เยว่ซินและซูเม่ยตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าคิวแน่น ทำงานกันไม่ได้พัก ทันทีที่จิวเวลรี่ตระกูลหยางเปิดตัวหลี่ เยว่ซินเป็นแบรนด์แอมฯนั้นคนก็สนใจจับจองสินค้าล่วงหน้ากันมาถล่มทลาย
และจริงอยู่ที่ถึงแม้สร้อยคอกุหลาบลูโลนั้นจะมีเพียงเส้นเดียวที่คุณหนูหลี่ เยว่ซินได้ใส่หากแต่คอลเลคชั่นอื่นๆที่เลขาหลิงให้เธอได้สวมและนำภาพขึ้นปกของคอลเลคชั่นนั้นๆก็เรียกว่าได้ผลตอบรับดีเกินคาด บัดนี้เยว่ซินเริ่มจะมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นแล้ว... อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทั้งซูเม่ยและจางลี่นั้นช่วยกันถ่ายคล้ายๆเป็นคลิปส่วนตัวระหว่างวันที่เยว่ซินทำกิจกรรมต่างๆเพื่อให้คนได้เข้าถึงเธอมากขึ้น 'อันไหนแมวอันไหนอาเยว่คะ แยกไม่ออกเลย' 'กรี๊ด วันนี้เยว่ซินไปหาเพื่อนแมวเหรอคะ' 'อาเยว่ดูรักแมวจังเลย ที่บ้านเลี้ยงแมวไหมคะ' 'เยว่ซิน~พี่สาวตามซื้อน้ำหอมของคุณหยวน อี้ได้แล้วแต่สร้อยคอรอพี่สาวเก็บเงินก่อนแล้วจะซื้อตามนะคะ!' นี่คือตัวอย่างความคิดเห็นในคลิปหนึ่งที่จางลี่พาเยว่ซินไปเที่ยวเล่นในคาเฟ่แมว แฟนคลับนั้นดูจะเรียกกันอย่างสนิทสนมมากขึ้นซึ่งเยว่ซินรู้สึกดีกว่ามากๆที่จะเรียกด้วยคำสุภาพ "คุณหนูเยว่วันนี้ก็ทำงานหนักอีกแล้วนะ" เสียงของจางลี่ที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เยว่ซินสะดุ้ง "อืม...มันติดพันนิดหน่อยน่ะ" เธอส่งยิ้มแหยๆไปให้เพื่อนตนเอง จางลี่นั่งลงตรงข้ามกันแล้วส่งสายตาดุๆมาให้ "ทำงานหนักมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว วันนี้พี่ซูเม่ยอุตส่าห์ลงคิววันหยุดให้ทำไมไม่พักเสียหน่อย?" ใช่...หลังจากที่เรื่องวุ่นวายของหยวน อี้และฟาหยางจบไปเยว่ซินก็ทำงานหนักติดต่อกันหลายสัปดาห์แล้ว นอกจากสตูดิโอกับบ้านเยว่ซินก็แทบไม่ได้ไปไหนอื่นและไม่ได้เจอใครเลย "เสร็จตรงนี้แล้วฉันจะวางแล้ว โอเคไหม?" จางลี่ถอนหายใจให้กับความดื้อของอีกคน เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีเยว่ซินคนนี้ยังพูดยากพูดเย็นเช่นเดิม "ไหนๆวันนี้ก็พักแล้ว เราไปเดินห้างกันหน่อยดีไหม" เยว่ซินหยุดคิด ตั้งแต่หลุดเข้ามาในโลกนี้เธอก็ได้ไปห้างไม่กี่ครั้งเอง "ไปผ่อนคลายกันสักหน่อย เข้าร้านสปาเป็นไง?" เยว่ซินยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้าให้กับอีกคน "อืม เป็นความคิดที่ดีเลยค่ะคุณจางลี่" เลขาหลิงทำงานให้กับฟาหยางมาเกือบจะห้าปี กว่าเธอจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากเขาให้มาอยู่เป็นคนใกล้ชิดเช่นนี้นั้นเลขาหลิงเกือบจะขอลาออกอยู่หลายครา แน่นอนว่าการทำงานกับฟาหยางนั้นจะต้องละเอียดรอบคอบ มีความเก่งกาจและความอดทนมากกว่าคนอื่นๆหลายเท่าตัว เหตุเพราะฟาหยางทั้งดุและเคร่งขรึม เขาจะไม่ยอมให้งานห่วยๆผ่านตาไปได้ไม่ว่าจะผิดพลาดเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และหลายปีที่ผ่านมานั้นเลขาหลิงผ่านทุกอารมณ์จากเจ้านายจอมเนี้ยบคนนี้ เธอได้เห็นหลายมุมมากมายจากฟาหยางยกเว้นอารมณ์ที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้... "มีเรื่องอะไรดีๆหรือคะคุณฟาหยาง" เธอค่อนข้างไม่ชินเลยทีเดียวที่ฟาหยางดูผ่อนคลายอย่างอารมณ์ดีเช่นนี้ เขาแกว่งปากกาในมือไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ "ก็ไม่มีอะไรนี่" เลขาหลิงรู้ดีว่าอีกคนไม่อยากพูดออกมา จริงๆเธอก็พอจะรู้จากอาโปมาเล็กน้อยว่าวันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของคุณหนูหลี่ เยว่ซินหลังจากที่อีกฝ่ายทำงานหนักติดต่อกันหลายอาทิตย์ และเพราะอย่างนั้นไม่ว่ากี่ครั้งที่ฟาหยางเจ้านายของเธอขอคิวไปนั้นอีกฝ่ายก็จะปฏิเสธเสมอ งั้นที่เจ้านายเธออารมณ์ดีเช่นนี้ก็เพราะขอคิวคุณหนูเยว่ไปได้แค่นั้นหรือ? เอาเถอะ เธอจะยอมเชื่อแล้วกันที่เขาบอกว่าไม่มีอะไรน่ะนะ... เยว่ซินกับจางลี่ไปถึงห้างแล้วก็หาอะไรทานก่อนที่จะเข้าร้านสปา ผ่านไปหลายชั่วโมงสำหรับการทำสปาผิว เยว่ซินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากจากเก่า แก้มนวลซับสีแดงระเรื่อทั้งผิวที่ขาวดั่งเกล็ดหิมะนั้นก็ดูนวลเนียนน่าสัมผัสขึ้นกว่าเก่า จางลี่พิจารณาเพื่อนตนเองแล้วยกยิ้ม หลี่ เยว่ซินนั้นเหมาะสมกับออร่าดารายิ่งนัก "อืม...รู้สึกดีจังเลย" คนสวยพูดแล้วยิ้มกว้าง ค่าคอร์สสำหรับวันนี้นั้นแพงหูฉี่หากเป็นเยว่ซินตอนเพิ่งหลุดเข้ามาใหม่ๆคงไม่มีปัญญาจ่ายแน่ แต่หากตอนนี้ทั้งตารางงานและฟาหยางที่สนับสนุนเป็นค่าจองตัวเวลาเจอกันบ้างหรือค่าสปอนเซอร์ที่อีกฝ่ายแอบยกมาอ้างเพื่อจะให้ค่าขนมเยว่ซินบ้างก็ทำให้ในธนาคารของเธอมีเงินอยู่หลายหลักทีเดียว พอคิดมาถึงตรงนี้เยว่ซินก็เพิ่งจะนึกออกว่าวันนี้เธอมีนัดกับฟาหยางเสียนี่ ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าเธอลืมจะขุ่นเคืองแค่ไหนกันนะ... "คุณหนูเยว่อยากไปที่ไหนอีกบ้างจ๊ะ" จางลี่เอ่ยถามหลังออกจากร้าน เยว่ซินคิดชั่วครู่แล้วตอบเสียงหวาน "จางลี่ช่วยฉันเลือกชุดหน่อยได้ไหม...อืม เอาเป็นร้านนั้นเป็นไง?" "ซื้อชุดหรือ? จะไปไหน" จางลี่ขมวดคิ้ว ถึงขั้นซื้อเสื้อผ้าใหม่นั้นคุณหนูเยว่มีงานสำคัญหรือ? "ไม่ได้ให้ตัวเองหรอก ฉันอยากดูชุดคลุมไหมพรมให้กับเลขาหลิงสักตัวน่ะ แล้วก็โค้ทตัวยาวให้คุณฟาหยาง" จางลี่ยิ่งงุนงงหนักขึ้นกว่าเดิม ทำไมเยว่ซินถึงต้องซื้อเสื้อผ้าให้สองคนนั้นด้วย? "ก็แค่อยากขอบคุณคุณหยางเรื่องงานน่ะแล้วก็คุณเลขาหลิงที่ช่วยดูแลฉันด้วย