พุดตานตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้กับฐากูร
เธอได้แต่นึกสงสัยว่าบทรักอันเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเพราะกำไลผัวหลงและน้ำมันพรายมหาสเน่ห์ที่เธอสั่งมาหรือเปล่า
หากเช้านี้ฐากูรเปลี่ยนไปเป็นคนละคนน้ำมันพรายมหาสเน่ห์คงได้ผล…
“พี่ฐา-”
“ฉันไม่หิว” ไม่รอให้เธอพูดจบเขาก็พูดตัดบทในทันที
“เออ…ตานอุตส่าห์ตั้งใจทำเลยนะ ถึงจะทำออกมาไม่ค่อยน่ากินเเต่ตานตั้งใจทำมากเลยนะ”
เธอโชว์ชามข้าวต้มกุ้งให้ฐากูรดูด้วยความภูมิใจ แต่่สุดท้ายก็ถูกเมินอย่างไร้้เยื่อใย
“วันนี้ฉันมีนัดไม่อยากกินอาหารเช้าหนักๆ ให้หนักท้อง”
พูดจบเขาก็เดินผ่านตัวเธอไปอย่างไม่แยเเส
“ชัด…”
ชัดเลยว่าไอ่กำไลผัวหลงที่เธอใส่อยู่และน้ำมันพรายมหาสเน่ห์ที่เธอแอบป้ายไว้บนหมอนมันไม่ได้ผล
เธอโดนหลอกแล้วเป็นแน่!!“ไม่น่าเลย…”
เธอมองกำไลราคาหลักหมื่นด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ก่อนจะกินข้าวต้มฝีมือตัวเองย้อมใจแต่ก็ต้องรีบควานหาถังขยะเมื่อตักข้าวต้มเข้าปาก
เธอรีบคายข้าวต้มในปากทิ้งเพราะระดับความเค็มของข้าวต้มมันเค็มราวกับใส่เกลือทั้งถุง
“ฉันใส่แค่ครึ่งถุงทำไมถึงเค็ม?”
เธอมองชามข้าวต้มด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เป็นบุญนักที่ฐากูรไม่ยอมชิมมิฉะนั้นเขาคงด่าเธอชุดใหญ่เเน่…
“กำไลก็ปลอม ข้าวต้มก็เค็ม นี่มันวันอะไรกันเนี่ย~”
“ราคาหุ้นผันผวนเเบบนี้กูยังไม่อยากให้มึงเสี่ยง ช่วงนี้มึงเอาเงินไปลงทุนกับธุรกิจสถานบันเทิงของมึงดีกว่า”
“งั้นเหรอวะ” ราเชนพยักหน้าเล็กน้อย
วันนี้เขามาปรึกษาเรื่องธุรกิจกับฐากูร เพราะทุกครั้งที่ธุรกิจเริ่มติดขัดเขาก็มาปรึกษาฐากูรตลอดเหมือนอย่างวันนี้
“มึงว่าไงกูก็ว่างั้น เรื่องการทำธุรกิจมึงกินขาดอยู่เเล้วหนิ”
“มึงก็พูดเว่อร์” ฐากูรส่ายหน้า เพราะเขาเองไม่ได้เก่งอะไรแค่ชอบวิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจอย่างรอบครอบที่สุด
“เออ กูได้ข่าวมาว่าพิมมาจะกลับมาหนิ?”
“อืม”
“มึงก็ปวดหัวเลยอ่ะดิงานนี้?” ราเชนย่นคิ้วถามเชิงติดตลก
“ปวดหัวเรื่อง?”
“เหอะมึงก็รู้ดี”
พิมมาสนิทสนมกับฐากูรแต่พิมมาไม่ค่อยถูกฉะโหลกกับพุดตานสักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่พุดตานและพิมมาเจอหน้ากันเหมือนทะเลน้ำเค็มมาเจอกับทะเลน้ำจืด
ยังไงก็เข้ากันไม่ได้!!
“บางครั้งกูก็สงสัยว่ามึงชอบพิมมาเหรอวะ?”
ที่ราเชนถามแบบบนั้นเพราะฐากูรเข้ากับพิมมาได้ดีกว่าพุดตานที่เป็นภรรยาเสียอีก ฐากูรดูแลเอาใจใส่พิมมาอย่างดีต่างจากพุดตาน
“ไม่ได้ชอบ”
“ไม่ได้ชอบแต่ดูแลพิมมาดีกว่าเมียตัวเองอีกนะ”
“มึงต้องรู้ทุกเรื่องเลยไหม?”
