 เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชล แพทย์พยาบาลกำลังช่วยเหลือชีวิตคนไข้ที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมา
“หมอค่ะ เอายังไงดีค่ะ คนไข้รายนี้อาการไม่ดีเลยค่ะ” พยาบาลที่ขึ้นเวรวันนี้เดินมาหาคุณหมอที่ทำการดูแลอาการของคนไข้อีกคนที่ประสบอุบัติเหตุมาด้วยกัน
“โอเค เดี๋ยวผมไป คนไข้รายนี้ไม่เป็นอะไรมาก คุณพยาบาลจัดการต่อเลยนะครับ” หลังจากพูดจบคุณหมอก็เดินไปดูคนไข้อีกรายที่อาการสาหัสกว่าคนไข้รายเมื่อกี้อยู่มาก
“ได้ค่ะ”
“คุณหมอค่ะ คนไข้ความดันต่ำมากค่ะ”
“เตรียมห้องผ่าตัด” หลังจากประเมินอาการแล้วหมอหนุ่มมีความเห็นว่าต้องทำการผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้โดยด่วน เนื่องจากก่อนมาคนไข้เสียเลือดมาก ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
“ได้ค่ะ”
“แล้วติดต่อญาติคนไข้ได้หรือยัง”
“ติดต่อได้แล้วค่ะ ญาติกำลังมาค่ะ” หมอหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับเดินออกไปเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดคนไข้
บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ภารัน พระพาย และภูวินทร์ต่างก็รีบวิ่งมาหลังจากที่ได้รับรู้ว่าลูกสาวและน้องสาวเกิดอุบัติเหตุ
“ลูกสาวผมเป็นยังไงบ้างครับ” ภารันรีบถลาเข้าไปถามคุณหมอที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินทันที
“ไม่ทราบว่าลูกสาวคุณชื่ออะไรครับ”
“ภูริตาครับ ลูกสาวผมชื่อภูริตาครับ” ภารันรีบบอกชื่อของลูกสาวตัวเองออกไปทันทีด้วยดวงตาที่แดงกร่ำหลังจากที่หมอหนุ่มเอ่ยถาม
“ตอนนี้คุณภูริตาอาการค่อนข้างสาหัสเนื่องจากเสียเลือดมาก ทางเราต้องทำการผ่าตัดทันทีครับ” เมื่อคุณหมอพูดจบพระพายที่ได้ยินว่าลูกสาวตัวเองอาการสาหัสก็ร้องไห้โห้พร้อมกับเป็นลมล้มพับไปทันที
“ริตาลูกแม่”
“พาย”
“คุณแม่” ทั้งภารันและภูวินทร์รีบประคองพระพายที่ตอนนี้เป็นลมไปแล้วให้มานั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินเพื่อปฐมพยาบาลก่อน และเป็นภูวินทร์ที่เดินกลับเข้าไปคุยกะคุณหมอต่อแล้วปล่อยให้ภารันเป็นคนดูแลพระพายแทน
“ผมต้องทำยังไงบ้างครับ” ภูวินทร์เอ่ยถามคุณหมอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักหลังจากที่ได้ยินอาการของน้องสาว
“คุณเป็นพี่ชายคนไข้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“งั้นช่วยเซ็นเอกสารยืนยันการผ่าตัดด้วยครับ” เมื่อคุณหมอพูดจบพยาบาลก็ยื่นเอกสารมาตรงหน้าของภูวินทร์
“ถ้าผ่าตัดแล้วน้องสาวผมจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ภูวินทร์เงยหน้ามาจากเอกสารเพื่อสอบถามคุณหมอเพื่อความแน่ใจ
“หมอจำเป็นต้องแจ้งอาการคนไข้แก่ญาติก่อนนะครับ ตอนนี้อาการคนไข้ 50:50 ถ้าไม่ผ่าตัดคนไข้อาจจะไม่รอด แต่ถ้าผ่าตัดมาแล้วคนไข้อาจจะไม่เหมือนเดิม”
“แล้วผู้หญิงอีกคนที่มาด้วยกันละครับ”
“คนไข้อีกคนไม่เป็นอะไรมากครับ น่าจะเพราะคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ เลยมีอาการแค่ฟอกช้ำตามตัวน่ะครับ” เมื่อได้ฟังสิ่งที่คุณหมอบอกภูวินทร์ก็กำหมัดแน่นพร้อมกับกัดฟันดังกรอด
“นี่ครับเอกสารยินยอมให้ผ่าตัด ช่วยน้องสาวผมด้วยนะครับ” ภูวินทร์ยื่นเอกสารที่ตัวเองเซ็นให้กับพยาบาลที่ยืนรออยู่
“หมอจะทำให้เต็มที่ครับ”
“หมอว่ายังไงบ้างภู” ภารันถามทันทีที่ภูวินทร์เดินกลับมา
“หมอกำลังจะผ่าตัดให้น้อง คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะครับ น้องต้องไม่เป็นอะไร” ภูวินทร์พูดให้กำลังใจพ่อตัวเองทั้งที่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจและยังมีความกลัวอยู่เต็มหัวใจ
