แชร์

เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส
เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส
ผู้แต่ง: หรูซู่

บทที่ 1

ผู้เขียน: หรูซู่
เครื่องบินโคลงเคลงวูบหนึ่ง ดึงสติของเวินหนานจื่อให้กลับมา

เธอมองสภาพอากาศอันเลวร้ายด้านนอก ช่างเหมือนความร้อนรนในใจของเธอในยามนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

จากนั้นก้มหน้ามองโทรศัพท์ในมือ ข้อความที่ส่งหาแม่ของเธอยังไม่ได้รับการตอบกลับ และแม่ของเธอก็ขาดการติดต่อไปตั้งแต่เมื่อวาน

ข้อความสุดท้ายที่ได้รับคือคำขอความช่วยเหลือ——“หนานจื่อ ช่วยแม่ด้วย”

ดังนั้นเธอจึงมีทางเลือกเดียว คือกลับมายังบ้านตระกูลเวินที่กลืนกินคนทั้งเป็น

เสียงหวานไพเราะของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินดังขึ้นข้างหูเวินหนานจื่อ “อีกหนึ่งชั่วโมง เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินนานาชาติอี๋ซื่อ เรากำลังเดินทางผ่านสภาพอากาศแปรปรวน อาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านนั่งประจำที่ คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลา และงดลุกจากที่นั่ง ขอบคุณค่ะ”

เวินหนานจื่อยกโทรศัพท์ขึ้นส่องดูใบหน้าของตัวเอง ดวงตาที่ไม่ได้นอนทั้งคืนว่างเปล่าไร้ประกาย ใต้ตาคล้ำเข้ม แก้มซีดจนแทบไม่มีเลือดฝาดเลยสักนิด

เธอกัดริมฝีปากพลางนึกถึงคนตระกูลเวิน เธอไม่อยากให้พวกเขามองเธอเป็นตัวตลกจึงหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางขึ้นมา และรอจนเครื่องบินนิ่งก่อนจึงลุกขึ้นไปห้องน้ำเพื่อแต่งหน้า

เธอแตะแป้งลงบนหน้า พอปัดแก้มแล้วหน้าถึงดูมีสีสันขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจะทาลิปสติกต่อ อยู่ ๆ ไฟเหนือศีรษะก็ดับ ๆ ติด ๆ

เวินหนานจื่อเงยหน้ามอง ทันใดนั้นเครื่องบินก็สั่นแรงอีกครั้ง พร้อมกับไฟในห้องน้ำดับสนิท

ตามมาด้วยเสียงดังระงมด้วยความตื่นตระหนกของผู้โดยสารด้านนอก

ความหวาดกลัวแล่นขึ้นสู่หัวใจทันที เธอรีบเก็บลิปสติกที่ทายังไม่เสร็จ แล้วคลำมือไปเปิดประตูห้องน้ำอย่างตื่นตระหนก แต่ทันทีที่ประตูแง้มออก ก็มีเงาร่างสูงใหญ่ขวางเอาไว้

เธอยังไม่ทันที่จะได้เปล่งเสียงใด ๆ ออกมา อีกฝ่ายก็ปิดปากเธอไว้เสียก่อน พร้อมกับยื่นมือมารั้งเอวเธอ...

ห้องน้ำอันคับแคบของเครื่องบิน ไม่อาจรองรับคนทั้งสองได้ จึงจำต้องเบียดชิดติดกันจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน

“อู้อู้อู้” เวินหนานจื่อพยายามขัดขืน

ทว่าอีกฝ่ายกลับกอดรัดเธอจากด้านหลังอย่างแน่นหนา แล้วกดเธอลงบนอ่างล้างหน้าในท่าคว่ำหน้าได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องออกแรง

ศีรษะของเวินหนานจื่อกระแทกเข้ากับก๊อกน้ำอย่างจัง ทำให้ดวงตาพร่ามัวไปชั่วขณะ

เมื่อร่างของคนที่อยู่ด้านหลังทาบทับลงบนแผ่นหลังของเธอ ความหนักอึ้งและแข็งแกร่งของร่างกายนั้นตอกย้ำให้เธอรู้ว่าคนที่กำลังกดทับเธออยู่คือผู้ชาย

ทุกครั้งที่เสียงหอบหายใจที่ดังกระชั้นชิดอยู่ข้างหูระคนเสียงเสียดสีของฟันที่ขบกันแน่น ราวกับเข็มแหลมที่ทิ่มแทงเข้าสู่สมองของเวินหนานจื่อ

เขาเป็นใคร?

หรือว่าบนเครื่องบินจะมีพวกโรคจิต?

