ชีวิตแม่ลูกอ่อน
เพราะความเพลียจากการนอนไม่เต็มอิ่มในตอนกลางคืน ทำให้ณิชาเผลอหลับไประหว่างกล่อมลูกนอน ทว่าไม่นานก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน หญิงสาวก้มลงจูบหน้าผากทารกน้อยที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ อย่างรักใคร่ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดูหน้าบ้าน
“พี่ภูล่ะคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีเพียงแค่วินทร์ที่เปิดประตูลงมาจากรถ ทว่ากลับไม่เห็นภูวิศเพื่อนของเขาที่โทร. มาบอกว่าจะมารับประทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อนหน้านี้
ชายหนุ่มปรายตามองภรรยาเล็กน้อย ก่อนจะขยับไปเปิดประตูตอนหลังของรถ หยิบแฟ้มงานออกมาสามสี่แฟ้ม แล้วเดินผ่านหน้าคนที่รอฟังคำตอบเข้าบ้านไปโดยไม่ได้ตอบคำถาม
หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของสามีที่เดินเข้าไปหาลูกในห้องนั่งเล่น ไม่นานเขาก็ออกมา แล้วเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองทันทีโดยไม่สนใจเธอที่ยังยืนมองเขาอยู่ที่เดิม
ณิชาเม้มปากเข้าหากันแน่น พยายามข่มความรู้สึกน้อยอกน้อยใจทุกอย่างเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ สิ่งหนึ่งที่เธอต้องคอยบอกและคอยย้ำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาก็คือ...เขาเกลียดเธอ ที่เห็นเขายอมพูดดีกับเธอในบางครั้งนั้นก็เพราะทำเพื่อลูกเท่านั้น
...เธอไม่ควรคาดหวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางรักคนอย่างเธอ
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังฟุ้งซ่านเกินไป ณิชาจึงรีบสั่นศีรษะเบา ๆ เพื่อไล่ทุกอย่างออกไปจากหัว ก่อนจะเดินเข้าไปส่องดูลูก ครั้นเห็นว่าเจ้าตัวเล็กยังหลับสนิท คุณแม่ลูกอ่อนจึงเดินไปที่ลานซักล้างหลังบ้าน แล้วซักผ้าอ้อมของลูกต่อจากที่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงสายของวัน
ตอนแรกเธอกะจะรอให้ดวงใจมาซักพรุ่งนี้ทีเดียว แต่พอคำนวณดูผ้าอ้อมที่เหลือในตะกร้าแล้ว เธอคิดว่าไม่น่าจะพอใช้สำหรับคืนนี้ และอีกอย่างณิศราเพิ่งอายุได้สามเดือน ผิวหนังค่อนข้างบอบบาง เธอจึงไม่ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเพราะกลัวจะอับชื้นจนทำให้ระคายผิว เลยเลือกใช้ผ้าอ้อมแบบที่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ แทน
วินทร์เดินลงมาชั้นล่างอีกครั้งพร้อมคอมพิวเตอร์พกพาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านสบาย ๆ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับรถของภูวิศวิ่งเข้ามาจอดในบ้านพอดี ชายหนุ่มไม่ได้เดินออกไปรับแขก หากเลือกเดินเข้าไปหาลูกในห้องนั่งเล่นแทน
ทว่ากลับเป็นณิชาที่เห็นว่าสามีไม่ได้เดินออกไปจึงออกไปรับแขก หญิงสาววางมือจากการซักผ้าอีกครั้ง แล้วเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปยังหน้าบ้านเพื่อรอรับแขกตามมารยาทที่เจ้าบ้านพึงมี เธอยิ้มและยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มที่เปิดประตูลงมาจากรถอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะพี่ภู”
“สวัสดีครับน้องชา” ภูวิศยกมือรับไหว้พร้อมทักทายกลับด้วยรอยยิ้มตามประสาคนอัธยาศัยดีและเป็นมิตรกับทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงสวย ๆ
“มาค่ะ ชาช่วยถือ” เธอรีบใส่รองเท้าแล้วเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นเขาเปิดประตูตอนหลังของรถแล้วหอบหิ้วถุงกับข้าวเจ้าดังออกมาหลายถุง
“ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวพี่ถือเข้าไปเองก็ได้ มีแค่นี้เอง” ภูวิศปฏิเสธ ก่อนจะถามหาเพื่อนอย่างวินทร์ที่มาถึงก่อน เพราะไม่ได้แวะไปรับอาหารอย่างเขา “ไอ้วินทร์ล่ะ”
