หลังจากงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองที่จบลงด้วยการเปิดเผยความรู้สึกที่เก็บงำมานานของนารา อลิสากลับมายังคอนโดของคีรินทร์ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง แม้ว่าคีรินทร์จะพยายามปลอบโยนและยืนยันความรักที่เขามีต่อเธอ แต่ภาพรอยยิ้มที่ปวดร้าวของนารา และเสียงสะอื้นที่แผ่วเบาของเพื่อนสนิทในยามที่สารภาพความรู้สึก ยังคงติดตาตรึงใจเธอไม่หาย ความรู้สึกผิดเข้าจู่โจมอลิสาอย่างจัง เธอตระหนักว่าเธออาจจะไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนมากพอในขณะที่ความรักของเธอกำลังเบ่งบาน
เช้าวันรุ่งขึ้น อลิสาตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาในใจของเธอและนาราได้อีกต่อไป เธอรู้ว่าหนทางเดียวที่จะคลี่คลายความรู้สึกทั้งหมดคือการเผชิญหน้ากับความจริง อลิสาโทรหานาราและขอนัดเจอเพื่อนสนิททันที นาราตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่แววตาของอลิสาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในน้ำเสียงนั้น
ทั้งสองนัดเจอกันที่ร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นร้านประจำที่พวกเธอเคยมานั่งคุยปรับทุกข์กันเสมอ อลิสามาถึงก่อนเล็กน้อย เธอเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง และเมื่อเห็นนาราเดินเข้ามาในร้าน หัวใจของอลิสาก็รู้สึกบีบรัดขึ้นมาอีกครั้ง นาราในชุดเสื้อยืดเรียบง่ายกับกางเกงยีนส์ ดูผอมบางลงเล็กน้อย และร่องรอยความเศร้ายังคงฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่สวย
"นารา" อลิสาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เธอลุกขึ้นเดินไปหานาราที่หน้าประตู และดึงเพื่อนเข้ามากอดอย่างแน่นหนา นาราเองก็กอดตอบอย่างอ่อนแรง
เมื่อนั่งลงตรงข้ามกัน ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน อลิสาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนารา เธอเห็นความเจ็บปวดที่เพื่อนเก็บซ่อนไว้ และความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้าใส่เธออีกครั้ง
"นารา ลิซขอโทษนะ" อลิสาเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ "ลิซขอโทษจริงๆ ที่ลิซไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่านารารู้สึกยังไง ลิซแย่มากที่เป็นเพื่อนแบบนี้"
นาราเงยหน้าขึ้นมองอลิสา รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้า
"ไม่หรอกลิซ ลิซไม่ได้แย่เลย" เสียงของนารานั้นอ่อนโยน แต่ก็แฝงด้วยความเศร้า
"นาราเองต่างหากที่ไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเอง นาราเองที่เก็บมันไว้คนเดียว"
"แต่นารารู้สึกเจ็บใช่ไหม" อลิสาถาม พลางเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนเบาๆ "ลิซเห็นนะ ตอนที่นาราพูดถึงพี่คีรินทร์ในงานปาร์ตี้ ลิซเห็นแววตาของนารา ลิซรู้สึกผิดจริงๆ"
นาราสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ไหลออกมาเป็นน้ำตา
"ก็ ก็เจ็บนะลิซ" นารายอมรับอย่างตรงไปตรงมา "แต่ก็เจ็บมานานแล้วล่ะ นาราแค่ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน ไม่กล้าที่จะบอกใคร" เธอหลุบตาลงมองมือที่จับกัน
"นารารู้ว่าคีรินทร์รักลิซมากแค่ไหน นารารู้ว่าลิซกับคีรินทร์เหมาะสมกันแค่ไหน นารารู้มาตลอด"
อลิสาบีบมือเพื่อนเบาๆ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกสลายเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเพื่อนสนิท
"ทำไมนาราไม่เคยบอกลิซเลย" อลิสาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
"ถ้าลิซรู้ ลิซอาจจะ อาจจะจัดการอะไรได้ดีกว่านี้"
นาราส่ายหน้าช้าๆ
"จะจัดการอะไรได้ล่ะลิซ หัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก" เธอยิ้มเศร้าๆ
"แล้วอีกอย่าง นาราก็ไม่เคยอยากให้ลิซต้องลำบากใจ ไม่เคยอยากให้ลิซต้องเลือก นาราอยากเห็นลิซมีความสุขนะลิซจริงๆ"
คำพูดของนาราทำให้หัวใจของอลิสาสั่นไหว ความเสียสละที่นาราแสดงออกมานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เธอจะคาดคิด นารายอมเจ็บปวดอยู่เงียบๆ เพื่อให้เพื่อนของเธอมีความสุข เธอเห็นแก่ความสุขของอลิสามากกว่าความเจ็บปวดของตัวเอง
"แต่นาราไม่จำเป็นต้องเจ็บปวดขนาดนี้เลยนะ" อลิสาพูดเสียงแผ่ว น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้ม