“สวัสดีค่ะ ลูกสาวฉันที่ประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ที่ไหนค่ะ” คุณอิงดาวแม่ของทอฝันเดินตรงเข้าไปถามที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีที่มาถึงหลังจากได้รับโทรศัพท์ว่าลูกสาวตัวเองเกิดอุบัติเหตุ
“ไม่ทราบว่าคนไข้ชื่ออะไรคะ”
“ทอฝันค่ะ ทอฝัน ไพศาลสกุล”
“สักครู่นะค่ะ ตอนนี้คนไข้อยู่ที่ห้องพักฟื้น ชั้น 10 ห้อง 4282 ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากที่คุณอิงดาวได้รู้ว่าทอฝันอยู่ชั้นไหนห้องก็รีบไปทันที ไม่ทันได้มองว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาด้วยความโกรธ
แอดดดด
“โถ่ ฝันเป็นยังบ้างลูก” เมื่อเห็นทอฝันนอนอยู่บนเตียงคนไข้คุณอิงดาวก็ถึงกับน้ำตาไหลทันทีด้วยความสงสารลูก
หลังจากที่คุณหมอได้พาภูริตาเข้าห้องผ่าตัดไปแล้วนั้นทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็มานั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัดเพื่อรอฟังข่าว
“คุณพ่อพาคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนดีกว่านะครับ ทางนี้ผมจัดการเอง” ภูวินทร์หันไปบอกพ่อกับแม่ด้วยความเป็นห่วง
“แม่ไม่กลับแม่อยากอยู่รอน้อง ถ้าออกจากห้องผ่าตัดแล้วน้องไม่เจอแม่น้องอาจจะตกใจ” พระพายพูดพร้อมกับหันไปกอดสามีแน่นอย่างต้องการที่พึ่งพึงในยามทุกข์ใจ เมื่อฟังคนเป็นแม่พูดจบภูวินทร์ก็เงยหน้าไปสบตาพ่อของตัวเองเพื่อขอให้คนเป็นพ่อช่วยพูดกับคนเป็นแม่ ภารันที่เห็นสายตาลูกชายก็พยักหน้าเข้าใจทันที
“พายพี่ว่าเรากลับบ้านก่อนดีกว่านะ ลูกเราอยู่กับหมอลูกเราต้องไม่เป็นอะไร และอีกอย่างถึงลูกจะออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วหมอก็ยังไม่ให้เราเข้าไปดูลูกอยู่ดี เรากลับบ้านกันก่อนนะแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่สัญญาว่าจะพาพายมาหาลูกแต่เช้า” ภารันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลมเมียรักให้คลายความกังวล เมื่อได้ยินภารันพูดแบบนั้นพระพายก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาภารันแล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“งั้นพ่อกับแม่กลับก่อนนะแล้วพรุ่งนี้พ่อกับแม่จะมาแต่เช้า”
“ครับ ฝากดูแลแม่ด้วยนะครับ” ภารันพยักหน้าแล้วประคองพระพายให้ลุกขึ้น
“ภูแม่ฝากน้องด้วยนะ อย่าทิ้งน้องไปไหนนะ อยู่เป็นเพื่อนน้องนะ” พระพายพูดออกมาพร้อมกับสะอื้นเบา ๆ แล้วหันหน้าไปมองประตูห้องผ่าตัดอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับภารัน
“ครับ ผมจะอยู่กับน้องเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ” ภูวินทร์รับคำอย่างหนักแน่นทั้งที่ในใจตอนนี้กังวลไปสารพัดแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาเพราะกลัวพ่อกับแม่จะยิ่งไม่สบายใจกว่าเดิม
หลังจากที่พ่อกกับแม่กลับไปแล้ว ภูวินทร์ก็กลับลงนั่งที่หน้าห้องผ่าตัดอย่างเดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ทั้งที่ในหัวตอนนี้คิดอะไรมากมายซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของน้องสาวตัวเองที่ยังอยู่ในห้องผ่าตัดและหญิงสาวอีกคนที่ตอนนี้นอนอยู่ที่ห้องพักฟื้น เมื่อคิดถึงหญิงสาวอีกคนภูวินทร์ก็กำหมัดแน่นอย่างโกรธเคือง ถ้าไม่เพราะทอฝันโกหกว่าจะพาน้องสาวเขาไปกินข้าว แต่จริง ๆ แล้วนั้นไปเที่ยวสถานที่อโคจร น้องสาวเขาก็คงไม่มีอาการโคม่าอย่างนี้
“ถ้าน้องฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาเธอไว้แน่ ทอฝัน”

