“คุณอินคะ วันนี้ลงอ่านข่าวคนเดียววันแรกพร้อมใช่ไหมคะ ข่าวที่ต้องอ่านมีทั้งหมดแปดข่าวค่ะ เริ่มจากข่าวลูกทำร้ายแม่ก่อนเลย”
โปรดิวซ์เซอร์สาวเดินเข้ามาบรีฟข่าวช่วงเย็น อินทุภาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวาน แล้วเหลือบไปเชื่อมสายตาให้กับเวทัศที่ลงมาดูงานวันนี้ด้วยตัวเอง
การที่รับอินทุภาเข้ามาเป็นผู้ประกาศข่าวคนใหม่ไม่ได้มาจากความรู้สึกส่วนตัว แต่เพราะเห็นผลงานจากช่องข่าวต่างประเทศและ
เธอสามารถพูดได้หลากหลายภาษา มันเพียงพอแล้วกับตำแหน่งผู้ประกาศข่าวคนใหม่ของช่อง
“ได้เวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมคุณยังอยู่อีก”
หลังจากอ่านข่าวและเปลี่ยนชุดเสร็จอินทุภาเดินออกมาเจอเวทัศ
ดักรออยู่ด้านนอกพอดี เขาส่งยิ้มให้
“เวย์มารออินน่ะ ว่าจะชวนไปทานข้าวสักหน่อย”
“ไปทานกับอิน เมียไม่ว่าเหรอคะ” หยั่งเชิงถาม
“ว่าสิทำไมจะไม่ว่า แต่บางทีผู้ชายก็คือผู้ชายก็ต้องไปหาเศษหาเลยกับพวกผู้หญิงง่าย ๆ บ้าง ”
เวทัศยังไม่ทันได้ตอบเสียงของมนลิตาดังขึ้นทำลายความฝันมื้อค่ำของอินทุภาลงทันที สายตาของสองสาวเชือดเฉือนกันไปมาทว่าปากกลับฉีกยิ้มให้กันเหมือนเป็นมิตร
“ถ้าเวย์จะไปหากินนอกบ้านก็คงไม่แปลก เพราะกับข้าวที่บ้านจืดชืดและไม่น่ามอง”
เป็นคำพูดตอบกลับได้เจ็บแสบแต่มีหรือคนอย่างมนลิตาจะยอม เรื่องงานเธอเองก็เก่งไม่แพ้ใคร เรื่องฝีปากก็เหมือนกัน
“ขนาดกับข้าวที่บ้านจืดชืด ไม่น่ามองยังกินทุกวันแถมยังทั้งคืนอีกไม่ยอมคายทิ้งเลยแม้แต่คำเดียว ต่างจากกับข้าวข้างนอกแค่อยากก็ไป”
ตุลย์ธรมองสลับสองสาวไปมาแล้วเริ่มประติดประต่อเรื่องราวผู้หญิงฝั่งตรงข้ามเขาจำได้ว่าเป็นแฟนเก่าของเวทัศ งั้นก็หมายความว่ามนลิตาคือภรรยาของเวทัศอย่างนั้นเหรอ
ชายหนุ่มมองสลับไปมาระหว่างคู่สามีภรรยาด้วยความประหลาดใจว่าทั้งสองคนแต่งงานได้อย่างไรทั้งที่ต่างกันสุดขั้วและดูท่าแล้วเวทัศน่าจะรักอินผู้หญิงคนนั้นมากเหมือนกัน
อินทุภาสังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้านหลังของมนลิตาเธอจำได้ทันทีว่าเป็นใคร
...หนึ่งในผู้ชายที่เคยตามจีบเธอแข่งกับเวทัศ
ทำไมวันนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่?
