Share

บทที่57

last update Last Updated: 2025-06-09 02:06:21

หลังจากที่ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยออกเดินทางจากจุดพักริมลำธาร พวกเขาไต่ขึ้นภูเขาเรื่อยๆด้วยความระมัดระวัง ทุกคนรู้สึกว่าหมอกบนเขาแห่งนี้เริ่มหนาทึบจนแทบจะมองไม่เห็นเส้นทางเบื้องหน้าชัดเจน

ทิวไม้สูงใหญ่พร้อมเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมสลับซับซ้อน คล้ายเขาวงกตธรรมชาติที่ทำให้ผู้บุกรุกพลัดหลงได้ง่าย เสียงนกร้องประหลาดดังกังวานอยู่ไกลๆชวนให้รู้สึกขนลุกเบาๆ

“โจวจางเหว่ย เจ้ารู้สึกไหมว่ามีบางสิ่งกำลังจับตาดูพวกเราอยู่…” เมิ่งฮวาเอ่ยเสียงแผ่วในขณะที่เดินเคียงข้างเขา สายตาคอยกวาดมองด้านข้างไม่หยุด

“ใช่ ข้าก็รู้สึกเช่นกัน” เขาพูดเสียงเคร่ง หลังจากเงี่ยหูฟังเสียงกิ่งไม้กระทบกันเบาๆ แต่ทว่าลึกๆ นั้นเหมือนมีเสียงฝีเท้าของบางสิ่งวิ่งวนในแนวต้นไม้ด้านข้าง

องครักษ์และผู้ติดตามที่เหลือเริ่มจัดขบวนเป็นรูปวางกำลัง พยายามไม่แตกกระจายกันเพื่อป้องกันการโจมตีแบบกะทันหัน มีการสลับดูเวรยามบริเวณท้ายขบวนเป็นระยะๆเพราะต่างรู้ดีว่าศัตรูอาจมาได้ทุกเมื่อ

จู่ๆสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็น “แสงสีทอง” แวบหนึ่งลอดผ่านหมอกหนา เธอขยับตัวใกล้โจวจางเหว่ย พลางชี้ไปตรงจุดนั้น “ดูนั่นสิ… แสงอะไรบางอย่าง”

“มีศาลเก่า หรือเป็นแสงสะท้อนจากแร่ในชั้นหินก็ไม่อาจรู้ได้” โจวจางเหว่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าให้องครักษ์สองนายอาสาเดินนำหน้าเพื่อสำรวจ ในเมื่อเส้นทางจะต้องผ่านตรงนั้นอยู่ดี

ขบวนเคลื่อนต่อไปอีกไม่นานก็พบ “ศาลาหินเก่าๆ” ตั้งโดดเด่นอยู่บนลานหินเล็กๆเรียบๆที่ด้านข้างเป็นเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นเหว บรรยากาศเยียบเย็นจนผิวกายขนลุก

ตัวศาลาทำจากหินสีเทาแก่ หลังคาทรงโบราณมีตะไคร่น้ำเกาะจนเขียวสลัว ใต้หลังคาแกะสลักลวดลายมังกรตวัดหางพันเถาวัลย์เหมือนเป็นงานช่างฝีมือยุคเก่า โคมไฟเก่าห้อยอยู่สี่มุมแต่ไม่มีเปลวไฟใดๆ

ที่จุดศูนย์กลางของศาลายังมี “เสาแกะสลักรูปมังกร” ตั้งตระหง่าน ประกายสีทองที่เมิ่งฮวาเห็นในหมอกน่าจะสะท้อนมาจากแผ่นโลหะหรืออักขระบางอย่างบนตัวเสานี้

“นี่คือเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์บางอย่างเกี่ยวกับอู่หวังหรือเปล่านะ?” เมิ่งฮวาพึมพำพลางก้าวเข้าไปใกล้อย่างระวัง

โจวจางเหว่ยเดินตามพลางช่วยประคองมือเธอไม่ให้เดินสะดุดหิน “เจ้าว่าไงนะ?”

