Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2025-09-04 15:04:34

บทที่

4

คู่แห่งชะตา

ท่ามกลางเสียงพูดคุยของผู้คนมากมายในช่วงเช้าของวันใหม่ ภายในห้องห้องหนึ่งของอาคารสูงตระหง่าน ซึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองใหญ่

เสียงครางกระเส่าของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังครางเครือออกมาจากริมฝีปากบางสีเรื่ออย่างแผ่วเบา ร่างขาวเนียนที่มีเสื้อผ้าน้อยชิ้นปิดบังกาย ที่กำลังนั่งหอบหายใจอยู่ข้างๆ เตียงกว้างอย่างไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือเรียวลูบไล้เรือนกายของตัวเองไปมาด้วยความกระสันซ่านอย่างช้าๆ

โดยใช้ฝ่ามืออีกข้างสาวรั้งสิ่งนั้นที่แข็งขืนขึ้นมา จนถึงกับมีหยาดน้ำใสไหลปริ่มออกมา ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำออกมาว่า “ทำไมล่ะ ทำไมอาการฮีทมันถึงไม่หายไปอีก”

ด้วยเหตุที่ว่าหลังจากที่ตัวเองเข้ามาในห้องพักได้ ศศินที่มีอาการฮีทอย่างรุนแรงเพราะถูกดีแลนเป่าลมหายใจรดลงมาที่ใบหน้า เขาจึงพยายามประคองสติที่เหลือเพียงน้อยนิดคลานเข่ามากินยาระงับอย่างยากลำบาก แต่ดูเหมือนสิ่งที่กินเข้าไปจะลดความกระหายอยากของอารมณ์ปรารถนานี้ไปได้ไม่มากสักเท่าไร

และมันก็เป็นแบบนี้มาเนิ่นนานหลายปีแล้วไม่ยอมแปรเปลี่ยนไป ว่าตัวเขานั้นมีความอ่อนไหวกับดีแลนเช่นนี้ทุกครั้งในยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันมากเกินไป

จึงทำให้ชายหนุ่มจำต้องหนีกลับมาที่ห้องพัก แล้วใช้ฝ่ามือของตัวเองมาบรรเทาอาการนั้นให้มันกลับมาเป็นปกติดังเดิมอยู่ทุกที

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกฟรีเซียอันเป็นเอกลักษณ์ของฟีโรโมนของศศินฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ นัยน์ตากลมโตที่คลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตากำลังเหม่อมองฝ้าเพดานอย่างเลื่อนลอย

กว่าเจ้าตัวจะปลดปล่อยความสุขสมออกมาได้ และยาที่ตัวเองกินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ ก็กินเวลาไปแล้วร่วมชั่วโมงกว่าๆ เห็นจะได้

พอความปรารถนาทุเลาเบาบางลง เขาก็จ้องหยาดน้ำสีขาวขุ่นที่อยู่ในฝ่ามือตน แล้วทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอา ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “แค่พกยาอย่างเดียวคงไม่พอ เห็นทีต้องไปปรึกษาพี่หมอขอเพิ่มยาอีกด้วยสินะ ไม่งั้นถ้าได้ไปอยู่บ้านเดียวกับไอ้แดนมันคงไม่ดี”

ว่าเพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วสาวเท้าเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว และพอเสร็จสิ้นจากภารกิจส่วนตัวชายหนุ่มก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันร่างกายของตัวเองเอาไว้

ทว่าในขณะที่กำลังจะสาวเท้าออกจากห้องไปแล้วเดินไปยังกระจกบานใหญ่ นัยน์ตาสีเข้มก็เหลือบไปเห็นรอยจ้ำแดงๆ ตรงไหปลาร้ารอยหนึ่งสะท้อนเข้ามาในคลองสายตา

ส่งผลให้เรียวคิ้วเข้มถึงกับขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ แรกเริ่มเดิมทีผิวของศศินก็ขาวมากอยู่แล้ว พอมีรอยจ้ำแดงปรากฏออกมาจึงเห็นได้ชัดกว่าคนทั่วไป

ศศินจึงยกมือขึ้นมาแล้วใช้ปลายนิ้วลูกไล้ร่องรอยนั้นอย่างแผ่วเบา แต่ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยราวกับมีกระแสไฟแล่นผ่าน ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำออกมาว่า “ไปถูกแมลงที่ไหนกัดมาเนี่ยแดงเชียว” ว่าเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็สาวเท้าออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปหยิบขี้ผึ้งที่ไว้ใช้ทาแมลงสัตว์กัดต่อยติดมือมา

ชายหนุ่มสาวเท้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วใช้ขี้ผึ้งที่อยู่ในมือทาลงไปบนจ้ำแดงๆ นั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนเจ้าตัวจะวางสิ่งนั้นลง แล้วคว้าขวดสเปรย์ระงับกลิ่นขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองปล่อยฟีโรโมนมากเกินไป

จากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วหาเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ ออกมา แล้วสวมใส่เอาไว้พร้อมกับบอกเซอร์เน่าๆ หนึ่งตัว เพราะตัวเขานั้นไม่ได้ชอบใส่อะไรที่เป็นทางการมากมายหากไม่ได้เดินทางไปที่ใด

เมื่อจัดการกับตัวเองแล้วเสร็จ ศศินก็กลับมานั่งอยู่บนเตียงกว้าง แล้วเหลียวหน้าหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนทิ้งตอนที่ปลดกางเกงลงมา เขายื่นมือไปคว้าเอาไว้เพื่อโทรหาใครคนหนึ่งที่รู้เรื่องร่างกายของเขาเป็นอย่างดี