สีหน้าเอาเรื่องของฐากูรทำราเชนยิ้มอ่อน
“เคๆ กูไม่เสือกกกกก็ได้” ราเชนตั้งใจเน้น ส. ให้ชัดเเละหนักแน่นตามประสาคนชอบกวนประสาท
ฐากูรตวัดสายตามองหน้าเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง หากราเชนไม่ใช่เพื่อนเขาคงฝากรอยเท้าเอาไว้บนหน้าตั้งแต่ประโยคเเรกเเล้ว
“อย่าไปกวนตีนแบบนี้ใส่ใครนะมึง”
“กลัวจะตายห่า” ราเชนยิ้มเเหยๆ ทำเอาฐากูรที่เห็นส่ายหัวรัวๆ สักวันเเม่งจะตายเพราะส้นตีนจริงๆ
“พี่พิมมากลับมา? ไม่ใช่ว่ากลับปีหน้าเหรอ?”
“กลับมาเเล้ว นี่ไงฉันเลยเอาบัตรเชิญมาให้แก”
ปิ่นปัก นำบัตรเชิญงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพิมมายื่นให้เพื่อนสนิทอย่างพุดตาน
ปิ่นปักเป็นน้องสาวคนละแม่กับพิมมา อันที่จริงปิ่นปักก็ไม่ค่อยถูกกับพิมมาสักเท่าไหร่ เพราะมักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับพิมมาอยู่บ่อยครั้ง
“ไม่อยากไป”
“แกต้องมาแกก็รู้ครอบครัวเราสนิทกัน”
“เห้อ~”
พุดตานถอนหายใจออกยาวๆ เธอกับพิมมารู้จักกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพราะพ่อของเธอที่เสียไปแล้วเป็นเพื่อนสนิทของพ่อพิมมา เราจึงเป็นคนสนิทกันโดยปริยาย
สุดท้ายเธอก็ต้องจำใจไปงานเลี้ยงในครั้งนี้ ขณะเตรียมชุดสำหรับงานเลี้ยง เธอก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ฐากูรคงจะดีใจที่พิมมากลับมา เพราะพิมมาเป็นผู้หญิงที่เขามักจะให้ความสนใจอยู่เสมอ
เขาเย็นชากับเธอแต่กับพิมมานั้นตรงกันข้าม ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่เขาเอาแต่สนใจพิมมา ไม่ว่าพิมมาจะทำอะไรก็เข้าตาไปเสียหมด ต่างจากเธอลิบลับที่ทำอะไรก็ขัดหูขัดตาเขา
เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ค่อยถูกกับพิมมา เพราะหล่อนเป็นศัตรู (หัวใจ) อันดับหนึ่งของเธอ
หลังจบทริปที่สงขลาพุดตานก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่เคยตามติดฐากูรทุกย่างก้าวกลายเป็นคนที่พยายามหลบหน้าเขาทุกครั้งที่เจอตอนกินข้าวแค่เห็นเท้าของเขาก้าวเข้ามาในห้องอาหารเธอก็รีบเดินไปเก็บจานในทันทีที่เธอทำแบบนี้เป็นเพราะเธออยากตัดใจจากเขา เเละการไม่เจอหน้าเขาจะทำให้เธอตัดใจจากเขาง่ายมากขึ้น“ไปทำมาใหม่!”ฐากูรสั่งพนักงานเสียงเข้มก่อนจะเช็คเอกสารกองเท่าภูเขาใหม่อีกรอบ สีหน้าและท่าทางที่ดูหงุดหงิดเป็นพิเศษทำอาโปย่นคิ้วสงสัยอาโปไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุไหนเจ้านายถึงได้ฟึดฟัดเเบบนั้น แทนที่ควรจะดีใจเพราะไม่มีคุณพุดตานมายุ่งวุ่นวายเหมือนเเต่ก่อนเเล้ว“อาโปไหนกาแฟ?”“ครับ? นายพึ่งดื่มไปหนิครับ” อาโปขมวดคิ้วจนเข้ม เพราะเจ้านายพึ่งดื่มไปเมื่อครู่นี้“ไปซื้อมาอีกแก้วขอเข้มๆ”“ได้ครับ!”อาโปรีบรับคำสั่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะโดนดุเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆฐากูรถอนหายใจออกอย่างเบื่อหน่ายขณะที่สายตาจดจ้องไปยังโทรศัพท์ที่เงียบสนิทไม่มีเสียงข้อความใดๆ ดังขึ้นปกติพุดตานต้องแชทมาถามเขาว่าจะเลิกงานกี่โมง ต้องถามเขาว่ากินมื้อเที่ยงหรือยัง แต่พักหลังมานี้เธอไม่ถามแถมยังเงียบหายไปเลยกำลังเรียกร้องความสนใ
พุดตานลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาที่บวมเป่งจากการร้องไห้ เธอรีบหยิบช้อนที่แช่ในตู้เย็นมาประคบดวงตา แต่มันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย“อรุณสวัสดิ์ครับคุณ..พุดตาน..”อาโปย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นพุดตานสวมใส่แว่นตากันแดดสีดำทั้งๆ ที่ภายในโรงแรมไม่มีแดดแยงตาเลยสักนิด สงสัยคงจะเป็นเเฟชั่น…“พี่ฐากูรล่ะ?”“ทุกคนอยู่ในห้องอาหารกันเเล้วครับ”“…วันนี้ฉันจะไปล่องเรือ ไม่ต้องห่วงฉันนะ”เธอจะกลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้จึงอยากไปล่องเรือชมทิวทัศน์อีกสักครั้ง เธอเลือกจองทริปล่องเรือแบบเต็มวันจะได้ไม่ต้องเจอหน้าฐากูร…“ไปคนเดียวเหรอครับ?” อาโปถามอย่างเป็นห่วง“อืมแต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันดูแลตัวเองได้”“เเล้วไม่ทานอาหารเช้าก่อนเหรอครับ?”“…ไม่เเล้วล่ะ เรือจะออกเเล้ว”เธอโบกมือลาอาโปก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากโรงแรม จังหวะที่สาวเท้าเดินท้องน้อยก็ส่งเสียงร้องโครมครามเพราะความหิวแต่เพราะไม่อยากเห็นหน้าฐากูรเธอจึงยอมอดอาหารเช้าแล้วไปกินอาหารบนเรือแทนฐากูรที่นั่งกินมื้อเช้าอยู่ทอดสายตามองหาใครบางคน เขาหลุบตามองนาฬิกาบนข้อมือสักครู่ ป่านนี้แล้วทำไมคนที่เขามองหาถึงยังไม่ปรากฎตัว“กินเยอะๆ นะคะ วันนี้คุยงานบนเรืออากาศร้อนมากๆ
พุดตานเดินกลับห้องพักทั้งน้ำตา เธอพยายามปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสายท่ามกลางความรู้สึกที่หลากหลายเธอทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่ฐากูรไม่เคยเข้าข้างเธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็ดูเป็นคนผิดในสายตาเขามันผิดตั้งแต่เป็นเธอเเล้ว…เธอพยายามหยุดร้องไห้เเต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับไหลพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง นั่นทำเธอรู้สึกสมเพชตัวเองเธอรักเขามากกว่าตัวเองขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน….“พิมขอโทษนะคะที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย”พิมมาขอโทษเสียงสั่น ใบหน้ากดลงต่ำเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นใจทว่าฐากูรกลับแสดงสีหน้านิ่งเรียบไม่ได้เห็นอกเห็นใจเธอแต่อย่างใด ฐากูรเลือกที่จะสาวเท้าเดินจากไปนั่นทำเธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย” พี่ฐากูร!” พิมมารีบวิ่งไปรั้งแขนของฐากูรเอาไว้แต่เขาก็สะบัดมือเธอออกเเบบอัตโนมัติ“บอกไปแล้วไงว่าไม่ค่อยชอบให้ถึงเนื้อถึงตัว”“พิม..ขอโทษค่ะ”“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก” ฐากูรพูดสั้นๆ นั่นทำพิมมาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่เข้าใจว่าฐากูรกำลังหมายถึงอะไรหรือฐากูรเห็นเธอตบพุดตานงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้เพราะหากเขาเห็นจริงเขาจะดุพุดตานเพื่อเธอทำไม“พี่ฐากูรหมายความว่าไงคะ…”“พุดตานไม่ใช่คนที่จะทำร้ายใครก่อน”“…พี่ฐากู
“วันนี้ฉันจะพาพิมมาไปดูงานที่บริษัทxx ฝากดูแลพุดตานด้วย”“รับทราบครับ” อาโปรับคำสั่งในทันที“อยู่นี่ก็อย่าสร้างเรื่อง”ฐากูรหันไปพูดกับพุดตาน เธอพยักหน้ารับพร้อมกับทำท่าโอเคอันที่จริงเธออยากไปดูงานกับเขาเพราะไม่ไว้ใจพิมมาสักเท่าไหร่ แต่สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาในเวลางาน“แถวนี้มีที่ไหนน่าไปบ้าง?”“ผมหามาให้เรียบร้อยแล้วครับ คุณพุดตานเลือกได้เลยครับว่าอยากไปไหน”“เยี่ยม!” พุดตานชูนิ้วโป้งให้กับอาโปที่รู้ใจเธอที่สุดเธอเลือกไปเดินตลาดที่อยู่ใกล้กับโรงเเรม และไปล่องเรือชมบรรยากาศของท้องทะเล น้ำทะเลใสสะอาดบวกกับบรรยากาศที่ไม่ร้อนมากหากได้มานั่งเรือยอร์ชกับฐากูรสองต่อสองคงจะโรเเมนติกอยู่ไม่น้อย…“งานบริหารดูยากมากพิมไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับงานนี้หรือเปล่า”พิมมาพูดออกมาอย่างตัดพ้อหลังดูงานเสร็จเรียบร้อยเเล้ว“แรกๆ มันอาจจะยากแต่ถ้าเราเข้าใจระบบแล้วมันจะไม่ใช่เรื่องยากเลย”ฐากูรตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะสาวเท้าตรงไปทางรถยนต์ ระหว่างทางกลับโรงแรมพิมมาก็คอยแอบมองฐากูรเป็นจังหวะเธอแอบรักเขามานาน แต่เขากลับให้เธอเป็นแค่น้องสาว น้องสาวเท่านั้น…“พี่ฐากูรชอบพุดตานตรงไหนเหรอคะทำไมถ
การเดินทางใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง เนื่องจากครอบครัวของพิมมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออกอาหารทะเล ฐากูรจึงเลือกจังหวัดสงขลาเพราะเขามีคนรู้จักทำธุรกิจอยู่ที่นี่“หว่าบรรยากาศดีจัง…”พุดตานกวาดสายตาสำรวจบรรยากาศรอบๆ เเบบเร็วๆ โรงแรมอยู่ใกล้กับเกาะบรรยากาศจึงดีเป็นพิเศษ“รอตานด้วยสิ”เธอรีบกอดแขนคนตัวสูงเอาไว้ เพราะเขาเดินเร็วกว่าเธอมากไม่รู้เป็นเพราะขาของเขายาวเกินไปหรือขาของเธอสั้นเกินไปพิมมาที่เดินอยู่ทางด้านหลังก็มองพุดตานที่เดินแนบบชิดกับฐากูร บางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงเอาแต่ใจจอย่างพุดตานได้ยืนเคียงข้างฐากูรได้อย่างไรที่ตรงนั้นมันสมควรเป็นของเธอ…“อ้าวเรานอนแยกห้องกันเหรอคะ?”พุดตานขมวดคิ้วเข้มทันทีที่รู้ว่าต้องนอนแยกกับฐากูร ในเมื่อเธอและเขาเป็นสามีภรรยากันทำไมถึงได้นอนแยกห้อง?“ฉันให้แยกก็คือเเยก”ฐากูรตอบเสียงเรียบก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้กับเธอเพราะเขาเป็นคนสั่งให้อาโปจองเเบบแยกห้องนอน ทว่าเธอกลับส่ายหัวไปมาด้วยความดื้อรั้น“ตานอยากนอนกับพี่”คำพูดของเธอทำคนที่เดินผ่านไปมาถึงกับหันมอง ส่วนราเชน พิมมา อาโป และคนอื่นๆ ในละแวกกนั้นก็ยืนเงียบกริบ“พูดอะไรอายซะบ้าง”“ก็ตานอยาก-”“
“ผมจองตั๋วเครื่องบินกับจองโรงแรมเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะครับ สถานที่ทุกอย่างพร้อมเเล้ว”“อืม ทำงานดีมาก”“ขอบคุณครับ” อาโปยิ้มหน้าแป้นเมื่อถูกเจ้านายชม เพราะคำชมนั้นมีผลต่อเงินเดือน..มะรืนนี้ฐากูรต้องบินไปต่างจังหวัดกับพิมมา เพราะต้องไปดูทำเลทำธุรกิจและไปดูงานบริหารของบริษัทที่นั่นอันที่จริงหากคุณ ชัยวิชญ์ พ่อของพิมมาไม่ร้องขอ เขาคงไม่ไป แต่ชัยวิชญ์เป็นคู่ค้าคนสนิทของผู้เป็นพ่อเขาจึงไม่อยากปฏิเสธคำขอ“พี่ฐากูร”เสียงเรียกดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงเคาะประตู ทำเอาเจ้าของห้องขมวดคิ้วเข้มเพราะสงสัยว่าภรรยาของตัวเองมาทำอะไรที่บริษัท“มีธุระอะไร?”“ถ้าไม่มีธุระตานก็มาหาพี่ไม่ได้ใช่ไหม?” พุดตานหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเขาถามเช่นนั้น“มีอะไร?”“ก็เรื่องที่พี่จะบินไปต่างจังหวัด5วัน…”ได้ข่าวมาว่าเขาจะบินไปต่างจังหวัดกับพิมมา เธอก็อดร้อนใจไม่ได้ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาไปกับพิมมาสองคนแน่“ตานจะไปกับพี่”“ฉันไปทำงานนะไม่ได้ไปเที่ยว”“ตานรู้”“ฉันไม่อนุญาต ถ้าไปก็ไปเป็นภาระซะเปล่า”เขาไปทำงานก็เหนื่อยมากพอเเล้ว หากเธอไปด้วยคงจะเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่าตัว มิหนำซ้ำจะปวดหัวเพราะเธอไปทะเลาะกับพิมมาอีก“แต่ต