“ข้ารู้สึกถึงอะไรแปลกๆ ที่นี่…” เมิ่งฮวาเอ่ยพลางเหลือบตามองสลักมังกรบนเสา ความรู้สึกบางอย่างคล้ายกับตอนที่เธอถอดรหัส หรือสัมผัสอักขระโบราณในช่วงก่อนเหมือน “กระแส” บางอย่างแผ่ซ่านอยู่รอบศาลา

ในขณะที่ทุกคนกำลังตรวจสอบศาลาหิน บริเวณชายป่าด้านหลังกลับมีเงาร่างชุดดำเคลื่อนเข้าใกล้ ขยับประชิดเงียบเชียบจนองครักษ์ที่เฝ้ารอบนอกต้องร้องขึ้นทันที

“ระวัง! มีศัตรู!”

เสียงคำเตือนดังก้อง ก่อนจะตามด้วยเสียงปล่อยลูกธนู ฟิ้ว! จากกลุ่มนักฆ่าที่ดักซุ่มอยู่ พวกมันโผล่มาไม่ต่ำกว่าห้า–หกคน แต่ละคนเคลื่อนไหวรวดเร็วราวปีศาจในเงามืด

ฉึก! ลูกธนูเล่มหนึ่งปักเข้าใกล้เท้าเมิ่งฮวาอย่างหวุดหวิด เธอสะดุ้งเฮือกถอยหลังมาเกือบชนโจวจางเหว่ย

“ทุกคน! ตั้งแนวป้องกัน!” โจวจางเหว่ยสั่งเสียงเข้ม พยายามแบ่งกำลังองครักษ์ส่วนหนึ่งคุ้มกันเมิ่งฮวา ในขณะที่ตัวเขาเองชักกระบี่ออกอย่างเด็ดขาด

“เจ้าคิดว่าข้าจะหนีอีกหรือไง!” เมิ่งฮวากลับถือดาบสั้นในมือแน่น เธอไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องช่วยตลอด มือสังหารที่โผล่มาใหม่ดูแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้า สีหน้าอำมหิตและไร้ความปรานี

เมิ่งฮวาสบโอกาสเมื่อมีองครักษ์คอยกันทัพอยู่ด้านหน้า จึงเบี่ยงตัวไปหลังกำแพงศาลาหินชั่วขณะ เธอรู้ดีว่าหากครั้งนี้ต้องรบยืดเยื้อ เธออาจต้องงัดสิ่งของพิเศษออกมาใช้อีก แต่ก็ต้องทำอย่างระวังไม่ให้มีใครเห็นชัด

“ครั้งนี้… ข้าต้องเตรียมลูกดอกยาสลบ หรืออุปกรณ์อย่างอื่นเผื่อไว้สกัดมันบ้าง” เธอพูดกับตัวเองเสียงเบาๆ ก่อนหลับตาเพ่งสมาธิเพื่อเปิด ‘ประตู’ สู่มิติช่องว่างอย่างลับๆ

แม้จะรีบแต่นางก็ยังเกรงว่าพวกนักฆ่าจะจับได้ว่าเธอทำอะไร จึงแกล้งหมอบหลบหลังเสาหิน ราวกับหาที่กำบังธรรมดา

ครู่หนึ่ง… ห่อ ‘ลูกดอกเคลือบยาสลบ’ กับ ‘ระเบิดควัน’ จากยุคที่เธอเคยฝึกวิชาจากโลกเก่า ก็ปรากฏขึ้นในมือ! เมิ่งฮวาหลุบตาลงอย่างโล่งใจ—ถือเป็นอาวุธเสริมที่แทบไม่มีในยุคนี้

ขณะนั้นมือสังหารสองคนกระโจนเข้ามาในตัวศาลา หวังเข้าจู่โจมโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาจากด้านข้าง พวกมันถือมีดสั้นเคลือบยาพิษ ดูโหดเหี้ยมยิ่ง

ฉัวะ!

เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น ก่อประกายไฟแลบเมื่อกระบี่ของโจวจางเหว่ยฟาดใส่หนึ่งในมือสังหาร อีกคนที่เหลือฉวยโอกาสพุ่งเข้าตรงเมิ่งฮวา ทว่าเธอเองก็พร้อมแล้ว—เธอควักลูกดอกที่เคลือบยาสลบฉีกซองทันที ก่อนขว้างจู่โจมในระยะใกล้!

