“ลูกไก่ดีใจจังเลยที่ได้เจอ” ญาณินตะโกนเรียกเพื่อนสาวกลางห้างสรรพสินค้า
กฤติกาหันไปตามเสียงเรียกเธอยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน วันนี้เธอมีนัดคุยงานกับลูกค้าที่นี่เพิ่งแยกตัวมาหลังจากที่เข้าใจรายละเอียดงานแล้ว
“นินไม่เจอกันตั้งนาน”
“คิดถึงจัง ทำไมลูกไก่ไม่ไปงานรับปริญญาล่ะ เรานึกว่าจะได้ถ่ายรูปด้วยกันวันนั้น” หกเดือนก่อนญาณินผิดหวังมากที่รู้ว่ากฤติกาแจ้งทางคณะว่าเธอขอไม่เข้าร่วมพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรด้วยเหตุผลส่วนตัว
“ตอนนั้นเรามีปัญหาทางบ้านนิดหน่อยน่ะ” กฤติกาพูด ช่วงนั้นเกศราใกล้คลอดและเธอเองไม่มีอารมณ์ที่จะไปเจอคนเยอะๆ ไม่อยากตอบคำถามว่าทำไมชื่อเธอจึงถูกขึ้นบัญชีดำจากเอสเอ็ม ถึงสมิติจะแก้ไขให้ในภายหลังแต่คนในวงการโดยเฉพาะเพื่อนร่วมรุ่นก็รู้กันไปแล้วหลายคน
“นินมาทำไม ไปหาอะไรกินกันไหม” กฤติกาเปลี่ยนเรื่องวันนี้เธอไม่ต้องเข้าที่ทำงานแล้ว
“ไปสิ เราเพิ่งออกจากห้องเรียนหิวมากกก กอไก่ล้านตัว” ญาณินลากเสียง เธอกำลังเรียนปริญญาโทจึงไม่ได้ใส่ใจข่าวรอบตัวมากนัก
สองสาวเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งมีทั้งกาแฟและอาหารจานหลัก
“แล้วตอนนี้ลูกไก่ทำงานที่ไหน” ญาณินสัมภาษณ์เพื่อน
“ทำที่อัศราดูโฮม นินล่ะเรียนอย่างเดียวเหรอ”
“ก็ไม่เชิงเราเขียนนิยายด้วยน่ะ” ญาณินตอบแบบไม่เต็มเสียง ส่วนกฤติกาที่ได้ยินถึงกับตาโต
“เขียนที่ไหน อ่านมั่งเดี๋ยวเราอุดหนุน”
“นี่ในแอพนี้เดี๋ยวเราส่งลิงค์ให้” ญาณินเปิดโทรศัพท์ส่งลิงค์นิยายของตัวเองให้เพื่อน
“อ่านละวิจารณ์หน่อยนะ”
“ได้เลย” สองสาวทานอาหารกันต่อ กฤติกาสบายใจขึ้นมากเมื่อญาณินไม่พูดในเรื่องที่เธอลำบากใจที่จะตอบ
เย็นนั้นสองสาวแลกเบอร์กันไว้ เนื่องจากกฤติกาเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน
##############
“ลูกไก่ อาทิตย์หน้าผมมีไปประชุมสามัญประจำปีสมาคมสถาปัตยกรรมไทยคุณต้องไปด้วยนะ” อัศราเดินเข้ามาบอกเธอ ปกติเธอจะตามเขาไปประชุมหรือสัมมนาสลับกับเลขาฯ ของเจ้านาย
“ค่ะนาย ที่ไหนคะ”
“เชียงใหม่สามวัน เครื่องออกพรุ่งนี้ผมให้คุณวิวจองตั๋วไว้แล้ว”
กฤติกาชะงักเมื่อได้ยินดังนั้น
“เชียงใหม่เหรอคะนาย ดีจังเผื่อได้แวะกลับบ้าน”
“บ้านคุณอยู่ที่ไหนนะ” อัศราเลิกคิ้ว
“ลำปางค่ะ ออกไปจากเชียงใหม่นิดเดียว”
คราวนี้เป็นอัศราที่ชะงัก “ลำปางเหรอ แล้วน้องๆ ของคุณอยู่ลำปางด้วยรึเปล่า”
คำถามนั้นทำให้เธอหัวเราะ
“พี่น้องกันก็ต้องอยู่ที่เดียวสิคะ ไก่เพิ่งไปรับหน่อยกับนัทมากรุงเทพฯ เมื่อตอนสงกรานต์ปีที่แล้วนี่เองค่ะ”
เพล้ง... อัศราทำแก้วน้ำหลุดจากมือโดยที่ไม่ตั้งใจ เศษแก้วกระเด็นใส่มือเขาจนเลือดออก
“นายคะ เป็นอะไร” กฤติการีบไปหาไม้กวาดมากวาดเศษแก้วออก ส่วนเจ้านายหนุ่มของเธอเหมือนจะตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว
###############
เกศรารู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ ช่วงนี้เธอฝันถึงคืนวันนั้นหลายครั้ง วันที่เธอพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับคนที่เธอไม่รู้จัก
