพูดโกหก เช่นนั้นก็ให้ทุกคนที่นี่เป็นพยาน พอดีเลยท่านหมอหลิวก็อยู่ที่นี่ ให้ท่านจับชีพจรดูสักหน่อยดีหรือไม่ หากข้าพูดโกหกแม้เพียงครึ่งคำป้าสะใภ้จับข้าส่งทางการได้เลย”
จางซุนโหรวถูกไล่ต้อนจนไม่เหลือหนทาง หางนางยินยอมให้หมอหลิวจับชีพจร ที่ทำมาทั้งหมดย่อมสูญเปล่า ในช่วงเวลาที่ถึงทางตัน สายตาของนางเหลือบมองเห็นเซี่ยจื่อยวนยืนอยู่ด้านหลังชาวบ้าน นางรีบคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ เมื่อหนทางรอดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวจึงรีบพุ่งเข้าหาเขาทันที
“มะ.. ไม่นะ! ข้าไม่ตรวจ! น้องรองเจ้าเป็นบิดาของนางเจ้าช่วยพูดกับนางให้ข้าหน่อย”
“อะไร! พี่สะใภ้! ไม่เกี่ยวกับข้า! ท่านอย่ามาทางนี้!”
เซี่ยชิงหลีมองการกระทำของคนทั้งสองด้วยสายตาดูแคลน นี่คือบุรุษที่นางต้องการพึ่งพาหรือ จางซุนโหรว...ดูเหมือนเจ้าจะเลือกผิดแล้ว
ร่างบางแค่นเสียงออกมาจากลำคอ
“หึ! ทุกคนคงจะเห็นด้วยตาตนเองแล้ว คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าพูดอีก....ท่านย่าดูสิสะใภ้คนดีกำลังสวมหมวกเขียวให้ตระกูลเซี่ยของท่าน”
แม่เฒ่าหวังผู้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก นางจำได้เพียงหลานสาวเอ่ยถึงเรื่องการนอกใจ หรือว่าสะใภ้ใหญ่มีชู้
“จางซุนโหรว ที่นางพูดเป็นความจริงหรือ”
“ท่านแม่คือ...ข้า”
หญิงชราถามลูกสะใภ้ของตนด้วยสีหน้าแคลงใจ ทว่าเมื่อเห็นท่าทางที่ตอบไม่เต็มคำถามของนางแม่เฒ่าหวังก็แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เซี่ยชิงหลีเอ่ยเป็นความจริง
หญิงชราในวัยเกือบหกสิบกระโดดเข้าขยุ้มผมของสะใภ้ใหญ่ด้วยความโกรธแค้น ผู้ที่เพิ่มเชื้อไฟอย่างเซี่ยชิงหลีรีบถอยออกมาดูพวกเขาบ้านเซี่ยกัดกัน
“แกนางหญิงสารเลวบอกมานะว่าไปตั้งท้องกับใครมา กล้านอกใจบุตรชายตระกูลเซี่ยไปมีคนอื่นหรือ เจ้าช่างใจกล้าไม่กลัวตาย”
แม่เฒ่าหวังทุบตีจางซุนโหรวไม่ยั้งมือ
“กรี๊ด!!ท่านแม่ปล่อยข้า ข้าเจ็บน้องรองรีบดึงท่านแม่ออกไปเร็วเข้า”
แม่เฒ่าหวังยังไม่ยอมปล่อย นางกัดฟันกรอดพร้อมกระชากผมของจางซุนโหรวแรงยิ่งกว่าเดิม
“บอกมานะ! ว่าชายชู้ของเจ้าคือผู้ใด”
จางซุนโหรวมองไปยังเซี่ยจื่อยวนเพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง ทว่าเขากลับส่ายหน้าปฏิเสธห้ามนางพูดออกมา ทุกการกระทำของคนทั้งสองล้วนอยู่ในสายตาของเซี่ยชิงหลี
“ท่านแม่!! ฮื่อ!!!! ข้าบอกไม่ได้!! ข้าบอกไม่ได้จริงๆ”
แม่เฒ่าหวังทุบตีจางซุนโหรวจนเหนื่อยหอบ ทว่าในอกของนางยังคงมีแต่ความคับแค้น ถึงแม้ว่าเซี่ยฉางเยี่ยนจะมิใช่บุตรชายแท้ๆ ของตนทว่าเขาก็แซ่เซี่ย หากสตรีผู้นี้ทำผิดประเวณี นั่นย่อมต้องส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลเซี่ยและหลานชายคนโตของนาง
