บรึ้นนนน~
“คออ่อนแล้วยังจะซ่าอีก เป็นภาระฉิบ!” เคนตะบ่นอย่างเอือมระอา สายตาเหลือบมองน้องสาวกับถนนสลับกันไปมา นับวันเขากับคัพเค้กความสัมพันธ์ไกลห่างออกไปทุกที ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อนคงจะมีสิทธิ์เอ่ยเตือนได้บ้าง แต่มาตอนนี้คำพูดของเขาไม่มีอิทธิพลพอจะสั่งหรือเตือนคัพเค้กได้เลย
“อื้ออ~” คัพเค้กบิดร่างกายด้วยความมึนเมา สมองพอจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ลาง ๆ
หมับ!
“ร้อน เปิดแอร์ยังเนี่ย!!” มือบางเลื่อนไปกดด้านหน้ารถมั่ว ๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่
“ยัยเค้กอยู่นิ่ง ๆ” เคนตะบอกพร้อมปัดมือบางให้กลับไปตั้งบนหน้าขาเรียวเหมือนเดิม ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย
“ก็คนมันร้อน โจ้เปิดแอร์ให้หน่อย” ทว่า...คัพเค้กไม่เพียงแต่ตะคอก แต่ยังเอ่ยถึงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในรถด้วย
“นั่งรถฉันอย่าเอ่ยถึงคนอื่น!!” ร่างสูงใหญ่เริ่มจะหัวเสีย แยกกันไม่ทันไรก็เอ่ยถึงอีกแล้ว น่าเจ็บนักขนาดเมาแล้วยังไม่ลืมไอ้เวรนั่นอีก
“แล้วนายเป็นใคร!!” ศีรษะทุยสอดเข้าไปใต้วงแขนเงยหน้าถามชายหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ แววตาใสซื่อกระพริบถามอย่างน่าเอ็นดู
“...” เคนตะถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาหวาน กลิ่นประจำตัวน้องสาวลอยมาแตะจมูก ทำเอาเขากลืนน้ำลายกับบรรยากาศภายในรถ
ฟึ่บ!!
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปหาโจโจ้” แต่แล้วคัพเค้กก็โวยวายใหม่เมื่อรู้ว่าข้าง ๆ ไม่ใช่คนที่เรียกหา เธอหันไปด้านข้างหมายจะเปิดประตูรถ แล้วเอ่ยเรียกแฟนกำมะลอทันที
“บอกว่าอย่าพูดถึงมันไงเล่า” คราวนี้เคนตะตะคอกเสียงแข็ง เริ่มจะหน้าดำหน้าแดงอย่างขุนเคือง อุตส่าห์ใจดีไม่อยากทำร้ายคนเมาแต่ต้องมาฟิวส์ขาดเมื่อหญิงสาวเอ่ยถึงผู้ชายคนอื่นให้ได้ยิน
“โจโจ้..โจ้อยู่ไหน มาหาเค้กหน่อย เค้กอยากไปหาโจ้~” คนเมาไม่ฟังคำเอ่ยเตือนอะไรทั้งสิ้น คราญครางหาชายหนุ่มอีกคนไม่เลิก
บรึ้นนนนน~ เคนตะเหยียบคันเร่งเพื่อให้ถึงบ้านไวกว่าเดิม อยากจะฉีดน้ำล้างสมองคนเมาให้หายจากอาการบ้าผู้ชายสักที ได้ยินแล้วรู้สึกรำคาญหูอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อรถสปอร์ตหรูจอดหน้าคฤหาสน์ บอดี้การ์ดเข้ามาทำหน้าที่เพื่อจะช่วยประคองคัพเค้ก ทว่าก็โดนเคนตะสั่งให้เอารถไปเก็บเข้าที่แทน
“ลงมา!” เขาตะคอกเสียงเข้ม
“หนวกหู~ จะพูดดังทำไมเนี่ย” คัพเค้กยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างแล้วเงยหน้ามองต้นเสียง ภาพลาง ๆ ตรงหน้ากลายเป็นชายหนุ่มอีกคน “อื้ออ~ โจ้จะพาเค้กไปไหน”
หมับ!