“อย่าขยับ”

เสียงแหบพร่าของชายคนนั้นดังขึ้นท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนของเครื่องบิน “เชื่อฉัน… แล้วเธอจะรู้สึกดีขึ้น” กล่าวจบ มือของเขาก็กดลงบนลำคอของเธอ

เวินหนานจื่อรีบยกมือดันไปด้านหลัง แต่ชายคนนั้นกลับรวบแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ได้ด้วยมือเดียว แขนของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ตึงร้อน อุณหภูมิสูงจนน่าตกใจ เหงื่อไหลซึมจนเปียกเสื้อเธออย่างรวดเร็ว

มืออีกข้างของชายหนุ่มเลื้อยไปตามชายกระโปรงของเธอก่อนจะแนบชิดติดกับต้นขา โดยปราศจากความเมตตาใด ๆ เล็บที่แข็งกระด้างกรีดข่วนผิวหนังบนขาของเธออย่างดุดัน ก่อนจะหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงในของเธอ

เวินหนานจื่อบิดกายช่วงล่างเพื่อพยายามให้หลุดพ้นจากมือของชายผู้นั้น แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า นั่นยิ่งกลายเป็นการยั่วยวนอีกรูปแบบหนึ่ง

ชายหนุ่มยกขาแทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างเรียวขาของเธอ เข้าใกล้บั้นท้ายของเธอ

ลำท้อนอันแข็งแกร่งและร้อนระอุเตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อย พร้อมดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการทั้งหมดในไม่ช้า

ทันทีที่รูดซิปออก ผิวหนังของทั้งคู่ก็แนบชิดติดกัน ความรู้สึกละเอียดอ่อนนั้นทำให้ส่วนที่แข็งขืนยิ่งกำเริบเสิบสานจนยากจะทานทน ชายคนนั้นจึงได้แต่ส่งเสียงครางต่ำออกมา

เวินหนานจื่อส่ายศีรษะอย่างแรง ดิ้นรนเงยหน้าขึ้น ในพื้นที่มืดมิดนั้น ทุกตารางนิ้วล้วนอบอวลไปด้วยความร้อนระอุจนน่าอึดอัด บนกระจกสะท้อนเพียงเงาดำพร่ามัวของผู้ชายคนนั้น ราวกับปีศาจที่กำลังจะกลืนกินเธอ

“อื้อ!" เธอเบิกตากว้างด้วยความหวาดผวา ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับกระจกจากการกระแทกอย่างแรงของชายหนุ่ม ความเจ็บปวดจากการฉีกขาดทำให้เธอเริ่มสิ้นหวัง น้ำตาไหลรินอาบแก้ม แต่กลับถูกมือใหญ่ที่ปิดปากอยู่สกัดกั้นเอาไว้

เธอตัวเกร็งไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว และก็สั่นสะท้านไม่หยุด เงาดำสูงใหญ่ของชายหนุ่มเริ่มบิดเบี้ยว

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง... ชายที่อยู่ด้านหลังปลดปล่อยความต้องการอันแรงกล้าของตัวเองอย่างเต็มที่ บดกระแทกเข้าภายในร่างกายของเวินหนานจื่ออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เนื่องจากเธอถูกปิดปากอยู่จึงได้แต่ส่งเสียงอู้อี้อ้อนวอนขอความเมตตา

ในขณะที่ร่างกายของเธอกำลังจะแหลกสลาย ชายคนนั้นก็ปล่อยแขนที่ถูกพันธนาการของเธอออก มือข้างหนึ่งของเขาบีบเอวเธอเอาไว้พร้อมกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง ราวกับต้องการจะทิ่มแทงเธอให้ทะลุปรุโปร่ง

ชายกระโปรงที่ถูกยกขึ้นเปียกชุ่มไปด้วยความร้อนชื้น ร่องรักอันคับแคบสัมผัสเปียกแฉะและส่งเสียงที่น่าอับอายออกมา

ชายคนนั้นหยุดไปชั่วขณะแล้วพูดต่อว่า “ครั้งแรกเหรอ?”

“ไม่ อย่า” เมื่อเวินหนานจื่อรู้สึกได้ว่ามือที่ปิดปากเธออยู่คลายออกเล็กน้อย จึงเริ่มขัดขืนทันที ในน้ำเสียงของเธอปนได้ด้วยเสียงสะอื้น ดวงตาแดงก่ำที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตากลับมาว่างเปล่าและสิ้นหวังอีกครั้ง

ทว่าชายหนุ่มกลับโยกบั้นเอวไม่ยั้ง แถมพลิกตัวเธอให้หันกลับมานั่งอยู่บนอ่างล้างหน้าอย่างน่าอึดอัด มือข้างหนึ่งยิ่งออกแรงกดปากของเธอแน่นขึ้น ส่วนอีกข้างหนึ่งจับขาของเธอแยกออกจากกัน ทำให้การเสียดสีแต่ละครั้งยิ่งแทงลึกเข้าจนสุดลิ่ม

ช่วงบนของชายหนุ่มค่อย ๆ โน้มเข้าหาเวินหนานจื่อ เธอสัมผัสได้ถึงเสียงหอบหายใจถี่อย่างเร่งเร้าของเขาผ่านมือที่ปิดกั้นอยู่ รู้สึกได้แม้กระทั่งของเส้นผมที่ปัดผ่านใบหน้าของเธอ

เธอยกมือที่ไร้เรี่ยวแรงผลักไหล่เขา เตะถีบไปอย่างไร้ทิศทาง ไม่รู้ว่าโดนเขาไปกี่ครั้ง แต่สำหรับร่างใหญ่กำยำตรงหน้า แรงทั้งหมดของเธอแทบไม่ระคายผิวด้วยซ้ำ

“อึก...หึ” ชายหนุ่มส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจพร้อมออกแรงเฮือกสุดท้าย

ช่วงล่างของเวินหนานจื่อปวดแสบปวดร้อน แต่แรงสั่นสะท้านภายใต้ร่างทำให้เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มทั้งข้าง เสียงสะอื้นตีบตันในลำคอจนแทบหายใจไม่ออก

ในขณะที่ชายคนนั้นยังคงดื่มด่ำอยู่กับกามารมณ์ เธอกัดริมฝีปาก กลืนเลือดขมขื่นลงไป ก่อนจะกำหมัดแน่นแล้วชกเข้าที่หน้าผากของชายคนนั้น

เวินหนานจื่อรีบฉวยโอกาสวิ่งออกไปข้างนอกขณะที่เขากุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด ทว่ากลับถูกรวบเอวจากด้านหลัง

“คิดหนีเหรอ?” น้ำเสียงเย้ยหยันที่เต็มไปด้วยความเย็นชาดังขึ้น

เวินหนานจื่อยังไม่ทันได้ผละหนี ก็ถูกกดกลับลงไปที่อ่างล้างมืออีก
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 30

    ยามเห็นพิณผีผาสุดรักถูกฟาดแตกหัก เวินหนานจื่อก็ตะลึงงันไปสามวินาที ทั้งร่างคล้ายถูกความตระหนกเข้าครอบงำจนทำอะไรไม่ถูกเวินหนานจื่อไม่แยแสความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอีกต่อไป รีบหยัดกายลุกขึ้น แต่เมื่อทอดตามองพิณผีผาที่ถูกกงเฉินโยนทิ้งไว้บนพื้น ร่างกายก็พลันอ่อนระทวยทรุดฮวบลงคุกเข่า“ผีผาของฉัน! ผีผาของฉัน!” เธอพึมพำเสียงเครือราวคนเสียสติ ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัวเธอโผเข้าไปคว้าซากพิณที่แตกหักมากอดแนบอก พยายามประกอบมันเข้าด้วยกัน นิ้วมือดึงรั้งสายพิณ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็ไม่มีวันกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกแล้วกระทั่งสายพิณเส้นสุดท้ายที่ยังสมบูรณ์อยู่พลันขาดเสียงดังเปรี๊ยะ บาดลึกลงไปในปลายนิ้วของเวินหนานจื่อ ก่อนจะรัดพันนิ้วของเธอเอาไว้ เลือดสดไหลทะลักออกมาจนปลายนิ้วแดงฉานแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด ยังคงกอดพิณผีผาไว้แนบอก นั่งคอตกอย่างคนหมดอาลัยตายอยากเสียงสะอื้นไห้ฮือ ๆ ใกล้ระเบิดเต็มทีกงเฉินยืนตระหง่านอยู่ข้างกายเวินหนานจื่อ หลุบตามองหญิงสาวเบื้องล่าง ดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะกระทำย่ำยีอย่างไร เวินหนานจื่อก็มักกัดฟันอดทนไม่ยอมหลั่งน้ำตา แต่เวลานี้เธอกลับร้องไห้ฟูมฟายเพี

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 29

    ลุงจงเปิดประตูห้อง พลางส่งสัญญาณให้เวินหนานจื่อเดินเข้าไปภายใต้แสงไฟสลัวที่ชวนให้รู้สึกคลุมเครือ กงเฉินนั่งอยู่บนโซฟาหนังสไตล์อเมริกัน โซฟาหนังทรงคลาสสิกที่ทอประกายมันวาวนั้น ยิ่งขับเน้นความเย้ายวนใจของกงเฉินให้ดูสูงศักดิ์และยากจะเอื้อมถึงมากขึ้นหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขานั้นงดงามหยาดเยิ้ม รูปร่างอวบอัดมีส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมองบนโซฟาอีกตัวหนึ่งคือกู้เหยียนอี้ เขาดูราวกับไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกับกงเฉิน ทั้งที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังเนื้อดีเช่นเดียวกัน แต่เขากลับแผ่กลิ่นอายความหล่อเหลาที่ดูสงบเยือกเย็นออกมาเวินหนานจื่อยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา กอดพิณผีผาในอ้อมอกไว้แน่นจนบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยกู้เหยียนอี้รีบลุกขึ้น ก่อนลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเดินเข้ามา "หนานจื่อ ขาคุณยังไม่หายดี นั่งคุยกันเถอะครับ"เวินหนานจื่อยังคงไม่กล้าขยับตัว เธอแอบชำเลืองมองกงเฉินแวบหนึ่ง เห็นเพียงแววตาของเขามืดมนลง แฝงความเย็นชายากอธิบายเธอไม่ยอมนั่ง แต่กลับถูกกู้เหยียนอี้กดไหล่บังคับให้นั่งลงจนได้หญิงสาวผู้นั้นปรายตามองเวินหนานจื่อ ขณะถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ "นี่ไปหานางคณิกามาจา

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 28

    สุ้มเสียงอ่อนโยนของกู้เหยียนอี้ดังขึ้นเหนือศีรษะเวินหนานจื่อเงยหน้าขึ้น พบว่าสเต๊กในจานของกงเฉินหายไปหลายชิ้น จึงทอดสายตามองกงเฉินเป็นทำนองขอความเห็นกงเฉินกระตุกยิ้มร้ายกาจ พลางจิบไวน์แดงอึกหนึ่ง "นี่เธอจะฟังคำสั่งเขาเหรอ?"เวินหนานจื่อส่ายหน้า "ฉันไม่หิวค่ะ"เธอก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าคิดต่อต้าน เพราะเคยเกือบจะถูกกงเฉินผู้เกรี้ยวกราดกดร่างลงกับโต๊ะอาหารตัวนี้เพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีมาแล้ว"กงเฉิน!" กู้เหยียนอี้ขึ้นเสียง ก่อนหันมาพูดกับเธอ "หนานจื่อ คุณไม่ต้องกลัวเขาหรอก กินเถอะ"แต่กงเฉินกลับจ้องมองด้วยสายตาคล้ายหยั่งเชิง คาดคิดว่าเธอคงไม่กล้าเคลื่อนไหวสุดท้าย เวินหนานจื่อก็ยังคงว่านอนสอนง่ายไม่ได้แตะต้องอาหารแม้แต่คำเดียว ได้แต่กลืนความหิวโหยทั้งหมดลงท้องไปพร้อมกับน้ำลายอึกแล้วอึกเล่าภายใต้สายตาของลุงจง เธอปรนนิบัติกงเฉินอย่างระมัดระวังตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อยไปจนถึงของหวาน โดยที่ตัวเองไม่มีของกินตกถึงท้องเลยสักคำเดียวกงเฉินยอมรับการปรนนิบัตินั้น แต่แววเย้ยหยันในดวงตากลับไม่ลดน้อยลง ราวกับเห็นว่าการเอาอกเอาใจของเธอเป็นเรื่องตลกสิ้นดีเมื่อกลับมาถึงห้อง เวินหนานจื่อ