สตรีผู้นี้และเด็กในท้องมิอาจปล่อยเอาไว้ได้
“ดี! ถ้าเจ้าไม่ยอมพูดเช่นนั้นก็ทำตามกฎเถอะ ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน กฎของหมู่บ้านหากมีหญิงผิดประเวณีมีชู้ต้องจัดการอย่างไร”
“ใส่กรงหมูถ่วงน้ำ”
คำพูดเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านหลิวทำให้จางซุนโหรวถึงขั้นหมดแรง ในหัวของนางอื้ออึงไปด้วยคำพูดของผู้เฒ่า ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสิ้นหวังทว่าบุรุษผู้นั้นกลับไม่แม้แต่จะเอ่ยปากเพื่อนาง
“ไม่นะ! ข้ายังไม่อยากตาย! ท่านแม่ท่านอย่าทำเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ได้โปรดข้าขอร้อง”
จางซุนโหรวรีบคลานเข่าเข้าไปขอร้องอ้อนวอนหญิงชราทั้งน้ำตา เพราะนางรู้ดีว่าครั้งนี้แม่สามีกำลังเอาจริง
“เจ้าแต่งเข้าตระกูลเซี่ย ตายไปก็เป็นผีของตระกูลเซี่ย สามีของเจ้าตายอยู่ในสนามรบแต่เจ้ากลับลักลอบเล่นชู้กับชายอื่น เจ้าคิดว่าตนเองสมควรมีชีวิตอยู่หรือไม่”
นางสะบัดลูกสะใภ้ให้ออกห่าง ท่าทางของแม่เฒ่าหวังไม่มีความต้องการให้ลูกสะใภ้มีชีวิตอยู่เลยสักนิด หญิงสาวมองการกระทำของหญิงชราด้วยสีหน้าเย็นชา ปล่อยให้จางซุนโหรวตายตอนนี้ไม่ได้ หากนางตายไปเซี่ยจื่อยวนก็สบายไปคนเดียวน่ะสิ
เซี่ยชิงหลีเดินเข้าใกล้ป้าสะใภ้ใหญ่ จากนั้นจึงกระซิบบางอย่างกับนาง
“ป้าสะใภ้ ถ้าท่านต้องการมีชีวิตรอด หนทางเดียงคือต้องบอกว่าท่านลักลอบมีความสัมพันธ์กับใคร อย่างน้อยๆ เด็กในท้องของท่านก็คือสายเลือดของเขา”
คำพูดเดียวของเด็กสาวเหมือนเปิดทางสว่างให้แก่นาง ทว่าความจริงแล้วมันคือการตอกตะปูปิดตายบนฝาโลง เพราะจากวันนี้ไปพวกเขาจะผูกติดกันจนวันตาย ส่วนนางและครอบครัวก็จะได้เป็นอิสระ
“ข้าจะบอก! ข้าจะบอกแล้วว่าพ่อของเด็กในท้องของข้าเป็นของใคร”
จางซุนโหรวเหลือบมองไปยังเซี่ยจื่อยวนเล็กน้อย เขาส่ายหน้าไม่ให้นางบอกออกไปทว่านางต้องการมีชีวิตรอดจึงไม่สนใจคำทัดทานของเขา
“บอกมา ชายชู้ของเจ้าคือใคร”
หญิงสาวชี้ไปยังชายผู้ยืนหลบอยู่ด้านหลังผู้คน
“เป็นเขา เซี่ยจื่อยวนเขาคือบิดาของลูกในท้องข้า เขายังเป็นบิดาของเซี่ยจิ่งเฉิงด้วย ในวันเข้าหอ...เซี่ยฉางเยี่ยนออกไปนอนนอกห้อง เป็นเซี่ยจื่อยวนที่ปีนเข้าห้องของข้า เราสองคนมีความสัมพันธ์กันในคืนนั้น”
จางซุนโหรวสะอื้นเล็กน้อย
ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง หลังจากหอหว่านหรงสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ถึงเวลาที่หญิงสาวต้องกลับบ้านเสียที รถม้าสีเทาเรียบหรูคันหนึ่งแล่นออกจากตัวเมืองหลิงหนาน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบใต้เงาภูเขาเขียวภายในรถม้า เซี่ยชิงหลีนั่งเงียบๆ มือถือกล่องไม้เล็กใส่ของฝากจากในเมือง ข้างกายนางคือมู่หรงหนานเฟิงผู้เงียบไม่แพ้กัน ทว่าแววตากลับอ่อนลงกว่าเมื่อเดือนก่อน“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขายังอยากพบข้า”ชายหนุ่มถามเสียงเบา ขณะทอดสายตามองออกไปยังทิวทุ่งข้าวเขียวขจีที่ทอดยาว เซี่ยชิงหลีเหลือบมองเขาดวงตานิ่งสงบ แต่แฝงแววล้อเลียนเล็กน้อย“พี่ชายข้า...อาจไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ท่านเองก็ควรรู้ว่าเขาเฝ้ามองข่าวจากหอหว่านหรงทุกคืน”หลังจากได้ร่วมงานกัน หญิงสาวจึงได้รู้ว่ามู่หรงหนานเฟิงใส่ใจพี่ชายของนางไม่น้อย ทว่าสิ่งที่ทั้งสองรู้สึกไม่อาจเอ่ยปากได้โดยง่าย เพียงเพราะเพศเดียวกันจึงไม่สามารถครองคู่หญิงสาวยกยิ้มบางเบาเมื่อยามนึกถึงสิ่งที่พี่ชายของตนกระทำ“ข้าเคยเห็นเขาอ่านแผนการที่ข้าเขียนในกระดาษซ้ำหลายครั้งในทุกคืน เพียงเพราะบนกระดาษแผ่นนั้นมีชื่อของท่านอยู่”มู่หรงหนานเฟิงยิ้มบางๆ ลมหายใจในอกพลันอบอุ่น
เซี่ยชิงหลีนั่งลงบนม้านั่งไม้ริมหน้าต่าง แขนขวาของนางมีรอยแดงช้ำตรงปลายข้อศอกถลอกเล็กน้อยจากแรงปะทะ มู่หรงหนานเฟิงนั่งตรงข้าม มือของเขาถือผ้าผืนเล็กกับน้ำสะอาดเตรียมล้างแผลให้ตนเองแววตาของเขาในตอนนี้…ว่างเปล่าเสียจนชวนให้นางรู้สึกหนักอึ้งในอก เขากำลังคิดอะไรอยู่…ไม่ต้องเดาก็รู้ดวงตาคู่นั้นไม่มีเป้าหมาย ไม่มีไฟ ไม่มีแม้แต่ความเคียดแค้น มันคือแววตาของคนที่หมดแรงเดินต่อแม้จะยังยืนอยู่ เซี่ยชิงหลีมองเขาเงียบๆ ปล่อยให้เสียงเช็ดแผลเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดังอยู่ในห้องนั้นภาพชายหนุ่มตรงหน้าแตกต่างจากตอนที่นางพบเขาครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นเขาคือเจ้าของหอสุราที่สง่างาม สุขุม และแฝงแรงใจเข้มแข็งในแววตา ทว่าวันนี้…เขาไม่ต่างจากคนที่ถูกบีบจนไม่เหลือทางเดิน“มีบ้านก็กลับไม่ได้ มีตระกูลแต่ไร้ที่ยืน”หากเขายังจมอยู่กับความสิ้นหวังเช่นนี้...เขาอาจจะไม่ใช่คู่ค้าที่นางพึ่งพาได้ในวันหน้า“คุณชายมู่หรง”เซี่ยชิงหลีเอ่ยเสียงเบา“ข้าไม่ใช่คนดีมากพอจะให้คำปลอบใจอันเลิศหรู แต่ในโลกแห่งการค้า หากเจ้าหยุดเดินเพียงเพราะเส้นทางข้างหน้ามีคนขวาง…เจ้าจะไม่มีวันไปถึงจุดที่เขาไม่กล้าตามไปเหยียบ”มู่หรงหนานเฟิงเงยหน