ทว่ายังไม่ทันที่จะกดตัวเลขลงไป ก็มีเสียงของบานประตูถูกใครบางคนเคาะลงมา จึงทำให้เขาต้องวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง แล้วเอ่ยถามออกไป “ใคร”

หลังจากที่ศศินพูดจบลง ก็มีน้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยของดีแลนดังให้ได้ยินว่า “ศินนี่ฉันเอง”

ส่งผลให้ชายหนุ่มถึงกับทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอา แต่ก็ต้องก้าวลงจากเตียงกว้าง แล้วสาวเท้าไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายอย่างเกียจคร้านด้วยเช่นกัน

พอเปิดบานประตูเปิดอ้าออกมา ศศินก็เห็นชายหนุ่มอยู่ในเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่แสนสุภาพราวกับจะไปเปิดงานตัดริบบิ้นที่ไหน

ชายหนุ่มกวาดตามองคนตรงหน้าอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะอ้าปากถามออกไปว่า “มีอะไรของแกอีกวะไอ้แดน เมื่อเช้าเจอหน้ากันไม่พอรึไง”

สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนที่เอาแต่มองคนตรงหน้าแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคอย้วยจนเห็นร่องรอยที่เขาแอบตีตราบนผิวขาวเนียนเอาไว้เมื่อคืนวาน หรือแม้แต่ต้นขาอ่อนที่อยากจะสำรวจเข้าไปถึงข้างในนั้น ก็ถึงกับสะดุ้งน้อยๆ อย่างตกใจ แล้วเอ่ยแบบขอไปทีว่า “ไปซื้อของกัน”

“ซื้อของ” ศศินพูดพึมพำออกมาเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ แล้วช้อนสายตาเงยมองคนตรงหน้าอีกที ก่อนเจ้าตัวจะถามออกไปว่า “ทำไมฉันต้องไปกับแก แกไม่ได้เป็นเด็กที่ต้องมีผู้ปกครองรึเปล่าวะ”

ดีแลนที่เพิ่งคิดโปรแกรมอยากท่องเที่ยวกับคู่รักมาได้หมาดๆ แบบปัจจุบันทันด่วน ก็พยายามหาข้ออ้างอยู่ในใจ นัยน์ตาสีเข้มกลอกกลิ้งไปมาอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีรอยยิ้มบางๆ เผยให้เห็น

เมื่อตนเองสามารถหาข้ออ้างจะพาคนตัวเล็กกว่าไปข้างนอกได้ว่า “แกอย่าลืมสิว่าพรุ่งนี้แกต้องไปอยู่บ้านฉันในฐานะโอเมก้า จนถึงตอนนี้แกยังไม่มีเลยนะปลอกคอ ฉันก็เลยคิดว่าจะพาแกไปซื้อปลอกคอน่ะ ถ้าแกไม่ใส่แม่ฉันและคนในครอบครัวฉันต้องสงสัยเอาน่ะสิ”

“หา...” ศศินโพล่งเสียงดังอย่างตกใจ หลังจากเจ้าตัวได้ยินสิ่งที่ดีแลนพูดออกมา แล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบต้นคอของตนอย่างเผลอใจ

ด้วยเหตุที่ว่าหลายปีมาแล้วตั้งแต่ที่ตนเองสูญเสียคนในครอบครัวไปจนไม่มีใครคอยคุ้มกะลาหัว เขาก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเครื่องที่บ่งบอกความเป็นชนชั้นสภาพร่างกายเขาเอาไว้ให้อยู่ในฐานะโอเมก้าคนหนึ่งชิ้นนั้นอีกเลย

ส่งผลให้คนที่เห็นท่าทางเช่นนั้นถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ เนื่องจากเข้าใจผิดไปว่าคนตรงหน้าอาจไม่พอใจขึ้นมา

เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเพื่อนของเขาคนนี้ก็อ่อนไหวเรื่องที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโอเมก้าอยู่บ่อยๆ ถ้าต้องให้ใส่ปลอกคอเข้าไปโดยที่เจ้าตัวไม่ชอบ คงทำให้เจ้าแมวน้อยตรงหน้าเกิดพองขนอย่างโมโหขึ้นมาคนไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร

จึงทำให้ดีแลนถึงกับต้องรีบโบกไม้โบกมือไปมาอย่างจ้าล่ะหวั่น ก่อนเจ้าตัวจะรีบละล่ำละลักออกไปว่า “ตะ...แต่แกไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้แกใส่ตลอดเวลาหรอกนะศิน แค่ให้ใส่ตอนอยู่ต่อหน้าแม่ฉันและครอบครัวของฉันเฉยๆ พอ ออกมาอยู่ข้างนอกแกก็ถอดมันออกก็ได้”

พอได้เห็นท่าทางลนลานของคนตรงหน้า ศศินที่กำลังนึกเรื่องราวเรื่อยเปื่อยก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะไปมา แล้วพูดออกไปว่า “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่ เพราะฉันทำเพื่อเงิน เอ๊ย...ฉันรับปากแกไปแล้วว่าจะช่วยแกนี่”