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 27

    เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ ลุงจงก็มาเคาะประตูห้องของเวินหนานจื่อ พอเปิดเข้าไปก็เห็นเธอกำลังลากขาที่หนักอึ้ง คุกเข่าจัดเก็บข้าวของในห้องอันคับแคบ"คุณหนูเวินครับ คุณกงเชิญไปรับประทานอาหารครับ""รับประทานอาหาร?" เวินหนานจื่อเบิกตาโต รีบส่ายหน้าปฏิเสธ "นะ...หนูไม่หิวค่ะ ไม่กินดีกว่า"เธอแสดงความหวาดกลัวที่มีต่อกงเฉินออกมาโดยไม่ซ่อนเร้นแต่ลุงจงกลับย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเวินหนานจื่อด้วยความระมัดระวัง พลางหาอะไรมารองขาของเธอไว้เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นเท่าที่จะทำได้"คุณหนูเวินครับ คุณแต่งงานเข้ามาแล้ว นี่คือความจริงนะครับ"เวินหนานจื่อเข้าใจดี ตนเองถูกคนตระกูลเวินขายเข้ามา แต่เธอก็ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ลุงจงกล่าวต่อ "แม้แต่สิงโตยังต้องลูบขนให้ถูกทาง นิสัยคนเราก็เหมือนกันครับ ยิ่งคุณต่อต้าน ยิ่งไปกระตุกหนวดเสือ ท้ายที่สุดคนที่จะเจ็บตัวก็คือคุณเอง"เวินหนานจื่อมองลุงจงด้วยสีหน้าเหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจลุงจงเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งออกมา "คุณหนูเวิน คุณยังมีส่วนที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่นะครับ อีกอย่าง อย่าลืมเหตุผลของการที่คุณแต่งเข้าตระกูลกงด้วยสิครับ"เหตุผลงั้นหรือ? เป็น

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 26

    ลุงจงสงวนท่าที เหลือบมองสาวใช้ผู้มีสีหน้าริษยาแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ "เดี๋ยวผมจะไปเรียนถามคุณกงให้นะครับ"สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงดูถูก ในเมื่อกงเฉินโยนเวินหนานจื่อไปไว้ในห้องเก็บของแล้ว นั่นก็เท่ากับปล่อยเธอไปตามยถากรรมแล้วไม่ใช่หรือ จะมาแยแสอะไรกับเธออีก? คิดได้ดังนี้จิตใจที่ร้อนรุ่มด้วยความริษยาก็พลันสงบลงเมื่อกู้เหยียนอี้สบตามองลุงจง ก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด จึงเพียงยิ้มไม่พูดอะไรลุงจงชี้ไปทางชั้นสาม "คุณกงขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสามแล้วครับ คุณหมอกู้ขึ้นไปหาได้เลย"กู้เหยียนอี้พยักหน้ารับ ก่อนหมุนตัวเดินขึ้นไปบนชั้นสามพื้นที่ชั้นสามถือเป็นเขตหวงห้ามในบ้านตระกูลกง แต่ความจริงมันเป็นเพียงห้องนอนของกงเฉินเท่านั้นนี่คือสถานที่ซึ่งกงเฉินใช้เผชิญหน้ากับฝันร้ายอันตามหลอกหลอนเขามานานหลายปี ภายในห้องว่างเปล่าไร้สิ่งของตกแต่ง ผนังสีขาวโพลนสะอาดตาปราศจากมลทิน มีเพียงเตียงสี่เสาสีดำทะมึน กับเก้าอี้นวมสองตัวและโต๊ะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมหน้าต่างเท่านั้นกู้เหยียนอี้เคาะประตูสามครั้ง ก็เปิดประตูเดินเข้าไป เห็นกงเฉินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์แดง ทอดสายตาผ่า

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 25

    กู้เหยียนอี้กับเวินหนานจื่อไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เมื่อตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของเธอไม่เป็นอะไร กู้เหยียนอี้ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเมื่อไม่มีใครแล้ว เวินหนานจื่อก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเธอลองกดโทรหาแม่ แต่เสียงสัญญาณดังอยู่นานสองนาน ก็ยังคงไม่มีคนรับสายเช่นเดิมการที่ไม่ทราบเลยว่ามารดาเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทำให้จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความหวาดกลัวจึงเริ่มเกาะกุมจิตใจอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นเวินหนานจื่อก็นึกถึงโจวจิน ชายหนุ่มที่เธอเคยคิดว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันไปชั่วชีวิตในเมื่อกงเฉินล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของโจวจินแล้ว โจวจินจะเป็นอะไรไปอีกคนหรือเปล่า?คิดดังนั้น เธอจึงรีบกดโทรหาโจวจินทันทีเธอรักและผูกพันกับโจวจินมาตลอด ช่วงเวลาที่อยู่ในตระกูลเวิน ก็ได้โจวจินคอยปลอบโยนและปกป้องคุ้มครอง แม้วันนี้จะถูกบีบให้ต้องแยกทาง แต่เธอก็ไม่อยากให้โจวจินต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยในใจเฝ้าภาวนาขอให้โจวจินรีบรับสายไว ๆ ขอแค่ได้ยินเสียงเขา เธอก็จะวางใจ หนำซ้ำยังแอบหวังลึก ๆ ว่าเสียงของเขาจะช่วยปลอบประโลมจิตใจเธอได้เหมือนดั่งวันวานเมื่อมีคนรับสาย เวินหนานจื่อก็รีบก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status