“พอได้แล้วมน เลิกพูดเรื่องน่าเกลียดต่อหน้าคนอื่นได้แล้ว” มือหนาคว้าไปยังต้นแขนอวบออกแรงบีบจนหญิงสาวมีสีหน้าเหยเก
“คุณต่างหากที่ต้องพอ ไม่เห็นหรือไงว่าคุณมนไม่สบายหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มเสียอีก”
คราวนี้คนออกโรงปกป้องเป็นตุลย์ธร เขาเอื้อมไปดึงมือของเวทัศ
แล้วออกแรงสะบัดทำเอาคนเจ้าเนื้อเซเล็กน้อยเพราะรู้สึกหน้ามืดอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว โชคดีเหลือเกินที่ตุลย์ธรคว้าเอวเอาไว้ได้ทันแล้วดึงเข้าหาตัวเอง
ภาพตรงหน้ามันสร้างความไม่พอใจให้กับเวทัศอย่างบอกไม่ถูก ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเมีย แต่ก็ไม่ได้ชอบใจสักเท่าไรหากมีชายอื่นมาถูกเนื้อต้องตัวโดยที่เขายังไม่ได้หย่า
ชายหนุ่มเดินไปจับมือของตุลย์ธรแยกออกแล้วเป็นฝ่ายเข้าไปประคองแทน สายตาดุนั้นหันไปถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอก วันนี้ก็ห้ามแล้วว่าไม่ให้มาทำงาน”
แม้ท่าทีจะมีเชิงตำหนิอยู่บ้างทว่าแววตาที่อินทุภาเห็นมันกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างแปลกประหลาด ไหนเขาเคยบอกว่าไม่ได้รักผู้หญิงที่แต่งงานด้วยไง
“พี่เวย์ ปล่อยมือ มนเหม็น อุ๊บ...แหวะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำอาการคลื่นไส้ก็ตีย้อนกลับขึ้นมาบริเวณคอหอย สองมือดันวงแขนผู้เป็นสามีออกแล้ววิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“เวย์คะ อินว่าเอาไว้วันหลังก็ได้นะคะ ไปดูคุณมนเถอะ ดูท่าแล้วน่าจะไม่สบาย วันนี้เดี๋ยวอินกลับบ้านเองก็ได้ค่ะ”
สาวสวยรีบรับบทคนดีขึ้นมาทันที ตุลย์ธรถึงกับส่ายหน้าเมื่อสามปีที่แล้วเจ้าตัวเคยเป็นคนยังไง ปัจจุบันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น โชคดีเหลือเกินที่ตอนนั้นเขาตาสว่างและเห็นอีกด้านของเธอเสียก่อน หากมนลิตาไม่มาเบิกเนตรป่านนี้เขาก็คงตกเป็นเหยื่อของเธออีกคน
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เวย์ขอโทษด้วยนะมน”
“อือ ไม่เป็นไร”
พออินทุภาพยักหน้าให้ขายาวของเวทัศก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมนลิตาเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ได้สนใจเลยว่า นั่นมันคือห้องน้ำหญิง
“เมื่อก่อนยังไง ปัจจุบันก็อย่างนั้น”
ขาเรียวกำลังจะขยับเดินต้องหยุดลงกับคำพูดเหน็บแนม เธอหันไปช้าๆ โดยที่ตุลย์ธรเดินเข้ามาใกล้แค่คืบ มุมปากนั้นหยักโค้งขึ้นเหมือนเย้ยหยัน ไม่นานก็หุบลง
“ที่พูดเมื่อกี้ คุณได้หมายถึงฉันหรือเปล่า”
“ยืนกันอยู่สองคน คุณคิดว่าผมจะว่าให้ใคร” ใบหน้าหล่อเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง
“เมื่อก่อนฉันเป็นคนยังไง รู้จักฉันดีหรือไง”
“คนทำเลวก็มักจะไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปมันเลวแค่ไหน”
“แล้วคุณมาว่าฉันทำไม...หรือว่ายังโกรธที่ฉันเคยปฏิเสธคุณเมื่อหลายปีก่อน” อินทุภายังคงคิดเข้าข้างตัวเอง
“เลิกคิดว่าตัวเองสวยและแสนดีจนคนต้องแย่งกันสักทีได้ไหม ที่ผู้ชายเขาเข้าหาก็เพราะเห็นว่ามันง่ายกว่าผู้หญิงทั่วไปก็เท่านั้น...แต่สำหรับผมเหม็นหน้าคุณเต็มทน”
“นี่คุณ!”
