เช้าของวันใหม่ อิชย์เตรียมตัวออกจากบ้านเหมือนทุกวัน เขารับกาแฟจากจันทร์กระจ่างไปดื่ม พอหมดแก้วก็ส่งคืนหญิงสาว แล้วเดินตรงไปยังประตูบ้าน สวมรองเท้าผ้าใบเสร็จก็ก้าวตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัว โดยมีหญิงสาวก้าวตามไปติดๆ จนเมื่อเขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ จึงเอ่ยถาม
“คุณจะกลับมากินข้าวที่บ้านหรือเปล่าคะ”
“วันนี้มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะ ไหนจะต้องเข้าคลินิก ฉันคงไม่ได้เข้ามา เธอไม่ต้องรอ”
สิ้นเสียงห้าวทุ้ม เสียงสตาร์ตรถก็ดังกระหึ่ม หญิงสาวถอยหลังออกมาสองสามก้าวแล้วยืนมองอีกฝ่ายขับรถออกไปจนลับสายตา ก่อนกลับเข้าบ้านเพื่อดูแลความเรียบร้อยเหมือนทุกวัน
ช่วงสายหญิงสาวขับรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งตรงไปยังบ้านของนายอังกูรและนางมนพร บิดาและมารดาของอิชย์ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ทั้งสองอาศัยอยู่กับบุตรสาวคนโตที่ยังไร้วี่แววคู่ครอง
อัจฉราโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นชิน แล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก่อนจะผลุบหายไปแล้วโผล่อีกทีที่ประตูบ้าน พอดีกับที่ร่างบางของจันทร์กระจ่างก้าวมาถึง
“ไงจ๊ะ วันนี้มาแต่เช้า” อัจฉราทักทายด้วยสีหน้าแจ่มใส
“แต่เช้าที่ไหนพี่อัจ นี่มันเกือบจะสิบโมงแล้ว สายโด่งแน่ะ” หญิงสาวกระเซ้าพี่สาวของสามี ขณะที่เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปภายในบ้าน
“แกงเนื้อใส่มะเขือเปราะค่ะพี่อัจ” หญิงสาวส่งกับข้าวให้กับคนที่เป็นพี่สาวของสามี และเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของตนมาก่อน
“ขอบใจจ้ะ ลาภปากพี่แท้ๆ”
หญิงสาวหัวเราะขันท่าทางปาดริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะชะเง้อมองหาบิดาและมารดาของอีกฝ่าย
“พ่อกับแม่ล่ะคะ”
อัจฉราเดินนำสาวรุ่นน้องตรงไปยังครัวใหญ่
“ไปฟาร์มน่ะ ไปดูวัว เมื่อวานตาอิชย์แวะมาบอกว่าวัวเริ่มติดโรคระบาด เห็นว่าแยกตัวที่มีอาการออกไปพักอีกคอกหนึ่งแล้ว พ่อกับแม่ก็เลยออกไปแต่เช้าเหมือนกัน”
อีกฝ่ายบอกเล่า พลางเก็บกล่องกับข้าวใส่ตู้เย็น จากนั้นทั้งสองก็ปักหลักนั่งคุยกันในครัวนั่นเอง
“พักนี้เป็นไงบ้าง มีวี่แววบ้างไหม” คนถามหลุบตามองลงไปยังหน้าท้องของเพื่อนรุ่นน้อง ทั้งสายตาและริมฝีปากแต้มยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำให้คนถูกถามต้องก้มลงมองตามแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ยังเลยพี่”
คนฟังขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ก็ไหนว่าปล่อยแล้วยังไงล่ะ ทำไมยังไม่มาอีก” คนอยากมีหลานเต็มแก่ทำหน้าผิดหวัง ทำให้คนตัวบางส่ายหน้ายิ้มๆ อีกครั้ง
“ไม่รู้เหมือนกัน คุณอิชย์พาไปตรวจสุขภาพมาแล้ว ก็ปกติดีทุกอย่าง”
“แบบนี้ต้องบำรุงนะ” คนพูดทำหน้าจริงจัง ก่อนจะหันไปรินน้ำให้กับหญิงสาวร่างเล็ก
“ขอบคุณค่ะ” จันทร์กระจ่างเอ่ยขอบคุณ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง แววตาและสีหน้าคล้ายกับคนที่มีความคิดหมกมุ่น