ว่าจบศศินก็ยังเห็นดีแลนทำหางลู่หูตกต่อหน้า เขาก็อดขยับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยกับท่าทางนั้นไม่ได้ พร้อมกับพูดต่ออีกหน่อย “แล้วอีกอย่างนะแดน เรื่องแค่นี้แกไม่ต้องมาบอกฉันหรอก จะซื้อแบบไหนแกก็ซื้อมาเถอะ ฉันใส่ได้อยู่แล้ว แกไม่ต้องมาชวนฉันไปก็ได้”

“ได้ไงล่ะ” ดีแลนเงยหน้าขึ้น แล้วพูดออกมาทันที นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าหมดจดของคนตรงหน้า จากนั้นจึงส่งสายตาใสๆ ที่มีประกายระยิบระยับออกไป “แกเป็นคนใส่ ฉันจะซื้อสุ่มสี่สุ่มห้าให้ได้ยังไงล่ะ ไปกับฉันเถอะนะ นะ นะ”

จึงทำให้ศศินที่ได้เห็นท่าทางดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มขำออกมา จากการที่ได้เห็นท่าทางออดอ้อนของอีกฝ่าย แล้วพูดออกไปว่า “ก็ได้ ก็ได้...แกนี่นะให้มันได้ยังนี้สิวะ” ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจเปิดประตูให้อ้ากว้างเล็กน้อย แล้วหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอีกที พร้อมกับกล่าวเสียงเรียบออกไป “เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

ส่งผลให้คนที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวอย่างดีแลน ถึงกับดีใจจนหางกระดิก เขาคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาทันที ก่อนเจ้าตัวจะรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องของคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

ทว่าพอก้าวขาเข้ามาด้านใน ดีแลนก็ได้กลิ่นของฟีโรโมนของโอเมก้าผสมเจือจางกับกลิ่นสเปรย์ปรับอากาศฟุ้งกระจายอยู่ภายในห้องทันใด แม้จะเจือจางบิดเบือนไปจนแยกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นอะไร แต่ก็ทำให้ดีแลนที่เพิ่งอัดยาระงับมากถึงสามเท่าถึงกับลมหายใจสะดุด ขนแขนขนขาลุกชันอย่างควบคุมไม่ไม่ได้

ชายหนุ่มจึงรีบล้วงยาระงับขึ้นมากินอีกหนึ่งเม็ด แล้วใช้มือถูปลายจมูกไปมาพร้อมกับพูดออกไปว่า “ไอ้ศินนี่แกอย่าบอกนะว่าเอาโอเมก้ามานอนในห้องอีกแล้วเหรอวะ ไอ้ห่านี่”

แล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้อย่างใจต้องการ แม้ว่าอยากจะเดินไปกระชากคอคนตัวเล็กกว่าแล้วสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดก็ตามที

แต่เป็นเพราะตัวของศศินเองก็เป็นอัลฟ่าคนหนึ่งด้วยเช่นกัน การที่จะพาโอเมก้าสักคนหนึ่งเข้ามาภายในห้องทำเรื่องอย่างว่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เชาเลยได้แต่พูดออกไปว่า “ทำไมไม่ฉีดสเปรย์เยอะๆ หน่อยวะไอ้นี่ฉันรัทขึ้นมาจะทำยังไงวะ”

ส่งผลให้คนที่ได้ยินถึงกับหางคิ้วกระตุกสองที ก่อนเจ้าตัวจะพยายามดมกลิ่นฟีโรโมนที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ แต่ดูเหมือนตัวเขาเองก็แทบจะสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลิ่นอะไร แล้วเอ่ยออกไปว่า “แกเป็นหมารึไงเนี่ยไอ้ห่าแดน ได้กลิ่นที่คนอื่นไม่ได้กลิ่นกันเนี่ย ฉันยังไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แถมฉีดสเปรย์ดับกลิ่นไปแล้วนะ” เพราะเขามั่นใจแล้วว่าตัวเองปกปิดฟีโรโมนที่ฟุ้งออกมาแล้วจริงๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรคนตรงหน้านี้ยังได้กลิ่นพวกนี้อยู่ได้

ดีแลนจึงเอามือถูจมูกไปมาแรงๆ อยู่หลายทีด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำออกมา แล้วเอ่ยออกไปว่า “ก็มันได้กลิ่นจริงๆ นี่หว่า คราวหน้าคราวหลังแกจะเอาโอเมก้ามาเข้ามาจู๋จี๋กันในห้อง แกต้องเตรียมสเปรย์ไว้สักสามกระป๋องไม่งั้นมันก็ไม่หายไปหรอกไอ้เพื่อนบ้าเอ๊ย”

“ไอ้แดนฉันว่าแกน่าจะหาหมอดูหน่อยนะ ว่าเกิดอะไรขึ้นจมูกแกเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นแกเดินไปไหนมาไหนแล้วเจอโอเมก้าฮีทต่อหน้าแกจะคุมสติตัวเองไม่ได้ไปเล่นจ้ำจี้กับเขากลางถนนจะทำยังไงไอ้ห่านี่” ศศินตอบกลับไปแบบขอไปที แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าจากนั้นจึงหยิบกางเกงตัวเองออกมา

ดีแลนจึงควักยาระงับออกมาอีกหนึ่งเม็ดแล้วโยนเข้าปากไป ก่อนจะหันหน้ามามองคนตัวเล็กที่กำลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล แล้วจึงพูดออกไปว่า “เอาเถอะ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันพาแกไปซื้อปลอกคอ แล้วแวะไปหาหมอเลยก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันขอออกไปรอข้างนอกนะ ไม่ไหวว่ะ”