อินทุภาได้แต่ชี้หน้าอีกฝ่ายทว่าชายหนุ่มไม่ได้สนใจเลือกเดินชนเรียวแขนนั้นแล้วจากไปทันที
เมื่อก่อนยอมรับว่าเขาชอบเธอมากแต่เพราะบางเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันทำให้เขานึกเกลียดเธอมาจนถึงทุกวันนี้
ต้นเหตุของการตายน้องชายเขาคือเธอ...ผู้หญิงที่ชื่ออินทุภา
‘ประกาศแต่งฟ้าแลบ! รอบสองกับภรรยาคนเก่ากับไฮโซเวทัศ’พาดหัวข่าวหราทุกแพลตฟอร์มและกลายเป็นประเด็นร้อนทุกออนไลน์กับความรักของทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงและที่สำคัญเจ้าสาวในวันนี้ไม่ใช่ดาราดังหรือผู้หญิงสวยหน้าตาดีรูปร่างสวยเลย เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาแต่มัดหัวใจของชายหนุ่มได้อยู่หมัด“ยินดีด้วยนะ”เสียงแจ้วของกลุ่มก้อนเดิมดังขึ้นนำทีมโดยพี่ท้อปและตามด้วยน้องเล็กของทีมอย่างเจ้าต้น ก่อนหน้านั้นเจอกันแล้วรอบหนึ่งตอนเธอแวะไปแจกซอง พวกเขายังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเงียบ ๆ เหมือนเดิมแขกที่เชิญมามีแทบทุกวงการทั้งบันเทิง การเมือง และสายนักข่าว แต่คนที่เจ้าสาวรอมากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้ชายสวมสูทสีครีมกำลังเดินมา“พี่ตุลย์ ขอบคุณนะคะที่มา”“ต้องมาอยู่แล้วน้องสาวคนสวยของพี่แต่งงานทั้งที” กำลังจะยกมือขึ้นยีหัวด้วยความเคยชิน แต่คราวนี้มนลิตาหลบทัน“ฮันแน่ ไม่ได้กินหรอก พี่ยังติดยีหัวเหมือนเดิมเลยนะคะ”“นั่นสิ เป็นสัญชาตญาณของมือมั่ง” ทั้งคู่หัวเราะกันคิกคักจนมองไม่เห็นหัวเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ตรงนั้น“อะแฮม”“อ้าว เจ้าบ่าวยืนอยู่ตรงนี้เหรอ นึกว่ารูปปั้
‘ปัง’เสียงกัมปนาทดังขึ้นสนั่นจนหูอื้อเพราะมันอยู่ใกล้แค่ไม่กี่เมตร ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเขาผลักคนตัวอ้วนไปอีกทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมาตรงหัวไหล่เขาชำเลืองมองเลือดสีแดงสดกำลังไหลซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวผืนบาง ก่อนจะทรุดลงกับพื้น“กรี๊ดดดด พี่เวย์ ๆ”มนลิตาแทบคุมสติไม่อยู่รีบถลาตัวเข้าไปประคองเวทัศเอาไว้พร้อมกับตะโกนบอกคนแถวนั้นให้เรียกรถพยาบาล ชายหนุ่มเห็นอาการคนรักสติกระเจิงจึงจับมืออวบที่กำลังสั่นระริกเพราะความตกใจมากุมไว้“มน ใจ...เย็น ๆ นะพี่ไม่เป็นไร”“ไม่เป็นไรได้ยังไง เลือดออกขนาดนี้” น้ำตาร่วงหล่นลงแก้ม ความกลัววิ่งเข้ามาแทนที เธอไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บแต่กลัวว่าเขาจะตาย“พี่ยังไหว แผลแค่นี้เอง” เวทัศพยายามปลอบเธอ แต่นั้นยิ่งทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นภาษา“พี่เวย์ ห้ามเป็นอะไรนะ นี่เป็นคำสั่ง ไหนว่าอยากอยู่กับมนและลูกไง ถ้าเป็นอย่างนี้มนจะอยู่ยังไง”“พี่จะไม่เป็นไร มนอย่าร้องนะ” เขาบีบมือเธอแน่นขึ้น ไม่นานเท่าไรหูก็ได้ยินเสียงไซเรนดังแว่วมาเจ้าหน้าที่ทำงานเคลื่อนย้ายร่างของเวทัศขึ้นบนเตียง มนลิตากระโดดขึ้นไปบนรถอ้างความเป็นภรรยาทันที รถพยาบ