“อึก!” มือสังหารชะงักไปเสี้ยววินาทีเมื่อถูกลูกดอกเสียบเข้าที่ต้นแขน ถึงจะไม่ถึงตาย แต่พิษสลบแรงพอดูทำให้มันเริ่มเซโซ่ ไม่สามารถใช้กำลังได้อย่างเต็มที่

เมิ่งฮวากัดฟันใช้โอกาสนั้นพุ่งเข้าตวัดดาบสั้นใส่เป็นครั้งสุดท้าย ปลดอาวุธศัตรูได้สำเร็จ

“เจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง!?” นักฆ่าลุกลนสงสัยในอาวุธประหลาดที่เธอใช้ แต่เพียงครู่เดียวมันก็ทรุดลงเพราะฤทธิ์ยาสลบ

หลังการปะทะระยะสั้น ยังคงมีมือสังหารบางส่วนสู้กับองครักษ์รอบๆศาลา บางคนเห็นว่าเพื่อนร่วมกลุ่มโดนยาสลบจนล้มไปก็ยิ่งเดือดแค้น ตะโกนสั่งให้ล้อมวงโจมตีรอบด้าน หมอกหนาก็เหมือนจะเป็นอุปสรรคทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายมือสังหารว่องไวในการซ่อนตัวกว่ามาก

“พวกมันอยากถ่วงเวลาเราไว้ตรงนี้” โจวจางเหว่ยโพล่งขึ้น หลังจากจัดการมือสังหารอีกคนร่วงลงกับพื้น “รีบหาทางไปต่อเถอะ ข้าเกรงว่าจะมีคนลุกมาสมทบอีกเรื่อยๆ”

เมิ่งฮวามองไปที่เสาหินสลักมังกรสีทอง “หรือบางที… ตรงนี้อาจเป็นอะไรบางอย่างที่เชื่อมไปยังเส้นทางของอู่หวัง เจ้าดูสิมันเหมือนมีบันไดเล็กๆตรงมุมหลังศาลา”

จริงดังว่าด้านหลังศาลามีโขดหิน และใต้มันคือช่องทางแคบๆที่ดูคล้ายอุโมงค์เล็กซ่อนอยู่ในเงาหิน ถ้าไม่สังเกตดีๆก็มองไม่เห็นในยามหมอกหนา

“หากนี่เป็นทางลับไปสู่จุดหมาย เราก็ต้องเสี่ยงเข้าไปดู” โจวจางเหว่ยตัดสินใจเด็ดขาด เขาเหลือบตามององครักษ์ในขบวนบางส่วนที่บาดเจ็บเล็กน้อย “คนเจ็บกับคนส่วนน้อย คอยกันสกัดด้านหลังให้คนอื่นเข้าสำรวจ แต่อย่าถอยเกินจำเป็นล่ะ”

“แล้วข้าจะไปด้วย” เมิ่งฮวาประกาศเสียงมั่น แม้สีหน้าจะยังมีเหงื่อซึมจากการต่อสู้เมื่อครู่ แต่แววตาไม่ยอมถอย

“อืม… ระวังตัวด้วยแล้วกัน” โจวจางเหว่ยพยักหน้า เนื่องจากทักษะของเธอพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ภาระอีกต่อไป เธอยังสามารถใช้วิธีการ “ไม่คุ้นเคย” เพื่อช่วยเหลือในยามฉุกเฉินได้

ขณะที่หมอกยังคงหนาองครักษ์ชุดหนึ่งตั้งแนวต้านมือสังหารที่เหลือไว้ ส่วนเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยพร้อมองครักษ์อีกไม่กี่นายก็ดำเนินการสำรวจเส้นทางแคบๆหลังศาลา

ภายในอุโมงค์มืดครึ้มเต็มไปด้วยกลิ่นอับของดินชื้นปะปนกลิ่นหินโบราณ ราวกับไม่เคยมีมนุษย์ผ่านมานานหลายร้อยปี ดินทรุดตัวบางจุดทำให้ต้องปีนป่ายหรือมุดผ่านซอกเล็กๆ

“รอด้วย…” เมิ่งฮวาเรียกพลางชูคบไฟ ดวงตาเธอหันไปมองสลักหินตามผนัง “ที่นี่มีร่องรอยแกะสลักคล้ายมังกร… สลักเป็นวงกลม… อาจเกี่ยวพันกับอู่หวัง”

