ในขณะที่สนามรบแห่งความรักระหว่างคีรินทร์และอลิสากำลังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการปรากฏตัวของแพรไหม ธามและภูริชยังมีอีกหนึ่งคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้อย่างเงียบๆ เธอคือนารา เพื่อนสนิทของอลิสา ผู้ที่เก็บซ่อนความรู้สึกที่มีต่อคีรินทร์ไว้ในใจมานานแสนนาน แม้จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการเห็นคีรินทร์และอลิสาพัฒนาความสัมพันธ์ แต่เธอก็ยังคงเลือกที่จะเป็นคนที่ ให้กำลังใจอลิสา และคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับคีรินทร์อย่างแท้จริง
หลังจากที่ธามสารภาพรักกับอลิสา และภูริชเริ่มเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลืออลิสาอย่างลับๆ อลิสารู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เธอต้องเผชิญกับข่าวลือเสียหาย ปัญหาทางธุรกิจ และความซับซ้อนของความสัมพันธ์ที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ในช่วงเวลาที่อลิสากำลังรู้สึกท้อแท้และหาทางออกไม่เจอ เธอโทรศัพท์หานาราเพื่อระบายความอัดอั้น
"นารา ลิซเหนื่อยมากเลย" อลิสาพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้ "ลิซไม่รู้จะรับมือกับเรื่องพวกนี้ยังไงแล้ว"
นารารับฟังทุกอย่างอย่างตั้งใจ เธอเข้าใจความรู้สึกของอลิสาดีกว่าใครๆ เพราะเธอเห็นอลิสาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย
"ใจเย็นๆ ก่อนนะลิซ" นาราพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "นาราเข้าใจว่าลิซต้องเจอเรื่องหนักๆ มาเยอะ"
นาราจะ ให้คำปรึกษาอลิสา ในฐานะเพื่อนสนิท เธอจะรับฟังปัญหาของอลิสา ให้กำลังใจ และคอยสนับสนุนเธอในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่ถูกป่วนจากแพรไหม หรือเรื่องความรู้สึกสับสนจากธามที่สารภาพรัก นาราจะคอยเตือนสติให้อลิสาเข้มแข็ง และเชื่อมั่นในตัวเอง
"ลิซต้องเข้มแข็งนะ" นาราให้กำลังใจ "ลิซไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ยังมีพี่คีรินทร์ มีนารา และเพื่อนๆ อีกหลายคนที่พร้อมจะอยู่ข้างลิซเสมอ"
นารายังให้คำแนะนำแก่อลิสาเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับธามอย่างอ่อนโยน เพื่อไม่ให้ทำร้ายจิตใจของเขามากเกินไป
"ลิซควรจะคุยกับธามให้ชัดเจนนะ" นาราแนะนำ "บอกเขาไปตรงๆ ว่าลิซรู้สึกยังไง และลิซเลือกใคร เพื่อที่เขาจะได้ไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้"
ในขณะเดียวกัน นาราก็ยังคง ให้กำลังใจคีรินทร์อยู่ห่างๆ เธอรู้ดีว่าคีรินทร์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนไม่แพ้กัน และเขาก็ได้รับผลกระทบจากแผนการของแพรไหมและท่าทีของคู่แข่งคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน คีรินทร์เองก็มักจะโทรศัพท์หานาราในตอนกลางคืนเพื่อระบายความอัดอั้นและความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น
"นารา ตอนนี้พี่ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วว่ะ" คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย "ยัยแพรไหมก็ยังป่วนไม่เลิก ธามก็ดันมาสารภาพรักกับลิซอีก แล้วยังไอ้ภูริชนั่นอีก เข้ามาช่วยเหลือลิซแบบเงียบๆ แต่น่ากลัวชิบหาย"
นาราจะรับฟังทุกอย่างอย่างตั้งใจ เธอให้คำปรึกษาคีรินทร์ในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับอลิสา โดยไม่แสดงความรู้สึกส่วนตัวออกมาอย่างชัดเจน เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความรู้สึกหึงหวงหรือความผิดหวังในตัวคีรินทร์ เพราะเธอเลือกที่จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้ว
"พี่คีต้องแสดงให้ลิซเห็นนะว่าพี่คีรักเขามากแค่ไหน" นาราแนะนำ "ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องทำให้เขารู้สึกด้วยการกระทำ"
นารายังช่วยคีรินทร์วางแผนรับมือกับคู่แข่ง เธอเสนอแนวทางในการจัดการกับข่าวลือที่แพรไหมสร้างขึ้น และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้อลิสารู้สึกมั่นคงในความสัมพันธ์มากขึ้น
"เรื่องข่าวลือ พี่คีรินทร์ควรจะออกมาปกป้องลิซอย่างชัดเจน" นาราพูด "ส่วนเรื่องธามกับภูริช พี่คีรินทร์ก็ต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่าลิซเป็นของพี่คีรินทร์แล้วนะ"
คีรินทร์รับฟังคำแนะนำของนาราอย่างตั้งใจ เขารู้สึกขอบคุณนารามากที่มีเพื่อนที่ดีอย่างเธอคอยอยู่เคียงข้างและให้คำปรึกษาเสมอมา โดยที่ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ
แม้ว่าลึกๆ แล้วเธอจะรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นคีรินทร์มีความสุขกับอลิสา แต่นาราก็ยังคงเลือกที่จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของทั้งคู่ เธอเชื่อว่าความสุขของคีรินทร์และอลิสาคือสิ่งสำคัญที่สุด และเธอพร้อมที่จะเสียสละความรู้สึกส่วนตัวเพื่อความสุขของเพื่อนทั้งสอง
ในหลายๆ ครั้งที่คีรินทร์และอลิสาเกิดความเข้าใจผิดหรือทะเลาะกัน นาราก็จะเป็นคนกลางที่คอยไกล่เกลี่ยและช่วยให้พวกเขาปรับความเข้าใจกัน เธอจะคอยเตือนสติคีรินทร์ไม่ให้ใช้อารมณ์ และแนะนำให้อลิสาใจเย็นและรับฟังเหตุผลของคีรินทร์
นาราเปรียบเสมือนแสงสว่างที่คอยนำทางคีรินทร์และอลิสาให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้ เธอไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน นอกจากเห็นเพื่อนทั้งสองมีความสุข เธอเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับทั้งคู่ และเป็นตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงความเสียสละและความรักที่บริสุทธิ์
ในวันที่คีรินทร์และอลิสาผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ ไปได้ และความรักของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้น นาราก็ยังคงยืนอยู่ห่างๆ มองดูความสุขของเพื่อนทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่เจือด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย แต่เธอก็เลือกที่จะมีความสุขไปกับความสุขของพวกเขา เธอรู้ว่าเธอได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีที่สุดอย่างสมบูรณ์แล้ว
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่