บทที่ 3
ชีวิตแม่ลูกอ่อน
เสียงโทรศัพท์ของณิชาดังขึ้นในเช้าวันหนึ่ง หญิงสาวประคองลูกน้อยที่กำลังดูดนมจากเต้าไว้ด้วยแขนข้างเดียว แล้วเอื้อมหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาดู ก่อนจะกดรับทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่โทร. เข้ามาคือดวงใจ
“ฮัลโหลค่ะพี่ใจ”
[สวัสดีค่ะคุณชา วันนี้หนูณิงอแงไหมคะ]
คิ้วเรียวสวยของเจ้านายสาวขมวดเข้าหากันนิดหนึ่ง “ไม่ค่อยค่ะ พี่ใจมีอะไรหรือเปล่าคะ”
[คือพอดีวันนี้พี่ต้องไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนยายเจี๊ยบน่ะค่ะ มันเพิ่งมาบอกเมื่อกี้เอง พี่เลยจะโทร. มาขออนุญาตลางานสักครึ่งวัน] ดวงใจเอ่ยอย่างเกรงใจ เนื่องจากหล่อนเพิ่งรู้จากลูกสาววัยสิบสามปีเมื่อครู่นี้เองว่าวันนี้ต้องไปประชุมผู้ปกครองประจำปีการศึกษา จึงจำเป็นต้องลางานอย่างกะทันหัน [นี่พี่เพิ่งบ่นมันไป ครูให้จดหมายเชิญมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แต่มันเพิ่งเอามาให้ น่าตีจริง ๆ]
“อย่าตีน้องเลยค่ะ พี่ใจไปโรงเรียนน้องได้เลย วันนี้หนูณิก็ไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่” เธอบอกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ ตอนนี้ณิศราไม่งอแงก็จริง เพราะกินนมอยู่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหลังจากนี้จะไม่งอแง
[ขอบคุณมากค่ะคุณชา ส่วนผ้าอ้อมเดี๋ยวพี่ไปซักให้ตอนบ่าย ๆ นะคะ]
“จริง ๆ พี่ใจลาทั้งวันเลยก็ได้นะคะ ไปโรงเรียนน้องกลับมาเหนื่อย ๆ จะได้พักผ่อน” เจ้านายสาวว่าอย่างใจดี เพราะโรงเรียนที่จรัสยาหรือน้องเจี๊ยบบุตรสาวของดวงใจนั้นค่อนข้างห่างไกลจากชุมชน ต้องเดินทางโดยรถประจำทาง อีกทั้งยังต้องฝ่าการจราจรที่แน่นขนัด กว่าจะกลับมาถึงบ้านคงเหนื่อยล้าน่าดู “ส่วนผ้าอ้อมค่อยซักพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ”
[เอาอย่างนั้นเหรอคะ] ดวงใจถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะค่อนข้างเป็นห่วงเจ้านายสาวที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว มิหนำซ้ำยังเป็นคุณแม่มือใหม่ มีประสบการณ์เพียงแค่สามเดือนเท่านั้น ส่วนสามีก็ต้องออกไปทำงาน แล้วไหนจะข้าวปลาอาหารที่ไม่รู้จะกินอะไรยังไง จะมีเวลาทำกับข้าวกินเองหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ตามนั้นแหละค่ะ” ณิชายืนยันให้แม่บ้านวัยกลางคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนเธอท้องได้สี่ถึงห้าเดือนสบายใจ อีกอย่างดวงใจทำงานทุกวัน ไม่เคยได้หยุดพักเลย มิหนำซ้ำยังเพิ่งเจอเรื่องเครียด ๆ มา เธอจึงอยากให้ลูกจ้างได้พักผ่อนบ้าง
[ถ้าอย่างนั้นพี่ขออนุญาตลาทั้งวันเลยนะคะ หลังประชุมผู้ปกครองเสร็จพี่ว่าจะพามันไปซื้อชุดนักเรียนใหม่ด้วย] ตอนแรกหล่อนเกรงใจจึงไม่อยากลาทั้งวัน แต่เมื่อเจ้านายอนุญาตจึงจะใช้โอกาสนี้พาจรัสยาไปซื้อของใช้และอุปกรณ์การเรียนด้วยเลย
ณิชาวางสมาร์ตโฟนลงที่พื้นข้างตัวหลังจากดวงใจวางสายไปแล้ว ก่อนจะก้มมองลูกน้อยที่ยังดูดนมพร้อมกับมองเธอตากลมแป๋ว ครั้นเห็นคนเป็นแม่ยิ้มให้ คนตัวเล็กก็ยิ้มตามทั้งที่ปากยังคาบเต้า
หญิงสาวยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มนุ่ม ๆ ของลูก พิศมองใบหน้าของแกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะคิดอย่างขำ ๆ ...ช่างน่าน้อยใจจริง ๆ เธอเป็นคนอุ้มท้องเด็กหญิงณิศรามาเองแท้ ๆ แต่เค้าโครงใบหน้ากลับถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อเกือบทั้งหมด มีแค่จมูกกับดวงตาเท่านั้นที่ได้ไปจากเธอ
“พี่ใจยังไม่มาเหรอ” เสียงของวินทร์ที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองดังขึ้น ดึงความสนใจของคนที่กำลังมองสำรวจใบหน้าลูกอย่างเพลิดเพลินให้เงยขึ้นไปมอง ครั้นเห็นว่าเธอกำลังให้นมลูก ชายหนุ่มก็รีบเสกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้าน ทำทีเป็นมองหาคนที่เขาถามหา
ณิชาตาโตด้วยรู้สึกตกใจนิด ๆ รีบคว้าผ้าอ้อมที่อยู่แถวนั้นมาปกปิดเต้าอวบที่หนูน้อยกำลังดูดดึง ก่อนจะตอบคำถามของเขา “วันนี้พี่ใจลาค่ะ เพราะจะพาน้องเจี๊ยบไปโรงเรียน”
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววความเคร่งเครียดขึ้นนิด ๆ หันกลับมามองภรรยากับลูกน้อยด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ด้วยไม่แน่ใจว่าณิชาจะเลี้ยงลูกคนเดียวทั้งวันไหวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจเธอ แต่เพราะเธอยังเป็นมือใหม่ การมีดวงใจอยู่ด้วยจึงทำให้เขารู้สึกสบายใจกว่า
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นเขามองมาคล้ายกำลังคิดหรือสงสัยอะไร
“เธอเลี้ยงลูกคนเดียวได้ ?”
“น่าจะได้นะคะ” ณิชาบอกอย่างไม่แน่ใจ เพราะลึก ๆ แล้วเธอก็แอบรู้สึกหวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน ตั้งแต่คลอดและเลี้ยงดูมาตลอดสามเดือน เธอมีดวงใจที่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กแรกเกิดมาก่อนคอยช่วยดูและคอยแนะนำตลอด ส่วนมารดาของวินทร์นั้นนาน ๆ ถึงจะแวะเข้ามาเยี่ยม
อีกทั้งในวันหยุดก็ยังมีสามีคอยสลับเปลี่ยนให้เธอได้มีเวลาจัดการเรื่องส่วนตัว ส่วนตอนกลางคืน ถึงแม้ว่าเธอจะนอนกับลูกแค่สองคน แต่ก็ยังมีเขาอยู่ในบ้าน หากเกิดอะไรขึ้นเธอก็สามารถเรียกได้ ทว่ายังไม่เคยต้องเลี้ยงคนเดียวทั้งวันเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่ใช่เรื่องยาก แต่เธอก็แอบกังวลนิด ๆ อยู่ดี
วินทร์ยืนครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง หากเขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เนื่องจากวันนี้ที่บริษัทมีประชุมบอร์ดประจำปี และเขาซึ่งเป็นผู้บริหารจึงจำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือ...
“ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบโทร. หาฉัน เข้าใจไหม”
“ค่ะ พี่วินทร์ไม่ต้องเป็นห่วง” หญิงสาวรีบรับคำด้วยรอยยิ้มดีใจ ทว่าวินาทีต่อมารอยยิ้มนั้นก็พลันหายไปจากใบหน้างาม เมื่อได้ยินเขาพูดประโยคต่อมา...