ภายในห้องพักฟื้น ทอฝันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวลงอย่างช้า ๆ เนื่องจากยังรู้สึกเคล็ดขัดยอกอยู่ แต่ถึงกระนั้นทอฝันก็ลากเสาน้ำเกลือค่อย ๆ พยุงตัวเองเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล“สวัสดีค่ะ คนไข้ที่ชื่อ ภูริตา พิมุกเดชา พักอยู่ห้องไหนเหรอค่ะ”“สักครู่นะค่ะ คนไข้อยู่ ชั้น 7 ค่ะ”“ชั้น 7 มีห้องพักฟื้นด้วยเหรอค่ะ” ทอฝันขมวดคิ้วพร้อมกับถามออกไปเท่าที่เธอรู้ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลนี้มีตั้งแต่ชั้น 8 ไม่ใช่เหรอ“ชั้น 7 จะเป็นห้องปลอดเชื้อค่ะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวคิ้วทั้งสองข้างของทอฝันก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น แต่กระนั้นก็ขอบคุณพยาบาลแล้วค่อย ๆ เดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปที่ชั้น 7เมื่อลงลิฟต์มาถึงชั้น 7 ทอฝันก็เดินไปสอบถามพยาบาลว่าภูริตาพักอยู่ที่ห้องไหน หลังจากที่เดินมาถึงหน้าห้องที่พยาบาลบอก ทอฝันถึงกับตกใจทันทีเมื่อมองเข้าไปแล้วเห็นสภาพของภูริตาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้“ทำไม” ทอฝันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับขนนก“ตกใจเหรอที่เห็นสภาพของริตา” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ทอฝันต้องหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นภูวินทร์ที่ยืมมองเธอด้วยสายตาที่ทอฝันเห็นรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก“มันเกิดอะไรขึ้น ท
ภายในห้องพักฟื้นแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ทอฝันที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ต้องขยับตัวเพื่อหนีแสงแดด“โอ้ยย” แค่เพียงขยับตัวทอฝันก็ต้องร้องออกมาเพราะรู้สึกระบบไปทั้งตัว“ฝันตื่นแล้วเหรอลูกเป็นยังไงบ้าง” คุณอิงดาวรีบเข้ามาดูทันทีที่ได้ยินเสียงของทอฝัน“คุณแม่” ทอฝันเอ่ยเรียกคนเป็นแม่เสียงแผ่ว“ฝันเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน ให้แม่เรียกหมอให้ไหม” คุณอิงดาวรีบถามทอฝันอย่างเป็นห่วงกลัวทอฝันจะมีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อน“ฝันไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่ระบบตามตัว” หลังจากพูดจบทอฝันก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุคนเดียวแต่ยังมีภูริตาอีกคนที่นั่งมาในรถกับเธอ“แม่ค่ะ แล้วริตาล่ะค่ะ ริตาเป็นยังไงบ้าง” เมื่อได้ยินทอฝันถามถึงภูริตาก็ทำให้คุณอิงดาวถึงกับเงียบลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาน้อย ๆ เพราะเมื่อเข้าเธอเจอ คุณภารัน คุณพระพาย และภูวินทร์ ทำให้เธอได้รู้ว่าภูริตายังมีอาการโคม่าไม่รู้สึกตัวหลังจากที่ผ่าตัดไปเมื่อคืน เมื่อเห็นท่าทางของคนเป็นแม่ก็ทำให้ทอฝันใจคอไม่ดี“ว่าไงค่ะแม่ ริตาเป็นยังไงบ้างค่ะ” เมื่อได้ยินคนเป็นแม่เล่าอาการของภูริตาจบ น้ำตาของทอฝันก็ค่อย ๆ ไหลลงมาอย่างช้า ๆ เพราะความรู้สึกผิ
ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชล แพทย์พยาบาลกำลังช่วยเหลือชีวิตคนไข้ที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมา“หมอค่ะ เอายังไงดีค่ะ คนไข้รายนี้อาการไม่ดีเลยค่ะ” พยาบาลที่ขึ้นเวรวันนี้เดินมาหาคุณหมอที่ทำการดูแลอาการของคนไข้อีกคนที่ประสบอุบัติเหตุมาด้วยกัน“โอเค เดี๋ยวผมไป คนไข้รายนี้ไม่เป็นอะไรมาก คุณพยาบาลจัดการต่อเลยนะครับ” หลังจากพูดจบคุณหมอก็เดินไปดูคนไข้อีกรายที่อาการสาหัสกว่าคนไข้รายเมื่อกี้อยู่มาก“ได้ค่ะ”“คุณหมอค่ะ คนไข้ความดันต่ำมากค่ะ”“เตรียมห้องผ่าตัด” หลังจากประเมินอาการแล้วหมอหนุ่มมีความเห็นว่าต้องทำการผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้โดยด่วน