LOGIN"พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม" รามิลยังคงเดินตามคนตัวเล็กแล้วเอ่ยปากขอพูดคุยแบบที่เขาพยายามทำมาทุกวัน ปฏิกิริยาเรียบนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมให้เขาคุยด้วยเป็นเครื่องการันตีว่าอีกคนโกรธเขามากแค่ไหน
ร่วมอาทิตย์ที่พยายามเข้าหาเพื่อขอโทษหรืออธิบาย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เลย ทุกครั้งที่ดักรอหน้าคณะอีกคนก็จะหนีไป ยามที่ไปดักรอหน้าหอของยี่่หวาเพื่อนของคนตัวเล็กก็เอาแต่ขวางเขาเอาไว้
"คุยกันหน่อยได้ไหมครับ" คนตัวสูงเอ่ยปากถามอีกรอบแล้วจับมือคนตรงหน้ามากอบกุมไว้ ข้าวหอมดึงมือออกอย่างไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวเธอ
"ข้าวไม่อยากคุย" พูดปฏิเสธแล้วเตรียมเดินหนีแต่รามิลก็ยังวิ่งมาดักข้างหน้าเอาไว้ คนตัวเล็กหลับตาลงแล้วก้มหน้าหนี ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยที่ต้องคอยเอาแต่เดินหนีเขาอยู่แบบนี้
"ให้พี่อธิบายหน่อย พี่ไม่ได้ส่งต่อภาพพวกนั้นไปให้ใครนะ"
"แต่มันก็คือรูปที่พี่ถ่ายใช่ไหมละ!" เขาอธิบายออกมาง่ายดายขนาดนี้ได้ยังไง เรื่องนี้มันใหญ่มากสำหรับเธอแต่ดูเหมือนกับรามิลจะไม่ใช่แบบนั้น
"พี่ก็แค่ถ่ายไว้...."
"แบล็คเมล์" พูดขัดทันทีแบบไม่รอให้เขาได้พูดต่อ คนตรงหน้าดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งที่ในใจเธอเจ็บปวดราวกลับโดนมีดกรีดอยู่หลายแผล
"เห็นพี่เป็นคนยังไง" เขาถามคำถามแล้วจ้องหน้าคนตรงหน้านิ่ง ทั้งทีี่ตอนอยู่ด้วยกันก็แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นตัวเขามาตลอด อะไรทำให้คนตัวเล็กคิดไปแบบนั้น ถึงรูปถ่ายพวกนั้นมันจะหลุดมจากเขา แต่เขาไม่เคยคิดที่จะส่งให้ใครดูด้วยซ้ำ
"ข้าวไม่รู้อีกแล้วว่าพี่เป็นคนยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะไว้ใจพี่ไหม แล้วก็ไม่รู้ว่าพี่ต้องการอะไรจากข้าวกันแน่"
"พี่......." ไม่ทันจะได้พูดตอบเสียงเรียกจากยี่หวาเพื่อนของคนตรงหน้าเขาก็ดังขึ้นมา อีกคนเข้ามาดึงตัวข้าวหอมออกไปแล้วมองเขาตาเขม็ง
"มีอะไรรึเปล่ายี่?"เอ่ยถามเพื่อนที่รีบวิ่งมาจนเหนื่อย สีหน้าของอีกคนบ่งบอกเธอได้ดีว่าน่าจะเกิดเรื่องใหญ่
"เกิดเรื่องใหญ่อ่ะดิ พี่รามิลอยู่ด้วยก็ดี พี่ต้องไปจัดการเพราะต้นเหตุมาจากพี่นั่นแหละ"
"พี่หรอ?"
