-ดาริน-
2 อาทิตย์ต่อมา “ริน!!” เสียงของเพื่อนสนิทของฉันเรียกเมื่อเราเจอกัน หลังจากทร่ฉันหายไปพักรักษาตัวมาได้เกือบสองอาทิตย์ กว่าแผลบนใบหน้าจะหายดี “เป็นยังไงบ้างอะ แกดีขึ้นแล้วใช่มั้ย” ฉันพยักหน้าเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ด้วยกลัวเพื่อนจะเป็นห่วงมากกว่าเดิม “ดูสิเนี่ย หน้าแกยังมีรอยอยู่เลย! ทำไมแกถึงไม่เอาเรื่องพวกมันล่ะ!” ยัยนก หรือ ลูกนก ถามฉันด้วยน้ำเสียงขัดใจที่ฉันไม่ยอมเอาเรื่องพวกหมิว จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ฉันรู้ว่าถ้าฉันเอาเรื่องยัยพวกนั้นต้องไม่เลิกตอแยฉันแน่ๆ สู้ทนเจ็บให้มันจบ ๆ ไปแค่ครั้งนี้ครั้งดียวน่ะ ดีแล้ว “ช่างมันเถอะ เรารีบไปเรียนเถอะ อาจารย์นภาด้วยคลาสนี้” ฉันพูดตัดบทแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวของฉันถามมากไปกว่านี้ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะปิดบังอะไรกับเพื่อนหรอกนะ แต่ฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ อย่างน้อยไม่รู้มันยังจะดีกว่า “จริงด้วย! รีบไปกันเถอะ><” เป็นไปตามคาดหากฉันเอาชื่ออาจารย์ที่ดุ ๆ มาอ้างเมื่อไหร่ ยัยนกจะลืมเรื่องที่คุยกันอยู่ทันที ฉันกับเพื่อนสนิทจึงรีบเดินไปที่ตึกเรียนทันที ห้องเรียน พอเข้ามาในห้องฉันก็ต้องเจอกับสายตาพิฆาตของหลายๆ คน และหนึ่งในสายตาพวกนั้นก็คือหมิว ฉันถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนีทันที “หึ หน้าด้าน!” และเมื่อฉันกำลังจะเดินผ่านหมิวก็พูดกัดฉันทันที ฉันได้แต่ถอนหานใจเบา ๆ ไม่อยากจะต่อกรกับใครอีกฉันอยากอยู่อย่างสงบ “มึงว่าใคร!” แต่เหมือนกับนกไม่ได้คิดเหมือนที่ฉันคิดสักเท่าไหร่ หลังจากหมิวพูดจาแดกดันฉันยังไม่ทันเสร็จดี ยัยนกก็ตอบกลับทันควัน “อย่าเสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง!” หมิวลุกขึ้นประจันหน้ากับนกทันที หน้าของทั้งคู่เอาเรื่องมาก ๆ ตอนนี้ สองคนนี้เดิมทีก็เป็นไม้เบื่อำม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่าให้เผลอเป็นต้องหาเรื่องต่อปากต่อคำกัน “นกพอแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะเดี๋ยวอาจารย์มาแล้วจะงานเข้านะ” ฉันรีบเข้าไปดึงเเขนเพื่อนไว้ทันที นกน่ะเป็นคนใจร้อน บ่อยครั้งมักจะถูกลงโทษเพราะทะเลาะกับหมิวอยู่บ่อยครั้ง “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” นกพูดพลางเดินสบัดหน้าหนีไปทันที ฉันเองก็เดินตามเพื่อนไปไม่ได้คิดจะสนใจหมิวอีก แต่ทว่า “หึ มีพวกละเก่งขึ้นเหรอมึงอีหน้าด้าน” หมิวกลับไม่ยอมจบง่าย ๆ พูดกระแทกแล้วมองฉันอย่างอาฆาต สายตาพวกนี้นี่เหมาะกับฉันจริง ๆ เลยนะ ไม่ว่าจะใครก็มักจะมอบมันมาให้ฉันเสมอ “คราวที่แล้วยังไม่พอใจรึไง” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าฉันตอบโต้ไปมากกว่านี้ “เหอะ จะพอหรือไม่มันก็เรื่องของกู มึงมันแส่หาเรื่องเอง! จะเรียกร้องเหี้ยอะไร” หมิวพูดแล้วทำท่าจะเดินมาหาฉันด้วยสายตาเอาเรื่อง ทำเอานกที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องเดินกลับมาประจันหน้าหมิวแทนฉัน “มีอะไรกัน!!” พอดีกับที่อาจารย์นภาเข้ามาพอดี ฉันเลยรีบดันยัยนกไปที่โต๊ะทันที ด้วยท่าทางเร่งรีบ “ทีหลังแกอย่าไปยอมมันนะริน ไม่งั้นฉันไม่ยอมจริง ๆ ด้วย” พอนั่งปุ๊ป นกก็พูดขึ้นทันที ฉันส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอือมระอา เพื่อนก็พอเพื่อนฝั่งนั้นก็พอฝั่งนั้น “เรามาสนใจเรียนกันเถอะนะ” ฉันบอกยัยนกก่อนจะทำเป็นเตรียมสมุดไว้จดเลคเชอร์ขึ้นมาก่อนจะนึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอมานึกดูดี ๆ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับฉัน..มันก็เริ่มตั้งแต่วันนั้น...เมื่อสี่ปีก่อน นานแล้วเหมือนกันนะเนี่ยที่ฉันต้องมารับกรรมที่ฉันไม่ได้ก่อ ฉันคงต้องยอมรับผลกรรมนั้นสินะ...กรรมที่ช่วยผู้หญิงคนนั้นไว้ไม่ได้ หากฉันย้อนกลับไปแล้วช่วยเธอได้ ฉันคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวแบบนี้ 4 ปีก่อนหน้า “พ่อคะ แม่คะ กะ..เกิดอะไรขึ้นคะ!?” ฉันถามพวกท่านด้วยความร้อนรนเมื่อเห็นข่าวเรื่องที่บ้านฉันล้มละลาย ข่าวพาดหน้าหนึ่งแทบทุกฉบับ สำนักข่าวมากมายต่างก็เล่นข่าวบ้านของฉันกันสนุกปาก “เหมือนเราจะมีปัญหากับพวกรุ่นใหญ่น่ะ...” คุณพ่อพูดแล้วเอามือกุมขมับ ใจฉันตอนนี้เริ่มเต้นตุบตับมันร้อนรนไปหมด...เขาเริ่มแล้วสินะ พี่วินทัพ... เขาทำมันจริง ๆ ด้วย “แล้วพ่อกับแม่จะเอายังไงต่อไปคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ?” ฉันถามพวกท่านเสียงสั่น ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน เพราะฉันคนเดียว ทำยังไง ฉันควรจะทำยังไงดี “พ่อกับแม่ว่าจะไปอยู่อเมริกาก่อนสักพัก พ่อบอกว่าจะไปเริ่มต้นใหม่กับเพื่อนทางนั้นก่อน หนูอยู่ที่นี่ รีบเรียนให้จบแล้วแม่จะส่งเงินมาให้ลูกนะ พอเรียนจบแม่กับพ่อจะมารับทันที...โอเคมั้ยลูก...” ฉันถึงกับพูดไม่ออก...ฉันเพิ่งอยู่ม.6เองนะ นี่พวกท่านเลือกจะทิ้งฉันไว้สินะ...มันคงเป็นกรรมของฉันเอง..กรรมของฉันที่ช่วยอะไรใครไม่ได้นอกจากจะเป็นภาระ “แม่จะมารับหนูจริงๆ ใช่มั้ยคะ…” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย ทุกอย่างมันทำฉันสับสนไปหมด ฉันควรจะร้องไห้โอดครวญแต่คงเป็นเพราะได้เตรียมใจมาบ้างแล้วว่าจะถูกทิ้งแบบนี้เลยไม่ได้เสียใจมากเท่าที่ควร “จริงสิจ้ะ แม่จะรีบมารับหนู แม่สัญญา” แม่พูดแล้วลูบหัวฉันเบา ๆ ซึ่งฉันก็พยักหน้ารับก่อนจะโผล่เข้ากอดแม่ของฉันอย่างไม่อยากให้ท่านไป ถึงจะบอกว่าไม่เสียใจมากเท่าไหร่ แต่ลึก ๆ แล้ว ฉันก็เสียใจไม่น้อยเลยทีเดียว “แล้ว...แม่กับพ่อจะไปวันไหนคะ?” ฉันถามต่อเมื่อผละออกจากอกของแม่แล้ว หากไปช้าก็คงจะดีจะได้มีเวลากอดพวกท่านอีกสักหน่อย “คืนนี้” คุณพ่อของฉันเป็นคนตอบ... ฉันถึงกับช็อคทันที ไวปานนั้นเชียวหรือ “ทำไมไวจะล่ะคะ?