"ลิซไม่เคยอยากให้ใครต้องเจ็บปวดเพราะลิซเลย โดยเฉพาะนารา"
นาราส่ายหน้าอีกครั้ง
"ไม่เป็นไรหรอกลิซ นาราเลือกเอง นารารู้ว่าความรู้สึกของนาราเป็นไปไม่ได้ แล้วนาราก็ยินดีที่จะเห็นลิซมีความสุขจริงๆ นะ" เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของอลิสาอย่างแน่วแน่
"นารารักลิซนะลิซ รักในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดเสมอมา แล้วความรักที่นารามีให้คีรินทร์ มันก็เป็นความรักที่นาราพร้อมจะยินดีให้เขามีความสุข ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม"
"แล้วนาราจะมีความสุขได้ยังไง" อลิสาถามด้วยความกังวล "ในเมื่อนารายังต้องมาเห็นลิซกับพี่คีรินทร์อยู่แบบนี้"
นารายิ้มบางๆ "ความสุขของนาราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่นาราต้องได้คีรินทร์มาครอบครองเสมอไปหรอกลิซ การได้เห็นคนที่นารารักมีความสุข นาราก็มีความสุขได้เหมือนกัน" เธอยืดตัวขึ้นเล็กน้อย "นาราแค่ต้องการเวลาสักหน่อย ที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง"
"ลิซไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อนาราเลยนะลิซ" นาราพูดต่อ น้ำเสียงจริงจัง "นารารู้ว่าลิซรักคีรินทร์มากแค่ไหน และคีรินทร์ก็รักลิซมากเหมือนกัน ความรักของพวกเธอสองคนมันชัดเจนมาก และมันก็สวยงามมากจริงๆ นาราเห็นแล้วนาราก็ยินดีด้วยนะ"
คำพูดเหล่านั้นของนาราเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจอลิสา ความรู้สึกผิดที่หนักอึ้งเริ่มคลี่คลายลง แต่มันถูกแทนที่ด้วยความซาบซึ้งและรักในตัวเพื่อนที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
"นารา ลิซขอบคุณนะ" อลิสาพูดเสียงเบา เธอไม่รู้จะใช้คำพูดใดมาอธิบายความรู้สึกซาบซึ้งใจที่มีต่อเพื่อนคนนี้ได้ "นาราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของลิซจริงๆ"
"ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงลิซ" นาราพูดพร้อมรอยยิ้มที่สดใสขึ้นเล็กน้อย "เพื่อนกันต้องไม่ทิ้งกันนะ"
อลิสาโผเข้ากอดนาราอีกครั้งแน่นกว่าเดิม การกอดกันในครั้งนี้ไม่ใช่การกอดที่เต็มไปด้วยความเศร้าอีกต่อไป แต่มันเป็นการกอดที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ความรัก และการยืนยันในมิตรภาพที่แข็งแกร่งกว่าสิ่งอื่นใด
"เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะนารา" อลิสาพูดทั้งน้ำตา
"ตลอดไปเลยลิซ" นาราตอบ น้ำเสียงหนักแน่น
บทสนทนาในวันนั้นทำให้อลิสาได้เผชิญหน้ากับความจริงใจของนารา และปลดล็อกความรู้สึกผิดในใจของเธอได้อย่างแท้จริง เธอรู้ว่านาราสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และเธอจะต้องทำให้นาราเห็นว่าการที่เธอเลือกคีรินทร์ ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทอดทิ้งมิตรภาพอันล้ำค่านี้ไป
นาราเองก็รู้สึกโล่งใจที่ได้ระบายความในใจออกมา และได้รับการยอมรับจากอลิสา เธอรู้ว่ามันอาจจะยังเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่การที่ได้คุยกันอย่างเปิดอก ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก และพร้อมที่จะก้าวต่อไปในชีวิต โดยยังคงรักษามิตรภาพอันแสนมีค่ากับอลิสาไว้
อลิสากลับมาหาคีรินทร์พร้อมกับความรู้สึกที่เบาสบายขึ้น เธอเล่าเรื่องบทสนทนาระหว่างเธอกับนาราให้คีรินทร์ฟัง คีรินทร์เองก็รู้สึกโล่งใจเช่นกันที่อลิสาได้คลี่คลายความรู้สึกในใจได้
"พี่ดีใจนะลิซที่ลิซกับนาราได้คุยกัน" คีรินทร์พูด พลางลูบผมอลิสาเบาๆ "นาราเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ"
"ใช่ค่ะ" อลิสาตอบ "ลิซโชคดีมากที่มีนาราเป็นเพื่อน"
ในที่สุด อลิสาและคีรินทร์ก็ตระหนักว่าความรักของพวกเขาได้ผ่านบททดสอบที่สำคัญไปอีกหนึ่งขั้น การเผชิญหน้ากับความรู้สึกของผู้อื่น และการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง คือสิ่งสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขามั่นคงยิ่งขึ้น พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารกันอย่างเปิดอก และจัดการกับอารมณ์ที่ซับซ้อนได้อย่างเข้าใจ
แม้ว่าหนทางข้างหน้าอาจจะยังมีอุปสรรคอีกมากมายจากแพรไหม และความท้าทายอื่นๆ ที่อาจจะเข้ามา แต่ตราบใดที่คีรินทร์และอลิสายังคงจับมือกันแน่น เชื่อมั่นในความรักของกันและกัน และมีมิตรภาพที่แท้จริงคอยโอบอุ้ม พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่