รามิลวิ่งตามรุ่นน้องที่จับมือข้าวหอมวิ่งออกมา เหล่านักศึกษายืนมุงดูอยู่ตรงมุมจัดบอร์ดกิจกรรมของคณะ คนตัวเล็กแหวกทางเข้าไปดูก่อนจะหยุดมองนิ่ง
ภาพของเธอที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของรามิลแต่ปิดช่วงใบหน้าเขาเอาไว้ ยังดีที่มีผ้าห่มคลุมจนถึงช่วงบนแต่ก็ยังเห็นไหล่ขาวที่พอจะบอกให้รู้ได้ว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรปกปิดกายอยู่
มือบางพยายามเปิดกระจกที่กลั้นอยู่ออกแต่ก็ไม่เป็นผล หันมองมุมบอร์ดที่ถูกล็อกเอาไว้แล้วหันมองไปรอบๆ ผู้คนเริ่มซุบซิบนินทาแล้วพูดถึง กำปั้นเล็กทุบที่กระจกจนยี่หวาที่หันไปจัดการพวกชอบขี้นินทาหันมาหา ตัวกระจกแตกไปเพียงนิดหน่อยกับหลังมือของเพื่อนตัวเล็กที่เริ่มมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
ข้าวหอมเตรียมจะทำอย่างเดิมซ้ำอีกครั้ง ยี่หวาเรียกเพื่อนเสียงดังเพื่ือจะห้ามก่อนรามิลจะรวบตัวคนตัวเล็กมาหาเขาได้ทันก่อนกำปั้นจะกระทบเข้ากับกระจกอีกรอบ
ดวงตากลมมองเขาด้วยดวงตาที่คาดเดายาก หยดน้ำตารินไหลก่อนที่คนตัวเล็กจะพยายามดิ้นแล้วทุบที่อกเขา เสียงกรีดร้องอย่างน่าสงสารดังขึ้นจนเขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก รวบแขนเธอเอาไว้แล้วรีบดึงเข้าสู่อ้อมกอด พักใหญ่กว่าคนตัวเล็กจะหยุดดิ้น เสียงที่ขาดหายไปกับกายบางที่เริ่มหมดเรี่ยวแรงลงทำให้เขารีบประคองเอาไว้
"ข้าวหอม!....." ประคองคนที่สลบไปไว้ในอ้อมแขนก่อนจะเงยมองภาพบนบอร์ดทั้งหมดนั่นแล้วกัดฟันกรอด ข่มอารมณ์ตัวเองอยู่สักพักก่อนจะช้อนตัวอีกคนขึ้นอุ้มแล้วพาเดินออกไปจากตรงที่คนมุงอยู่ ใช้สายตาปรายมองให้ทุกคนรู้ว่าเขากำลังโกรธจนไม่มีใครพูดอะไรต่อ
"พี่ทำกับข้าวมันขนาดนี้ได้ยังไงพี่รามิล" นิรินที่พึ่งมาถึงแทบจะพุ่งเข้าไปจัดการคนตัวสูงหลังจากเห็นสภาพเพื่อนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โชคดีที่ริวรั้งอีกคนไว้ได้ทันเลยไม่เกิดเรื่อง
"มึงทำจริงๆหรอไอมิล?" ริวถามย้ำเพื่อนเขาอย่างไม่อยากเชื่อกับเรื่องทั้งหมด ถ้ารามิลทำขึ้นมาอย่างที่ทุกคนพูด เขาเองก็คงจะไม่เข้าข้าง ต่อให้จะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากแค่ไหน แต่เรื่องนี้เขาแทบจะไม่เห็นด้วยเลย
"กูถ่าย แต่กูไม่ได้ปล่อย"
"แล้วพี่จะถ่ายไว้ทำไม โรคจิตหรอ" คำถามแทงใจดำจากนิรินทำให้เขาหันไปมองแล้วพยายามข่มอารมณ์ ถึงมันจะมองดูเป็นแบบนั้น แต่เขาปกติดี ไม่ได้เป็นโรคจิตอย่างที่รุ่นน้องตรงหน้าพูดสักหน่อย
"พี่แค่ถ่ายเพราะบางทีก็เห็นว่าข้าวหอมน่ารักดี บางรูปก็เอามาไว้เป็นข้อต่อรองเกิดวันไหนข้าวหอมดื้อขึ้นมา พี่ไม่อยากให้เพื่อนเราไปรับงานอย่างว่าจากคนอื่นอีก ถึงต้องมีไว้ขู่ไง"
"ยิ่งพูดยิ่งตลก" ครั้งนี้เป็นยี่หวาที่พูดขัดขึ้นมาบ้าง
"พี่พูดจริงๆ พี่ไม่เคยคิดจะปล่อยรูปข้าวเลย แค่คิดว่าจะมีใครมาเห็นข้าวหอมในมุมที่พี่เห็น มันก็น่าหงุดหงิดจนจะบ้าแล้ว พี่จะปล่อยไปทำไม"