“อืม” สิ้นเสียงดังกล่าวดีแลนจึงรีบเดินออกไปทันที

หลังจากที่ศศินจัดการกับตัวเองจนแล้วเสร็จ คนตัวโตกว่าก็พาเขาขึ้นรถแล้วเดินทางมายังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองใหญ่

ศศินถูกดีแลนจูงมือเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่พักใหญ่ข้าวของพะรุงพะรังมากมาย ทั้งๆ ที่แรกเริ่มเดิมทีเจตนาเดิมควรจะมาซื้อเพียงแค่ปลอกคอให้เขาเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น

แต่มาบัดนี้มีทั้งเสื้อผ้าแบรนด์ดัง รวมไปถึงปลอกคอมากกว่าหนึ่งอัน แต่ละอันล้วนมีราคาที่สูงลิบลิ่วชนิดที่เรียกว่า ศศินสามารถใช้เงินที่จ่ายออกไปเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ได้ร่วมสามเดือน

ซื้อมาหลายอันเข้า ศศินก็อดมองถุงปลอกคอยี่ห้อดังในมือของคนตัวใหญ่ที่มีถึงเจ็ดใบไม่ได้ แล้วถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “แกจะซื้อปลอกคอให้ฉันหลายอันทำไมวะ แค่อันเดียวก็พอแล้วไหม แกอย่าลืมสิฉันเป็นอัลฟ่านะ”

ก่อนจะเสียงของดีแลนพูดตอบกลับมาว่า “ถึงจะเป็นการใช้ชีวิตคู่แบบหลอกๆ แต่ฉันก็ไม่อยากให้แกน้อยหน้าใครว่ะ เพราะถึงยังไงก่อนจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นจริงๆ แกกับฉันต้องไปอยู่ร่วมกันให้ชายคาเดียวกันตั้งหลายเดือนนะศิน”

ว่าเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็ชะงักฝีเท้าเอาไว้ แล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเล็กกว่าที่ตัวเองเป็นคนจูงมือเดินไปเดินมาอยู่ทางด้านหลัง

นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตของอีกฝ่าย แล้วเอ่ยเสียงเรียบออกมาว่า “ถึงจะเป็นแค่การหลอกลวง แต่อย่างน้อยๆ ก่อนจะมีงานแต่ง ฉันก็อยากให้แกใส่แบบนี้เพื่อบอกทุกคนว่าแกจะไม่ยอมให้ฉันสลักพันธะลงไปก่อนแต่งอย่างเด็ดขาด และช่วงเวลานั้นฉันก็ไม่อยากให้ใครมาดูถูกแก”

สิ้นเสียงดังกล่าวศศินที่ได้ฟังคนตรงหน้าพูดออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจอย่างเล็กน้อยให้กับความคิดมากของเพื่อนตัวเองตรงหน้า แล้วเอ่ยออกไปว่า “ฉันว่าแกคิดเยอะเกินไปแล้วมั้งไอ้แดน ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ให้ใครมาซุบซิบนินทาไม่ได้สักหน่อย อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นโอเมก้านะอย่าลืม”

ดีแลนจึงตอบกลับไปทันทีว่า “แต่คำดูถูกพวกนั้นเป็นของจริง การที่โอเมก้าคนหนึ่งมาใช้ชีวิตอยู่กับอัลฟ่าโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน มักจะถูกผู้คนมองว่าเป็นแค่เครื่องมือระบายความใคร่เท่านั้น อย่าลืมสิ”

ได้ยินเช่นนั้นศศินจึงช้อนสายตาเงยมองคนตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับพูดออกมาอย่างดีใจว่า “ขอบใจที่แกคิดเผื่อได้ถึงขนาดนี้”

ส่งผลให้คนที่ได้เห็นท่าทางดังกล่าว เผลอยิ้มออกมา แล้วรีบหันหน้ากลับไปก่อนที่ตัวเองจะเผลอไปรวบร่างเล็กๆ เข้ามากอดเอาไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “มันเป็นเรื่องปกติของว่าที่สามีในอนาคตของแกที่จะต้องใส่ใจสิ ถึงแม้ว่าจะเป็นการอยู่ร่วมกันแบบปลอมๆ ก็เถอะ แต่ฉันก็อยากทำให้ดี” ว่าจบเจ้าตัวก็กระตุกข้อมือผอมบางให้เดินมาด้วยกันที่ร้านร้านหนึ่งอีกที

จนศศินต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ แล้วร้องห้ามออกมา “พอแล้วไอ้ห่านี่ แกจะซื้อให้ฉันเอาไว้ถมที่หรือไงวะ”

พอศศินพูดจบลงดีแลนก็หันมาทำเสียงดุออกไปว่า “อย่าขัดใจฉันเลยว่ะ” ว่าจบเจ้าตัวก็กระตุกข้อมือของคนที่อยู่ทางด้านหลังให้เดินตามมา โดยที่คนตัวเล็กกว่าทำได้เพียงกลอกสายตาขึ้นลงอย่างระอา แล้วเดินตามชายหนุ่มไปอย่างจำยอม

ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงการซื้อของแบบกระเป๋าฉีกในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง ดีแลนจึงเหลียวหน้าหันไปมองคนที่เดินอยู่เคียงกัน แล้วยื่นมือไปดึงถุงมากมายในมือมาถือเอาไว้ให้

และเมื่อเดินมาถึงรถที่จอด ดีแลนจึงนำข้าวของมากมายนำไปเก็บเอาไว้ที่กระโปรงท้ายรถอย่างรวดเร็ว ก่อนเจ้าตัวจะหันไปถามศศินว่า “หิวไหม”

ได้ยินเช่นนั้นศศินที่กำลังยื่นของให้ ก็ช้อนสายตาเงยมองคนตัวใหญ่กว่าอีกที แล้วเอ่ยออกไปว่า “ฉันว่าแกต้องไปหาหมอก่อนนะแดน แล้วค่อยไปกินข้าว ยังมีเวลาอีกเยอะ”

“กินข้าวก่อนไม่ได้เหรอวะ อีกอย่างอาการนั้นก็ไม่มีแล้วนี่” ดีแลนพูดเสียงอ่อยออกมาทันที หลังจากได้ยินสิ่งที่ศศินร้องเตือน ก่อนเจ้าตัวจะเหลียวหน้าหันไปมองชายตัวเล็กกว่าที่เดินอยู่ข้างกัน “นะ นะ นะ”

พอเห็นท่าทางดังกล่าว ศศินจึงกล่าวเสียงแข็งออกไปว่า “ไม่ได้ เดี๋ยวลืม ถ้าแกไม่ไป แล้วอาการกำเริบขึ้นมาจะทำยังไง ฉันยังไม่อยากเห็นแกไปเล่นจ้ำจี้กับโอเมก้าที่ข้างถนนเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ แกต้องหาสาเหตุที่จมูกดีเกินไปก่อน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วยาที่แกกินกันไว้ก็คงใกล้หมดฤทธิ์แล้วเหมือนกัน”

จึงทำให้ดีแลนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนลมหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง ก่อนเจ้าตัวตัวจะเหลียวหน้าหันไปมองคนตัวเล็กอีกที แล้วพูดออกไปว่า “ก็ได้ วันนี้ฉันจะตามใจแกสักวัน”

หลังจากที่ทำธุระหลายๆ อย่างแล้วเสร็จ ดีแลนก็ถูกศศินลากมาโรงพยาบาลจนได้ แม้เจ้าตัวจะพยายามอิดออดบ่ายเบี่ยงไม่อยากเจอนายแพทย์ที่ศศินพามาคนนี้อย่างไร มิหนำซ้ำยังพูดออกไปว่า “ไม่ไปหาพี่เตมินทร์ได้ไหม เป็นหมอคนอื่นไม่ได้เหรอวะศิน”

แต่ก็มีเพียงคำพูดสั้นๆ ของเพื่อนชายคนสนิทตอบกลับให้ได้ยินกลับมาว่า “เอาน่า แกจะอะไรกับพี่เขานักหนา ไปหาหมอที่รู้จัก อย่างน้อยๆ แกจะได้ปรึกษาเขาแบบเปิดอกได้ยังไงล่ะ”

‘เพราะรู้จักดีนั่นแหละฉันถึงไม่อยากไป’

ดีแลนสบถในใจอย่างอ่อนแรง แล้วอดไม่ได้ที่จะทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างลำบาก เนื่องจากว่าตัวเขานั้นไม่อยากจะเจอกับนายแพทย์คนนั้นสักเท่าไร แต่ถึงจะไม่อยากไป เขาก็ยังยอมสาวเท้าตามเพื่อนชายคนสนิทไปอยู่ดี

เมื่อก้าวขาเข้ามาในโรงพยาบาลได้ ศศินก็ลากเพื่อนชายคนสนิทไปพบแพทย์ที่ตัวเองรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี เพื่อหมายจะเข้าไปปรึกษาคนคนนี้ต่อจากดีแลนด้วยเช่นกัน

“ผมฝากดูเพื่อนผมด้วยนะครับพี่เต” ศศินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อตัวเองลากเพื่อนเข้ามาในห้องตรวจได้สำเร็จ แล้วอดไม่ได้ที่จะเหลียวหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ

เพราะเขาจำได้ว่าตั้งแต่สองคนนี้รู้จักกันมาจวบจนกระทั่ง เตมินทร์เจอคู่แห่งโชคชะตามีลูกน้อยสองคนไปแล้ว เตมินทร์ก็ยังไม่เลิกทำหน้าเคร่งขรึมใส่ดีแลนสักที

“ได้” เตมินทร์พูดขึ้นทันทีหลังจากที่เด็กน้อยในปกครองของตัวเองเอ่ยขึ้นมา แล้วหันไปมองชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมกับพูดออกมาว่า “พี่จะดูแลเพื่อนเราให้เป็นอย่างดี” ว่าจบก็ส่งรอยยิ้มที่ดีแลนเห็นแล้วรู้สึกขนลุกชัน

ทว่ารอยยิ้มดังกล่าวกลับไม่ส่งผลกระทบต่อศศินสักเท่าไร เจ้าตัวจึงไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศกดดันที่ดีแลนรับรู้ได้นี้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ออกไปว่า “ครับ” จากนั้นจึงพยักหน้าลงเล็กน้อย แล้วยื่นมือไปตบบ่าเพื่อนชายคนสนิทอีกที

ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าลงพร้อมกับเอ่ยเสียงกระซิบว่า “เอาน่า...ฉันรู้ว่าแกไม่ค่อยชอบหน้าพี่เต เพราะพี่เตชอบแกล้งแกตั้งแต่เด็กๆ แต่ยังไงเขาก็เป็นหมอที่ฉันไว้ใจ”

