หลังจากที่ต่างฝ่ายได้ปรึกษาเพื่อนสนิทและทบทวนความรู้สึกของตัวเอง คืนนั้นเองที่อลิสาและคีรินทร์ตัดสินใจที่จะเคลียร์ใจกัน คีรินทร์เป็นฝ่ายเข้ามาหาอลิสาก่อน พร้อมดอกไม้ช่อโปรดของเธอ และกล่าวขอโทษสำหรับความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น
เขาอธิบายมุมมองของเขาอย่างใจเย็น และอลิสาก็เปิดใจรับฟังและบอกเล่าความรู้สึกของเธอเช่นกัน การพูดคุยที่เปิดอกทำให้พวกเขาเข้าใจกันมากขึ้น และตระหนักว่าปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่ได้สำคัญไปกว่าความรักและความผูกพันที่พวกเขามีให้กัน
บทสนทนาที่อบอุ่นดำเนินไปอย่างเนิบนาบ เสียงของคีรินทร์อ่อนโยนลงกว่าที่เคย
“ลิซครับ พี่ขอโทษนะเรื่องโปรเจกต์ พี่อาจจะดูแข็งไปหน่อย ทำให้ลิซรู้สึกไม่ดี” คีรินทร์พูด พร้อมยื่นช่อดอกฟรีเซียสีขาวที่อลิสาชอบที่สุดให้
อลิสารับดอกไม้มาดมกลิ่นหอม สัมผัสที่ปลายนิ้วของคีรินทร์ทำให้เธอใจเต้นระรัว
“พี่คีลิซก็ขอโทษเหมือนกันค่ะ ลิซอาจจะมุ่งมั่นมากไปจนลืมคิดถึงมุมของพี่คี” อลิสามองหน้าเขา ดวงตาคู่สวยฉายแววสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรเลยลิซ พี่เข้าใจดีว่าลิซอยากให้งานออกมาดีที่สุด” คีรินทร์ยิ้มอ่อนโยน “บางทีพี่ก็แค่กังวลเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณให้น้ำหนักมากกว่าวิสัยทัศน์ของลิซไปหน่อย”
“ลิซเข้าใจค่ะ ลิซแค่คิดว่าถ้าเราทุ่มสุดตัว ผลลัพธ์มันจะดีเอง” อลิสาพยักหน้า
“แล้วเรามาหาจุดกึ่งกลางกันนะ พี่เชื่อว่าเราสองคนรวมพลังกันได้ดีกว่าแยกกัน” คีรินทร์พูดพลางเอื้อมมือไปกุมมืออลิสาไว้แน่น
อลิสาพยักหน้าตอบรับ รอยยิ้มกลับมาประดับบนใบหน้าของเธออีกครั้ง “ค่ะพี่คี”
บรรยากาศเริ่มอบอวลไปด้วยความโรแมนติกที่กลับคืนมา คีรินทร์ค่อยๆ คุกเข่าลงต่อหน้าอลิสา ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มอ้อนๆ ที่ทำให้ใจอลิสาอ่อนยวบทุกครั้ง
“ลิซครับพี่รักลิซนะ” คีรินทร์พูดเสียงทุ้มต่ำ แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและรักใคร่
แทบจะทันทีที่สิ้นคำพูดนั้น อลิสาโผเข้ากอดเขาแน่นด้วยความคิดถึงและโล่งใจ เธอซบหน้ากับไหล่กว้างของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย
“ลิซก็รักพี่คีค่ะ” เสียงของเธออู้อี้อยู่กับเสื้อเชิ้ตของเขา
คีรินทร์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาค่อยๆ ประคองใบหน้าของอลิสาขึ้นมา จ้องมองดวงตาคู่สวยที่แดงรื้นด้วยน้ำตาแห่งความสุข
ริมฝีปากของทั้งคู่ค่อยๆ ประสานกันอย่างดูดดื่ม การจูบที่เนิ่นนานและลึกซึ้งเป็นการประสานรอยร้าวทั้งหมด ยืนยันว่าไม่มีอะไรจะมาแยกพวกเขาออกจากกันได้
พวกเขาเคลื่อนไหวช้าๆ จากโซฟาไปยังห้องนอน บรรยากาศเต็มไปด้วยความปรารถนาที่คุกรุ่น คีรินทร์ค่อยๆ ประคองอลิสาให้นั่งลงบนขอบเตียง เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนออกช้าๆ เผยให้เห็นแผงอกกำยำที่อลิสาโหยหา