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงตกใจ มันเร็วเกินไปมากจริง ๆ พวกท่านกะจะไม่ให้ฉันได้เตรียมใจเลยหรอ… “เราต้องรีบไปให้เร็วที่สุด แม่โอนเงินของแม่ให้หนูไปหมดแล้ว หนูเอาเงินไปซื้อคอนโดอยู่นะลูก บ้านหลังนี้น่ะ มันไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้ว…” แม่พูดแล้วน้ำตาไหลลงมา... ไม่นะ มันเป็นความฝันใช่มั้ย... ถ้าเป็นแบบนั้นก็รีบตื่นเสียที! บ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด มันจะไม่ใช่ของครอบครัวฉันอีกแล้วงั้นหรอ... บ้านหลังนี้คุณแม่เคยเล่าให้ฉันฟัง ว่าพ่อของฉันตั้งใจหาเงินมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อบ้านหลังนี้..ทุกอย่างมันพังเพราะฉัน! กลางดึกคืนนั้น ฉันยืนมองคุณพ่อกับคุณแม่ที่กำลังจะขึ้นรถไปด้วยสายตาที่เจ็บปวด “ฮึก..แม่คะ...ฮึก...พ่อ...ฮือออ” ตอนแรกคิดว่าฉันจะไม่ร้องไห้ออกมาแล้ว พอถึงเวลาจริง ๆ ฉันอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะร้องออกมา ฉันไม่อยากให้ท่านทั้งสองไปเลย...ฉันอยากจะอ้อนวอนพวกท่านเหลือเกินว่าอย่าทิ้งฉันไป แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะพวกท่านอาจจะเป็นกังวลมากกว่าเดิม แค่นี้ฉันก็ทำพวกท่านเดือดร้อนมากไปแล้ว “เข้มแข็งนะดาริน เข้าใจมั้ยลูก” คุณพ่อพูดกับฉันก่อนจะดันคุณแม่ขึ้นไปบนรถอย่างเร่งรีบคงจะกลัวว่าคุณแม่จะใจอ่อน คุณพ่อน่ะเป็นคนใจแข็งแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร เวลาที่ท่านสอนฉันเหมือนสอนลูกผู้ชายก็ไม่ปาน “ดาริน ตั้งใจเรียนนะลูก...รอพ่อกับแม่นะ...มีอะไรโทรหาแม่นะลูก” คุณแม่พูดก่อนที่ประตูรถจะถูดปิดลง...สายตาของท่านแสดงออกถึงความห่วงใยต่อฉัน แม้แต่พ่อของฉันก็ตาเริ่มแดงเช่นกัน “แม่คะ....ฮือออ พ่อคะ พ่ออ!!!” เมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวฉันรีบเดินตามไปเกาะที่ประตูรถทันทีพลางเดินไปพร้อมกับรถขึ้นเรื่อย ๆ “พ่อขา.....คุณแม่!! ไม่นะ ฮือออออ!! คุณแม่...” ฉันร้องไห้หนักขึ้น เมื่อรถของพวกท่านออกตัวเร็วขึ้น ฉันรีบสาวเท้ายาว ๆ จนกลายเป็นวิ่ง ถึงแม้จะหักห้ามใจไม่ให้ทำแบบนี้แต่ฉันกลัว กลัวการอยู่คนเดียว ชีวิตนี้ฉันไม่เคยต้องห่างจากพวกท่านเลย “พ่อจ๋า..ฮือออ แม่จ๋า!! อย่าไปนะ..ฮือออ แม่!!!!” ฉันล้มลงกับพื้นตรงใกล้ ๆ ประตูรั้วบ้าน แต่รถก็ไม่ได้หยุดหรือลดความเร็วลงเลย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันยอมแพ้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปดูรถของพวกท่านที่ขับออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนลับสายตาไป “หนูกลัว..แม่จ๋า...พ่อจ๋าหนูกลัว...ฮือ อย่าทิ้งหนูไว้แบบนี้สิคะ…คุณพ่อคุณแม่…” หากอยู่โดยไม่ต้องกังวลอะไรฉันก็พอจะอยู่ได้ หากการล้มละลายของบ้านฉันเกิดจากธุรกิจขิงพวกท่านมีปัญหาฉันก็คงไม่ต้องกังวลอะไร แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องปรกติที่นักธุกิจต้องเจอ แต่เป็นเพราะเขา พี่วินทัพ…เท่านี้เขาก็ทำฉันกลัวเขาได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่าที่เขาพูดขู่ฉันวันนั้นเขาจะทำมันจริง ๆ มันทำฉันกลัว กลัวเขาคนนั้น....ฉันกลัวการอยู่คนเดียว...