“อะ...อืม” ดีแลนยิ้มเจื่อนๆ ออกมาบางๆ แล้วหันไปยิ้มแหยกับเตมินทร์หมอหนุ่มผู้เป็นอัลฟ่าเลือดผสมที่เขารู้จักมานานด้วยสีหน้าเกรงอกเกรงใจ ก่อนจะเหลียวมองเพื่อนชายคนสนิทเดินออกจากห้องไปด้วยสายตาเว้าวอน

ด้วยเหตุที่ว่าตั้งแต่รู้จักกับศศินมาเขาก็กลัวอัลฟ่าเลือดผสมคนคนนี้ที่เป็นคนที่เลี้ยงดูเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นชีวิตจิตใจ เนื่องจากว่าเตมินทร์นั้นมีนิสัยเข้มงวดจนดีแลนรู้สึกขยาด ความดุดันและแข็งแกร่งพอๆ กับอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่มีอยู่อย่างน้อยนิดในโลกใบนี้

และถึงเขาจะเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ก็ตามที แต่เขาก็ยังรู้สึกเกรงใจปนเคารพพอๆ กับหวาดกลัวด้วยเช่นกัน แม้ตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาจะไม่ได้อยู่ในการดูแลของคนคนนี้แล้วก็ตาม แต่ความน่ากลัวของอัลฟ่าเลือดผสมคนนี้ก็ยังติดตราตรึงใจดีแลนอยู่ดี

เพราะเตมินทร์มองออกว่าตัวเขานั้นมีใจให้ศศินตั้งแต่แรกที่ได้เจอกัน จึงทำให้ชายคนนี้มีอาการหวงคนในปกครองอย่างศศินอยู่พอประมาณ เนื่องจากทั้งสองคนยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุสิบกว่าขวบซ้ำยังเป็นอัลฟ่าด้วยกันทั้งคู่

แต่พอนานวันเข้าเตมินทร์ได้เห็นความจริงใจและมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อน้องบุญธรรมของตน ความกดดันที่ต้องเจอคล้ายพ่อตาที่มีต่อลูกเขยก็ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน

“ว่าไงมีอะไรถึงทำให้เจ้าศินลากนายมาหาฉัน” เตมินทร์เป็นฝ่ายเปิดปากเอ่ยเสียงเรียบออกมา หลังจากที่ศศินเดินจากไป แล้วดีแลนเอาแต่นั่งเหงื่อซึมอยู่ตรงหน้า

ส่งผลให้คนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดมากมายอย่างดีแลนถึงกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยออกไปว่า “คะ...ครับ” พร้อมกับส่งรอยยิ้มแหยๆ ไปให้อย่างหวาดๆ

ก่อนจะมีเสียงทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างระอาแล้วเอ่ยออกไปอีกทีว่า “นายนี่นะ” ว่าเพียงแค่นั้นก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างระอา พร้อมกับถามออกไปอีกครั้งให้คนที่ไม่ยอมฟังอย่างใจเย็นว่า “ฉันถามนายว่าเป็นอะไรมาถึงถูกเจ้าศินลากมาที่นี่ได้ล่ะ”

“อะ...อ้อ คะ...คือพอดีจมูกผมมีปัญหา” ดีแลนพูดออกไปด้วยท่าทางประหม่า ก่อนเจ้าตัวจะสูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตน เมื่อได้เห็นเรียวคิ้วเข้มของคนตรงหน้าขมวดมุ่น จากนั้นจึงเอ่ยออกไปว่า “พอดีจมูกผมแค่ได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าก็รัทขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่กินยาระงับแล้วก็ยังเป็น”

“นายรัททั้งๆ ที่กินยาระงับแล้วงั้นเหรอ”

“ครับ” ดีแลนพยักหน้าลงทันที หลังจากที่เตมินทร์พูดจบลง ก่อนเจ้าตัวจะอดไม่ได้ที่จะลอบถอนลมหายใจออกมาเบาๆ หนึ่งทีอย่างโล่งใจ ที่อัลฟ่าเลือดผสมตรงหน้าไม่มีท่าทีแปลกประหลาดให้เห็น

ทว่าดีใจได้เพียงครู่เดียวใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าก็คลี่ยิ้มเยือกเย็นออกมา แล้วพูดเสียงเรียบว่า “แล้วนายรู้ไหมว่าโอเมก้าที่ปล่อยฟีโรโมนออกมาคนนั้นเป็นใคร”

ดีแลนจึงรีบพูดออกไปทันทีว่า “ไม่ครับผมไม่รู้เลย เพราะส่วนใหญ่ผมแค่ได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้ารอบๆ ตัวของไอ้ศินมันเท่านั้นครับ”

สิ้นเสียงของดีแลน เตมินทร์ก็ถามกลับไปอีกครั้งว่า “แล้วอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับโอเมก้าทุกคนหรือเปล่า” ก่อนเจ้าตัวจะเงยหน้าจ้องมองคู่สนทนาด้วยแววตานิ่ง

“เป็นเฉพาะกับโอเมก้าที่อยู่รอบๆ ตัวของไอ้ศินครับ ผมเลยคิดว่าคงจะเป็นฟีโรโมนของโอเมก้าที่ไอ้ศินไปติดพันคนนั้นคนเดียวที่มีผลกับผม นอกนั้นต่อให้มาฮีทตรงหน้าก็ไม่รู้สึกอะไร” ดีแลนตอบกลับไปทันที ที่เตมินทร์เอ่ยถามออกมา ก่อนเจ้าตัวจะหลุบสายตามองฝ่ามือของตน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”