“ลิซพี่คิดถึงลิซเหลือเกิน” คีรินทร์พูดเสียงพร่า เขาเลื่อนมือไปสัมผัสเรียวขาของอลิสาที่คลอเคลียอยู่ใต้กระโปรง
อลิสาตอบรับด้วยการเลื่อนมือไปสัมผัสแท่งรักที่กำลังแข็งขืนของคีรินทร์ผ่านเนื้อผ้า คีรินทร์ถอดเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอุ้มอลิสาขึ้นมานั่งบนตักของเขา
“ลิซ” คีรินทร์ครางชื่อเธอแผ่วเบา เขาเริ่มดูดอมแท่งรักของตนเองอย่างเชื่องช้า สลับกับการมองสบตาอลิสาที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายและความปรารถนา
จากนั้น คีรินทร์พลิกตัว อลิสาค่อยๆ คุกเข่าลงบนเตียง มือยันเตียงไว้มั่นคง คีรินทร์อยู่ด้านหลังเธอ เขาค่อยๆ สอดแท่งรักเข้ามาในตัวของอลิสาอย่างช้าๆ เสียงครางแผ่วเบาของอลิสาบ่งบอกถึงความสุขสมที่เอ่อล้น
“อ่าพี่คี”
คีรินทร์เริ่มขยับสะโพกช้าๆ เน้นย้ำจังหวะที่เข้าได้ลึกและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง บ่งบอกถึงความเร่าร้อนของทั้งสองคน
“ลิซพี่รักลิซ” คีรินทร์กระซิบข้างหูอลิสา ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาสัมผัสผิวหนังเธอ ทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เมื่อความเร่าร้อนถึงขีดสุด คีรินทร์ก็พลิกตัวอลิสาให้ยืนหันหน้าเข้าหาเขา พวกเขาจูบกันอีกครั้งอย่างดูดดื่มในท่ายืน โดยมีร่างกายที่แนบชิดกัน คีรินทร์ยกตัวอลิสาขึ้นเล็กน้อย ทำให้แท่งรักของเขาเข้าไปได้ลึกยิ่งขึ้น อลิสาใช้ขาเกี่ยวรอบเอวสอบของเขาไว้มั่นคง
“อื้อออพี่คี”
ทั้งสองคนเคลื่อนไหวไปพร้อมกันในจังหวะที่หนักหน่วงและเร่าร้อน แสงไฟสลัวๆ ในห้องทำให้บรรยากาศยิ่งเย้ายวนใจ เสียงหอบหายใจและเสียงครางแผ่วเบาผสมผสานกันเป็นจังหวะรัก
เมื่อถึงจุดสุดยอด ทั้งคู่ล้มตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง คีรินทร์จัดท่าให้อลิสานอนหงาย เขาอยู่ด้านบน แต่สะโพกของอลิสายกสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยหมอนรองที่ช่วยให้ทั้งคู่ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คีรินทร์โอบกอดอลิสาไว้แน่น ซบหน้าลงกับซอกคอของเธอ สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นที่ทำให้เขาคลั่งไคล้
“ลิซพี่รักลิซที่สุด” คีรินทร์กระซิบแผ่วเบา
อลิสากอดตอบเขาแน่นเช่นกัน เธอลูบไล้แผ่นหลังกว้างของเขาอย่างอ่อนโยน
“ลิซก็รักพี่คีค่ะ”
พวกเขาหลับไปพร้อมกันในอ้อมกอดอันอบอุ่น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความใกล้ชิดทางกายช่วยเยียวยาจิตใจและประสานรอยร้าวทั้งหมดของพวกเขาให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง แสงรุ่งอรุณที่สาดส่องเข้ามาในห้องในเช้าวันใหม่เป็นพยานถึงการเริ่มต้นครั้งใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมของความรักของคนทั้งคู่
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่