“คราญครางหาพระแสงไรวะ น่ารำคาญ!!” เคนตะกระชากลากคนตัวเล็กลงมาจากรถอย่างแรง แล้วฉุดให้เดินตามเข้าบ้านทันทีเอือมระอากับสภาพตอนนี้ของคัพเค้กเพราะไม่ต่างอะไรกับคนเมาข้างถนนเลยสักนิด
“นี่มันบ้านเค้กนี่ ไม่เอาไม่กลับบ้าน เค้กอยากไปนอนคอนโดโจ้” คัพเค้กโผล่เข้าไปกอดเอวสอบร่างสูงออดอ้อนต่อ
“กึก!” เคนตะถึงกับกัดฟันดังกรอด คำก็โจ้ สองคำก็โจ้ “ไอ้หมอนั่นมีดีไรหนักหนาวะ”
“นะ ๆ โจ้พาเค้กกลับคอนโดนะ เค้กไม่อยากไปเจอไอ้พี่บ้ากาม”
“...” สองเท้าหยุดชะงัก เขายืนนิ่งประคองคนตัวเล็กฟังคำด่าทอที่หลุดจากปากคัพเค้ก ในสายตาเธอเขาคงจะแย่มากสินะ
หมับ! เคนตะย่อตัวลงยกคัพเค้กพาดบ่าแกร่งของเขาทันที สาวเท้าเข้าไปในบ้านโดยมีบอดี้การ์ดยืนมองด้วยสายตาแปลกประหลาด นานแล้วที่ไม่เห็นคุณหนูของบ้านเข้าใกล้พี่ชายคนกลาง
กริ่ง!
ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออกก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะอุ้มคัพเค้กกลับห้องนอนด้วยความรู้สึกเคืองในใจ เมื่อเข้ามาในห้องเขาจึงทิ้งคนตัวเล็กลงบนเตียงอย่างไม่ใยดีนัก คัพเค้กนอนแผ่หลาหมดสภาพ หน้าผมรุงรัง ปากอวบอิ่มเผยอคราญครางบางอย่างในจังหวะที่เคนตะกำลังจะหมุนตัวออกจากห้อง
“โจ้~” เพราะเธอมีเพื่อนสนิทใจแค่คนเดียว ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขโจโจ้ก็จะอยู่ข้าง ๆ ในฐานะเพื่อนตลอดมาและที่สำคัญคงเป็นเพราะเธอคือหลานสาวเพียงคนเดียวของบ้าน ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง คริสเตียนก็ทำแต่งาน ปู่คางูยะนาน ๆ ครั้งจึงจะกลับไทย คูเปอร์ก็ไม่เคยมาไทยถ้าไม่จำเป็น ไม่แปลกที่คัพเค้กจะเอ่ยหาโจโจ้บ่อย ไม่ว่าจะปาร์ตี้หนักขนาดไหน คนคนเดียวที่ลากเธอหลับคอนโดก็คือ..โจโจ้!
“ฉันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ” เคนตะยืนเท้าสะเอวมองไม่วางตา ส่วนคนเมาไม่ได้รับรู้สิ่งที่ร่างสูงเอ่ยออกมาสักนิด แต่แล้วเคนตะก็หมุนตัวออกจากห้องอีกครั้ง
ปึง! บานประตูห้องปิดสนิทในเวลาต่อมา ร่างสูงใหญ่ของเคนตะยืนค้ำฝาผนังอย่างคิดไม่ตก
ตุบ! พร้อมกับฟาดกำหมัดไปที่ฝาผนังระบายความไม่พอใจ
“ทำไมถึงได้รีบมีแฟนจังวะ” เขาบ่นออกมา
“ไม่ได้! ฉันให้เวลาเธอใช้ชีวิตมากเกินพอแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกำราบเด็กอย่างเธอให้อยู่มัดสักที”
แอ๊ดดดดด~ มือหนาเอื้อมไปเปิดประตูแล้วกดล็อกเอาไว้ มองไปยังเตียงนอนโดยไม่คลาดสายตา จับจ้้องไปยังคนตัวเล็กที่ไม่มีสติพอจะลุกขึ้นมาโวยวายหากรู้ว่าเขาเข้ามาเหยียบในห้องของเธอ สองมือค่อย ๆ ปลดเข็มขัดออกจากเอว ดึงเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกง ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดแล้วถอดออกในเวลาต่อมา เคนตะสาวเท้าไปย่อตัวนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ คนตัวเล็ก ใช้นิ้วเรียวเขี่ยไรผมบนขอบหน้าเผยให้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มสองตา
จุ๊บ!