โจวจางเหว่ยหยุดเดินเล็กน้อย มองดูลวดลายกว้างๆเหล่านั้นแล้วขมวดคิ้ว “ภาพเหมือนตำนานพูดถึงมังกรคุ้มครองปราสาท… หากนี่เป็นปราสาทเก่าแก่ใต้ภูเขา ใครจะรู้ว่าข้างในจะมีอะไรอีก”

พวกเขาเดินลึกเข้าไปกว่าเดิมจนกระทั่งพบห้องหินเล็กๆที่ดูเหมือนเป็นจุดพักได้ มีซากเครื่องปั้นดินเผาและเสาศิลาขนาดเตี้ยตั้งอยู่ พื้นสะอาดกว่าส่วนอื่นนิดหน่อยเหมือนเคยมีคนกวาดไว้

“เจ้าดูนี่สิ” เมิ่งฮวาเรียกโจวจางเหว่ยให้มาดูแท่นศิลาที่ตั้งอยู่กลางห้อง มันมีร่องรอย คราบเลือดเก่า แห้งติดอยู่ “นี่อาจไม่ใช่แค่ห้องเก็บของ… อาจเป็นสถานที่ประกอบพิธีบางอย่างในอดีต”

องครักษ์คนหนึ่งหน้าถอดสีทันที “แปลว่าที่นี่อาจจะเป็น… ที่บูชายัญ?”

แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันชัด แต่มันก็มากพอที่จะสร้างความหวาดหวั่นในใจทุกคน เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยสบตากันต่างรับรู้ว่าทุกย่างก้าวที่เข้าสู่พื้นที่ส่วนในของภูเขา ยิ่งเสี่ยงต่ออันตราย แต่ก็อาจใกล้เข้าถึงความลับสุดท้าย

ท่ามกลางความเงียบงันในห้องหิน มีเพียงเสียงหายใจของสมาชิกขบวนดังเบาๆ ทุกสายตายังคงจับจ้องไปรอบๆอย่างระวัง เพราะเงามืดยังอาจซ่อนศัตรู มือสังหาร หรือแม้แต่กลไกกับดักโบราณ

“เราจะหยุดตรงนี้เพื่อพักหรือจะฝ่าต่อ?” องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยถาม โจวจางเหว่ยหันมาสบตาเมิ่งฮวาและพยักหน้าน้อยๆแสดงว่าเขาเองก็อยากฟังความเห็นเธอ

“พักกันสักหน่อยเถอะ… แต่ส่งคนเฝ้าปากอุโมงค์ไว้ให้ดี เราต้องรักษาพลังไว้หากข้างในมีอะไรอันตรายกว่านี้” เมิ่งฮวาเสนออย่างสุขุม

โจวจางเหว่ยเห็นด้วย “เช่นนั้นก็ได้ เราเหนื่อยกันมามากแล้ว คงต้องอาศัยวิธีของเจ้าช่วยเติมเสบียงอีกหน่อย” เขาแอบส่งสายตากึ่งขำกึ่งสงสัยไปยังเมิ่งฮวาสื่อเป็นนัยว่า ‘ถ้ามิติเจ้ายังมีของเหลือ ก็ช่วยแบ่งให้หน่อยนะ’

เมิ่งฮวาแก้เก้อด้วยการหลบสายตาเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับเบาๆในใจว่าอาจต้องงัด “ไพ่ลับจากอนาคต” มาใช้อีกครา

ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตั้งค่ายพักย่อมๆในห้องหินแห่งนี้ เสียงอันคล้ายกระแสลมประหลาดก็ดังผ่านโถงอุโมงค์ ฟู่… ชวนให้เสียวสันหลัง เพราะมันอาจหมายถึงการเคลื่อนไหวของกลไก หรือแรงสั่นสะเทือนจากส่วนใดส่วนหนึ่งในภูเขา บางทีอาจเป็นทางเดินเชื่อมลึกยิ่งไปอีกสู่ ใจกลางอู่หวัง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่63

    หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่62

    เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่61

    แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่60

    การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่59

    ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ

  • เมิ่งฮวาชาตินี้ข้าจะมีความสุขที่สุด   บทที่58

    ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status