เนื่องจากก่อนมาคนไข้เสียเลือดมาก ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้“ได้ค่ะ”“แล้วติดต่อญาติคนไข้ได้หรือยัง”“ติดต่อได้แล้วค่ะ ญาติกำลังมาค่ะ” หมอหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับเดินออกไปเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดคนไข้บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ภารัน พระพาย และภูวินทร์ต่างก็รีบวิ่งมาหลังจากที่ได้รับรู้ว่าลูกสาวและน้องสาวเกิดอุบัติเหตุ“ลูกสาวผมเป็นยังไงบ้างครับ” ภารันรีบถลาเข้าไปถามคุณหมอที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินทันที“ไม่ทราบว่าลูกสาวคุณชื่ออะไรครับ”“ภูริตาครับ ล
ภายในผับหรูย่านกลางเมืองเหล่าบรรดาผีเสื้อราตรีทั้งหลายกำลังวาดลวดลายเต้นกันอยู่อย่างสนุกสนานหนึ่งในนั้น คือ ภูริตา พิมุกเดชา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ภารัน พิมุกเดชา และยังเป็นน้องสาวสุดที่รักของภูวินทร์ พิมุกเดชา ประธานบริหารโรงแรมหรูย่านกลางเมืองอีกต่างหาก“ยัยริตาแกมาเที่ยวแบบนี้พ่อกับพี่ชายแกไม่ว่าเหรอ” เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถามขึ้นเพราะรู้กิตติศัพท์เรื่องความขี้หวงของพ่อกับพี่ชายของริตาดี“ไม่ว่า” ริตาตอบกลับไปด้วยใบหน้าทะเล้นที่ไม่ว่าเพราะว่าเธอไม่ได้บอกที่บ้านว่ามาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ถ้าขืนบอกมีหวังโดนกักบริเวณแน่ พ่อกับพี่ชายเธอน่ากลัวจะตาย“จริงเหรอ” เมื่อกลุ่มเพื่อนสาวของริตาได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้างงไปตามๆ กัน ว่าเป็นไปได้ยังไง“เพราะว่าฉันไม่ได้บอกที่บ้านว่าจะมาเที่ยวที่นี่” เมื่อพูดจบกลุ่มเพื่อนสาวก็พยักหน้าเข้าใจทันที“แล้วแกไม่กลัวพ่อกับพี่ชายแกรู้เหรอ”“ไม่มีทางรู้แน่นอน” ริตาตอบอย่างมั่นใจว่าที่บ้านไม่มีทางรู้อย่างแน่นอนเพราะเธอบอกกับที่บ้านว่าเธอมากินข้าวกับทอฝัน และที่สำคัญเธอโทรไปเตี้ยมกับทอฝันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางที่ที่บ้านของเธอจะรู้แน่นอน“แกนี่มันร้ายจริงๆ” หลังจา
ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของประธานผู้บริหารคนใหม่ของโรงแรมดิ เอมเมอร์รัลด์ แกรนด์ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างกำยำสูงโปร่ง คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง อย่าง ภูวินทร์ พิมุกเดชา ลูกชายเพียงคนเดียวของ นายภารันและนางพิตะวัน พิมุกเดชา นั้นเอง หลังจากที่เกษียณตัวเองก็มอบหมายให้ลูกชายบริหารงานแทนทั้งหมดเพื่อที่ตัวเองจะได้มีเวลาอยู่กับเมียมากขึ้นก๊อก ๆ ๆ ๆ“ขออนุญาตครับ ท่านประทาน” แทนไทเลขาหนุ่มที่พวงตำแหน่งเพื่อนสนิทก็เคาะประตูห้องทำงานพร้อมกับเปิดเข้ามา“ว่าไง” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าสักนิด“คุณทอฝันมาขอพบครับ”“บอกไปว่าฉันไม่ว่าง”“เอ่อออ” เมื่อได้ยินเสียงอั้มอึ้งของแทนไททำให้ภูวินทร์ต้องเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังอ่านอยู่“ทำไม”“ท่านประธานก็รู้นิสัยคุณทอฝันดีนี่ครับ”“ออกไปบอกว่าฉันไม่ว่าง” และจังหวะที่แทนไทกำลังจะเดินไปที่ประตู คนด้านนอกก็เปิดประตุสวนเข้ามาสะก่อน“ภู” เสียงหวานใสดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวด้วยซ้ำ เจ้าของชื่อถึงกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย“นายออกไปก่อนเถอะ”“ครับ” แทนไทโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป พร