ฉันกลัวที่สุด...ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว...ไม่เหลือใครเลย... คอมเม้นท์ + กดใจ = เป็นกำลังใจนักเขียนนะคั้บ~~ หากต้องการอ่านตอนใหม่ก่อนใครสามารถเพิ่มเข้าชั้นหนังสือเพื่อรับการแจ้งเตือนได้นะคั้บ><พลั่ก! ตุ้บ! พลั่ก!“อั่ก! โอ้ย!”เสียงร้องโอดโอยของร่างชายฉกรรจ์ที่ถูกวินทัพฟาดด้วยท่อนไม้และเหล็ก ดังสลับกับเสียงฟาดจนคนแถวนั้นกลัวจนไม่กล้าจะเข้าห้าม จนกระทั่งเพื่อนเขาที่ตามมา“ไอ้เหี้ยวิน! พอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวมันตาย”“มึงหลบไป”วินทัพพูดบอกกันต์เสียงสั่น ตายเป็นตายเขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หากดารินเป็นอะไรไป เขาเองก็ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ไอ้คนทำมันรอดไปได้เช่นกัน“มึงฆ่ามันแล้วได้อะไรวะ ถ้ามันตายมึงจะรู้ไหม ว่าใครสั่งมันให้ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับรินอะ”กันต์ถามเรียกสติเขา ซึ่งมันได้ผล เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันต้องมีคนบงการแน่นอน แต่เขาเอาแต่โมโหจนลืมไป วินทัพเดินไปหามันแล้วกระชากคอเสื้อมันให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาปูดโปน เพราะโดนเขาอัดเละ แถมไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย“ตอบกูมา! ใครเป็นคนสั่งมึงให้ทำ พูดให้เข้าหูกูนะ ไม่งั้นกูจะตัดนิ้วมึงทีละนิ้ว”วินทัพพูดล้วจ้องหน้ามันเขม็ง กันต์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมอุปกรณ์มา หากมันไม่ยอมบอกแต่โดยดี เขาจะไม่ห้ามเพื่อนเขาสักนิด“ตอบมา!!”คนถูกกระชากคออยู่สลึมสลือราวกับจะหมดสติไป แต่วินทัพไม่ยอม เขา
@โรงพยาบาลประจำตัวเมือง“คุณส้ม!”เสียงหวานของซรานดังสะท้อนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ร้องเรียกผู้จัดการสาวที่กำลังนั่งสะอื้นไห้จนไหล่สั่นสะท้าน ความรีบร้อนในน้ำเสียงแทบทำให้หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างบางของเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามา พร้อมกับเทมที่สีหน้าซีดเผือดยิ่งไม่ต่างกัน ความตึงเครียดหนักหน่วงคลี่คลุมไปทั่วราวกับอากาศรอบกายถูกบีบอัดจนแทบหายใจไม่ออก และทันทีที่สายตาของเทมเหลือบไปเห็นกลุ่มวินทัพที่ยืนจับจ้องอยู่ ความร้อนวาบแห่งโทสะก็พุ่งขึ้นสู่ศีรษะทันที เลือดในกายพลันสูบฉีดรุนแรง ราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ มันอีกแล้ว“คุณเทมคุณซราน! ฮึก!”“รินล่ะคะ? รินเป็นยังไงบ้างคะ?”ซรานเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกลั้นสะอื้นเอาไว้ ความปวดร้าวแล่นบีบรัดในอกเพียงเพราะตั้งแต่กลับมา เธอแทบไม่ได้พบหน้าน้องสาวสุดที่รักเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ยิ่งงานที่รุมเร้าทำให้เธอไม่อาจมาหาดารินได้บ่อยดังใจต้องการ และทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอ…ดารินก็มักจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลเสมอ ภาพเหล่านั้นกัดกินใจจนยิ่งเอ่ยถามออกมา น้ำเสียงก็ยิ่งสั่นพร่าไปด้วยความกังวลและเจ็บปวด“ตอนนี้น้อง