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าจันทร์”
คนถูกถามหันกลับมาสบตา แล้วถอนหายใจยาว
“เมื่อวานคุณแพรแวะมาหาคุณอิชย์ที่คลินิกค่ะ”
คิ้วคู่งามของอัจฉราขมวดมุ่นแทบทันที
“เหรอ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนมองน้องสะใภ้ด้วยสายตาค้นคว้า รับรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่สบายใจกับการพบกันของคนทั้งสอง “อย่าคิดมาก แพรเขามีผัวไปแล้ว ผัวเขาออกจะใหญ่โต ก็คงแค่แวะมาทักทายเพื่อนเก่าธรรมดานั่นแหละ”
คำปลอบใจของอัจฉราทำให้คนฟังยิ้ม แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสเลยสักนิด
“จันทร์”
“จันทร์คงคิดมากเกินไปอย่างที่พี่อัจบอกจริงๆ”
หญิงสาวพยายามยิ้มให้กับคนตรงหน้า ทว่าอัจฉราก็ยังเห็นว่าวันนี้จันทร์กระจ่างไม่สดใสเหมือนทุกวันอยู่ดี เรื่องแบบนี้ จะมองข้ามสัญชาตญาณหญิงไม่ได้ แต่ที่ตนต้องพูดแบบนั้นออกไปก็เพราะไม่อยากให้คนหน้าหมองต้องคิดมากจนเก็บเอาไปเครียด
“อืม พี่ว่าเรามาช่วยกันทำกล้วยบวชชีดีกว่านะ เที่ยงนี้จะได้เอาไปให้พ่อกับแม่ ตาอิชย์แล้วก็คนงานที่ฟาร์ม นี่พี่กำลังรอกะทิจากแม่บ้านที่ออกไปซื้ออยู่ ระหว่างรอเรามาช่วยกันปอกกล้วยกันไปพลางๆ ก็แล้วกันนะ”
“คุณอิชย์ไม่ไปคลินิกหรือคะ” จันทร์กระจ่างเอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ เพราะเขาบอกกับหล่อนว่าจะต้องเข้าคลินิกต่อ
“ไม่หรอก อิชย์เพิ่งโทร.มาบอกพี่ก่อนหน้าจันทร์จะมาแป๊บเดียว ยิ่งฟาร์มยุ่งๆ แบบนี้ ก็คงจะไม่ได้ไปแล้ว”
ได้ฟังเช่นนั้นหญิงสาวจึงพยักหน้ารับรู้ ทว่าลึกๆ นั้นเต็มไปด้วยความน้อยใจ เขาบอกกับทุกคนได้ยกเว้นหล่อน
เจ้าของดวงหน้าหวานหลุบตาลง ภายในส่วนลึกเกิดรอยร้าวขึ้นอีกครั้ง
เป็นคนไม่สำคัญสินะ ไม่เคยเลยสักครั้ง...
สองสาวต่างวัยตรงไปยังฟาร์มโคนมที่ห่างออกไปไม่มากโดยรถเก๋งของอัจฉรา เมื่อไปถึงทั้งสองก็เรียกคนงานมาช่วยขนหม้อกล้วยบวชชีไปไว้ที่โรงครัว อัจฉราเอ่ยถามคนงานสองสามคำจึงรู้ว่าพ่อและแม่รวมทั้งน้องชายอยู่ที่ไหน
“ไปจันทร์ เราไปหาพ่อกับแม่ที่คอกพักชั่วคราวกันเถอะ”
สิ้นเสียงของอัจฉรา จันทร์กระจ่างก็เดินตามอีกฝ่ายตรงไปยังคอกพักชั่วคราวที่สร้างเอาไว้สำหรับแยกวัวที่เกิดโรคโดยเฉพาะ เมื่อไปถึง ทั้งคู่ก็เห็นบิดามารดากำลังยืนดูวัวตัวโตที่ถูกย้ายมาไว้ในคอกพักชั่วคราว
“แม่”
เสียงเรียกของลูกสาวทำให้นางมนพรและนายอังกูรหันไปตามเสียง เมื่อเห็นว่าลูกสาวมากับลูกสะใภ้ก็ส่งยิ้มให้ทันที
“อ้าว จันทร์ก็มาด้วยเหรอลูก”
จันทร์กระจ่างส่งยิ้มให้ท่าน ขณะหยุดลงข้างๆ ร่างอวบ
“จันทร์แวะไปหาหนูที่บ้าน ก็เลยชวนทำกล้วยบวชชี แล้วก็ยกหม้อมาที่นี่ ให้คนงานยกไปเก็บเอาไว้ในโรงครัวแล้ว” อัจฉราบอกกับมารดา “แม่กับพ่อจะกินเลยไหม”
“ยังหรอก รอเจ้าอิชย์ก่อน” นางมนพรบอกกับลูกสาว พลางมองเข้าไปยังคอกวัวที่มีลูกชายและสัตวแพทย์ประจำฟาร์มกำลังตรวจสุขภาพของเจ้าวัวอย่างละเอียด