ริมฝีปากหนากดลงไปฝังบนพวงแก้มสูดดมอย่างที่ใจนึก แล้วเลื่อนปลายจมูกของเขามาที่ปลายจมูกคัพเค้กแล้วขยับลงมาสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่มลิ้มลองรสชาติที่เขาเลยลองมาแล้้วและยังจดจำได้เป็นอย่างดี คนตัวเล็กเผยอปากจูบตอบด้วยความมึนเมา ทำเอาใบหน้าคมถึงกับแสยะยิ้มด้วยความพอใจ
นิ้วเรียวเลื่อนต่ำลงไปดึงสายชุดเดรส ค่อย ๆ ถอดสิ่งเกาะกุมผิวขาวเนียนช้า ๆ เคนตะผละจากริมฝีปากก้มหน้ามองความสวยงามตรงหน้า ไม่มีตรงไหนที่จะติเลยสักนิด สัดส่วนองค์เอวดึงดูดให้เขามอง แววตาตอนนี้ไม่ได้ปกปิดความต้องการเหมือนอย่างเก่า แต่คนที่นอนเมาอยู่ไม่มีสติพอจะเห็นและรับรู้...เหตุการณ์ต่อจากนี้!!
เอี๊ยดดดด!รถสปอร์ตหรูจอดหน้าอาคารเรียน ดวงตาสีน้ำข้าวก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือ รอเวลาที่แฟนสาวเลิกเรียน เพื่อที่จะรับไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กก้าวเท้าลงบันได เดินตรงมายังที่จอดรถก่อนที่รอยยิ้มคมคายจะหุบลงทันทีที่เห็นสายตาแทะโลมพวกนั่น จนต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูรถแล้วสาวเท้ายาว ๆ ไปหาอย่างรวดเร็ว"มองอะไรวะ!!" เสียงเกรี้ยวกราดตะคอกดังลั่นด้วยความไม่พอใจ กวาดสายตามองรอบ ๆ ใต้อาคาร"พี่เคน! หยุดก้าวร้าว" ทำเอาคัพเค้กกระตุกชายเสื้อตักเตือนทันควัน"ก็มันมองเค้กอ่ะ""แค่มองเอง ปกติป่ะ กลับเลยกลับไปที่รถเดี๋ยวนี้" มือบางคว้าแขนแฟนหนุ่มแล้วลากให้เดินออกจากจุดนั้นเคนตะถอนหายใจอย่างทำไรไม่ได้ สองขาก้าวตามแรงดึงจากคัพเค้ก แต่ไม่วายยังหันไปถลึงตาใส่หนุ่ม ๆ ที่มองแฟนสาวปึง!ทันทีที่ประตูรถถูกปิดสนิท ดวงตากลมโตหันมาจับจ้องหาเรื่องต้นเหตุให้เธออายเพื่อน ๆ ในคณะ"มองพี่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าโกรธที่พี่แสดงความเป็นเจ้าของ""พี่ไปตะคอกอย่างงั้นได้ไง เค้กอายเพื่อน ๆ" เธอบอกตามสิ่งที่รู้สึก"อาย!?" ทว่าคนฟังกลับขมวดไม่เข้าใจ อายที่มีแฟนหรืออายที่เขาแสดงตัวตน แต่ไม่ว่าอันไห
ฟึ่บ!ฟึ่บ!"พี่เคน นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นในกลางดึก เมื่อเสียงรบกวนดังมาทางฝั่งเตียงคนไข้"พี่รบกวนเค้กรึเปล่า พอดีรู้สึกคอแห้งน่ะ" ร่างหนาลุกขึ้นนั่งแล้วบอกเสียงแหบแผ่ว"ทำไมไม่บอกคะ" ว่าแล้วเธอก็ตวัดขาลงจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีหมับ! ทว่าแทนที่เธอจะได้รินน้ำให้กลับโดนรวบตัวขึ้นไปยังเตียงนอน ร่างหนาขึ้นคร่อมอย่างเร็วไว กันไม่ให้คัพเค้กหนีไปได้"พี่เคน โกหกเค้กอีกแล้วนะ""เปล่านะ พี่คอแห้งจริง ๆ" เคนตะขยิบตาเป็นเลศนัยบางอย่าง"ก็ปล่อยเค้กสิคะ จะรินน้ำให้อยู่นี่ไง" มือบางผลักอกแกร่งให้ขยับจากตัว"พี่ไม่ได้อยากกินน้ำเปล่า""...!?""แต่พี่อยากกินน้ำจาก..." มือหนาเลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ "ตรงนี้!" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกางเกงนอนตัวจิ๋ว"พี่เคน" คัพเค้กตาโตลุกว้าว เข้าใจสิ่งที่เคนตะต้องการทุกอย่าง"..." คราวนี้เคนตะไม่พูดอะไรให้เสียเวลาอีก เคลื่อนตัวเองลงต่ำ จนใบหน้าคมจดจ่อตรงเนินเนื้อที่มีกางเกงปกปิดไว้ลมหายใจโรยรินจนคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความหวาดหวั่น ทำเอาคัพเค้กพลอยหายใจยากลำบากไปด้วย"พี่เคน อย่าทำนะคะ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ" เสียงหวานเอ่ยห้ามไว้เพื่อจะยื้อไม่ให้เกินคว
ร่างใหญ่ทั้งสองเข้ามาในห้องด้วยความเงียบขรึม ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีก จากสีหน้า ท่าทาง คงไม่ใช่เรื่องดีนัก"พี่คริส คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ" คัพเค้กเป็นคนเอ่ยถามคนแรกพี่คนโตส่ายหน้าเศร้าหมอง "ไม่ค่อยดี""..." ทุกคนเงียบรอฟังประโยคถัดไป"สมองได้รับกระทบกระเทือน จนเส้นโลหิตแตก อาจจะทำให้ปู่เป็นอัมพาตตลอดไป"สิ้นคำพูดคริสเตียนทุกคนต่างหน้าสลด คนที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ตระกูลกำลังอยู่ในช่วงอันตรายของชีวิต คนเป็นหลานต่างร้อนใจ ไม่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวพวกเขาอีก"เค้กจะหาคุณหมอเก่ง ๆ มารักษาให้คุณปู่กลับมาเป็นเหมือนเดิม""อืม ฉันจะช่วยอีกแรง ปู่พวกนายต้องหาย" ไมก้าเอ่ยปลอบบ้างทำให้คริสเตียนพยักหน้ารับกลับไป "แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง""ผมไม่เป็นไรง่าย ๆ หรอกน่า" เคนตะบอกพี่ชายคนโตด้วยท่าทีสบาย"หึ กูบอกแล้วให้ฝึกรับมือไว้บ้าง" เพราะไม่ว่าคริสเตียนจะเอ่ยเตือนกี่ครั้ง เคนตะก็ไม่เคยทำตาม บอกแค่ไม่ชอบงานที่ใช้ความรุนแรง ผลสุดท้ายของการไม่รู้วิธีรับมือก็เจ็บตัวอย่างที่เห็น"ผมยอมเพราะผู้หญิงของผมต่างหาก" เคนตะเถียงต่อ"รู้ แต่ถ้ามึงฝึกมือ ว่องไวกว่านี้ ก็อาจจะไม่โด
วันต่อมาคนตัวเล็กเฝ้าดูอาการร่างหนาที่นอนไม่ได้สติไม่ห่างจากเตียง ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วง เพราะเวลานี้คัพเค้กรู้เรื่องทั้งหมดจากคริสเตียน สาเหตุที่เคนตะไม่ต้องการเข้าใกล้ หนีหน้า เป็นเพราะไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย เมื่อรู้ความจริงหัวใจก็ชื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่บอบช้ำเพราะเรื่องเข้าใจผิด“พี่เคน ฟื้นได้แล้ว” เธอลูบมือหนากระตุ้นให้อีกฝ่ายรับสัมผัสเพื่อจะช่วยให้เคนตะรู้ตัว“เค้กอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เคน...พี่เคนอย่าทิ้งเค้กนะ ต้องฟื้นมาอยู่กับเค้ก”คัพเค้กยังคงคราญครางไม่ห่าง สีหน้าเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่ร่างสูงที่นอนอยู่ตรงหน้า แต่ยังมีคางูยะปู่ของเธอที่อาการน่าเป็นห่วงก๊อก ๆ ก๊อก ๆเสียงเคาะประตูพอจะทำให้คนตัวเล็กหลุดจากภวังค์ เหลียวหน้าไปมองแขกใหม่ทันที“มันยังไม่ฟื้นอีกเหรอ” คริสเตียนเดินนำหน้าและเป็นคนเอ่ยถาม“...” ตามด้วยคูเปอร์ที่เข้าห้องมาเงียบขรึม เหลือบมองพี่ชายเพียงหางตา ไม่สามารถความรู้สึกให้ใครได้เห็น“ยังเลยค่ะ” คัพเค้กตอบเศร้า ๆ“อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว น้องเค้กไม่ต้องกังวลนะ” รวงข้าวเข้ามาปลอบ ไม่ให้เธอคิดมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามเข้ามาเจอกับหมอประจำไข้ของเ
โรงพยาบาลคนตัวเล็กเดินวนไปวนมาหน้าห้องฉุกเฉิน ภายในห้องคือเคนตะและคางูยะที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี"หยุดเดินได้แล้วเค้ก" คริสเตียนเอ่ยห้ามหลังจากนั่งมองน้องสาวหลายชั่วโมง"เค้กเป็นห่วง ไม่รู้ข้างในเป็นยังไงบ้าง""ถึงมือหมอแล้ว ทุกคนต้องปลอดภัย""เค้กก็ห่วงอยู่ดี" คนตัวเล็กยังคงเดินต่อคริสเตียนทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองต่อไป ก่อนที่โทรศัพท์จะมีเสียงเรียกเข้า"พี่ไปรับสายรวงข้าวก่อนนะ" เขาบอกน้องสาวแล้วก้าวเท้าออกจากจุดนั้นทันที"ข้าวไม่ต้องตามมา หมอออกจากห้องแล้วเดี๋ยวพี่โทรไปบอกนะ""พี่ไม่เป็นไร""คร้าบบบ""เฮ้ย! มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ" จู่ ๆ คริสเตียนก็หันไปเห็นด้านหลังตัวเองที่มีไมก้าและคูเปอร์ยืนนิ่งอยู่สักพักแล้ว"ตั้งแต่มึงทำเสียงสอง" ไมก้าตอบทันควันต่างจากคูเปอร์ที่ยืนล้วงกระเป๋านิ่งเฉย"เวรเฮ้ย!" เขาหันไปสบถใส่ไมก้าแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ "เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ""หึ" อดีตเพื่อนสนิทแสยะยิ้มออกมา ไม่เคยเห็นมุมนี้ของเพื่อนมาก่อน"เป็นไงวะ" ทว่าคริสเตียนเลิกสนใจเลือกที่จะถามเรื่องที่โกดังแทน"เรียบร้อย" ไมก้าเป็นคนตอบเหมือนเดิม"แน่ใจ" ทำให้คริสเตียนต้องถามย้ำกับคูเปอร์เพื่อความมั่นใจ
"อาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ผมเหรอ!?""จุ๊ ๆ อย่าเพิ่งพูดความหลังกันเลยหลาน ทักทายน้องสาวสายเลือดเดียวกันก่อนสิ" ไรอันพยักหน้าไปฝั่งคัพเค้กที่ใบหน้าซีดเซียว มองหน้าแต่ละคนสลับกันหมับ! มือหนาคว้าปลายคางคัพเค้กบีบรั้งให้เชิดขึ้น"มองหน้าพี่ชายแท้ ๆ คุณหนูชัด ๆ สิจ้ะ""..." เคนตะพยายามลุกขึ้นไปหา ทว่าสภาพตอนนี้แทบดูไม่ได้ ทั้งเสียเลือด ทั้งบวมซ้ำ"อาทำแบบนี้ หมายความว่าไง ตลอดเวลาที่ผ่านมามันคือแผนของอาทั้งหมดเหรอ" คนที่เคยไว้ใจที่สุด กลับหักหลังไม่มีชิ้นดี"ถึงขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ" คริสเตียนเหลือบไปมองไมก้า เอ๋ยเสริมอย่างรำคาญ"ในเมื่อพ่อแม่พวกมึงไม่เคยเห็นหัวกู แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้วะ""เหตุผลแค่นี้!?" คริสเตียนตะคอกถาม"ลองถามปู่มึงสิ ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกไหม""...""บอกหลานสิวะ ความเหี้ยของมึง บอกให้ทุกคนรับรู้ว่าที่คนอื่นเดือดร้อนเป็นเพราะมึง!!""มันเป็นเพราะสันดานมึงเอง...ไรอัน" เคนตะลุกขึ้นยืนแล้วข่มเสียงใส่ แววตาจับจ้องไปยังคนตัวเล็กไม่คลาดสายตา"งั้นกูจะแสดงสันดานที่แท้จริงให้เห็น เริ่มจากเมียมึงก่อนแล้วกัน"คำพูดของไรอันทำเอาไมก้าหันขวับไปมองเคนตะ ต่างกับคางูยะที่นิ่งเฉยเพราะรู้ก่อ