“ฉันเป็นห่วงลูก อย่าเข้าใจผิดว่าฉันจะเป็นห่วงเธอ” พูดจบเขาก็เดินออกจากบ้านไปทันที โดยไม่สนใจว่าคำพูดของเขาเมื่อสักครู่จะทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายมากเพียงไร
เมื่อสามีเดินออกไปจนลับสายตา ณิชาก็ก้มมองลูกน้อยที่กินนมอิ่มแล้วและกำลังมองเธอตาแป๋วอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเช่นทุกครั้ง ณิศราก็ยิ้มตอบอย่างร่าเริง โดยไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของแม่นั้นเศร้าเหลือเกิน
ครั้นเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาของลูก ภายในอกข้างซ้ายของผู้เป็นแม่ก็ยิ่งปวดหนึบด้วยรู้สึกน้อยใจผู้เป็นสามี เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ไปน้อยใจเขา แต่พอเห็นเขามีท่าทีห่างเหิน เย็นชา และพูดวาจาร้ายกาจ ไม่สนว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอย่างนั้น
หญิงสาวกระบอกตาร้อนผ่าว รีบแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน กะพริบตาถี่รัวเพื่อขับไล่น้ำตาที่กำลังจะรินไหลลงมา เธอไม่รู้เลยว่าจะทนอยู่ในสภาวะแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ทางข้างหน้าช่างมืดมนเหลือเกิน…
วินทร์รักลูก ทว่าเขากลับเกลียดเธอซึ่งเป็นแม่ของลูก
“แม่จะทำยังไงดีลูก” ณิชาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ ถึงแม้ว่าเธอจะรักเขา แต่ก็รู้ว่าที่ที่เธออยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ที่ของเธอ หากเธอก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ในเมื่อตอนนี้เธอและเขามีหัวใจดวงน้อย ๆ อีกดวงมาผูกมัดกันเอาไว้ จึงไม่สามารถตัดสินใจจะทำอะไรได้อย่างเด็ดขาด
ตอนพิเศษ 3หลังจากตั้งครรภ์เด็กชายพัทธดลย์เข้าเดือนที่หก วินทร์ก็ขอให้ณิชาลาออกจากการเป็นผู้ช่วยของสุดโปรด โดยให้เหตุผลว่าอย่างไรก็ต้องลาคลอด อีกทั้งยังต้องเลี้ยงลูกและให้นมลูกเป็นเวลาหลายเดือน ณิชาซึ่งอยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่แล้วจึงยอมทำตามที่เขาบอกอย่างง่ายดายถึงแม้บริษัทจะมีสวัสดิการให้พนักงานลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร แต่ก็ลาได้ไม่เกินหกเดือน ทั้งยังเกรงใจหากต้องลาเป็นเวลานานขนาดนั้น เพราะฉะนั้นการลาออกจึงเป็นทางที่ดีที่สุด และเธอก็จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจโดยไม่ต้องพะวักพะวงอะไร“พี่วินทร์”“ครับ” คนถูกเรียกขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน มองไปยังภรรยาคนสวยที่นั่งทำหน้าคล้ายกำลังขบคิดอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟากลางห้องทำงานของเขาวันนี้คุณวราพรกับคุณชาญวิทย์มารับเด็กชายพัทธดลย์ไปเล่นที่บ้านตั้งแต่เช้า ส่วนณิศราก็ไปโรงเรียน กลายเป็นว่าณิชาต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะดวงใจลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด วินทร์ก็เลยพาเธอมานั่งทำงานที่บริษัทด้วย“ชาอยากทำงานค่ะ”ชายหนุ่มนิ่วหน้า วางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ คนที่เพิ่งบอกว่าอยากทำงานเมื่อสักครู่ “ไหน อา
ตอนพิเศษ 2เพราะวันนี้เป็นวันหยุดที่สวนสนุกจึงมีผู้คนค่อนข้างหนาตา ส่วนมากจะจับจูงกันมาเป็นครอบครัวและแก๊งเพื่อน หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรผ่านประตู และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันเรียบร้อยแล้ว วินทร์โน้มใบหน้าลงไปไล่สายตาอ่านแผนผังของสวยสนุกแห่งนี้ในมือภรรยา ก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่ยืนดูอยู่ด้วยกัน“เราจะเริ่มจากฝั่งไหนก่อนดี”เด็กหญิงณิศราทำสีหน้าขบคิด ด้วยตัดสินใจไม่ได้ ซ้ายก็น่าตื่นเต้น ขวาก็น่าไป และยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงของน้องชายก็ดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น“ขึ้น ดลย์อยากขึ้น ๆ” เด็กชายวัยสองขวบที่พูดได้เป็นประโยคแล้วแต่ยังไม่ชัดเท่าไรเอ่ยขึ้น ดวงตากลมโตขยายขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจ พร้อมชี้นิ้วป้อม ๆ ไปที่กระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์ที่เคลื่อนตัวไปช้า ๆ บนสายเคเบิล“เดี๋ยวค่อยเล่น อันนั้นต้องเล่นเป็นอันสุดท้าย” ณิศราผู้ศึกษาสวนสนุกแห่งนี้มาจากช่องยูทูปเอ่ยบอก“ทำไมต้องเอาเล่นเป็นอย่างสุดท้ายคะ” วินทร์ถามถึงเหตุผลของลูกสาว“ก็เล่นทุกอย่างมาเหนื่อย ๆ แล้วค่อยขึ้นไปชมวิวบนนั้นไงคะ วิวสวย ๆ จะทำให้เราหายเหนื่อยค่ะ” สาวน้อยพูดตามที่ยูทูปเบอร์คนนั้นเป๊ะ ๆวินทร์พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็น
ตอนพิเศษ 1“คุณพ่อขา...เสร็จหรือยังคะ หนูณิรอนานแล้วนะ!”เสียงใส ๆ ของเด็กหญิงณิศราในวัยสิบขวบตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่ยังไม่ลงมาจากชั้นสองเสียงดัง พลางชะโงกหน้าไปส่องที่ช่องบันไดด้วยใบหน้ายับยุ่ง หัวคิ้วทั้งสองข้างขยับเข้าหากันแทบผูกเป็นโบวันนี้เป็นวันหยุดของครอบครัว คุณพ่อบอกว่าจะพาหนูณิกับน้องดลย์น้องชายวัยสองขวบของเธอไปเที่ยวสวนสนุกตอนเก้าโมงเช้า แต่นี่มันสิบโมงกว่าแล้ว คุณพ่อยังไม่ลงมาเลย สาวน้อยจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิด“คุณพ่อทำงานอยู่ลูก ใจเย็น ๆ ยังไงก็ได้ไปค่ะ” ณิชาซึ่งมีร่างป้อมของเด็กชายพัทธดลย์หรือน้องดลย์นั่งอยู่บนตักเอ่ยบอกลูกสาวให้ใจเย็น ๆ ก่อน เรื่องนี้จะโทษวินทร์ก็คงไม่ถูก เพราะเธอรู้ว่าเขาเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ดันมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น และเป็นงานที่ไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนได้ วินทร์เลยต้องจำใจใช้เวลาของครอบครัวไปคุยกับคู่ค้าจากฝั่งอเมริกาผ่านวิดิโอคอนเฟอเรนช์“นานเกินไปแล้วค่ะคุณแม่ หนูณิหิวข้าว” เด็กหญิงณิศราเดินทำหน้ายุ่ง ๆ เข้ามาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ มารดา เหลือบมองน้องชายตัวน้อยที่ปากกำลังดูดนมจากกล่องแต่สายตามองมาที่ตนตาแป๋วแวบหนึ่ง ก
บทส่งท้ายกันตยศมาถึงก่อนเป็นคนแรก ชายหนุ่มยื่นกล่องของขวัญเล็ก ๆ ให้ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวและสามีของเธอ“ขาดเหลืออะไรบอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” วินทร์บอกพลางยื่นมือตบบ่าหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนหน้านี้เขาอาจจะรู้สึกเคือง ๆ ที่กันตยศใกล้ชิดและสนิทสนมกับภรรยาเขามากเกินไป แต่เมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ หยิบยื่นเงินก้อนให้ยืมในยามที่ภรรยาเขาลำบาก เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการไปทำงานต่างประเทศ เขาก็เลือกมองข้ามความรู้สึกมากกว่าเพื่อนที่หนุ่มรุ่นน้องคนนี้มีต่อภรรยาของตนไปณิชาเล่าให้ฟังว่าตอนจะไปทำงานที่ฝรั่งเศส เธอมีปัญหาเรื่องเงิน จริงอยู่ว่าบริษัทออกค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมดให้ แต่ก็มีอีกส่วนที่เธอต้องเป็นคนจ่ายเอง ซึ่งมันก็มากพอสมควร ถ้าไม่ได้กันตยศช่วยเหลือในตอนนั้น เธอก็คงแย่“นายไปนั่งรอตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเดินไปหา” ณิชาชี้ไปยังโต๊ะเล็ก ๆ ที่จัดไว้สำหรับนั่งเล่น กันตยศพยักหน้าแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป พร้อมกับสุดโปรดกับเด็กชายปลื้มเดินเข้ามาพอดี“ยินดีด้วยนะครับ” สุดโปรดในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์สีดำอย่างไม่เป็นทางการนักยื่นขวดไวน์
บทส่งท้ายกว่าบทรักอันยาวนานและต่อเนื่องจะจบลงก็เกือบฟ้าสาง วันนี้ณิชาจึงตื่นสายมากกว่าปกติ จะโทษใครไม่ได้เลย นอกคนที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาเจ้าหญิงอยู่กับเด็กหญิงณิศราในห้องนั่งเล่นอย่างอารมณ์ดี“คุณแม่!” สาวน้อยที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นแม่พอดีจึงเอ่ยทักเสียงดัง ทำให้พ่อซึ่งกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเปลี่ยนชุดตุ๊กตาเงยขึ้นมามองตาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นแม่ของลูกส่งค้อนวงโตให้“เล่นอะไรกันคะ” ณิชาเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาใกล้ ๆ กับสองพ่อลูกที่นั่งอยู่บนพื้นพรม“แต่งตัวให้ผิงอันค่ะ” คนตัวเล็กตอบอย่างกระตือรือร้นพร้อมชูตุ๊กตาเจ้าหญิงผมยาวให้คุณแม่ดู จากนั้นก็วางตัวนั้นลง แล้วหยิบอีกตัวที่คุณพ่อเพิ่งเปลี่ยนชุดให้เสร็จขึ้นมาอวด “ส่วนตัวนี้ชื่อผิงผิง”“ผิงอันกับผิงผิงเหรอคะ”“ใช่ค่ะ”“แล้วนี่หนูกำลังดูอะไรอยู่คะ” คนเป็นแม่ชี้นิ้วมือไปยังไอแพดที่วางข้าง ๆ ซึ่งเปิดหน้าเพจร้านค้าออนไลน์ค้างเอาไว้“กำลังเลือกซื้อชุดใหม่ให้ผิงผิงกับผิงอันค่ะ ชุดพวกนี้ใส่บ่อยแล้ว”“หืม แต่นี่แม่ว่าก็เยอะมากแล้วนะคะ ใส่ครบหมดทุกชุดแล้วเหรอคะ” ณิชาถามด้วยความสงสัย เพราะชุดตุ๊กตาในตะกร้าที่เธอเห็นตอนนี้ก็เยอะมากพอ
เริ่มต้นใหม่เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างลึกซึ้ง ส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เธอได้รับรู้ ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหา แนบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากอิ่มของเธออย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปเลื่อนมือที่จับคางขึ้นมาประคองใบหน้าสวย เอียงหน้าปรับให้ได้องศาที่เหมาะเจาะ จากนั้นก็เริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น มือที่โอบเอวคอดกิ่วเริ่มไม่อยู่เฉย สอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางที่เธอสวมใส่ ลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนอย่างหลงใหล“พี่วินทร์...” ณิชาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเต้าอวบทั้งสองข้างได้รับอิสระ เพราะเขาปลดตะขอบราเซียร์เธอ“ไม่ต้องกลัว มันจะดี เชื่อพี่” ชายหนุ่มปลอบเสียงแหบพร่า ตัวเธอสั่นมากจนเขารู้สึกได้ วินทร์ผละออกมาสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงหนักแน่น “เชื่อใจพี่นะครับ”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ณิชาพยักหน้าลงอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะลึก ๆ แล้วเธอเองก็โหยหาสัมผัสที่อ่อนโยนจากเขาเหมือนกัน หรือเพราะอะไรเธอเองก็สุดรู้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เธอเลือกแล้วที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เธอจึงต้องเชื่อใจเขา และจากนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัวอีกวินทร์ยิ้มกว้าง โน้มเ