อาเหิงเอ่ยอย่างเคืองๆ เซี่ยชิงหลีมองคนต่างวัยทั้งสองที่ไม่ต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกันแล้วอดหัวเราะไม่ได้เมื่อถึงร้านเครื่องปั้นดินเผาต้าเหอยิ่น ร้านเก่าแก่ที่มีโรงเผาอยู่ด้านหลัง เซี่ยชิงหลีก็ยื่นกระดาษแบบร่างให้กับเถ้าแก่ผู้เป็นเจ้าของกิจการชายวัยกลางคนผู้มีหนวดเคราสีดำน้ำตาล คิ้วเข้มท่าทางค่อนข้างดุร้าย แต่พอเห็นกระดาษที่หญิงสาวยื่นให้ สีหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันทีแบบที่นางส่งให้ไม่ใช่ไหดินเผาทั่วไป หากแต่เป็นบรรจุภัณฑ์รูปทรงกลมเตี้ย ฝาปิดแน่น ขนาดพอเหมาะสำหรับบรรจุสบู่ แชมพู หรือแป้งสมุนไพร ผิวภายนอกขอให้เผาแบบไม่เคลือบเพื่อให้มีผิวสัมผัสธรรมชาติ แต่ขอฝังตราประทับรูปดอกเหมย ที่มุมหนึ่งของฝาเพื่อเป็นเอกลักษณ์“แบบนี้...ไม่เคยมีใครสั่งมาก่อน แต่ข้าชอบความคิดเจ้านะ ดูเรียบง่ายแต่มีจุดเด่น”เซี่ยชิงหลีประสานมือคำนับ“ข้าขอสั่งทำชุดแรก หนึ่งพันใบก่อนเจ้าค่ะ เพื่อดูทิศทางตลาดหากผลตอบรับออกมาดีข้าอยากร่วมมือกับร้านท่านเป็นคู่ค้าถาวร รับรองข้าจะไม่หันไปหาที่อื่นแน่นอน”เถ้าแก่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าช้า ๆ“หนึ่งพันใบข้าจัดให้ได้ ภายในสิบห้าวัน แต่ขอให้เจ้ามารับด้วยต
ณ ตอนนี้ เซี่ยชิงหลีกำลังยืนอยู่หน้าหม้อต้มสมุนไพรใบใหญ่ กลิ่นใบมะกรูดแห้งผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของกลีบดอกบัวที่กำลังเคี่ยวเข้ากันลอยคลุ้งอบอวลไปทั่วลานด้านหลังเรือนมือเรียวของหญิงสาวคนไปอย่างต่อเนื่องด้วยไม้พาย ในขณะที่เหงื่อผุดซึมบนหน้าผากอย่างไม่อาจเลี่ยงผ่านไปแล้วหลายวัน...ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นางทดลองผสมอัตราส่วนใหม่ ลองอุณหภูมิที่ต่างกัน ทดลองการตาก การกวน การแยกชั้นของน้ำมันกับสมุนไพรทุกครั้งที่ล้มเหลว สบู่จับตัวไม่ขึ้นหรือแชมพูกลายเป็นน้ำเหนียวข้นกลิ่นเหม็นเปรี้ยวนางก็ต้องเริ่มใหม่...ตั้งแต่ต้นยามตะวันบ่ายคล้อย สายลมเอื่อยพัดชายแขนเสื้อที่เลอะเปื้อนของนางอย่างแผ่วเบา เซี่ยชิงหลีค่อยๆ วางไม้พายลงพลางถอนหายใจเงียบๆ และทรุดตัวนั่งพิงข้างถังน้ำอย่างเหนื่อยล้าสายตาของนางทอดมองสบู่ก้อนเล็กๆ ที่พอใช้การได้ก้อนแรกในรอบหลายวัน กลิ่นหอมของมันยังอ่อนนัก รูปทรงไม่สวย เนื้อไม่เนียนแต่มัน...สามารถชำระล้างได้จริง“ทำไมกันนะ…”ร่างบางพึมพำกับตนเองเบาๆ เสียงนั้นแฝงไว้ทั้งความเหนื่อยล้าและเศร้าสร้อย“คนอื่นพอเกิดใหม่ก็มีกระบี่เทพติดมือ มีพลังปราณฟ้าฟาด ฝึกแค่ไม่กี่วันก็กวาดล้างทั้งตระกูลศัตรู…