“อยู่ในห้องนั่งเล่นกับหนูณิค่ะ” ณิชาตอบพลางเดินนำเพื่อนสามีเข้าไปในบ้าน พอเดินใกล้จะถึงห้องนั่งเล่น เธอก็หันหน้าไปพูดกับเขาอีกครั้ง “พี่ภูเข้าไปหาพี่วินทร์เลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวชาเอาเข้าไปไว้ในครัวให้”
“เดี๋ยวพี่ถือเข้าไปให้ แล้วค่อยออกมาดีกว่า” บอกจบชายหนุ่มก็เดินผ่านห้องนั่งเล่นตรงเข้าไปในห้องครัว วางทุกอย่างลงบนเคาน์เตอร์ให้คนที่เป็นเจ้าบ้านจัดการต่อ “พี่ซื้อมาเยอะเลย ไม่รู้ว่าน้องชาชอบกินอะไร”
“ชากินได้หมดเลยค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจ “พี่ภูจะกินเลยหรือเปล่าคะ ชาจะได้จัดใส่จานเลย”
“กินเลยก็ได้ครับ น้องชายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าเลยไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ” เพราะต้องอยู่กับลูก ให้นมทุก ๆ สองชั่วโมง พอลูกหลับก็นึกขึ้นมาได้ว่าต้องซักผ้าอ้อม และขณะซักก็ต้องคอยเดินเข้าไปสอดส่องดูลูก ด้วยกลัวว่าอาจจะตื่นมาแล้วไม่เจอใคร ทว่าซักยังไม่ทันจะเสร็จ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหนูน้อยดังออกมา เธอก็ต้องรีบวางมือแล้วรีบเข้าไปหาลูกในบ้าน เปลี่ยนผ้าอ้อม เล่นและให้นม จากนั้นก็กล่อมจนกว่าจะหลับอีกรอบ คนเป็นแม่อย่างเธอถึงจะมีเวลาไปทำอย่างอื่น จึงทำให้ลืมเรื่องกินข้าวไปเลย “แต่ชาก็ไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไหร่”
“ไม่หิวก็ต้องกินครับ นี่มันบ่ายสองกว่าแล้ว พี่ว่ากินเลยดีกว่า มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยจัดใส่จาน” บอกจบภูวิศก็พับแขนเสื้อตัวเองขึ้นจนถึงศอก เตรียมจะเทกับข้าวใส่จานช่วยหญิงสาว
“เดี๋ยวชาจัดการเองดีกว่า พี่ภูไปหาพี่วินทร์เถอะค่ะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวชาเดินออกไปเรียก”
“ค่อยไปก็ได้ครับ พี่อยากช่วย”
เมื่อเขายืนยันมาแบบนั้น ณิชาก็จำเป็นต้องพยักหน้ายอม ก่อนจะเดินไปหยิบจานออกมาวาง เพื่อให้เขาแกะแล้วเทกับข้าวใส่พร้อมกับเธอที่ช่วยเขาแกะด้วย
“ก่อนหน้านี้ทำอะไรอยู่เหรอ” ชายหนุ่มถามอย่างชวนคุย
“คะ ?” ณิชาทำหน้าฉงนเล็กน้อยด้วยไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงตอนไหน
“ก่อนที่พี่จะมาน่ะครับ น้องชาทำอะไรอยู่” ตอนที่เธอเดินออกไปรับเขาหน้าบ้าน เขาสักเกตเห็นว่าชายเสื้อยืดตัวโคร่งที่เธอสวมใส่มันเปียก คาดว่าน่าจะเกิดจากการเผลอเช็ดมือใส่ เขาจึงไม่แน่ใจว่าเธอเพิ่งล้างมือมาหรือทำอะไรอยู่ก่อนหน้านั้น
“อ๋อ...ซักผ้าอ้อมค่ะ”
“หือ...” ภูวิศเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ด้วยความแปลกใจ “ปกติน้องชาต้องซักเองเหรอครับ”
“จริง ๆ มีแม่บ้านซักให้ค่ะ แต่วันนี้ลา ชาก็เลยต้องซักเอง ไม่งั้นไม่พอใช้ตอนกลางคืน”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะถามต่อ “แล้วซักเครื่องไม่ได้เหรอ”
“ได้ค่ะ แต่ซักมือดีกว่า ถนอมผ้า”
“แบบนี้เหนื่อยแย่เลย ยิ่งวันนี้ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คงไม่มีเวลาส่วนตัวเลยใช่ไหม”
ณิชาได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แม้เขาไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ เธอก็พอจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวหันหน้าไปทางประตูกระจกที่มีเงาของตัวเองสะท้อนออกมา เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดตัวโคร่ง กางเกงผ้าขาสั้น ผมเผ้าชี้ฟูเล็กน้อย เธอจำไม่ได้แล้วว่าหวีผมครั้งสุดท้ายเมื่อไร ผิวหน้าหมองคล้ำเพราะไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร
“เฮ้ย แต่พี่ไม่ได้จะว่าน้องชาดูไม่ดีนะ” ภูวิศรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นเธอมองกระจกนาน ด้วยกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิด คิดว่าเขาว่าเธอไม่ดูแลตัวเอง
“ชาไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ก็ชาไม่มีเวลาดูแลตัวเองจริง ๆ” อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเวลาเลย แต่เธอเลือกที่จะโฟกัสและทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับลูก เธอจึงมองข้ามการดูแลตัวเองไปเพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“พี่เข้าใจ เลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ใช่ง่าย ๆ คงจะเหนื่อยน่าดู”
“ก็เหนื่อย...” ณิชาตอบพร้อมคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยเลยก็คงเป็นการโกหก เพราะการที่ต้องเลี้ยงเด็กคนหนึ่งโดยที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน มันเป็นอะไรที่เหนื่อยและเครียดมากจริง ๆ
ยิ่งช่วงที่คลอดณิศราเดือนแรกเธอยิ่งเครียด ด้วยไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนจึงทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก ปรับเวลานอนไม่ได้จนทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ถึงแม้จะเคยอ่านคู่มือและฟังคำที่หมอแนะนำมา แต่พอเจอสถานการณ์จริง ๆ มันยิ่งกว่านั้น ทว่าเธอยังโชคดีที่มีดวงใจคอยช่วยบอกช่วยสอน แต่กระนั้นเธอซึ่งเป็นคุณแม่มือใหม่ก็เหนื่อยและเครียดมากอยู่ดี
ความเครียดที่สะสมและระบายให้ใครฟังไม่ได้ ครั้นจะไประบายให้สามีฟังก็ไม่กล้าเพราะตอนนี้เขาไม่ได้ใจดีกับเธออย่างแต่ก่อน หญิงสาวจึงทำได้เพียงแอบไปร้องไห้คนเดียวเงียบ ๆ เพื่อหวังจะคลายความอึดอัดใจ หากมันก็ไม่ช่วยสักเท่าไรเลย สุดท้ายเธอก็กลายเป็นคุณแม่ที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด แต่ก็ต้องกัดฟันสู้ ฝ่าฟันทุกความรู้สึกเพื่อเด็กหญิงณิศรา ซึ่งเป็นเปรียบเสมือนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอ
ชีวิตครอบครัวเธอไม่ได้มีความสุขอย่างที่เคยวาดฝันเอาไว้ มีหลายครั้งที่เธอคิดอยากพาตัวเองหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ เธอเหนื่อยและท้อกับความเป็นอยู่ที่กำลังเผชิญ แต่พอมองหน้าลูกที่เพิ่งเกิดมาและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เธอก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ได้แต่ข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้และทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด
“มึงมาทำอะไรตรงนี้”
ตอนพิเศษ 3หลังจากตั้งครรภ์เด็กชายพัทธดลย์เข้าเดือนที่หก วินทร์ก็ขอให้ณิชาลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของสุดโปรด โดยให้เหตุผลว่าอย่างไรก็ต้องลาคลอด อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกและให้นมลูกเป็นเวลาหลายเดือน ณิชาซึ่งอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่แล้วจึงยอมทำตามที่เขาบอกอย่างง่ายดายถึงแม้บริษัทจะมีสวัสดิการให้พนักงานลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร แต่ก็ลาได้ไม่เกินหกเดือน ทั้งยังเกรงใจหากต้องลาเป็นเวลานานขนาดนั้น เพราะฉะนั้นการลาออกจึงเป็นทางที่ดีที่สุด และเธอก็จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจโดยไม่ต้องพะวักพะวงอะไร“พี่วินทร์”“ครับ” คนถูกเรียกขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน มองไปยังภรรยาคนสวยที่นั่งทำหน้าคล้ายกำลังขบคิดอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟากลางห้องทำงานของเขาวันนี้คุณวราพรกับคุณชาญวิทย์มารับเด็กชายพัทธดลย์ไปเล่นที่บ้านตั้งแต่เช้า ส่วนณิศราก็ไปโรงเรียน กลายเป็นว่าณิชาต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะดวงใจลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด วินทร์ก็เลยพาเธอมานั่งทำงานที่บริษัทด้วย“ชาอยากทำงานค่ะ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า วางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ คนที่เพิ่งบอกว่าอยากทำงานเมื่อสักครู่ “ไหน อา
ตอนพิเศษ 2เพราะวันนี้เป็นวันหยุดที่สวนสนุกจึงมีผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนมากจะจับจูงกันมาเป็นครอบครัวและแก๊งเพื่อน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรผ่านประตู และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันเรียบร้อยแล้ว วินทร์โน้มใบหน้าลงไปไล่สายตาอ่านแผนผังของสวยสนุกแห่งนี้ในมือภรรยา ก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่ยืนดูอยู่ด้วยกัน“เราจะเริ่มจากฝั่งไหนก่อนดี”เด็กหญิงณิศราทำสีหน้าขบคิด ด้วยตัดสินใจไม่ได้ ซ้ายก็น่าตื่นเต้น ขวาก็น่าไป และยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงของน้องชายก็ดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น“ขึ้น ดลย์อยากขึ้น ๆ” เด็กชายวัยสองขวบที่พูดได้เป็นประโยคแล้วแต่ยังไม่ชัดเท่าไรเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตขยายขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ พร้อมชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่กระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์ที่เคลื่อนตัวไปช้า ๆ บนสายเคเบิล“เดี๋ยวค่อยเล่น อันนั้นต้องเล่นเป็นอันสุดท้าย” ณิศราผู้ศึกษาสวนสนุกแห่งนี้มาจากช่องยูทูปเอ่ยบอก“ทำไมต้องเอาเล่นเป็นอย่างสุดท้ายคะ” วินทร์ถามถึงเหตุผลของลูกสาว“ก็เล่นทุกอย่างมาเหนื่อย ๆ แล้วค่อยขึ้นไปชมวิวบนนั้นไงคะ วิวสวย ๆ จะทำให้เราหายเหนื่อยค่ะ” สาวน้อยพูดตามที่ยูทูปเบอร์คนนั้นเป๊ะ ๆวินทร์พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็น
ตอนพิเศษ 1“คุณพ่อขา...เสร็จหรือยังคะ หนูณิรอนานแล้วนะ!”เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงณิศราในวัยสิบขวบตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่ยังไม่ลงมาจากชั้นสองเสียงดัง พลางชะโงกหน้าไปส่องที่ช่องบันไดด้วยใบหน้ายับยุ่ง หัวคิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าหากันแทบผูกเป็นโบวันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว คุณพ่อบอกว่าจะพาหนูณิกับน้องดลย์น้องชายวัยสองขวบของเธอไปเที่ยวสวนสนุกตอนเก้าโมงเช้า แต่นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อยังไม่ลงมาเลย สาวน้อยจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด“คุณพ่อทำงานอยู่ลูก ใจเย็น ๆ ยังไงก็ได้ไปค่ะ” ณิชาซึ่งมีร่างป้อมของเด็กชายพัทธดลย์หรือน้องดลย์นั่งอยู่บนตักเอ่ยบอกลูกสาวให้ใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้จะโทษวินทร์ก็คงไม่ถูก เพราะเธอรู้ว่าเขาเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ดันมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น และเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนได้ วินทร์เลยต้องจำใจใช้เวลาของครอบครัวไปคุยกับคู่ค้าจากฝั่งอเมริกาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนช์“นานเกินไปแล้วค่ะคุณแม่ หนูณิหิวข้าว” เด็กหญิงณิศราเดินทำหน้ายุ่ง ๆ เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ มารดา เหลือบมองน้องชายตัวน้อยที่ปากกำลังดูดนมจากกล่องแต่สายตามองมาที่ตนตาแป๋วแวบหนึ่ง ก
บทส่งท้ายกันตยศมาถึงก่อนเป็นคนแรก ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญเล็ก ๆ ให้ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวและสามีของเธอ“ขาดเหลืออะไรบอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” วินทร์บอกพลางยื่นมือตบบ่าหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนหน้านี้เขาอาจจะรู้สึกเคือง ๆ ที่กันตยศใกล้ชิดและสนิทสนมกับภรรยาเขามากเกินไป แต่เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ หยิบยื่นเงินก้อนให้ยืมในยามที่ภรรยาเขาลำบาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการไปทำงานต่างประเทศ เขาก็เลือกมองข้ามความรู้สึกมากกว่าเพื่อนที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้มีต่อภรรยาของตนไปณิชาเล่าให้ฟังว่าตอนจะไปทำงานที่ฝรั่งเศส เธอมีปัญหาเรื่องเงิน จริงอยู่ว่าบริษัทออกค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดให้ แต่ก็มีอีกส่วนที่เธอต้องเป็นคนจ่ายเอง ซึ่งมันก็มากพอสมควร ถ้าไม่ได้กันตยศช่วยเหลือในตอนนั้น เธอก็คงแย่“นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเดินไปหา” ณิชาชี้ไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่จัดไว้สำหรับนั่งเล่น กันตยศพยักหน้าแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป พร้อมกับสุดโปรดกับเด็กชายปลื้มเดินเข้ามาพอดี“ยินดีด้วยนะครับ” สุดโปรดในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์สีดำอย่างไม่เป็นทางการนักยื่นขวดไวน์
บทส่งท้ายกว่าบทรักอันยาวนานและต่อเนื่องจะจบลงก็เกือบฟ้าสาง วันนี้ณิชาจึงตื่นสายมากกว่าปกติ จะโทษใครไม่ได้เลย นอกคนที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับเด็กหญิงณิศราในห้องนั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี“คุณแม่!” สาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นแม่พอดีจึงเอ่ยทักเสียงดัง ทำให้พ่อซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาเงยขึ้นมามองตาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแม่ของลูกส่งค้อนวงโตให้“เล่นอะไรกันคะ” ณิชาเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กับสองพ่อลูกที่นั่งอยู่บนพื้นพรม“แต่งตัวให้ผิงอันค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นพร้อมชูตุ๊กตาเจ้าหญิงผมยาวให้คุณแม่ดู จากนั้นก็วางตัวนั้นลง แล้วหยิบอีกตัวที่คุณพ่อเพิ่งเปลี่ยนชุดให้เสร็จขึ้นมาอวด “ส่วนตัวนี้ชื่อผิงผิง”“ผิงอันกับผิงผิงเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”“แล้วนี่หนูกำลังดูอะไรอยู่คะ” คนเป็นแม่ชี้นิ้วมือไปยังไอแพดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเปิดหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ค้างเอาไว้“กำลังเลือกซื้อชุดใหม่ให้ผิงผิงกับผิงอันค่ะ ชุดพวกนี้ใส่บ่อยแล้ว”“หืม แต่นี่แม่ว่าก็เยอะมากแล้วนะคะ ใส่ครบหมดทุกชุดแล้วเหรอคะ” ณิชาถามด้วยความสงสัย เพราะชุดตุ๊กตาในตะกร้าที่เธอเห็นตอนนี้ก็เยอะมากพอ
เริ่มต้นใหม่เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างลึกซึ้ง ส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหา แนบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มของเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปเลื่อนมือที่จับคางขึ้นมาประคองใบหน้าสวย เอียงหน้าปรับให้ได้องศาที่เหมาะเจาะ จากนั้นก็เริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น มือที่โอบเอวคอดกิ่วเริ่มไม่อยู่เฉย สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางที่เธอสวมใส่ ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล“พี่วินทร์...” ณิชาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเต้าอวบทั้งสองข้างได้รับอิสระ เพราะเขาปลดตะขอบราเซียร์เธอ“ไม่ต้องกลัว มันจะดี เชื่อพี่” ชายหนุ่มปลอบเสียงแหบพร่า ตัวเธอสั่นมากจนเขารู้สึกได้ วินทร์ผละออกมาสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงหนักแน่น “เชื่อใจพี่นะครับ”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ณิชาพยักหน้าลงอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็โหยหาสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาเหมือนกัน หรือเพราะอะไรเธอเองก็สุดรู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเลือกแล้วที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เธอจึงต้องเชื่อใจเขา และจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัวอีกวินทร์ยิ้มกว้าง โน้มเ