จริงๆก็อยากจะเลี้ยงน้ำชาเหมือนคุณหยวน อี้อยู่หรอกแต่ฉันว่าอย่างคุณหยางคงไม่รับแน่ๆ" เยว่ซินพูดยาว หลังจากช่วงที่วุ่นวายนั้นเธอมีโอกาสได้เลี้ยงน้ำชาหยวน อี้แล้วแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ตอนนั้นได้มีโอกาสเจอกับเลขาของเขาด้วยซึ่งทั้งสองคนนั้นกว่าจะยอมให้เยว่ซินเป็นเจ้ามือก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน หลี่ เยว่ซินเข้าใจดีว่าให้คนที่มีศักดิ์เป็นคนที่ถูกจ้างงานมาทั้งยังมีอายุน้อยกว่าเลี้ยงน้ำชาคงดูไม่ดีนัก แต่ไหนๆเยว่ซินก็เริ่มสนิทสนมกับเขาแล้วจึงเอ่ยขอร้องให้ช่วยมองข้ามการเสียมารยาทในข้อนี้ไป แต่กับฟาหยางคงไม่ดีนัก อีกฝ่ายเป็นถึงมาเฟียปกครองแผ่นดินจีนมีอิทธิพลมากมาย เยว่ซินจึงคิดว่าหากซื้อเป็นของไปให้จะเป็นการดีกว่า ส่วนเลขาหลิงนั้นจะขอให้ช่วยรับไว้ในฐานะน้องสาวที่อยากซื้ออะไรให้พี่สาวก็คงไม่น่าเกลียดอะไร ทั้งเยว่ซินและจางลี่ใช้เวลาช่วยกันเลือกอยู่อีกเกือบชั่วโมง เยว่ซินนั้นละเอียดรอบคอบคิดไปต่างๆนานาว่าสีควรเป็นสีสุภาพและคิดไปถึงความอุ่นของเสื้อในอุณหภูมิที่จะสามารถใส่ได้ในหน้าหนาว "ถ้าคุณฟาหยางรู้ว่าแกพิถีพิถันเช่นนี้คงดีใจ" "ก็เรื่องปกติไม่ใช่หรือที่เราจะซื้ออะไรแล้วนึกถึงคนได้รับน่ะ" จางลี่พยักพเยิด หลังๆเธอเริ่มจะชินที่เยว่ซินทำตัวเช่นนี้แล้ว ก็เพื่อนของเธอนั้นนอกจากจะเก่งขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น การวางตัวต่างๆก็ดูสมกับเป็นคุณหนูขึ้นทุกวัน ทั้งคู่ออกจากห้างก็เวลาเย็นย่ำแล้ว จางลี่แวะมาส่งเยว่ซินที่บ้านก่อนที่เธอจะกลับไปทำธุระต่อกับครอบครัว คล้อยหลังก็ยังอวยพรให้วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี "หวังว่าคุณหยางจะชอบของที่แกตั้งใจเลือก" "อืม เดินทางปลอดภัยนะจางลี่" "ไว้เจอกันจ้าคุณหนูเยว่" อาโปค่อนข้างเป็นกังวลเล็กน้อยที่โดนเจ้านายสั่งห้ามไม่ให้เป็นคนขับรถให้ ฟาหยางถอดสูทตัวนอกออกส่งให้เขาเหลือเพียงเชิ้ตด้านในก่อนจะเอ่ยกำชับเสียงเรียบว่าเขาจะเป็นคนขับรถไปหาคุณหนูเยว่เองให้อาโปพักผ่อนอยู่ที่คฤหาสน์ซะ "จะพาคุณหนูเยว่มาค้างหรือไม่คะคุณฟาหยาง ฉันจะได้จัดห้องไว้ให้ค่ะ" เสียงของสาวใช้ดึงความสนใจของทั้งสองให้หันไปมอง ฟาหยางยกมือขึ้นพับแขนเสื้อพร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย "ไม่ได้จะไปรับมาพักที่นี่ แค่ไปทานข้าวไม่นาน" เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอจึงค้อมตัวให้เจ้านายตนเอง อาโปค่อนข้างแปลกใจที่สาวใช้ถามเช่นนั้น หรือพวกเธอเข้าใจผิดเสียแล้วว่าคุณหนูเยว่เป็นคนดูใจของฟาหยาง? "คุณหยางจะขับคันไหนดีครับ" "Bugattiแล้วกัน" บูกัตติสีเงินถูกยกขึ้นมาในการตัดสินใจ รถสปอร์ต2 ที่นั่ง สมรรถนะสูงที่ถูกซื้อมาในราคาสูงลิ่วตอนฟาหยางไปดูงานที่ต่างประเทศ เขาถูกชักชวนเข้าร่วมในงานประมูลของมาเฟียพันธมิตรฝั่งทางนั้น ทีแรกจะไปเข้าร่วมเฉยๆไม่คิดว่าสุดท้ายจะกลายเป็นว่ามีอะไรกลับติดไม้ติดมือมาแม้ว่าจะโดนค่าภาษีอีกหลายเท่าตัว อาโปส่งเจ้านายตัวเองด้านหน้า เขาค้อมศีรษะลงก่อนที่ประตูจะปิดแล้วเสียงเครื่องกระหึ่มเฉพาะตัวของบูกัตติคันงามจะเคลื่อนออกไป ใช้เวลาไม่นานมากในการจราจรช่วงกลางคืน ฟาหยางวางมือไปกับพวงมาลัยรถ ดวงตาคมทอดมองไปยังอีกฝั่งซึ่งเห็นใครบางคนกำลังเร่งเท้าเดินมาหา เขาลงจากรถ สบตาเข้ากับหลี่ เยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาว ผมยาวโดนเกล้าขึ้นโชว์ลำคอระหงส์ ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวสวมสร้อยกุหลาบลูโลของตระกูลหยางที่เขาตั้งใจให้กับมือ "คุณหยางมานานหรือยังคะ" เยว่ซินรู้สึกผิด ความจริงเธออยากมายืนรออีกฝ่ายด้วยซ้ำแต่กะเวลาพลาดไปเล็กน้อย "ฉันก็เพิ่งมาถึง ไม่ได้รออะไรเลย" ได้ยินเช่นนั้นเยว่ซินเลยเบาใจ เธอเอียงศีรษะมองคนตัวสูงกว่า แม้ฟาหยางยามเพิ่งเสร็จจากงานนั้นยังคงน่ามอง ฟาหยางเปิดประตูรถให้อีกคนได้เข้าไปด้านใน เยว่ซินค้อมลงขอบคุณอย่างสุภาพ รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆที่ได้นั่งรถของฟาหยางที่เขาจะเป็นคนขับให้ "ช่วงนี้ฉันเห็นว่าคิวของคุณหนูเยว่แน่นมาก ไม่ว่าจะติดต่อไปที่ผู้จัดการกี่ครั้งก็ไม่มีช่วงเวลาได้แทรกเข้าไปเลย" ฟาหยางเริ่มบทสนทนายามที่เขาเข้ามาเช่นกัน บูกัตติเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งด้วยความเร็วปานกลาง "อืม...ต้องขอโทษคุณหยางด้วยนะคะ แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมากจริงๆ" "เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ฉันเห็นอาเยว่มีแฟนคลับมากขึ้นก็นับว่าเป็นเรื่องดีนี่?" เยว่ซินยิ้มกว้าง เธอยกถุงที่สลักชื่อแบรนด์เสื้อผ้าข้างกายขึ้นให้ฟาหยางดูเล็กน้อย "วันนี้ฉันเลยซื้อของมาให้คุณหยางน่ะค่ะ จริงๆราคามันอาจจะไม่ได้แพงมาก เสื้อด้านในฉันก็เลือกตามความชอบตัวเอง ไม่รู้จะถูกใจคุณหยางหรือไม่ หากไม่รบกวนเกินไปจะขอให้คุณหยางช่วยรับไว้เป็นน้ำใจแล้วกันนะคะ" เยว่ซินพูดแบบประหม่า ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจกับตัวเองมาแล้วแต่ยามอยู่ต่อหน้าฟาหยางก็พูดได้ยากเย็นเสียจริง ไม่รู้ของนั้นจะด้อยค่ามากแค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้าฟาหยางที่มีทรัพย์สินขนาดนั้น... ชายหนุ่มเดาะลิ้น หากไม่ติดว่าอยู่บนถนนเขาคงใช้มือข้างนี้ประคองคางเรียวนั้นแล้วเชิดขึ้นให้สบตากัน