คำพูดนั้นทำให้หลายคนเบิกตากว้าง จินละห้าร้อยเหวิน ไม่ใช่จำนวนเล็กๆ สำหรับชาวบ้านเลย“หลีเอ๋อ...แล้วพวกเราล่ะ”“เวลาว่างของทุกคน…ข้าอยากให้มาเรียนรู้วิธีบดสมุนไพรเตรียมวัตถุดิบไว้สำหรับการทำยาสีฟันชุดใหญ่ เราจะเริ่มขายที่อำเภอหลิงหนานก่อน”ทุกคนเริ่มมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น ต่างมองเห็นแววความหวังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันกำลังเริ่มเปล่งประกายในดวงตาของพวกเขา หญิงสาวหันไปมองฟ้ากว้างพลางวางหมากต่อในใจ“และแน่นอน...หากจะส่งขายในเมืองหลิงหนาน ข้าคงต้องขอความร่วมมือจากคนผู้นั้น มู่หรงหนานเฟิง เจ้าของหอหว่านหรงที่ตระกูลหลี่ของเราเคยร่วมมือทำการค้า”เมื่อได้ยินชื่อของมู่หรงหนานเฟิง เซี่ยจื่ออี้ก็นิ่งไปทันที“หลีเอ๋อ น้องทำการค้ากับคุณชายมู่หรงหรือ”เซี่ยชิงหลีหัวเราะน้อยๆ นางลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้มู่หรงหนานเฟิงเคยบอกว่ารู้จักกับพี่ชายของนาง ตัวนางเองหลังจากกลับมาจากอำเภอหลิงหนานก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“พี่ใหญ่ข้ายังไม่ได้บอกท่านใช่หรือไม่ มู่หรงหนานเฟิงบอกว่าจะมาเยี่ยมท่านที่นี่ คิดว่าหลังจากกลับมาที่เรือนจะบอกท่านแต่ข้ากลับลืมไปเสียได้”เมื่อได้ยินน้องสาวบอกว่ามู่หรงหนานเฟิงเอ่ยถึงตนทั้งยัง
บัดนี้เซี่ยชิงหลีมองชายชราในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพียงเพราะเขาเอ่ยปากชมสามีของนาง“ท่านจะเข้ามาดื่มชาในเรือนก่อนหรือไม่”“ไม่เป็นไรข้ายังมีธุระต่อ ที่มาวันนี้เพียงต้องการมาขอบคุณเจ้าอย่างจริงใจสักครั้งเท่านั้น อีกอย่างข้าอยากให้เจ้ารับสิ่งของเหล่านี้จากข้า ถือเสียว่าเป็นของขวัญสำหรับงานแต่งของเจ้าสองคน”คำพูดนั้นราวกับมีระเบิดถูกปามาที่นาง เสียงบึ้มดังขึ้นในหัวพลันใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อนและแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่ ชายชรามองหลานสะใภ้ตัวน้อยด้วยสีหน้าชอบใจ นานแล้วที่ตนไม่ได้เอ่ยเล่นหัวกับลูกหลานหากวันหน้าหลานชายผู้นี้ไม่มีทางหายดี แต่เขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่ดีเช่นนั้นตนก็วางใจ เซี่ยชิงหลีมองหีบไม้มากมายตรงหน้า นางตัดสินใจเพียงชั่วอึดใจก่อนพยักหน้ารับ“เช่นนั้นข้าจะขอรับเอาไว้ ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ”“ท่านอันใดกัน ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่เมิ่งก็พอ”ชายชรากลับขึ้นรถม้าไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม ในที่สุดภาระที่เคยหนักอึ้งในหลายเดือนนี้ก็ได้ถูกวางลงแล้วต่อไปก็จัดการตัวต้นเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ชายชราตัดสินใจกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการกับคนที่เป็นสาเหตุให้หลานชายของตนต้องกลายเป็นค