“อ้อ” เตมินทร์ลากเสียงยาวเล็กน้อยอย่างเข้าใจ ก่อนเจ้าตัวจะก้มหน้าลงมองแผ่นชาร์ตคนไข้บนโต๊ะตรงหน้า แล้วถามออกไปว่า “แล้วเป็นแบบนี้มานานเท่าไร”

“เอาเวลาแน่นอนไม่ได้ครับ แต่ช่วงหลังๆ อาการมันรุนแรงขึ้นจนบางครั้งแค่ได้กลิ่นไอ้นั่นก็ตั้งแล้ว”

ทว่าในขณะที่ดีแลนพูดจบประโยคลง ก็มีเสียงของเตมินทร์เอ่ยให้ได้ยิน “จมูกนายไม่ได้พังหรอก นายแค่เจอคู่แห่งโชคของตัวเองเท่านั้นแหละ คู่แห่งโชคชะตานี้ต่อให้นายพยายามระงับใจหรือกินยาระงับแล้วแค่ไหนก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่หรอก”

ได้ยินเช่นนั้นนัยน์ตาสีเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ แล้วโพล่งออกไปอย่างไม่เชื่อหูว่า “พี่ว่าไงนะ คู่แห่งโชคชะตาอย่างงั้นเหรอ” ว่าจบดีแลนก็เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง นัยน์ตาสีเข้มกลอกกลิ้งไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร

ก่อนจะมีเสียงของเตมินทร์ดังอย่างหยอกเย้าออกมาว่า “นายเจอคู่แห่งโชคชะตาก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง จะได้มีคู่กับเขาเป็นตัวเป็นตนสักที”

“ดีกับผีน่ะสิครับพี่เต พี่ก็รู้ว่าผมชอบ...”

“ชอบเจ้าศินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” เตมินทร์ต่อคำพูดของดีแลนให้ครบจบประโยคดี นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าด้วยแววตานิ่ง สิ่งที่เห็นมีเพียงความไม่พอใจฉายชัดออกมา

จากนั้นเตมินทร์จึงถามออกไปอีกทีว่า “นายจะบอกฉันว่าต่อให้เจอคู่แห่งโชคชะตาอยู่ตรงหน้านายก็ไม่สนใจอย่างนั้นน่ะเหรอ เพราะใจของนายมีแต่น้องชายบุญธรรมของฉันอยู่เต็มหัวใจว่างั้น”

“ใช่ ผมไม่สนใจคู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่น ต่อให้มาฮีทอยู่ตรงหน้าผมก็จะฝืนชะตาที่ลิขิตไว้นี้ให้ดู ต่อให้ต้องทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกสติ ผมก็ยอม” ดีแลนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

จึงทำให้แววตาของเตมินทร์มีท่าทีที่อ่อนลง แล้วหันไปมองชาร์ตคนไข้ตรงหน้า พร้อมกับเปรยออกมาลอยๆ ว่า “นายก็น่าจะเห็นว่าตอนที่นายได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าคนนั้น นายรัทตลอดเลยไม่ใช่หรือไง แล้วแบบนี้นายจะระงับความต้องการของตัวเองไหวเหรอ...”

“ต่อให้ต้องกินยาระงับเป็นกำผมก็จะทำ” ดีแลนโพล่งเสียงดังออกมาทันที ที่เตมินทร์พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเสียด้วยซ้ำ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองคู่สนทนาด้วยแววตามุ่งมั่นและตั้งใจ

จนคนที่ได้เห็นสายตาดังกล่าวถึงกับสบถอยู่ในใจว่า ‘ถึงจะมุ่งมั่นแต่ก็ยังซื่อบื้ออยู่ดี นี่น่ะเหรอทายาทของตระกูลดังผู้มีอิทธิพลครอบงำประเทศนี้ แม้แต่เจ้าศินเป็นโอเมก้าแถมยังเป็นคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองก็ยังดูไม่ออก แบบนี้ฉันจะฝากชีวิตน้องชายฉันได้ยังไงวะ’

คิดได้เพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็ส่ายศีรษะไปมาน้อยๆ อย่างระอาใจอยู่หลายต่อหลายที ก่อนเจ้าตัวจะเคาะปากกาในมือลงบนโต๊ะตัวใหญ่ แล้วอ่านข้อมูลต่างๆ ที่พยาบาลขีดเขียนประวัติคนไข้เบื้องต้นมาให้ แล้วเตรียมจะอ้าปากถาม

แต่ก็มีเสียงของดีแลนพูดออกมาเสียก่อนว่า “พี่เต พี่พอจะมียาระงับแรงๆ บ้างไหมครับ ถ้ามีก็จัดยาให้ผมเถอะ ผมไม่ได้ต้องการที่จะเอาคู่แห่งโชคชะตานั่นมาเป็นคู่ของตัวเอง”

ได้ยินเช่นนั้นเตมินทร์ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองคู่สนทนาตรงหน้า ก่อนเจ้าตัวจะพูดออกมาว่า “นายแน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมาแบบนั้นน่ะ ไม่แน่บางทีถ้านายได้เจอคู่แห่งโชคชะตาตัวเอง นายอาจเปลี่ยนใจก็ได้นะ”

ส่งผลให้ดีแลนตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “คนที่อยู่ในใจผมมาตั้งแต่เล็กจนโต พี่เตก็น่าจะรู้ว่าผมมีแต่หมอนั่นเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องของคู่แห่งโชคชะตาอะไรนั่นถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็จะลองเปิดอกคุยกับคนคนนั้นสักครั้ง แล้วขอร้องให้คนคนนั้นอยู่ให้ห่างๆ พวกเรา ซึ่งเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ไม่ยอมให้ไอ้ศินมันเสียใจ”

สิ้นเสียงดังกล่าวเตมินทร์ก็ถึงกับทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง แล้วอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกไปเบาๆ ว่า “นายรู้ใช่ไหม ว่ากว่าจะมีวันนี้เจ้าศินต้องสู้ชีวิตมากแค่ไหน”

“ผมรู้ ผมถึงอยากได้ยาระงับที่แรงขนาดต่อให้เป็นคู่แห่งโชคชะตาบ้าบอนั่นมายืนอยู่ต่อหน้าก็ไม่รู้สึกยังไงล่ะ” ดีแลนตอบกลับชายหนุ่มทันทีด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างมุ่งมั่นและตั้งใจ เขาให้สัตย์สาบานกับตัวเองมาเนิ่นนานตั้งแต่แรกเจอกับว่าจะมีแค่ศศินเพียงคนเดียวในใจเท่านั้นไม่มีวันแปรเปลี่ยนไป

“งั้นก็ดี” เตมินทร์พูดพึมพำเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะหวนระลึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ได้พบเจอกับเด็กน้อยโอเมก้าคนหนึ่งเมื่อครั้งยังวัยเยาว์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 83

    มาถึงตรงนี้ศศินจึงพูดขึ้นมาว่า “แกต้องกินอะไรหน่อยนะแดน ไม่งั้นแกได้ช็อกเพราะร่างกายขาดน้ำแน่ๆ ” พูดจบชายหนุ่มก็ถือถ้วยกระเบื้องเคลือบเข้าไปใกล้ดีแลนที่ได้รับกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ส่ายศีรษะไปมาอย่างหมดกำลัง เขาจึงช้อนสายตาเลยมองเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นมารดาอีกครั้งจึงทำให้คุณหญิงอารียาอดไม่ได้

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 82

    จึงทำให้คุณหญิงอารียาที่เห็นท่าทางเช่นนี้อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาว่า “ตายแล้วตาแดนไหวไหมลูก” พูดได้เพียงแค่นั้นหล่อนก็รีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปหาบุตรชายของตัวเองที่โก่งคออาเจียนอยู่ตรงชักโครกทันใดฝ่ามือเรียวบางของผู้เป็นมารดาลูบไล้แผ่นหลังของดีแลนอย่างแผ่วเบาพร้อมกับพูดออกมาว่า “เป็นยังไงบ้างดีขึ้นบ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 81

    หลังจากที่หมอเข้ามาตรวจร่างกายของดีแลนจนแล้วเสร็จ ก็พบว่าร่างกายของเขานั้นไม่มีส่วนใดที่ผิดปกติ ศศินจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยพอเป็นพิธี พร้อมกับพูดออกไปว่า “ขอบคุณมากนะครับที่สละเวลามาตรวจสามีของผม” ว่าจบก็หันหน้าไปทางพ่อบ้านที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แล้วพยักหน้าลงเล็กน้อยเพื่อบอกอีกฝ่ายให้ไปส่งอาคันตุกะคนนี้ใ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 80

    ตอนพิเศษ2แพ้ท้องหลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหกจากหนึ่งวันแปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งอาทิตย์ สุดท้ายก็กลายเป็นหลายเดือนที่ตัวเองได้เหยียบย่างเข้ามาอยู่เป็นครอบครัวใหญ่แม้ความกดดันที่เกิดจากคนในครอบครัวของดีแลนจะหายไปแปรเปลี่ยนมาเป็นการเอาอกเอาใจเขาเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เท่ากับความผิดปกติที่ตัวเองนั้นเผลอฮีททุกๆ

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 79

    ทว่าในขณะที่ตัวเองกำลังจะใช้เชือกเส้นเขื่องมัดแขนของดีแลนข้างหนึ่งอยู่นั้น จู่ๆ เปลือกตาที่ควรจะปิดสนิทสนิทคู่นั้น ก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมาทันที และยังไม่ทันที่จะทันได้ทำสิ่งใดต่อ ฝ่ามือแข็งแรงของดีแลนก็คว้าจับข้อมือของศศินที่กำลังถือเชือกเอาไว้ส่งผลให้คนที่กำลังลักลอบทำเรื่องผิดศีลธรรมถึงกับสะดุ้งโหย

  • เมื่อผมแอ็บเป็นอัลฟ่าแต่ดันถูกสามีผีบ้าจับได้ซะงั้นOmegavers   บทที่ 78

    ศศินนั่งอ่านข้อความของคนที่มาตอบกระทู้เพิ่มเติมอีกพักใหญ่ แต่ก็ไม่เห็นข้อมูลไหนเหมาะสมเท่าครั้งนี้ ชายหนุ่มจึงเอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้อยู่ครู่ใหญ่ แล้วตัดสินใจทำตามคำแนะนำของคนที่ตอบกระทู้มาชายหนุ่มใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง เพื่อเตรียมข้าวของที่จะต้องใช้นำมาใช้มัดผู้เป็นสามีให้อยู่นิ่งๆ ด้วยใบหน้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status