ในที่สุดวันเวลาของการรอคอยก็มาถึงสักที ทั้งหมดเดินทางมาถึงภูเก็ตด้วยเครื่องบิน พอมาถึงคนของเวทัศก็นำรถมารับถึงสนามบิน“คุณท่านรออยู่ที่โรงแรมแล้วครับ” คนขับรถบอกกับเวทัศแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ทุกคนนั่ง รถยนต์เคลื่อนตัวตรงไปโรงแรมทันทีโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ริมหาดกะตะบนแนวสันเขาของเกาะบริเวณหน้าโรงแรมเป็นหาดทรายขาวละเอียด มีลักษณะเป็นวงกว้างและมีความโค้ง คลื่นลมสงบ น้ำนิ่งสามารถลงเล่นน้ำได้และที่นี่ยังมีแนวปะการังแปลกตา ยาวไปจนถึงเกาะปู ทำให้เป็นที่ฝึกดำน้ำ และจุดดำน้ำยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามใต้ทะเล“หูววว พ่อขาทะเล” รถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมเมทิตาชะเง้อคอขึ้นมองแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างรถด้วยความตื่นเต้นตายายหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลานแล้วบอกว่าให้รถจากรถก่อนจะได้เห็นชัด ๆ พอก้าวเท้าลงมาคนเป็นย่าก็ยืนรอต้อนรับอยู่แล้วทำให้หนูน้อยลืมน้ำทะเลใสไปเลย“หนูเมย์...”“คุณย่า”ขาสั้นป้อมวิ่งตรงลิ่วไปหาคุณหญิงระย้า แขนเหี่ยวย่นอ้าแขนรับเจ้าตัวเล็กสู่อ้อมกอดแล้วหอมซ้ายหอมขวาเหมือนเคย“คุณย่าขา หนูเมย์ได้นั่งเครื่องบินด้วย บนโน้นมีเมฆ มีนกด้วยค่ะ”เมทิตาเงยหน้าชี้
สองผู้เฒ่านั่งเล่นอยู่ข้างล่างหันมองหน้ากันเชื่อได้เลยไม่นานทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าลูกสาวพวกเขานั้นใจอ่อนตั้งนานแล้วตอนนี้แค่วางฟอร์มเท่านั้น“แม่มนขา พ่อเวย์ขา” น้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นมนลิตาพอจะเดาออกว่าลูกสาวต้องอยากได้หรืออยากไปที่ไหนสักที่แน่นอน“อ้อนจะเอาอะไรอีกคะ”“หนูเมย์อยากไปทะเล วันนี้เพื่อนหนูเมย์บอกว่าพ่อกับแม่พาไปทะเลหนูเมย์อยากไปบ้าง” เด็กหญิงทำหน้าอ้อน ๆ ใส่แม่ หันไปกระพริบตาปริบๆกับคนเป็นพ่อก่อนจะวิ่งอ้อมโต๊ะไปสวมกอดตากับยายเพื่อเอาใจมนลิตาแพ้ทางเวลาเมทิตามาอ้อนเพื่อขออะไรสักอย่าง แน่นอนว่าเธอไม่ได้ตามใจเสียทุกเรื่องแต่เพราะลูกสาวเธอไม่เคยไปทะเลเลยตั้งแต่เกิดมากำลังจะอ้าปากพูดผู้ชายนั่งข้างก็เป็นฝ่ายเสนอขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นเราไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวดีไหมครับ ผมจะได้โทรบอกคุณแม่ด้วย”“ดีค่ะ ไปๆ ไปเที่ยวทะเลกัน” เมทิตาตอบรับแทนทุกคนแล้วชูสองแขนขึ้นกระโดดหมุนตัวไปมารอบโต๊ะกินข้าวเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกกับมนลิตาทำให้เขามีความสุขมากขึ้นไม่ต้องมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนแต่ก่อน“แล้วเราจะไปทะเลที่ไหนล่ะ ประเทศเรามีทะเลตั้งหลายจังหวัด” ตา
ว่ากันว่าคนเราไม่เคยมีใครเป็นพ่อกับแม่มาก่อนทุกคนมาเริ่มต้นนับหนึ่งเมื่อมีลูกคนแรก ต่างลองผิดลองถูกกันมาทั้งนั้นสงสัยมันจะเป็นเรื่องจริง เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังฝึกหัดการเป็นพ่อคน คนอื่นโชคดีที่ได้ฝึกเป็นพ่อด้วยการอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม กล่อมนอน แตกต่างจากเขาตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกค้าให้กับช่างแต่งหน้าตัวน้อย“พ่อเวย์สวยที่สุดเลยค่ะ” หนูเมย์ยื่นกระจกให้คนเป็นพ่อดูกับความภาคภูมิใจในการแต่งหน้า เขายิ้มรับให้ลูกแล้วทำท่าตื่นเต้นบนหัวผูกจุกเป็นต้นมะพร้าวสามต้น คิ้วถูกระบายหนาเป็นปลิง เปลือกตาทาด้วยสีฟ้าเข้ม ขนตางอนปัดด้วยมาสคาร่า โหนกแก้มแดงยิ่งกว่าตูดลิง ไฮไลท์ดั้งพุ่งโด่งจนแทบทิ่มตา ตบท้ายด้วยปากสีส้มเข้ากันกับแก้มสุดๆ“เฮ้ออออ” เวทัศพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ“ถอนหายใจทำไมคะ ไม่สวยเหรอ” เด็กหญิงย่นคิ้ว เวทัศรีบฉีกยิ้มเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว“สวยค่ะ แต่พ่อว่ารอบหน้าเราลองลดความเข้มของสีตา แก้มลงกว่านี้ดีไหม มันจะต้องสวยมากกว่านี้แน่เลย เววี่คอนเฟิร์มคร๊า!”เวทัศดีดตัวสะดีดสะดิ้งราวกับว่าตัวเองเป็นเป็นสาวประเภทสอง แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นตรงประตูทางเข้าและที่น่าอับอา
ช่วงหลังเลิกงานเขาเอาแต่นั่งทำอาหารเกาหลีแทบทุกวันเพื่อที่อย่างน้อยมันก็บรรเทาความคิดถึงผู้หญิงตรงหน้าได้บ้าง และวันนี้เขาก็ได้มีโอกาสทำให้เธอได้กินแล้ว“กินสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะ” ชายหนุ่มเลื่อนจานจาจังมยอนมาให้มนลิตาหลุดออกมาจากภวังค์ใช้ตะเกียบเหล็กคีบเส้นสีดำเข้าปาก ทันทีที่ลิ้นสัมผัสกับน้ำซอสสีดำดวงตากลมประกายวาววับขึ้นมาทันทีมุมปากของเวทัศหยักโค้งขึ้นแทบจะถึงติ่งหู หาเรื่องคุยกับง้อตั้งนานแทบจะไม่ได้ผลแต่พอทำของโปรดไว้ให้เขากลับเห็นความสดใสบนใบหน้าของเธออีกครั้งชายหนุ่มเท้าคางบนเก้าอี้มองหญิงสาวกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย กว่าจะรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายเฝ้ามองเธอก็กินอาหารไปจนเกือบหมดโดยลืมชวนคนทำกินเสียด้วยซ้ำ“ไม่กินด้วยกันเหรอคะ”“ไม่ล่ะครับ พี่เห็นมนกินได้ก็ดีใจแล้ว”เอื้อมมือไปหยิบทิชชูจากกล่องไปเช็ดมุมปากที่เปื้อนน้ำซอสสีดำให้แผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่สบกันครู่หนึ่งจนเป็นฝ่ายมนลิตาได้สติขึ้นมาก่อน เธอเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเช็ดปากด้วยตัวเอง“เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน...”“มนอยากคุยกับพี่เวย์เรื่องนี้พอดีเลยค่ะ”ยังไม่ทันจะบอกจุดประสงค์จบเลยว่าไม่ต้องรีบเขารอได้ ทว่าหญิงสาวก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเ