กว่านริศราจะหาทางออกมาจากตึกนั้นได้ก็ทำเอาเพลียจนแทบจับไข้ แต่พอลงมาได้ก็ไม่รู้จะเอายังไงต่อในเวลาเกือบตีสองอย่างนี้ โชคดีที่ซินดี้โทรมาได้ตรงจังหวะพอดีจึงขอความช่วยเหลือ“นี่คอนโดของเธอเหรอ หรูจังเลย” นริศราเข้ามาในคอนโดที่ซินดี้พาเข้ามาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น ถ้าซินดี้มีคอนโดที่ทั้งหรูและใหญ่โตขนาดนี้ เชื่อแล้วแหละว่าการที่เธอจะรับผิดชอบเรื่องแว่นและมอเตอร์ไซค์ให้นั้นไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร จะว่าไปแล้วอาชีพพีอาร์นี่มันเงินดีอย่างที่คนอื่นๆ ว่ากันก็ดูจะจริงนะเนี่ย“ตามสบายเลยนะนุ่มนิ่ม” “ที่นี่กว้างจัง คงแพงน่าดูเลย” คอนโดย่านใจกลางเมืองที่มีห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น อีกทั้งยังมีห้องครัวแยกเป็นสัดส่วน ทุกอย่างภายในห้องถูกบลิ้วอินเข้ากันเป็นอย่างดี เธอตามซินดี้ลงไปนั่งที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น ขณะที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าซินดี้จ้องมองเธอไม่วางตาราวกับไม่เคยพบเคยเจอกันมาก่อน ลืมไป คราวที่แล้วที่เจอกันนั้นเธอยังเป็นอีเพิ้งอยู่เลย แต่ตอนนี้คงจะแตกต่างจากตอนนั้นมากไปหน่อยซินดี้เลยจ้องไม่หยุดอย่างนี้“ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้ นี่ฉันเอง นุ่มนิ่มคนเดิม”“เหรอ
นริศราตื่นแต่เช้า อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็เลือกชุดเดรสแบรนด์เนมชุดหนึ่งที่ดูสวยน่ารักเหมาะกับใส่ในวันสบายๆ ทว่ารู้สึกไม่ค่อยชินกับเสื้อผ้าพวกนี้อยู่ดีเพราะปกติแล้วจะสวมแต่เสื้อผ้าที่ซื้อได้ทั่วไปตามตลาดนัด ราคาไม่กี่ร้อยบาทสภาพผมของเธอตอนนี้กลับมาฟูยุ่งเหยิงเหมือนเดิมหลังจากที่สระและไดร์เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเมื่อเปิดดูเครื่องสำอางที่ได้มาจากเมื่อคืนก็ปิดกลับเพราะมันเยอะเหลือเกินจนไม่รู้จะแต่งอะไร ของพวกนี้ราคาแพง เธอไม่อยากรับไว้หรอก เดี๋ยวซินดี้กลับมาจะคืนให้เพราะอาชีพอย่างซินดี้คงต้องใช้เครื่องสำอางอยู่แล้วแต่สำหรับเธอนั้นคิดว่าไม่จำเป็นอะไรเธอรู้สึกเกรงใจเสียมากกว่า อีกทั้งสื้อผ้าและสกินแคร์บางตัวที่ี่ยังไม่ได้ใช้ก็จะคืนซินดี้ให้หมด เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นในเวลาเจ็ดโมงเช้า เธอลุกขึ้นเดินไปเปิดออกทันทีด้วยความงุนงง ก็ไหนซินดี้บอกว่าจะออกมารับสายๆ เพราะจะขอนอนก่อนทว่าพอเปิดออกมากลับไม่ใช่คนที่คิดไว้ แต่กลับเป็นร่างสูงโปร่งของบุรุษชุดดำเช่นเมื่อคืนที่เอาของมาส่ง เขาก้มหน้าก้มตายื่นของให้กับเธออย่างไม่พูดไม่จาอะไรแล้วรีบหันหลังให้ทันที“เดี๋ยวก่อน นี่อะไรคะ” อยู่ๆ ก็เอาอะไรมาให้ก็ไ
“นุ่มนิ่ม วันนี้พี่ไปกินข้าวแล้วผ่านร้านลอดช่องร้านประจำของแม่พี่ พี่เลยซื้อมาฝาก อร่อยมากเลยนะ การันตีด้วยการที่แม่พี่เป็นลูกค้าประจำ เจนด้วยนะ เอาไปคนละถุงสิ” ศรัณญูวางถงขนมไว้ที่ด้านข้างเคาเตอร์ที่นริศราและจิราภายืนประจำตำแหน่งอยู่ สายตาของเขามองเพียงแค่นริศราคนเดียวเท่านั้น หาได้ชายตาแลหญิงสาวอีกคนไม่“ขอบคุณนะคะพี่ยู” นริศรายิ้มให้ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องทำงานด้านในอย่างขวยเขินศรัณญูรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวสะอาด ดวงตาเล็กชั้นเดียวเพราะมีเชื้อสายจีน เวลายิ้มทีไรหน้าแดงซ่านตาหยีแทบไม่เห็นลูกตา แต่กระนั้นก็น่ารักมาก สถานะยังโสดและมักจะโดนลูกค้าในร้านเต๊าะอยู่เป็นประจำหากเขาออกมาหน้าร้าน ครั้งหนึ่งเคยมีสาวสวยมานั่งเฝ้าตามจีบเขาถึงในร้าน เทียวไล้เทียวขื่อทว่าชายหนุ่มขี้อายและสุดท้ายก็ปฏิเสธเธอไปเพราะไม่ชอบผู้หญิงเข้าหาก่อน“ยิ้มอะไรอีเจน” จิราภายิ้มยั่วเย้าใส่นริศราตั้งแต่เห็นศรัณญูเดินเข้ามาในร้านแล้ว“มึงเห็นยัง”“อะไรของมึง” นริศราขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจพลางเดินไปเดินมาที่หน้าเคาเตอร์อย่างไม่นึกอยากจะสนใจคำพูดของเพื่อนสาวมากนัก“ก็พี่ยูไง”“พี่ยูทำไมล่ะ”“เขาจีบมึงชัวร์” สิ้น
ณ เพ้นท์เฮาส์สุดหรูหราที่มองทิวทัศน์เมืองกรุงได้ทั่วทุกมุม ร่างสูงใหญ่ยืนสูบบุหรี่ที่ระเบียงพลางสูดอากาศที่มีลมพัดมาสัมผัสกายเบาๆ ด้านหลังเป็นบอดี้การ์ดมือขวาที่กำลังรายงานเรื่องที่ผู้เป็นนายให้ไปตามสืบมา“อะไรนะ ไอ้นั่นมันเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมาเป็นสิบๆ ปีอย่างนั้นเหรอ”“ครับ คืนนั้นที่มันไปออกเดทกับเธอ มันขอคบกับเธอครับ” ครามรายงานตามที่ตัวเองได้ข้อมูลมาหลังจากที่ตามสืบเรื่องนี้มาเป็นอาทิตย์ และวันนี้ที่คาเฟ่ก็ได้ทราบอะไรหลายๆ อย่างหลังจากที่ทำเนียนแฝงตัวในหมู่ลูกค้าในคาเฟ่และเก็บรายละเอียดทุกอย่างจนได้มารายงานให้กับเจย์เดนฟังในขณะนี้“แล้วยังไงต่อวะ” เจย์เดนก็พอจะรู้แล้วแหละว่าชายหญิงสองคนไปออกเดทที่ร้านอาหารในบรรยากาศโรแมนติกแบบนั้นก็คงต้องมีอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว ถามไปก็รู้สึกหึงไปด้วย แต่ทำอะไรไม่ได้ก็อัดบุหรี่เข้าปอดไปฟอดใหญ่“วันนี้มันมาหาเธอที่คาเฟ่ที่เธอทำงานอยู่ครับ แฟนเก่าของมันตามมันมาดูหน้าเธอตอนที่เธอ…เอ่อ…ไม่สวยครับ” ครามก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออกจึงกล่าวคำว่า ‘ไม่สวย’ ออกไปอย่างนั้นพลางแอบลอบมองปฏิริยาของเจย์เดนก็พบว่าเขาทำเสียงฟึดฟัดขึ้นจมูกอย่างไม่
“อีป้าหน้าจืดเนี่ยนะ เมียคุณเจย์เดน มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ แค่เห็นหน้าก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก มีดีตรงไหนวะ เฉิ่มชะมัด” “ใช่ ห้อยหลวงปู่มั่นเต็มคอก็ไม่ช่วยให้เขาชายตาแลหรอก อย่างดีก็เป็นแค่ขี้ฝุ่นในเล็บตีนเขาเท่านั้นแหละ” เรื่องของนริศราถูกเม้าท์มอยกันให้แซดในหมู่พีอาร์ ต่างใส่สีตีข่าวต่างๆ นาๆ จนกลายเป็นว่านริศราเป็นฝ่ายถูกยำเละไม่มีชิ้นดี “เออ ไม่มีใครสวยเท่าแม่มึงแล้วค่ะ” นริศราจีบปากจีบคอด่าพลางกลอกตามองบนใส่พีอาร์สาวสวยสองคนที่นินทาเธอระยะเผาขนอย่างหาได้แคร์ไม่ พวกมันกล้าด่าเธอขนาดนี้ มีหรือจะก้มหน้าก้มตายอมโดนด่าฟรี ถึงเธอจะเฉิ่มเชยเหมือนป้าอย่างที่โดนว่าก็ตาม แต่เธอก็เป็นคนเหมือนกัน แรงมาก็แรงกลับ ปาก้อนหินมาเธอก็จะปาขี้หมากลับเหมือนกัน! “มันด่ากลับว่ะลิลลี่ มึงเข้าไปจัดการมันเลยสิ” นีน่า พีอาร์สาวพยายามดันเพื่อนสาวตัวเองเข้าไปหาพนักงานสาวในร้านมินิมาร์ทที่พวกเธอข้ามถนนกันมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าผู้หญิงที่ถูกพูดถึงว่าเป็นเมียของเจย์เดนเป็นอย่างไร แล้วก็อย่างที่เห็น หลายคนดูถูกเธอสารพัด แอบนินทาและพากันหัวเราะเยาะจนเธอทนไม่ไหว เลยต้องตอกกลับไปบ้างอย่างเหลืออด “ทำไมแมลงหวี่พ
“เป็นอะไรวะ นุ่มนิ่ม เห็นดูเหม่อๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว มึงมีอะไรในใจหรือเปล่าวะ ถ้ายังมัวแต่คิดเรื่องเมื่อวานที่โดนอีสองตัวมันมาป่วนอยู่อ่ะ มึงเลิกคิดได้แล้ว ไปให้ค่ากับพวกมันทำไม พวกประสาทแดกอย่างนั้น” จิราภาว่าพลางเบ้ปากมองบน คิดถึงพฤติกรรมแย่ๆ ของแพรวาและนพเมื่อวานแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เสียดายเมื่อวานนี้น่าจะด่าพวกมันไปเยอะๆ เอาให้สะใจมากกว่านี้“เจน”“ฮะ ว่าไง” จิราเงยหน้าขึ้นจากเครื่องทำกาแฟ มองเพื่อนที่ตาลอยไม่มีชีวิตชีวา“กูแม่งทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอวะ” หลังจากเกิดเรื่องที่กระทบจิตใจทั้งตอนบ่ายและเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็นอนคิดไปคิดมาทั้งคืนจนนอนไม่หลับ คำพูดของคนเหล่านั้นต่างหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับฝันร้ายที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้“ทุรงทุเรศอะไร เฮ๊ย นี่มึงเก็บคำพูดของอีสองคนนั้นไปคิดเหรอ กูบอกแล้วไงว่าอย่าไปให้ค่าพวกมัน…” จิราภายังพูดไม่จบก็โดนเพื่อนสวนทันที“ก็มันไม่ได้มีแค่สองคนนั้นน่ะสิ” “เอ๊ะ…”“ใช่ กูโดนคนอื่นบูลลี่ ว่าไม่สวย ขี้เหร่ เป็นอีป้าหน้าจืด เมื่อก่อนกูก็อยู่ของฉันดีๆ แต่ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนมายุ่งกับกู มาดูถูก บูลลี่สารพัด กูก็เลย…แค่เสียใจ”“ใครมันมาบูลลี่มึงอ
“ผมก็ทำแล้ว ตาก็ทำแล้ว ผิวหน้าก็ทำแล้ว ทำอะไรอีกดีน๊า…” เมื่อเช้าซินดี้พาเธอไปทำเลสิคมา ในที่สุดก็ยอมทำแม้จะแพงแต่ก็เพื่อความสวยเต็มรูปแบบ“ไม่รู้สิ” นริศราตอบซื่อๆ“เธออยากทำอะไรกับหน้าตัวเองหรือเปล่านุ่มนิ่ม ฉันแนะนำได้นะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเธออยากทำไหม”นริศราส่ายหัว เรื่องความสวยความงามน่ะเธอไม่รู้เรื่องเลยสักอย่าง แค่ซินดี้พาเข้าคลินิกความงามเมื่อวานก็ถือว่าเปิดประสบการณ์ครั้งแรกแล้ว ไม่รู้หมอเอาอะไรมาฉีดหน้า เห็นเขาบอกว่าเป็นวิตามิน แต่เธอก็รู้สึกเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ หน้ามันดูใสและตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังรู้สึกว่าที่ผ่านมาใช้ครีมบำรุงนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเท่ากับเข้าคลินิกเพียงแค่ครั้งเดียวเลย“อยากฉีดฟิลเลอร์ไหม อย่างที่พวกสาวๆ เขาชอบฉีดที่ปากกัน มันจะได้อวบอิ่มขึ้น แต่เธอก็ปากสวยอยู่แล้ว อวบอิ่มแล้วก็แดงเป็นธรรมชาติดี” เดิมทีแล้วนริศราเป็นคนผิวขาว ปากก็เลยแดงเป็นธรรมชาติอีกทั้งยังอวบอิ่มแบบที่ไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์“เธอเห็นว่าอะไรดีฉันก็ว่าตามแหละ แนะนำฉันหน่อย ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเท่าเธอหรอก”“อืม…ฉันว่าโดยรวมหน้าเธอสวยมากแล้ว แค่ฝึกแต่งหน้าบ่อยๆ ก็พอแล้วล่ะ มานี่ ฉันจะพาเ
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ร้านยังไม่เปิดนะคะ อีกประมาณสิบห้านาทีร้านจะเปิด ลูกค้าเข้าไปนั่งรอในร้านก่อนได้เลยค่ะ” จิราภากล่าวต้อนรับหญิงสาวสวยผู้มาใหม่โดยที่เพียงแค่เหลือบมองด้วยหางตาเท่านั้นทำเอาคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้ายิ้มแก้มปรินริศราเดินไปที่หน้าเคาเตอร์ที่จิราภากำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่พลางจ้องเพื่อนสาวอยู่อย่างนั้นจนจิราภารู้สึกแปลกใจเงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ“เอ๊ะ…เฮ๊ย นุ่มนิ่ม! นี่มึงเองเหรอ อุ๊บ๊ะ ทำไมสวยอย่างนี้” จิราภาเอื้อมมือไปแตะใบหน้าสวยหวานที่เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไม่ได้ของเพื่อนสาว ดวงตาลุกวาวเป็นประกายอย่างตื่นเต้นและแปลกใจ “ใช่ กูเองนี่แหละ นุ่มนิ่มคนดีคนเดิมแต่เพิ่มเติมสวยขึ้นเป็นกอง มึงว่ากูสวยขึ้นพอจะเอาไปตบหน้าอีนพกับแพรวได้หรือยัง”“ได้แล้ว ยิ่งกว่าเอาไปตบหน้าพวกมันอีก กูว่าตอนนี้มึงสวยกว่าพริตตี้พีอาร์อะไรพวกนั้นอีกนะ นี่มึงไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมหายไปแค่สองวันแต่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ดูสิ ผมก็ไม่ฟูแล้ว แว่นหนาๆ ก็ไม่มี” ว่าพลางแตะใบหน้าสวยๆ ของเพื่อนพลางเบี่ยงดูข้างซ้ายทีข้างขวาทีอย่างชื่นชมขนาดแต่งหน้ายังไม่เป็นนะเนี่ย ก็เลยแค่แต่งๆ เติมๆ นิดหน่อยแบบเพลย์เซฟเพราะกลัวโป๊ะ แต่มั
“คุณกลับไปได้แล้วนะ” นริศราสะพายกระเป๋าขึ้นข้างลำตัวพลางสั่งร่างสูงใหญ่เพราะเธอกำลังจะออกไปจากที่นี่“จะไปไหน” นี่ก็เพิ่งจะสี่โมงเย็น เธอจะรีบออกไปทำงานพาร์ททามตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ เร็วไปไหม อันที่จริงเขาคิดมาหลายครั้งแล้วว่าจะให้เธอออกจากงาน อย่างน้อยหากเธอยืนยันที่จะไม่ยอมก็ทำแค่งานประจำเท่านั้นพอ เธอควรจะหยุดพักบ้างหรือเอาเวลามาให้เขาจะดีกว่า“ฉันจะเข้าบ้านสักหน่อย ไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว” กะจะไปดูพ่อด้วยว่ามีเงินซื้อเหล้า เอ๊ย…มีเงินใช้หรือเปล่า “เดี๋ยวไปส่ง”“ฮะ ไม่ต้อง ฉันไปเองได้ คุณกลับไปเถอะ”“ก็บอกว่าจะไปส่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”อะไรอีกล่ะ อีตานี่ พอได้แล้วก็ทำตัวตามติด แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเลยนะ จะไม่ให้เธอมีชีวิตเป็นส่วนตัวบ้างหรือยังไง“จะคุยอะไร แค่นี้ยังคุยไม่จบอีกหรือไง”เจย์เดนลุกขึ้นพลางเดินนำเธอออกไปหน้าประตู “ค่อยคุยกันในรถก็ได้” ในที่สุด ทั้งสองคนก็เข้ามานั่งอยู่ในรถของเขา โดยที่นริศราก็ยังคงนั่งไปเกร็งไปจนเขาสังเกตได้“เป็นอะไร”“เปล่า” บอกไม่มีอะไรแต่หน้าเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ “ขะ…ข้างหน้า เลี้ยวซ้าย” เจย์เดนลอบยิ้มกับอาการของคนบอกทาง “ฉันว่า เธอออกจากงาน
“เฮือก…” นริศราสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งแต่ก็ต้องครางซี๊ดเพราะความร้าวระบมที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายโดยเฉพาะส่วนสงวนกึ่งกลางกาย อีกทั้งเรือนร่างก็เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ร่นลงล่างจนเต้าอวบทั้งสองข้างแทบทะลักออกมาโชว์ หลากหลายความรู้สึกประเดประดังเข้ามาในหัวสมอง ทว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วเนี่ย ทำไมตรงรอยแยกของม่านหน้าต่างที่มีแสงจากข้างนอกลอดผ่านเข้ามาไม่เหมือนแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้าเลย มันเหมือนตอนเที่ยงหรือบ่ายด้วยซ้ำไปไวเท่าความคิด นริศรารีบคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมาดูเวลาทันที12:39 “เฮ๊ย! จะบ่ายแล้วเหรอเนี่ย” ทันทีที่กุลีกุจอลุกขึ้นจากเตียงพลันหางตาเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งนอนซุกผ้าห่มผืนเดียวกันที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเมื่อสักครู่เพราะมัวแต่ตกใจเรื่องเวลาอยู่ร่างนั้นขยับเขยื้อนเพราะเสียงของเธอ“จะเสียงดังทำไม” คนงัวเงียเพิ่งตื่นเพราะเสียงของเธอเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่านริศราหน้าแดงก่ำเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืน “คุณ!”“ก็ใช่น่ะสิ จำผัวตัวเองไม่ได้หรือไง” ใช้คำนี้แหละ ตรงและชัดเจนดีก่อนหน้านี้ถ้าเธอจะบอกว่าครั้งเดียวไม่นับว่าเป็นผัวเป็นเมียเขาก็คงจะไม่
นริศราคล้องคอชายหนุ่มให้โน้มลงมาหาตัว ไม่คิดว่าใบหน้าคมคร้ามของเขาจะชนเข้ากับใบหน้าหวานฉ่ำของเธอ “อุ๊บ…อืม…” ราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน หลับตาก็ยังรับรู้ถึงความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มละมุนทว่าเจย์เดนกำลังตกใจสุดขีดเพราะเธอโน้มต้นคอของเขาลงไปจูบ ปากแนบปาก ความนุ่มละมุนจากกลีบปากสวยงามนั้นส่งผ่านมายังปากหนาของตัวเอง มันช่างหอมหวานจริงๆ เขาอดใจไม่ไหวแล้วนะในที่สุด เจย์เดนตบะแตก เขาแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปควานหาความหวานที่แสนยั่วยวนนั้นอย่างดูดดื่ม เธอยั่วนักใช่ไหม จัดให้!ชายหนุ่มส่งเรียวลิ้นสากควานหาความหอมหวานภายในโพรงปากอย่างดุดัน ไม่อาจยับยั้งความต้องการให้ทำอย่างนุ่มนวลอีกต่อไป ปากที่เขาคิดถึง ปากที่ทำเขาอารมณ์ค้างที่ห้องวีวีไอพีคืนนั้น“เธอสวย…สวยจังเลย…นุ่มนิ่ม…” เขาครางกระเส่าพลางจูบเลื่อนไล้ทั่วใบหน้าสวยหวานเธอเผยอปากเล็กน้อยอย่างรอคอยปากและลิ้นของเขาตามความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจ แม้สมองจะพร่าเบลอแต่หัวใจสั่งการว่าเธอต้องการเขา เธอตอบสนองเขาด้วยการจูบตอบอย่างไม่ประสีประสา แต่นั่นยิ่งทำให้เขาใจสั่นปากหนางับริมฝีปากล่างของเธอพลางขบเม้มและดูดดึงเล่น เธอครางกระเส่าอยู่ในลำคอพลาง
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะคุณเม ที่ร้านเรายินดีต้อนรับเสมอ แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะ” นริศรากล่าวเสร็จก็โค้งศีรษะให้กับเมลินดาไพลินพลางยิ้มกว้าง“เช่นกันนะคะ ร้านน่ารักๆ มีพนักงานที่น่ารักอย่างนี้ ไว้ถ้าเมยังไม่กลับต่างประเทศจะแวะมาบ่อยๆ นะคะ”“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”เมลินดาไพลินออกจากร้านไปแล้ว ทั้งนริศราและจิราภาออกมาส่องที่ประตูกระจกใสก่อนจะพบว่ามีรถหรูคันหนึ่งมาจอดรอเธออยู่ไม่ไกลจากหน้าร้าน เธอเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในก่อนที่รถจะแล่นผ่านหน้าร้านไป“สวยแล้วยังจิตใจดีอีกเนอะ” จิราภามองแล้วก็ยิ้มกับความมีอัธยาศัยดีของลูกค้า“อืมใช่” นริศราตอบเพื่อนพลางแอบคิดในใจ ไม่รู้ทำไมรถคันที่มารับผู้หญิงคนนั้นถึงได้ดูคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน เอ๊ะ หรือจะเบลอไปเอง…เที่ยงคืน วันนี้เขาไม่ได้ส่งข้อความมาบอกให้เธอเข้าไปหาที่ไนต์คลับ แต่พอถึงเวลาเลิกงานของเธอปุ๊บ เขาก็มารอที่หน้ามินิมาร์ทเลย ไม่ให้เธอได้ปฏิเสธแต่มีหน้าที่ขึ้นรถไปกับเขา “นี่คุณกลายมาเป็นคนขับรถของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” แอบจิกกัดเล็กๆ เมื่อขึ้นมานั่งที่เบาะข้างคนขับ“แล้วดีไหมล่ะ ไม่ต้องขับรถมอเตอรไซค์กลับเอง ยิ่งดึก
‘ตืดดด…ตืดดด…’ เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นเช่นทุกวันบอกเวลาว่าเป็นเวลาหกโมงครึ่ง เธอจะต้องลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมตัวไปทำงาน หากอยู่ที่บ้านต้องรีบลุกไปห้องน้ำทันทีไม่อย่างนั้นจะไปทำงานสายเพราะบ้านอยู่ไกล แต่ถ้าหากนอนที่คอนโดก็อาจจะมีเวลาอ้อยอิ่งเล่นเฟซบุ๊คสักสิบถึงยี่สิบนาทีก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำเพราะอยู่ใกล้กับที่ทำงานมาก ขับรถไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงเอ๊ะ…ทำไมบรรยากาศรอบตัวมันเปลี่ยนไปนะ ทีแรกคิดว่าตัวเองนอนอยู่ที่คอนโด แต่เพิ่งรู้เมื่อกี๊นี้เองว่า…ไม่ใช่กูอยู่ที่ไหนวะเนี่ย ตายแล้ว!เมื่อลุกขึ้นมานั่งคิดดีๆ ก็นึกได้ว่า เมื่อคืนตอนขึ้นรถของเจย์เดนปุ๊บ ภาพตัดไวเท่าความคิด นริศราหันขวับมามองร่างด้านข้างที่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเขาขยับตัว “คุณ! ตายแล้ว” รีบก้มมองร่างตัวเองทันทีแล้วก็เป่าปากโล่งอกไปหนึ่งเปลาะ โชคดี เสื้อผ้าชุดเดิมยังอยู่ครบ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รังแกตอนเธอไม่มีสติหรอก แต่เธอก็นอนเน่าทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ นี่เขาไม่รังเกียจว่าที่นอนเขาจะเหม็นเพราะเธอหรือยังไงถึงเอาเธอขึ้นมานอนด้วย เพราะเดาว่าที่นอนและชุดเครื่องนอนของเขานั้นคงจะราคาแพงมากเพราะมันทั้งนุ่มและสบายจนเธอหลั
‘เลิกงานตอนไหนเข้ามาหาฉันด้วยนะ’‘เดี๋ยวไปส่ง’‘เข้ามาได้เลย มีคนรอพาเข้ามา’ข้อความถูกส่งเข้ามาไลน์ของนริศราตอนห้าทุ่มสี่สิบห้า จากบุคคลที่พาเธอไปเดทเมื่อวาน อย่างกับเขารู้ดีว่าเธอเลิกงานตอนเที่ยงคืนแต่กกลับทำเป็นถามว่าเลิกงานตอนไหนเหลือเวลาอีกสิบกว่านาทีก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว จะไปหรือไม่ไปดีนะ แม้ว่าเธอจะทำงานอยู่หน้าไนต์คลับมาหลายปีแต่ก็ไม่เคยเข้าสถานที่อโคจรอย่างนั้นเลย มันก็คงจะแปลกๆ ที่จะเข้าไปหรือจะแอบขับมอเตอร์ไซค์กลับแล้วบอกเขาทีหลังว่าลืมอ่าน… ไม่ได้แล้วสิ ตอนนี้เธอเปิดอ่านข้อความไปแล้ว ไม่ทันให้เธอต้องคิดหนักเพราะพอเก็บข้าวของแล้วเดินออกมาจากมินิมาร์ท ร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทดำของบอดี้การ์ดที่เธอจำได้ว่าเป็นคนที่มักจะอยู่กับเจย์เดนยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว จะหนีกลับก็หนีไม่ได้แล้ว…“นายให้ผมมารอรับคุณครับ เชิญครับ” คิรินผายมือให้เธอเดินไปยังถนนฝั่งตรงข้าม “เอ่อ..ค่ะ” “เดี๋ยวครับ” “อะไรคะ”“เดี๋ยวผมถือของให้ครับ” เขายื่นมือออกมารับเสื้อคลุมและกระเป๋าสะพายของเธอ นริศราจะไม่ให้ก็กระไรอยู่ในเมื่อเขายื่นมือมาขนาดนั้นแล้ว ในที่สุดก็ต้องให้เขาถือรู้สึกเขินๆ อยู่เหมือนกันนะที่เ
ในที่สุดก็จบที่โรงพยาบาล อวสานความตั้งใจที่อยากจะงาบเธอในคืนนี้ ทำไมมันถึงได้ซวยขนาดนี้วะ อยากจัดการเธอแต่กลับโดนส้มตำปูปลาร้าจัดการเสียนี่“คุณเจย์เดน เป็นยังไงบ้างคะ” นริศรารีบเดินเข้ามาหาเขาทันทีที่ออกมาจากห้องพบแพทย์ รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้คนตัวสูงแพ้อาหารจนผื่นขึ้นแดงเต็มหน้าเต็มตัวอย่างนี้“ไม่เป็นอะไรแล้วแหละ” ถึงจะยังไม่เป็นอะไรก็เถอะ แต่เมื่อสักครู่ที่พบหมอ หมอบอกว่าถ้ากินเข้าไปเยอะกว่านี้ก็มีสิทธิ์ที่จะอาการหนักถึงขั้นอาเจียน หมดสติได้ “หมอฉีดยาแล้วก็จ่ายยาแก้แพ้ให้แล้ว ตอนนี้ก็แค่รอให้ผื่นแดงมันค่อยๆ ยุบหายไป”“ฉันก็ตกใจแทบแย่ ไม่คิดว่าคุณจะแพ้ส้มตำ”“ไม่ได้แพ้ส้มตำหรอก หมอบอกว่าแพ้ปลาร้า”“แพ้ปลาร้า!” นริศราว่าพลางตกใจก่อนที่จะอมยิ้มและแอบหัวเราะ“หัวเราะอะไร” “ก็หัวเราะคนแพ้ปลาร้าน่ะสิ คนอะไรเนี่ย” จะบอกให้ว่าปลาร้าน่ะเป็นของเด็ดที่สุดแล้ว ทำไมแต้มบุญของเขาถึงได้น้อยอย่างนี้นะ“น่าแปลกตรงไหน” เขาเอ่ยเซ็งๆ ไม่ได้เซ็งที่รู้ตัวว่าแพ้ปลาร้าหรอกนะ แต่เซ็งเพราะคืนนี้อดแอ้มเธอต่างหาก“ฉันขอโทษนะคะ ที่เป็นต้นเหตุให้คุณเป็นแบบนี้” เธอแก้ตัวด้วยการขอโทษอย่างรู้สึกผิดจริงๆ ใบหน้
หลังจากที่ทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วเจย์เดนก็พานริศราไปเดินเที่ยวที่ย่านการค้าแห่งหนึ่ง เขาถามความเห็นว่าเธออยากไปทำอะไรทว่าเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรดีเพราะเธอไม่เคยมาเดทอย่างนี้ เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการมาออกเดทระหว่างหนุ่มสาวหรอกนะ เพราะไม่เคยมีแฟน! อีกทั้งชีวิตก็เอาแต่วนลูปอยู่กับอะไรเดิมๆ ทำงานแทบทุกวันตั้งแต่เช้ายันดึกดื่นเที่ยงคืน นอกจากที่ทำงานก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปที่ไหน ขนาดดูหนังเธอยังลืมไปแล้วว่าดูครั้งสุดท้ายเมื่อไร คงจะหลายปีมาแล้วตั้งแต่สมัยเรียนโน่นแหละมั้ง“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะดีกว่า” เธอให้คำตอบในที่สุดหลังจากที่เขารอคำตอบอยู่นานสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับวัดที่มีแม่น้ำด้านหลัง ผู้คนมาให้อาหารปลาและมาทำบุญปล่อยนกปล่อยปลากัน หลายปีมาแล้วที่เธอไม่ได้มาที่นี่ แต่อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยมาเที่ยวกับพ่อแม่และน้องตอนสมัยที่ยังเป็นเด็ก ตอนนั้น แม้จะยังคงเด็กมาก ยังไม่ถึงสิบขวบเลยด้วยซ้ำแต่เธอจำได้ว่ามีความสุขมาก เพราะนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่พ่อพามาเที่ยวกันพร้อมหน้าพร้อมตากับแม่และน้อง เพราะหลังจากนั้นแม่ของเธอก็เสียและน้องชายก็เริ่มเผยความเป็
“พ่อ! ลุกขึ้นไปนอนในบ้าน มานอนอะไรอยู่หน้าบ้านอย่างนี้ ไม่หนาวหรือยังไง เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” นริศราก้มลงไปเขย่าร่างของชายวัยกลางคนที่นอนกำคอขวดเหล้าไว้แน่นราวกับไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไงแต่ขอให้มีเหล้าข้างกายอยู่อย่างนี้ตลอดไป“โอยๆ…เอื้อก…” คำรณบิดขี้เกียจพลางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนที่กำลังเขย่าแขนตัวเองอยู่ “ใครวะ…เธอเป็นใครเข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไง” พูดพลางหรี่ตามองคนตรงหน้า“เอ้า เมาจนจำลูกจำเต้าไม่ได้แล้วเหรอเนี่ย”“เธอเป็นใคร” คนพูดยังคงย้ำคำเดิมที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครมาจากไหนและเข้ามาเขย่าตัวเขาเหมือนสนิทสนมอะไรกันถึงขนาดนี้ได้อย่างไร“ก็นุ่มนิ่มไง นุ่มนิ่มลูกสาวพ่ออ่ะ เป็นเอามากนะพ่อ เพลาๆ ลงบ้างนะเรื่องเหล้าน่ะ ยังไม่แก่เลยนะลืมลูกแล้วเนี่ย” หญิงสาวพูดหยอกเอินผู้เป็นพ่ออย่างที่ชอบอำกันเล่นอยู่เป็นประจำ“นุ่มนิ่ม?”“ใช่ นุ่มนิ่มเอง อ๋อ หนูสวยขึ้นใช่ไหมล่ะ” เวรกรรม! นี่เธอลืมไปว่าตัวเองไปแปลงโฉมมาใหม่แล้วยังไม่ได้เข้ามาบ้านสอง-สามวันแล้ว คนอื่นยังจำไม่ได้ แล้วมีหรือที่พ่อที่เมาเหล้าเป็นประจำจะจำได้ “หนูเองจริงๆ อ้าว ไม่เชื่อๆ อะดี๊” “แกไปทำอะไรมาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้” ด้