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเธออายุสิบเก้าเรียนปีสองที่วิทยาลัยในตัวจังหวัด วันนั้นเธอหนีพ่อเลี้ยงที่พยายามจะข่มขืนจนต้องไปนอนหอเพื่อน เพื่อนสาวของเธอทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์วันนั้นร้านขาดคนเกศราจึงถูกชวนให้ไปหารายได้พิเศษ
เกศราเป็นเด็กสาวหน้าตาดี ผิวพรรณดี ตัวเล็กไซส์มินิเธอไม่เคยทำงานพิเศษในสถานที่อโคจรมาก่อนแต่ทนคำรบเร้าของเพื่อนไม่ได้ จึงยอมทำงานหนึ่งวันแต่ความขาดประสบการณ์ทำให้เธอปฏิเสธแขกไม่ได้เมื่อแขกรินเบียร์ให้แก้วให้เธอดื่ม
กว่าจะใกล้ปิดร้านเธอก็เริ่มมึนมากแล้วแต่พยายามฝืนตัวเอง เพื่อนของเธอเห็นเข้าจึงอาสาพาเธอไปพักบนห้องชั้นบนของร้านที่เป็นโรงแรม เธอหลับไปเกือบชม. และรู้สึกตัวตื่นเมื่อถูกกอดรัดในความสลัวราง เกศราพยายามดิ้นรนต่อสู้ตอนนี้เธอรู้สึกตัวตื่นเต็มที่แล้วแต่ไม่มีแรงพอจะขัดขืน
เธอถูกชายปริศนาตักตวงความสุขจากเรือนร่างของเธอหลายครั้ง จนเขาหลับในตอนใกล้รุ่งเกศราลนลานแต่งตัวแล้วหนีกลับบ้านโดยไม่ไปที่ห้องเพื่อนอีก
เมื่อเธอกลับถึงบ้านพบว่าแม่พาพ่อเลี้ยงออกจากบ้านไปแล้ว เกศราไม่กล้าบอกใครถึงสิ่งที่เจอ เธอเลิกคบเพื่อนคนนั้นไปโดยปริยาย ได้แต่ด่าตัวเองที่โง่จนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นและอีกหนึ่งเดือนต่อมาก็เหมือนฟ้าถล่มเมื่อเธอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์
จากนั้นกฤติกาพาเธอและน้องชายมาเริ่มต้นใหม่ในกรุงเทพฯ เกศราสบายใจมากขึ้นเมื่อออกมาจากสภาวะเดิมๆ จนกระทั่งช่วงก่อนคลอดสามเดือน เจ้านายของพี่สาวมาที่บ้านบ่อยขึ้นและมักจะมีของฝากมาให้เธอ
เธอไม่กล้าบอกกฤติกาว่าเธอไม่อยากพบเจ้านายของพี่ เพราะเธอไม่มีเหตุผลข้อใดที่จะบอกว่าเขาเป็นคนไม่ดี มีเพียงกลิ่นเท่านั้น...เธอจำกลิ่นน้ำหอมของพ่อของลูกได้และมันเป็นกลิ่นเดียวกับที่อัศราใช้
##############
อัศรากลับถึงบ้านชายหนุ่มเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานที่บ้าน เขาหยิบสร้อยทองเส้นเล็กๆ น้ำหนักไม่น่าจะเกินห้าสิบสตางค์ออกมาดู มันหล่นอยู่บนที่นอนในวันที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงแรมที่ลำปาง
มันเป็นเช้าหลังจากที่เขาผ่านคืนที่สนุกสุดเหวี่ยงจากเซ็กส์ที่มีกับเด็กเชียร์เบียร์คนหนึ่งในร้าน เขาจำหน้าเธอไม่ได้เพราะวันนั้นที่เจอเธอเขาก็เริ่มเมาแล้ว รู้แค่ว่านึกชอบเด็กสาวตัวเล็ก ผิวบางใส เครื่องหน้าจุ๋มจิ๋มเหมาะเจาะ
อัศราถามเจ้าของร้านหรืออีกนัยหนึ่งคือแม่เล้าเกี่ยวกับเด็กคนนั้น
“น้องคนนั้นรับงานพิเศษไหม”
“รับค่ะเสี่ย” เจ้าของร้านสาวใหญ่รีบตอบ
“อายุถึงสิบแปดรึยัง” ถึงยังไงเขาก็ต้องถามก่อนเพื่อจะไม่มีปัญหาตามมา
“น้องเขาสิบเก้าแล้วค่ะ เพิ่งมาวันนี้วันแรกของใหม่แกะกล่องเลยค่ะเสี่ย”
“โอเคเท่าไหร่” เขาถามสั้นๆ
“เด็กใหม่เพิ่งมาวันนี้รับประกันความซิงค่ะ แพงหน่อยนะคะ หมื่นห้าเหมาทั้งคืนเลยค่ะ”
อัศราหยิบธนบัตรสีเทาออกมาประมาณยี่สิบใบส่งให้เจ้าของร้าน เจ้รีบรับอย่างรวดเร็ว
“เที่ยงคืนนะคะเสี่ยขึ้นไปที่ห้องเดิมได้เลย เจ้จะให้น้องไปรอค่ะ”
แต่เช้าวันนั้นเขาตื่นมาไม่พบใคร ยอมรับว่าติดใจมากจนอยากเหมาคิวเธออีกวันแต่ก็ต้องผิดหวัง พบแต่สร้อยทองที่ขาดบนที่นอนเส้นนั้นตอนแรกเขาจะเอาไปฝากไว้ที่เจ้าของร้านแต่ลืม กว่าจะรู้ตัวมันก็ติดกระเป๋าเสื้อมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