-ดาริน-หลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นฉันก็รีบกลับเข้ามาห้องพักของตัวเองทันที กะว่าจะออกไปสูดอากาศให้หายหงุดหงิดเสียหน่อย ดันไปเจอภาพบาดตาเสียได้“อ่าวน้องริน ไหนว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลคะ?”พอเข้ามาที่ห้องก็เจอกับพี่ส้มเช้งพอดี พี่ส้มเช้งน่าจะเอาของมาเก็บให้ เพราะเมื่อกี้ฉันเดินมาไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ“อากาศมันร้อน ๆ น่ะค่ะ เลยกลับมาพักในห้องดีกว่า”ฉันโกหกออกไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าหมดอารมณ์เดินเพราะเห็นคนรักจูบกับแฟนของเขาน่ะ…น่าเกลียดจะตายไป“น้องรินคะ พี่ขอพูดอะไรได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“เรื่องคุณวินทัพ…”พี่ส้มเช้งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจที่จะพูดออกมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอพูด“พี่รู้นะคะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพี่ แต่ในฐานะที่พี่เป็นผู้จัดการของน้องริน พี่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะ เขายังมีคนของเขาอยู่ น้องรินจะเสียเอานะคะ”ฉันคิดตามที่พี่ส้มเช้งพูด ในเวลาไม่กี่วันมีคนเตือนฉันเรื่องพี่วินทัพถึงสองคน ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะสถานะของฉันตอนนี้ก็คือชู้ดี ๆ นี่เอง“รินกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ พี่ส้มสบายใจได้”ความจริงเรื่องฉันกับพี่วินทัพเราไม่ได้เป็นอ
@คอนโดดารินเมื่อปล่อยคนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจแล้ว เขาก็พาเธอกลับคอนโดของเธอทันที วันนี้เขาตั้งใจจะนอนกอดเธอไม่ไปไหนทั้งนั้น จึงตัดสินใจปิดเครื่องเอาไว้“รินครับ มานี่เร็ว”เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกจากห้องน้ำก็รีบตีที่นอนเป็นเชิงชวนให้ขึ้นเตียงทันที ดารินมองอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง กลัวเขาจะจับกินน่ะสิไม่ใช่อะไร“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า มาเร็ว ง่วงแล้วเนี่ย”เขาพูดเพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาโคตรอยากทำ แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ รอทำอะไรให้ถูกต้องก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาจนคนตัวเล็กสลบไปหลาย ๆ รอบเลยทีเดียว“เชื่อได้ใช่มั้ยคะ?”ถามออกไปอย่างระแวงแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี เพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจริง ๆ“ได้สิ พี่ไม่ทำอะไรหรอกตอนนี้น่ะ”ตอนอื่นก็ไม่แน่ เขาคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ เมื่อร่างบางยอมขึ้นเตียงมาหาเขา เขาก็รีบกอดเธอไว้แทบจะทันที ทั้งคู่เอนนอนลงบนเตียงในขณะที่โอบกอดกันอยู่“รินอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทุกคืนเลย…”ถึงแม้จะโกรธที่เขาทำให้เธอต้องเป็นคนไม่ดี แต่ก็รักเขาอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้คำว่ารักนี่แหละตัวปัญหาสุด ๆ“พี่จะรีบทำทุกอย่างให้เคลียร