"แล้วถ้ามึงไม่ทำใครจะทำ รูปก็อยู่ในโทรศัพท์มึง" ริวหันไปถามเพื่อนทั้งขมวดคิ้ว มันน่าแปลกที่จะมีรูปหลุดออกไปได้ถ้ารามิลยังเอาแต่ยืนยันอยุู่แบบนี้ เขารู้จักเพื่อนตัวเองดี รามิลไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครยุ่งกับของส่วนตัวง่ายๆ นอกจากจะเป็นคนใกล้ตัว
"กูจะหาตัวคนทำให้เจอ แล้วกูคิดว่าไม่ยากด้วย" พูดแค่นั้นแล้วพรูลมหายใจออกมา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมปล่อยไป ก่อนหน้านี้เพราะเอาแต่ตามอธิบายและไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกถึงได้ไม่ไปจัดการกับตัวต้นเหตุ แต่ในเมื่ออีกคนยังไม่ยอมจบ เขาเองก็คงอยู่เฉยไม่ได้อีก
@คอนโดมิ้นท์
"มิลมาหามิ้นท์ถึงที่นี่มีอะไรหรอ" กายบางถูกเขาผลักเข้าไปในห้องเต็มแรงก่อนรามิลจะเดินตามเข้าไปแล้วปิดประตูเสียงดังลั่น
"เป็นคนทำใช่ไหม" ไม่ทันได้เข้าใจกับสถานการณ์คำถามตรงไปตรงมาก็ดังขึ้น
"มิลพูดเรื่องอะไร" คนตรงหน้าทำท่าทีไร้เดียงสาราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด รามิลถอนหายใจเสียงดังลั่น จนป่านนี้ก็ยังทำเหมือนไม่รู้ไม่เข้าใจอยู่อีก
"เราถามว่ามิ้นท์เป็นคนทำใช่ไหม!!!" น้ำเสียงติดหงุดหงิดเริ่มถามกระแทกเสียงให้คนฟังรู้ว่าเขากำลังโกรธมากแค่ไหน
"มิ้นท์ไม่เข้าใจ"
"เราให้โอกาสมิ้นท์พูดแล้วนะ จะไม่ยอมรับใช่ไหม" จับข้อมือบางแล้วบีบส่งผ่านความรู้สึกโกรธเคืองที่เขาเก็บเอาไว้ให้อีกคนได้รู้สึก คนตรงหน้าพยายมบิดข้อมือออกแต่ก็เป็นเขาที่ออกแรงบีบให้มากขึ้นอีก ยิ่งนึกถึงมือนุ่มของใครบางคนที่เขาเคยจับแต่ตอนนี้ถูกพันผ้าก็อตเอาไว่หนาเตอะเพราะรอยแผลจากการทุบกระจกก็ยิ่งหงุดหงิด
"ก็คุณป้าบอกให้ทำ" แค่นยิ้มแล้วเหวี่ยงกายบางออกไปไกล คิดเอาไว้อยู่แล้วไม่มีผิด แค่เพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาคนเดียวไม่มีทางทำเรื่องพวกนี้สำเร็จหรอก
"แล้วมิ้นท์ก็ทำอะหรอ น้องก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันกับมิ้นท์ ทำไมถึงทำกันขนาดนี้ เกินไปป่ะว่ะ"
"คุณป้าก็แค่กลัวว่าเด็กนั่นจะมาหลอกมิล"ประโยคที่ชวนดูเหมือนเป็นห่วงกันแบบนั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกซาบซึ้งเลยสักนิด เขาใกล้ชิดข้าวหอมมากกว่าใคร แล้วคนอื่นมีสิทธิอะไรมาคิดว่าเธอจะเป็นคนยังไง
"น้องไม่เคยหลอกเรา ต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก แล้วก็ไม่ต้องยุ่งกับน้อง ถ้ามิ้นท์ขัดคำสั่งก็อย่าหาว่าเราไม่เตือนก็แล้วกัน ถ้าเราโมโหจนถึงขีดสุดขึ้นมา แม้แต่แม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก"
"มิลชอบมันจริงๆหรอ"
"ใช่!! เราชอบน้อง จบป่ะ" ตอบไปอย่างไม่ต้องคิดจนคนตั้งคำถามชะงักไป
"แต่เราชอบมิล" คำเอ่ยชอบไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไร ออกจะรู้สึกว่างเปล่าแล้วเสียดายเวลามากกว่า
"ทำไมไม่บอกแต่แรก"
"....."
"ถ้าเรารู้มาก่อนหน้านี้ เราจะได้ไม่ไปยุ่งกับมิ้นท์ เพราะเราไม่เคยคิดอะไรกับมิ้นท์เลยแม้แต่นิดเดียว"
ข้าวหอมเหลือบมองคนตัวสูงที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ร่วมอาทิตย์แล้วตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น เธอตัดสินตอบรับคบกับรามิลและยอมกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดอย่างที่เขาต้องการ ก่อนหน้านี้เพราะเอาแต่กังวลเรื่องแม่อีกคนก็เลยคิดหนัก แต่ในเมื่อจะเล่นกันแรงแบบนี้ ก็เผชิญหน้ากันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย รามิลสัญญาว่าจะปกป้องเธอ คำพูดเขามันทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวนิดหน่อย เพราะแบบนั้นเธอถึงกล้าตัดสินใจที่จะลองเริ่มต้นกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดู ก็อยากจะรู้ว่าถ้าแม่ของรามิลที่หวงลูกชายมากจะรู้สึกยังไงยามได้รู้ว่าเธอกับรามิลกำลังคบหากัน นั่งลงข้างเตียงแล้วส่งมือไปลูบตามกรอบหน้าของรามิล ใบหน้าราวกับฟ้าประทานแบบนี้มันก็ไม่แปลกที่ใครจะหลงรัก เธอเองก็เป็นอีกคนที่เผลอใจไปให้เขาเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แค่เพราะเขาหน้าตาดีเพียงเท่านั้น ถ้าตัดเรื่องที่เขาถ่ายรูปพวกนั้นเอาไว้จนทำให้เธอเจอเรื่องแย่ในชีวิต เขาก็เป็นอีกคนที่ดูแลเธอดีมากที่สุด มือบางถูกรามิลจับไว้แล้วดึงไปหอมลงที่หลังมือ คนนอนอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวเข้าใกล้เพื่อหอมแก้มเธอ เขายิ้มสดใสออกมาจนข้าวหอมเองก็ยังได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมถึงได้ดูมีคยามสุขมากขนา
รามิลน่ังกอดอกทิ้งตัวฟังแม่เขาบ่นด้วยความเบื่อหน่าย เขาถูกตามตัวกลับมาที่่บ้านทันทีที่แม่กลับมาหลังจากไปดูงานที่ต่างประเทศมาร่วมสองอาทิตย์ เขาเองรู้ดีแต่แรกว่าแม่ต้องการคุยเรื่องอะไรถึงอีกคนจะไม่บอกเขาในตอนที่เรียกตัวให้กลับมา แม่คงจะรู้เรื่องที่เขาไปป่าวประกาศว่าคนตัวเล็กเป็นอะไรกับเขาแล้ว ถึงได้บ่นเป็นฟืนเป็นไฟไม่รู้จบอยู่แบบนี้เรื่องราวที่แม่พูดมันถูกแต่งเติมซะจนเขาเองได้แต่กรอกตามองบน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เขา ทั้งที่ปกติแม่เขาเป็นคนฉลาดมากจนเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรทำให้แม่เขาเชื่อในมารยาของเพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาขนาดนั้น หรือแค่ทำเป็นเชื่อเพราะไม่ชอบคนตัวเล็กของเขากันแน่คนตัวสูงลุกขึ้นด้วยอารมณ์รุกกรุ่นที่ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงข้าวหอมในทางไม่ดีมาพักใหญ่ บอกปัดผู้เป็นแม่ไปว่าเหนื่อยแล้วรับเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะอดไม่ไหว ประตูห้องนอนที่เขาแทบไม่ได้กลับมาเหยียบถูกปิดลงดังลั่น เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เขาคิดไม่ตกมาตลอดว่าควรทำยังไงแม่เขาถึงจะเลิกทิฐิแล้วชอบเธอขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่ามันการันตีได้ดีว่าเขารู้สึกกับเธอแบบไหน ก่อนหน้านี้เ
