ตอนที่ 2 อัลฟ่าหน้าหล่อ
ในขณะเดียวกัน ที่ตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองซึ่งเป็นสำนักงานส่วนตัวของอิสรา บรรยากาศกลับแตกต่างจากห้องซ้อมเต้นของคีรินทร์โดยสิ้นเชิง
อิสรานั่งพิงเก้าอี้หนังราคาแพงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ในมือของเขากำบทซีรีส์ที่เหมือนกับของคีรินทร์เอาไว้แน่น
อิสรา อัลฟ่าหนุ่มผู้มีตำแหน่งซุปตาร์เบอร์หนึ่งแห่งยุค ที่ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหนก็เป็นข่าวไปเสียหมด ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร และความสามารถรอบด้านที่ทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเขาคือเจ้าพ่อแห่งวงการอย่างแท้จริง
ทว่าเบื้องหลังความสมบูรณ์แบบนั้นกลับเต็มไปด้วยนิสัยเย่อหยิ่ง จองหอง และมั่นใจในตัวเองสูงลิ่ว จนทำให้ใครหลายคนต่างพากันส่ายหน้าเมื่อต้องร่วมงานกับเขา
“บทมันเชยสิ้นดี” อิสราบ่น “แถมยังต้องมาเล่นคู่กับโอเมก้าที่ไหนก็ไม่รู้” เขาปาบทซีรีส์ลงบนโต๊ะกระจกอย่างไม่แยแสจนเกิดเสียงดังขึ้น
ฐานวิน ผู้จัดการส่วนตัวของอิสราได้แต่มองอย่างเหนื่อยใจ เพราะเขาต้องทนฟังคำบ่นของชายหนุ่มทุกครั้งที่ได้รับบทที่อิสราไม่ถูกใจ แต่ครั้งนี้เขาต้องยอมรับว่ามันเกินไปจริงๆ
“คุณอิส คุณลองอ่านบทดูก่อน ผมได้อ่านแล้วมันก็ไม่เลวนักทีเดียว” ฐานวินพยายามโน้มน้าวอิสราอีกครั้ง
“ฐานวิน นี่นายบอกว่าบทไม่เลวอย่างนั้นเหรอ...นิยายรักหวานจนเลี่ยนขนาดนี้ ฉันเอียนกับบทพวกนี้เต็มทนแล้ว” อิสราพูดพร้อมปรายตาคมกริบมองไปยังฐานวินอย่างไม่พอใจ “ทำไมพวกนายไม่คิดจะหาบทแนวแอ็คชั่นให้ฉันเล่นบ้างกัน”
อิสราบ่นกระปอดกระแปดออกมา เขาเหนื่อยหน่ายเต็มทนกับการรับงานที่หวังเพียงชื่อเสียงที่โด่งดังมากขึ้นแบบนี้ เขาอยากจะลองรับบทบาทที่ดูท้าทายกับความสามารถของตัวเองดูบ้าง ความมั่นใจในความสามารถของตัวเองทำให้เขานึกเบื่อและไม่อยากรับบทพวกหวานแหววแบบนี้อีกแล้ว
“ถึงยังไงพวกเราก็รับปากผู้กำกับไว้แล้ว คุณอิสก็ทนเล่นอีกสักเรื่องก็แล้วกัน” ฐานวินกล่าวตัดบทออกมาด้วยสีหน้าที่ดูอึดอัดและรำคาญอย่างเต็มที่
“แล้วนักแสดงร่วมนี่ก็อีกคน เอาโอเมก้าโนเนมที่ไหนมาเล่นกับฉันอีกก็ไม่รู้” อิสราปรายตามองชื่อของ ‘คีรินทร์’ อีกครั้งด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลนออกมา “คิดจะใช้ฉันเป็นตัวดันอีกแล้วล่ะสิ”
“เขาชื่อคีรินทร์ครับคุณอิส” ฐานวินรีบอธิบาย “เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังมาแรงที่สุดตอนนี้เลยนะ และที่สำคัญ เขาหน้าตาดีมากๆ เลยนะครับคุณอิส”
“เฮอะ...ก็แค่โอเมก้าหน้าสวย...ฟังดูก็ยิ่งน่าเบื่อแล้ว” อิสราบ่น “ฉันรังเกียจพวกโอเมก้าที่เอาแต่ทำตัวบอบบางน่าทะนุถนอมไปวันๆ เสียจริง”
คำพูดของอิสราทำให้ฐานวินถึงกับถอนหายใจออกมา เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้เลย เพราะอิสราเป็นคนที่มีอคติกับคนที่ใช้รูปลักษณ์ในการไต่เต้าชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะโอเมก้าหน้าหวานทั้งหลาย เพราะเขาเชื่อว่าโอเมก้าเหล่านี้ใช้แต่หน้าตา เอาแต่ทำตัวอ่อนแอ บอบบางไปวันๆ ซึ่งความคิดนี้เองที่ทำให้เขามีปัญหากับนักแสดงโอเมก้าคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง
“แต่ผู้กำกับยืนยันว่าเขาจะทำให้เรื่องนี้ออกมาดีที่สุดนะครับ” ฐานวินพยายามโน้มน้าว “เขาเป็นผู้กำกับมือทองนะครับคุณอิส”
“ฉันไม่สน” อิสราตอบ พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ไยดี
ฐานวินทำหน้าอึ้งไปชั่วครู่กับคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของคนตรงหน้า
“คุณอิส แต่เรารับปากผู้กำกับไปแล้ว สัญญาก็เซ็นต์ไปแล้วด้วย จะกลับคำได้ยังไง”
“นายเป็นผู้จัดการของฉัน นายก็ไปหาทางจัดการเอาเองสิ หรือว่าจะต้องให้ฉันลุกขึ้นมาปฏิเสธด้วยตัวเอง”
คำตอบสั้นๆ นี้ทำเอาฐานวินถึงกับเหลืออดกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของอิสราอย่างสุดจะทน
“ถ้างั้นพวกเราก็ยอมยกเลิกสัญญานี้แล้วกัน แล้วคุณอิสก็จ่ายค่าปรับก้อนโตไปซะ จากนั้นคุณอิสก็รับเงินเพิ่มอีกสัก 4-5 เรื่องเพื่อชดเชยค่าปรับนั้น”
ฐานวินกล่าวขู่ในทันที “ส่วนเรื่องหยุดพักของคุณอิสหลังจากนี้ ก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
อิสราถึงกับจ้องหน้าฐานวินตาเขม็ง นี่เขากล้าขู่ตนเองหรือเนี่ย “นาย...”
“ผมไม่ได้ขู่ คุณอิสก็รู้ว่าทางต้นสังกัดอนุญาตให้คุณอิสพักยาวได้ หลังจากเรื่องนี้ออนแอร์แล้ว ซึ่งก่อนหน้าคุณอิสก็ยอมรับปาก แต่ในเมื่อตอนนี้คุณอิสคิดจะปฏิเสธ ทางต้นสังกัดก็คงต้องเพิ่มงานให้คุณเพิ่มอีกหน่อย”
อิสรากำหมัดแน่น เวลานี้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ทำให้ต้นสังกัดอัดงานให้เขาแทบทุกวันจนแทบไม่ได้พักผ่อน อิสราจึงยื่นคำขาดว่าเขาต้องการพักงานหนึ่งปี เพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง ดังนั้นทางต้นสังกัดจึงเสนอให้เขารับซีรีส์เรื่องนี้ให้จบก่อน เพราะมันจะทำให้ชื่อเสียงของอิสราเพิ่มมากขึ้น และคงกระแสของเขาเอาไว้ได้ ในช่วงที่เขาหยุดพัก และนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องยินยอมตกปากรับคำกับข้อเสนอดังกล่าวออกไป
“ฉันรับงานนี้ก็ได้ แต่ว่าฉันมีเงื่อนไข...” อิสราแค่นเสียงออกมา “นายต้องคอยดูแลไม่ให้โอเมก้านั่นมายุ่งกับฉัน รวมถึงให้เขาฉวยโอกาสหาชื่อเสียงจากฉันได้”
“ตกลงๆ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย” ฐานวินรับปากอย่างรวดเร็ว
“หึ...ฉันก็อยากจะเห็นนัก ว่าโอเมก้าที่ชื่อคีรินทร์คนนี้จะมีดีอะไรนักหนา ถึงทำให้ผู้กำกับคนนั้นอยากได้เขาไปร่วมงานด้วย”
คำพูดของอิสราทำให้ฐานวินถึงกับผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อคำขู่ของเขาสำเร็จลงในที่สุด เขาได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรมของอิสรา และรู้ว่าอิสราเป็นคนที่มีความคิดอ่านที่ไม่เหมือนใคร และบางครั้งก็เดาใจยากมากเช่นกัน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...นายก็ออกไปได้แล้ว” อิสราพูด “ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“อีกสองสัปดาห์จะมีการนัดอ่านบท คุณอิสเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน” ฐานวินถอนหายใจอีกครั้งหนึ่งอย่างเอือมระอา แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อิสรานั่งอยู่คนเดียวในห้อง
สายตาของเขาจับจ้องไปที่บทซีรีส์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับบทบาทที่ได้รับ แต่เขาก็นึกสนใจในตัวของคีรินทร์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาอยากรู้นักว่าโอเมก้าหน้าสวยจะมีความสามารถสักขนาดไหนกัน
บทที่ 42 คำขอ หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันที่แสนหวาน ความรักของอิสราและคีรินทร์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน พวกเขายังคงเป็นคู่รักที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวงการบันเทิง อิสราได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขารักคีรินทร์อย่างจริงใจและพร้อมที่จะปกป้องคีรินทร์จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต คีรินทร์เองก็เรียนรู้ที่จะเชื่อใจอิสราอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ในวันครบรอบหนึ่งปีที่คบกัน อิสราพาคีรินทร์ไปที่วิลล่าส่วนตัวที่ภูเก็ต วิลล่าแห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมากมาย และอิสราก็ตั้งใจที่จะทำให้วันครบรอบหนึ่งปีนี้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของคีรินทร์ ทันทีที่พวกเขามาถึง วิลล่าก็เต็มไปด้วยแสงไฟอุ่นจากโคมไฟที่อิสราจัดเตรียมไว้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่โชยมากับลม คีรินทร์ก้าวลงจากรถแล้วสูดหายใจลึก สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ “สวยเหมือนเดิมเลย” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ อิสราเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนจะสอดมือเข้ากับมือของคีรินทร์ “แต่ฉันว่าครั้งนี้สวยกว่าเดิม…เพราะฉันได้
บทที่ 41 เยียวยา ภายในห้องพักโรงแรมหรู แสงไฟสลัวอบอุ่นสาดกระทบผ้าม่านสีครีมที่ปลิวไหวเบาๆ จากลมแอร์ ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วห้อง ต่างจากเสียงอึกทึกที่เพิ่งผ่านมา คีรินทร์นั่งอยู่บนโซฟา แผ่นหลังยังสั่นไหวเล็กน้อยจากความกดดันที่ต้องเผชิญมา เขาก้มหน้าลงหลบสายตา ราวกับไม่อยากให้อิสราเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด แต่ในช่วงเวลานั้น อิสรากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของคีรินทร์ มือหนาของเขาเอื้อมไปประคองแก้มคนรักอย่างแผ่วเบาและปลอบโยน “นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้…ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” อิสราพูดเสียงนุ่ม ดวงตาทอประกายอบอุ่น คีรินทร์เงยหน้าขึ้น แววตาสั่นระริกก่อนจะไหลทะลักออกมาเป็นน้ำตา “แต่ผม…ผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าจะทำให้คุณต้องผิดหวังและเจ็บปวดอีก” อิสราส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบลงที่หยดน้ำตานั้นทีละหยาด “ไม่มีทาง…ต่อให้ทั้งโลกหันหลังให้นาย ฉันก็จะไม่ไปไหน” คำพูดนั้นเหมือนทำลายกำแพงในใจของคีรินทร์ เขาพุ่งเข้ากอดอิสราแน่น แขนทั้งสองโอบรัดเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมืออีกฝ่ายจะหายไป ความอบอุ่นจากอกที่แนบชิดทำให้หัวใจของ
บทที่ 40 เจ็บปวด เสียงดนตรีค่อยๆ แผ่วลง แขกที่มาร่วมงานต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลางเวที คีรินทร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น สายตาของเขาสั่นไหว เขามองทิวาที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหา สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด ทิวายังคงพร่ำเพ้อออกมา เขาพยายามเดินเข้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับเดินถอยหลังห่างเขาไปอีกหลายก้าว สายตาที่เคยมองอย่างไว้ใจ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ทิวาไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เขาแค่ต้องการเข้าไปปกป้องคีรินทร์ในยามที่ชายหนุ่มถูกทำร้าย และเขาก็ต้องการเป็นคนแรกที่ปลอบประโลมและดูแลคีรินทร์ “คีรินทร์…” เสียงของทิวาแหบพร่า เขายกมือสั่นเทาออกไปข้างหน้าเหมือนอยากคว้าตัวคนตรงหน้าไว้ “นายรังเกียจฉันเหรอ… ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันรักนายนะ” คำสารภาพของทิวาทำให้ทุกคนในงานต่างพากันนิ่งอึ้งไปกันหมด โดยเฉพาะคีรินทร์ที่เวลานี้เขานั้นช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่อาจคิดอะไรได้อีก คีรินทร์ก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ ราวก
บทที่ 39 เปิดเผย คีรินทร์นิ่งอึ้งไปกับคำสารภาพรักของทิวา เขาจ้องมองทิวาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา คีรินทร์ได้แต่คิดไปว่าทิวากำลังสับสนเมื่อเห็นตนเองในสภาพเช่นเมื่อวานนี้ “ทิวา...ฉันว่านายคงกำลังสับสนอยู่นะ” “คีรินทร์...ฉัน...” ทิวาพยายามอธิบาย เขาก้าวเท้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังห่างจากเขาไปอีกครั้ง ทิวาได้แต่หยุดชะงักลงไปอีกครั้ง พร้อมทอดมองคีรินทร์อย่างรู้สึกผิดหวังรุนแรง “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” คีรินทร์ตัดบท ก่อนจะเดินออกจากบ้านทิวาไปในทันที “คีรินทร์...” ทิวาพยายามตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับก้าวเท้าออกไป โดยไม่หันหลังกลับมามองเขาแม้แต่น้อย ทิวาได้แต่กำหมัดแน่นอย่างรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคีรินทร์ถึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา ชายหนุ่มได้แต่นึกโทษอิสรา ต้องเป็นเพราะเขาแน่ที่ทำให้คีรินทร์ถอยห่างเขาไปแบบนี้ ทิวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่ยังมีกลิ่นไอของคีรินทร์ติดอยู่ เขาซุกหน้าสูดดมความหอมหวานนั้นอย่างหลงใหล “คีรินทร์ นายบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ” ทิวาได้แค่เพ้อออกมา ดวงตาแ
บทที่ 38 มือที่สาม คีรินทร์ตัดสายของทิวาไปอย่างเงียบๆ เขาตั้งใจจะเข้านอนแต่วันเพราะร่างกายและจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คีรินทร์ตรงไปเปิดประตู และเขาก็เห็นอิสราที่มีสีหน้าอิดโรยยืนรอเขาอยู่ “คุณอิส ทำไมคุณยังไม่นอนอีก” คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหินห่าง “นายคุยกับใครอยู่” อิสราถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนเช่นกัน “คุณอิส คุณจะหาเรื่องอะไรอีก วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ” คีรินทร์ตัดบท พร้อมใบหน้าที่ดูบึ้งตึง อิสรากำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เขาเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมหยิบมือถือของคีรินทร์ขึ้นมาตรวจดู คีรินทร์ไม่พอใจกับท่าทีของอิสรา เขาจึงเดินไปแย่งมือถือออกจากมือของอิสรา “คุณอิส คุณจะทำอะไร” “แล้วนายคุยกับใครอยู่ล่ะ” อิสราตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย “ผมคุยกับเพื่อน” คีรินทร์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อิสรากัดฟันแน่น เขาคว้าตัวคีรินทร์มารัดไว้ พร้อมแย่งมือถือกลับมาอีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นเบอร์โทรของทิวา อารมณ์ของเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ทำไม
บทที่ 37 รอยร้าว คืนเดียวกันนั้น ทิวาได้รับข้อความจากคีรินทร์ที่ส่งมาสั้นๆ “ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว” ทิวามองข้อความนั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะค่อยๆ คลี่ออก เขารู้ดีว่ารอยร้าวกำลังเกิดขึ้นระหว่างคีรินทร์กับอิสรา และมันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการซับซ้อนที่เขาวางเอาไว้เท่านั้น เสียงฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ยามค่ำคืนในเมืองใหญ่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะและความวุ่นวาย แต่ภายในคอนโดหรูของทิวากลับเงียบสงัดราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟตั้งพื้นส่องกระทบโซฟาหนัง ทำให้เงาของทิวาที่นั่งพิงอยู่ทอดยาวบนพื้นห้อง เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ทิวารีบเดินไปเปิดในทันที รอยยิ้มกว้างผุดออกมาด้วยความดีใจเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยอยู่ ‘คีรินทร์’ เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังขึ้น ตามด้วยร่างของคีรินทร์ที่ก้าวเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมบนออกเล็กน้อย ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้าและหงุดหงิด “เกิดอะไรขึ้น” ทิวาลุกขึ้นต้อนรับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยที่แสร้งให้ดูจริงใจ เขา