@ร้านอาหารหรูดารินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่เหล่าคนรวยมักมาออกเดทกันที่นี่ เพื่อประกาศถึงความร่ำรวยและชีวิตที่หรูหราของพวกเขา แต่วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เธออยากจะเคลียร์มากที่สุดเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ ดารินที่สวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ก็มองพี่ชายต่างสายเลือดผ่านแว่นดำ และไม่คิดจะถอดมันออก“ใส่แว่นมาข่มพี่หรือไงตัวเล็ก”ใช่เสียที่ไหน เพราะเธอร้องไห้จนตาบวมมาตลอดทางต่างหาก ตั้งแต่ทราบเรื่องที่ตนแท้งก็ยังไม่มีเวลามาเอาผิดคนทราบเรื่องคนแรกแต่ไม่ยอมบอกเธอสักที“อย่ามาเปลี่ยนเฉไฉค่ะ อย่างที่พี่เทมทราบ เค้ารู้เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว”ดารินเงียบก่อนจะเอนหลังเพื่อพิงโต๊ะและกอดอกมองคนพี่อย่างเอาเรื่อง ไมทต้องถอดแว่นออกก็พอจะเดาได้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่แน่ ๆ“เค้าให้เวลาพี่เทมแก้ตัวค่ะ”คนฟังถึงกับนึกขำในใจ พอจะดุก็เอาเรื่องเหมือนกันนะน้องสาวของเขาเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษสินะ“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษเราจริง ๆ ที่พี่ไม่ได้บอก รินก็รู้ว่าถ้าพี่เล่าไปยังไงรินก็จะเสียใจ และพี่ก็ไม่อาจจะทำรินเสียใจได้ พี่เลยอยากให้รินลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นไปซะ จะโกรธพี่ก็ได้ แต
-ดาริน-ตอนนี้ฉันมาคุยงานกับเจ้าของโปรเจ็กที่ได้รับผิดชอบงานโปรโมทรีสอร์ทที่หัวหิน เห็นว่าไปตั้งสี่วันสามคืนเลยทีเดียว เพราะเป็นงานแรกด้วย จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่ไปถ่ายแบบมุมต่าง ๆ ตามรีสอร์ทเท่านั้นเอง สบายมากงานแค่นี้“เราจะเดินทางไปที่รีสอร์ทกันวันไหนนะคะพี่อาร์ท”ฉันเอ่ยถามเมื่อคุยสรุปงานกันเสร็จ พี่ส้มเองก็เตรียมจดจารางงานให้ฉันอยู่เหมือนกัน“อืม…น่าจะอีกสามวันนะ น้องรินโอเคไหมครับ?”ฉันหันไปมองหน้าพี่ส้มเช้งทันที ซึ่งพี่เขาเช็คตารางนิดหน่อยก็พยักหน้าโอเคให้“โอเคค่ะ วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ กะว่าจะแวบไปแอบดูพี่วินทัพเสียหน่อย หลัวจากวันนั้นเขาก็ไม่ค่อยได้มาหาฉันเลย เอาแต่ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ยอมมาหากันเลย คืนนั้นแันกับเขาไม่ได้ทำอะไรกันต่อนอกจากนอนกอดกันเฉย ๆ ซึ่งมันก็ดีสำหรับฉันนะ“ครับผม น้องรินกลับได้เลยครับ เดี๋ยวพี่กับทีมจะคุยกันต่ะครับ”ฉันยิ้มให้พี่อาร์ทเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือมาถือแล้วลุกขึ้นเพื่อออกจากห้องประชุม“พี่ส้มจะอยู่คุยงานส่วนอื่นต่อกับพี่อาร์ทหรือจะกลับเลยคะ?”ฉันถามพี่ส้มเช้งที่หน้ายังคงอยู่กับจอโน็ตบุ๊ค