คนตัวเล็กพรูลมหายใจออกมาคลายความกังวลในใจ เธอตัดสินใจมาเรียนตามปกติหลังจากรู้จากเพื่อนว่ารามิลไปเคลียจนไม่มีการยึดทุนคืน เมื่อวานเธอเข้าไปเยี่ยมแม่แล้วได้รับกำลังใจมาเยอะแยะ แม่ของเธอเอาแต่ย้ำใซ้ำไปซ้ำมาว่ารามิลดีกับเธอมาก และเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอแน่ ได้แต่ยิ้มรับตอบแม่ไปทั้งที่ในใจยังไม่ได้สบายใจมากนัก เดินผ่านผู้คนที่พากันพูดถึงเรื่องราวของเธอแบบไม่ได้เรียกว่าเป็นกันนินทาแต่เหมือนตั้งใจให้ได้ยินมากกว่า กว่าจะเดินมาถึงใต้คณะก็รู้สึกอัดอัดแทบแย่ พยักหน้ากับตัวเองว่าเก่งมากแล้วที่เดินมาถึงตรงได้ ก้าวเดินต่อได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีใครบางคนมายืนขวางเธอเอาไว้คนตัวเล็กเงยมามองแล้วทำหน้าเซ็งเพราะคนที่มาดักเธอว่าคือรุ่นพี่สาวสวยคู่ขาเก่าของรามิล อีกคนยิ้มเยาะเธออย่างสะใจที่เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ บางทีก็อยากพุ่งเขาไปหยุมหัวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย น่ารำคาญเป็นบ้า"ยังกล้ามาเรียนอีกหรอ" คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วตั้งคำถามที่ชวนหงุดหงิดขึ้นมา "แล้วทำไมต้องไม่กล้าด้วยละ" คนตัวเล็กพูดสวนกลับไปแล้วกอดอกมองอย่างไม่สบอารมณ์ แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาเจอคนแบบนี้
รามิลตักข้าวในชามที่พยาบาลพึ่งเอาเข้ามาให้ป้อนคนบนเตียงผู้ป่วย คนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหนีแล้วไม่ยอมอ้าปากรับที่เขาพยายามป้อน ลองทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาสักพักก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด อีกคนยังเอาแต่หลบกัน ไม่กิน ไม่พูดคุย เขาเองรู้ดีว่าสิ่งที่ข้าวหอมเจอมันไม่ใช่เรื่องเล็ก และต้นสายปลายเหตุมันก็มาจากที่เขาถ่ายรูปภาพพวกนั้นเอาไว้ "กินหน่อยสิครับ จะได้กินยา เดี๋ยวหายแล้วจะได้ไปเรียนไง" คนตัวเล็กหันมาแล้วกรอกตาใส่เขา เธอโดนมาขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอยังจะสามารถพบเจอใครได้แบบปกติอีกหรอ เพราะเขาไม่ใช่คนถูกกระทำสินะถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้"คิดว่าข้าวจะยังมีหน้าไปเรียนได้อีกหรอ" น้ำเสียงติดกระแทกกระทั้นให้เขารู้อารมณ์ภายในใจที่กำลังครุกกรุ่นทำให้รามิลคว้าเอามือบางเข้ามากอบกุมไว้ ลูบไปมาอย่างขอความเห็นใจและสื่อให้เธอรู้ว่าเขาไม่เคยมีเจตนาจะให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ"พี่ขอโทษ ข้าวจะมองว่ามันเป็นความปิดพี่ก็ได้ แต่ว่า...." เอ่ยพูดคำขอโทษที่เขาไม่รู้ว่าพูดมันไปแล้วกี่สิบรอบตั้งแต่คนตัวเล็กฟื้นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะสามารทำได้ในตอนนี้"มันก็เป็นความผิด
"พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม" รามิลยังคงเดินตามคนตัวเล็กแล้วเอ่ยปากขอพูดคุยแบบที่เขาพยายามทำมาทุกวัน ปฏิกิริยาเรียบนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมให้เขาคุยด้วยเป็นเครื่องการันตีว่าอีกคนโกรธเขามากแค่ไหนร่วมอาทิตย์ที่พยายามเข้าหาเพื่อขอโทษหรืออธิบาย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เลย ทุกครั้งที่ดักรอหน้าคณะอีกคนก็จะหนีไป ยามที่ไปดักรอหน้าหอของยี่่หวาเพื่อนของคนตัวเล็กก็เอาแต่ขวางเขาเอาไว้"คุยกันหน่อยได้ไหมครับ" คนตัวสูงเอ่ยปากถามอีกรอบแล้วจับมือคนตรงหน้ามากอบกุมไว้ ข้าวหอมดึงมือออกอย่างไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวเธอ "ข้าวไม่อยากคุย" พูดปฏิเสธแล้วเตรียมเดินหนีแต่รามิลก็ยังวิ่งมาดักข้างหน้าเอาไว้ คนตัวเล็กหลับตาลงแล้วก้มหน้าหนี ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยที่ต้องคอยเอาแต่เดินหนีเขาอยู่แบบนี้"ให้พี่อธิบายหน่อย พี่ไม่ได้ส่งต่อภาพพวกนั้นไปให้ใครนะ""แต่มันก็คือรูปที่พี่ถ่ายใช่ไหมละ!" เขาอธิบายออกมาง่ายดายขนาดนี้ได้ยังไง เรื่องนี้มันใหญ่มากสำหรับเธอแต่ดูเหมือนกับรามิลจะไม่ใช่แบบนั้น "พี่ก็แค่ถ่ายไว้...." "แบล็คเมล์" พูดขัดทันทีแบบไม่รอให้เขาได้พูดต่อ คนตรงหน้าดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งที่ในใ
รามิลนอนเล่นโทรศัพท์ทั้งมีคนตัวเล็กนอนอยู่ในอ้อมกอดด้วย อีกคนยังคงหลับสนิทหลังจากผ่านค่ำคืนแสนเร่าร้อนมาด้วยกันทั้งคืน ภาพของเธอกับเขาในยามร่วมรักทุกครั้งถูกเลื่อนดู ใครรู้คงคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่เก็บรูปพวกนี้เอาไว้ แต่เขาเพียงแค่อยากเอาไว้เพื่อเป็นข้อต่อรองในวันที่ข้าวหอมเริ่มดื้อกับเขาแล้วก็แค่นั้นเอง กดเข้าหน้าบัญชีธนาคารแล้วจิ้มรายการโปรดที่เขาบันทึกเอาไวั จัดการโอนเงินเข้าบัญชีของเธอในจำนวนตามที่ตกลงกัน ก่อนจะโอนแยกอีกสลีปเป็นเงินส่วนตัวที่ตั้งใจอยากให้เธอเอาไว้ใช้จ่าย เกิดเป็นคนรวยนี่มันก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น ก็ไม่รู้จะเอาอีกคนเข้ามาครองได้ยังไงส่งนิ้วเรียวเกลี่ยปลายจมูกของคนนอนหลับ เขาเคยพาผู้หญิงมากินที่นี่แทบนับไม่ถ้วน เพื่อนสาวคนสนิทก็เคยมาตั้งหลายครั้ง แต่ทว่ายังไม่เคยชวนใครมาอยู่ด้วยแบบนี้เลยสักที ใบหน้าที่มองยามไหนก็รู้สึกว่าสวยขึ้นในทุกๆวัน กับความรู้สึกที่อยากกอดเธอทุกทีที่ได้อยู่ด้วยกันนี่มันคืออะไร บางครั้งก็แปลกใจในความรู้สึกตัวเองซะจนคิดไม่ตก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอาการแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรเขาซื้อกินมากมายแต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่ผู้หญิง