จันทร์กระจ่างขยับเข้าไปใกล้คอก แล้วมองเข้าไปที่ร่างของสามี ดวงตาคู่งามมองเขาด้วยความชื่นชมอย่างชัดเจน เวลาที่อิชย์ตั้งใจทำงานโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด เขายิ่งดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก หล่อนตกหลุมรักเขาก็เพราะแบบนี้
แววตาเป็นประกายของจันทร์กระจ่าง ทำให้นางมนพรและอัจฉราสบตากันยิ้มๆ ทั้งคู่ชอบใจภรรยาของลูกชายมาช้านาน เมื่อรู้ว่าทั้งสองตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน แม้จะยังไม่มีการจัดงานให้เป็นกิจจะลักษณะตามความพอใจของคนทั้งสองโดยเฉพาะลูกชายของตน แต่ทั้งหมดก็รับรู้และยอมรับหญิงสาวเข้ามาเป็นสะใภ้อย่างเต็มใจ เพราะนอกจากจันทร์กระจ่างจะมีรูปร่างหน้าตาน่ารักชวนมองแล้ว ยังขยันขันแข็ง ใจเย็น ทำอาหารก็อร่อย แม้แต่อิชย์เองยังยอมรับในข้อนี้
วันที่ 9 เดือน 9 พ่อหนูตัวอวบก็ถือกำเนิด เนื่องจากตอนที่ลูกชายคนแรกลืมตาดูโลกนั้น อิชย์แทบไม่มีส่วนร่วมดูแลตอนที่เขาอยู่ในครรภ์มารดาจวบถึงตอนคลอด ชายหนุ่มจึงไม่ยอมพลาดที่จะเป็นคนตัดสายสะดือให้กับลูกอีกสองคนถัดมา... “เป็นยังไงบ้างลูก” นางมนพรลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อลูกชายออกมาจากห้องคลอด เขายิ้มกว้างพร้อมกับจับมือมารดาแล้วนั่งลงตามเดิม “สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งแม่และลูกครับ หลานชายคนนี้หน้าเหมือนคุณย่าเลยนะครับ” คนฟังถึงกับเป็นปลื้ม น้ำตาซึมออกมา “อีกนานไหมพวกเราถึงจะได้เจอหลาน” “ก็ต้องรอให้จันทร์เข้าพักในห้องพักฟื้นก่อนครับ คงอีกสักพักใหญ่ ตอนนี้เราทำได้แค่รอ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลานแม่คนนี้ตัวใ
เวลาเกือบสามทุ่มของคืนหนึ่ง จันทร์กระจ่างกำลังนั่งพิมพ์งานเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะถึงแม้จะยุ่งกับการดูแลลูกและสามีมากแค่ไหน ก็ยังคงรับจ็อบแปลหนังสือและเขียนนิยายที่รักเสมอ ก่อนหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นสันหนังสือที่เป็นผลงานการเขียนของหล่อนเข้า ครั้งหนึ่ง อิชย์เคยหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ‘เมียบำเรอไร้รัก’ เรื่องราวในนั้นคือส่วนหนึ่งในชีวิตของหล่อนและเขา วันนั้นจึงทำให้อิชย์เงียบซึมไปทั้งวัน ‘พี่เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลวและแย่แค่ไหน ที่ทำให้จันทร์เหมือนตกอยู่ในนรกแบบนั้น’ นั่นคือประโยคหนึ่งที่เขากล่าวออกมาในค่ำคืนนั้น และหล่อนก็กลายเป็นคนที่ปลอบใจพ่อคนจิตใจอ่อนไหวตลอดทั้งคืน แต่พอตื่นขึ้นมา คนที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวกลับกลายเป็นหล่อน แต่พ่อคนอ่อนไหวดันสดใสกระปรี้กระเปร่าอยู่คนเดียว เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมา ทำให้หญิงสาวที่กำลังย
บทส่งท้ายวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อิชย์และจันทร์กระจ่างกำลังจะกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกสาม ทั้งเพื่อนบ้านและคนงานต่างแซวชายหนุ่มว่าแรงดีไม่มีตก กิจการของเขาเองก็กำลังไปได้สวย รับพนักงานใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เพื่อสลับสับเปลี่ยนกับดนัย ส่วนตัวเขารับงานเพียงช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเน้นเข้าฟาร์ม แต่ก็ไม่ทุกวัน เพราะเสาร์อาทิตย์เขาจะอยู่กับครอบครัวเป็นหลัก สี่คนพ่อแม่ลูกจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งในวันหยุด หญิงสาวจึงชวนสามีไปเยี่ยมปัทมาที่ราชบุรี “คิดถึงแกมาก” ปัทมาสวมกอดเพื่อนรัก “ฉันก็คิดถึงแก ไหนลูกสาวล่ะ” “ไม่อยู่ เพิ่งออกไปกับพ่อ ไปซื้อขนม มาเถอะเข้าบ้านก่อน เชิญค่ะคุณอิชย์” หญิงสาวกล่าวเชิญสามีของเพื่อน รวมทั้งเรียกเด็กๆ ให้เดินตาม หนุ่มน้อยสาวน้อยดูจะชอบร่องสวนมะพร้าวมาก เพราะกระโดดข้ามกันสนุกสนาน
“ขอโทษทีค่ะ จันทร์ก็มัวแต่ยุ่งๆ กับเรื่องของลูก” “มีใครพาไปหาหมอหรือยัง” “พาไปแล้วค่ะ แต่ดีที่ยังเป็นไม่มาก หมอเลยให้กลับมานอนพักที่บ้าน จันทร์เลยให้หยุดไปก่อน หายดีค่อยมาทำงาน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอกกับหญิงสาว “จันทร์อยู่กับลูกเถอะ พี่ซักเอง เผื่อน้องอิ่มหิวขึ้นมาจันทร์จะได้ให้นมลูก” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นจากพื้นบ้าน แล้วคว้าตะกร้าผ้าจากมือภรรยามาถือเอาไว้เอง “ขอบคุณนะคะ สามีจันทร์น่ารักที่สุดในโลกเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน ทำให้คนใจดีน่ารักที่สุดในโลกยิ้มหน้าบาน “งั้นจันทร์ต้องเตรียมตอบแทนพี่แล้วแหละ” เขายักคิ้วหลิ่วตา พลางทำตาวาวแล้วมองด้วยสายตาโลมเลียจนหญิงสาวค้อนขวับ&n
“พี่อัจกำลังมีความรักจริงๆ ด้วย” จันทร์กระจ่างบอกกับสามี อีกฝ่ายพยักหน้า เขาเองก็เห็นเป็นเช่นนั้น เมื่ออัจฉรามีความรัก อะไรๆ ก็ดูสดใสขึ้นทันตา “พี่เจตน์ครับ มาดื่มน้ำก่อนลูก” “น้ำๆ น้าม” พี่เจตน์วิ่งจนเท้าลอยเข้ามาหาพ่อกับแม่ ดื่มน้ำจนอิ่มแปล้ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนตักพ่อ ส่วนคุณปู่กับคุณย่าก็ได้พัก ไม่นานนัก อัจฉราจึงเดินกลับมาร่วมวงสนทนาอีกครั้ง วันต่อมา อิชย์พาภรรยาและลูกชายไปเที่ยวที่ฟาร์มโคนมของตัวเอง พ่อหนูชื่นชอบวัวมากๆ เขาชวนคุยเรื่องวัวตลอดเวลา ทั้งยังขอขี่หลังมันเสียด้วย คนเป็นพ่อจึงยอมตามใจแต่ก็ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกวันหยุดถ้าไม่อยู่บ้านตัวเองหรือไปบ้านพ่อกับแม่ อิชย์จะพาลูกและเมียขับรถเล่นเสมอ บางครั้งก็พาหญิงสาวไปเยี่ยมเพื่อนรักอย่างปัทมา ที่กำลังจะมีข่าวดีกับคนรักเร็วๆ นี
๒๔โซ่เส้นที่สอง คล้องใจแนบแน่นสามเดือนต่อมา... “ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณตั้งท้องได้สิบสัปดาห์แล้วครับ” คุณพ่อหนุ่มหล่อกับคุณแม่สาวสวยเดินกุมมือลงมาจากรถยนต์เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวด้วยสายตาอบอุ่น ท้องนี้เขาจะได้ดูแลหล่อนตั้งแต่ท้องอ่อนๆ จนกระทั่งเข้าห้องคลอดเลยทีเดียว เขาจะไม่ยอมพลาดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน “เดินดีๆ นะจ๊ะ” จันทร์กระจ่างยิ้มกริ่ม ตั้งแต่เขาบอกรัก ความหวานของอิชย์ไม่เคยพร่องลงเลยสักนิดเดียว ยิ่งรู้ว่าหล่อนท้องเขาก็ยิ่งเห่อหนัก คอยประคับประคองไม่ห่าง “พี่อิชย์คะ จันทร์เพิ่งท้องอ่อนๆ เอง” “ก็นั่นแหละ ย