สบตากับเขาเพื่อให้ได้เห็นว่าดวงตาสีรัตติกาลตอนนี้นั้นพึงพอใจแค่ไหน จากเดิมก็ถูกใจมากอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับถูกใจมากขึ้นกว่าเดิมอีก... ฝั่งเยว่ซินที่เห็นอีกคนไม่ตอบเลยหน้าเจื่อนลงกว่าเก่า เธอเม้มริมฝีปากและกำลังประมวลผลว่าควรทำอย่างไรให้ควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ได้ มันก็ไม่แปลกหากฟาหยางจะคิดหนักที่จะต้องรับของราคาถูกๆจากคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่า หากแต่ไม่ใช่แบบนั้น เยว่ซินที่กำลังตบตีกับตัวเองอยู่ในหัวจำต้องชะงักเมื่อฟาหยางจอดรถตรงจุดพักครู่หนึ่ง เขาหันมาหาพร้อมกับยื่นมือมารับของไปทั้งๆที่เยว่ซินยังคงนั่งงุนงง "แล้วถ้าฉันบอกว่าอยากรับไว้เพราะชอบ ไม่ได้อยากรับไว้เพราะแค่ตอบรับน้ำใจล่ะ" เยว่ซินนิ่ง ไม่ได้ตอบกลับอะไรในทันที "แค่นี้ฉันก็ถูกใจคุณหนูเยว่มากอยู่แล้ว หากทำตัวเช่นนี้กับฉันบ่อยๆแล้วฉันอยากเก็บอาเยว่ไว้ข้างตัวแต่เพียงผู้เดียว มันจะไม่ลำบากเอาหรือ?" หลังจากเมื่อคืนที่ทานข้าวกันเสร็จฟาหยางก็มาส่งเธอที่บ้าน เยว่ซินค่อนข้างทำตัวไม่ถูกนักเมื่อโดนคำพูดของอีกฝ่ายโจมตีแบบนั้น วันนี้เธอจึงมาทำงานด้วยอาการเบลอๆเล็กน้อย "คุณหนูเยว่เป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่มีสมาธินะคะ?" ซูเม่ยถามด้วยความเป็นห่วงส่วนเยว่ซินนั้นรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ให้ตายเถอะ...เธอลืมไปว่าถึงแม้ฟาหยางจะนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่อีกฝ่ายก็เป็นถึงพระเอก ดังนั้นคำพูดเช่นนั้นมันก็ไม่แปลกที่จะทำให้เยว่ซินสับสนแบบนี้ "จะว่าไปหลังจากพรุ่งนี้เรามีคิวบินไปฮ่องกงกันด้วยนะคะ ฉันจะเตรียมชุดโค้ทไว้ให้ถ้าคุณหนูเยว่อยากได้อะไรเพิ่มในระหว่างนี้ก็ค่อยๆคิดแล้วบอกฉันนะคะ" เยว่ซินวาดรอยยิ้มสวย เธอเอ่ยขอบคุณซูเม่ยก่อนจะก้มลงอ่านสคริปต์ต่อ ฮ่องกงงั้นหรือ...จริงด้วยสิ เยว่ซินจะต้องไปถ่ายงานร่วมกับนายแบบคนใหม่ที่ตอนนี้กระแสมาแรงพอๆกันเลยนี่ "พี่ซูเม่ยคะ นายแบบที่จะถ่ายงานร่วมกับฉันนั้นชื่อ...เอ่อ...ต้า?" เยว่ซินพูดติดขัด ชื่อของเขาคนนั้นติดอยู่ที่ริมฝีปาก ซูเม่ยเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยตอบ "หวง ต้าเฟิง" "ต้าเฟิงที่แปลว่าลมแรงน่ะค่ะ"ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว
ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก
ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน
สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร
ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง
เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน