LOGIN2 อาทิตย์ต่อมา ภูริตาถูกย้ายจากห้องปลอดเชื้อมายังห้องพักฟื้นของคนไข้ เนื่องจากหมอเห็นว่าน่าจะไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อน
“ริตาวันนี้เป็นยังไงบ้างลูก ดูสิอากาศข้างนอกดีมากเลยนะ” หลังจากที่ภูริตาย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นคนไข้พระพายก็จะมาหาภูริตาทุกวันเพื่อมาพูดคุย และหวังว่าสักวันภูริตาจะลืมตาตื่นขึ้นมาคุยกับเธอเหมือเมื่อก่อน
หน้าห้องพักฟื้นของภูริตา ทอฝันยืนมองเข้าไปก็เห็นพระพายแม่ของภูริตานั่งคุยกับภูริตาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงโต้ตอบบนสนทนากลับมาอย่างนั้น ทอฝันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัวกับภาพตรงหน้า ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจของตัวเอง เพราะนี่เป็นวันแรกที่เธอจะได้เจอกับพระพายเพราะหลังจากที่เธอเจอภูวินทร์วันนั้นทอฝันก็ยังไม่มีหน้ามาพบกับครอบครัวนี้อีกเลย
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“เข้ามาได้เลยค่ะ” ทอฝันยกมือขึ้นเคาะประตูเบา ๆ พร้อมกับเปิดเข้าไปด้านในหลังจากที่ได้ยินเสียงคนด้านเอ่ยอนุญาต
“สวัสดีค่ะ คุณป้า ฝันมาเยี่ยมริตาค่ะ” ทอฝันยกมือไหว้พระพายพร้อมกับยื่นกระเช้าที่ซื้อมามอบให้กับพระพาย พระพายยื่นมือไปรับกระเช้าพร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้ทอฝัน เมื่อเห็นรอยยิ้มของพระพายที่ส่งมาให้ น้ำตาที่คิดว่ากักเก็บดีแล้วก็ค่อย ๆ ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฝันขอโทษค่ะ ที่เป็นคนทำให้ริตาต้องเป็นแบบนี้ ฝันขอโทษ ฝันไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดเป็นเพราะฝันเอง ฝันขอโทษค่ะ” ทอฝันยกมือไหว้พร้อมกับทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น
“หนูฝัน” พระพายที่เห็นทอฝันทำแบบนั้นก็ตกใจรีบวางกระเช้าแล้วเอื้อมมือไปดึงตัวให้ทอฝันลุกขึ้น
“ฝันขอโทษค่ะ ฝันขอโทษจริง ๆ “ ทอฝันยังคงเอาแต่พร่ำขอโทษอยู่อย่างนั้น
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องร้อง มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก หนูฝันอย่าโทษตัวเองเลย” พระพายกอดปลอบร่างบางของทอฝันที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ฝันไม่ดีเองค่ะ ฝันผิดเอง ฝันจะรับผิดชอบทุกอย่างเองค่ะ”
“รับผิดชอบ รับผิดชอบยังไง เธอจะเดินไปให้รถชนแล้วนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบน้องฉันงั้นเหรอ” ภูวินทร์มาทันได้ยินสิ่งที่ทอฝันบอกกับแม่ตัวเองก็เกิดอาการไม่พอใจทันที
“ภูทำไมพูดแบบนั้น”
“ก็มันจริงนี่ครับ รับผิดชอบยังไงไหนบอกมาสิ ว่าเธอจะรับผิดชอบยังไง” ภูวินทร์ยังคงจี้ถามทอฝันว่าจะรับผิดชอบยังไงต่ออาการของน้องสาวของเขา
“ฝันจะเป็นคนมาดูแลริตาจนกว่าริตาจะฟื้นค่ะ” ทอฝันพูดพร้อมกับสบตาของภูวินทร์ที่มองจ้องเธออยู่ก่อนแล้ว
“หึ”
“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะค่ะ ฝันจะดูแลริตาด้วยตัวของฝันเองค่ะ”
“ขอบใจมากนะหนูฝัน” ภูวินทร์เห็นแบบนั้นก็เหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเดินมากระชากแขนของทอฝันออกจากพระพาย แล้วลากให้เดินตามเขาออกไปคุยด้านนอก
“ผมขอตัวพยาบาลพิเศษสักครู่นะครับ”
“ภูนั่นจะพาหนูฝันไปไหน” พระพายรีบตะโกนถามออกไปหลังจากเห็นท่าทางของลูกชาย
ภูวินทร์ฉุดกระชากทอฝันให้เดินตามตัวเองมายังประตูของทางบันไดหนีไฟ
“โอ้ยย” ทอฝันร้องออกมาเมื่อภูวินทร์เหวี่ยงเธอไปชนกับกำแพงหลังประตูหนีไฟอย่างแรง
“เจ็บเหรอ แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความเจ็บปวดของบ้านฉัน” หลังจากภูวินทร์พูดจบทอฝันก็เงยหน้าขึ้นมามองภูวินทร์ด้วยแววตาที่สั่นระริก
“ฝันขอโทษ”
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษ” ทอฝันถึงกับสะดุ้งกับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของภูวินทร์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แล้วภูต้องการอะไร” ทอฝันเงยหน้าขึ้นไปถามภูวินทร์ว่าต้องการอะไร เธอจะทำให้หมดทุกอย่าง ขอแค่ภูวินทร์พูดออกมา
“ฉันต้องการความรับผิดชอบ” พูดจบภูวินทร์ก็บีบต้นแขนของทอฝันอย่างแรง
“ปล่อยนะ ฝันเจ็บ” ทอฝันบอกออกไปเพราะภูวินทร์นั้นออกแรงบีบจนทอฝันคิดว่าถ้าภูวินทร์ไม่ปล่อยแขนเธออาจจะหักได้
“คิดว่าอยากจับนักหรือไง” ภูวินทร์มองทอฝันอย่างเหยียด ๆ เมื่อเห็นสายตาที่ภูวินทร์มองมาก็ทำให้ทอฝันเจ็บในใจลึก ๆ
“ภูอยากให้ฝันทำอะไร ภูก็บอกมาเถอะ ฝันจะทำให้ทุกอย่าง” ทอฝันบอกออกไปอย่างคนยอมรับชะตากรรม
“แน่ใจเหรอที่พูดออกมาว่าจะทำตามทุกอย่างที่ฉันบอก” ทอฝันเงยหน้าขึ้นสบตากับภูวินทร์หลังจากได้ยินน้ำเสียงแปลก ๆ และเมื่อได้สบตากับภูวินทร์ก็ทำให้ทอฝันถึงกับหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ ทอฝันก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่ออยู่ให้ห่างจากรัศมีอันตรายของภูวินทร์
“ถ้าภูยังไม่รู้ว่าจะให้ฝันทำอะไร งั้นฝันขอตัวก่อนนะ” พูดจบทอฝันก็เบี่ยงตัวหลบไปอีกทางเพื่อจะเดินออกจากพื้นที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากทอฝันรู้สึกถึงอันตรายบางอย่างที่มันแผ่รัศมีออกมาจากตัวของภูวินทร์
“ทำไม กลัวอะไรงั้นเหรอ” เมื่อเห็นว่าทอฝันกำลังจะหนีภูวินทร์ก็รีบเข้ามาประชิดตัวทอฝันทันที ทำให้ทอฝันต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“ฝันไม่ได้กลัว แต่ฝันไม่มีอะไรจะคุยกับภูแล้ว” ขณะที่พูดทอฝันไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตากับภูวินทร์เพราะรู้สึกกลัวกับสายตาที่ภูวินทร์สื่อออกมา
“แน่ใจ”
“อ๊ะ” ทอฝันร้องออกมาด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ ภูวินทร์ก็กระชากตัวเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“จะว่าไปเธอก็สวยเหมือนกันนะ” ภูวินทร์ไล้นิ้วไปตามกรอบหน้าทอฝันแล้วก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของทอฝันพร้อมกับเป่าลมหายใจออกมาเบา ๆ ทำให้ทอฝันถึงกับขนลุกเกรียว
“ปล่อยฝันนะ ฝันบอกให้ปล่อย” ทอฝันขอร้องภูวินทร์เสียงสั่นพร้อมกับดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากอ้อมแขนแกร่งที่รัดแน่นของภูวินทร์
“ปล่อยแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ” พูดจบภูวินทร์ก็จับใบหน้าของทอฝันให้เงยขึ้นเพื่อรอรับจูบอันดุดันของตัวเอง ภูวินทร์ฉกริมฝีปากร้อนของตัวเองลงมาประกบกับริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของทอฝันอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ภูวินทร์ขบเม้มชิมรสชาติริมฝีปากของทอฝันอย่างรุนแรง ก่อนจะค่อย ๆ แทรกเรียวลิ้นร้อนชื้นเข้าไปในโพรงปากเล็กเกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นของทอฝันอย่างเชี่ยวชาญพร้อมกับหลอกล่อให้ทอฝันเคลิบเคลิ้มและตอบสนองจุมพิตอันดูดดื่มที่ภูวินทร์เป็นคนมอบให้ เสียงครางที่ดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอแกร่งของภูวินทร์บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขานั้นพอใจกับจุมพิตของทอฝันครั้งนี้มากแค่ไหนเพราะภูวินทร์รู้สึกว่าจุมพิตของทอฝันนั้นมันหวานล้ำราวน้ำผึ้งเดือนห้าก็ไม่ปาน ซึ่งในชีวิตนี้เขาไม่เคยจูบใครแล้วรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อน
ฝากกดใจ ฝากกดติดตาม ฝาก comment เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะค่ะ
2 อาทิตย์ต่อมา ภูริตาถูกย้ายจากห้องปลอดเชื้อมายังห้องพักฟื้นของคนไข้ เนื่องจากหมอเห็นว่าน่าจะไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อน“ริตาวันนี้เป็นยังไงบ้างลูก ดูสิอากาศข้างนอกดีมากเลยนะ” หลังจากที่ภูริตาย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นคนไข้พระพายก็จะมาหาภูริตาทุกวันเพื่อมาพูดคุย และหวังว่าสักวันภูริตาจะลืมตาตื่นขึ้นมาคุยกับเธอเหมือเมื่อก่อนหน้าห้องพักฟื้นของภูริตา ทอฝันยืนมองเข้าไปก็เห็นพระพายแม่ของภูริตานั่งคุยกับภูริตาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงโต้ตอบบนสนทนากลับมาอย่างนั้น ทอฝันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัวกับภาพตรงหน้า ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจของตัวเอง เพราะนี่เป็นวันแรกที่เธอจะได้เจอกับพระพายเพราะหลังจากที่เธอเจอภูวินทร์วันนั้นทอฝันก็ยังไม่มีหน้ามาพบกับครอบครัวนี้อีกเลยก๊อก ๆ ๆ ๆ“เข้ามาได้เลยค่ะ” ทอฝันยกมือขึ้นเคาะประตูเบา ๆ พร้อมกับเปิดเข้าไปด้านในหลังจากที่ได้ยินเสียงคนด้านเอ่ยอนุญาต“สวัสดีค่ะ คุณป้า ฝันมาเยี่ยมริตาค่ะ” ทอฝันยกมือไหว้พระพายพร้อมกับยื่นกระเช้าที่ซื้อมามอบให้กับพระพาย พระพายยื่นมือไปรับกระเช้าพร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นไปให้ทอฝัน เ
ภายในห้องพักฟื้น ทอฝันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก้าวลงอย่างช้า ๆ เนื่องจากยังรู้สึกเคล็ดขัดยอกอยู่ แต่ถึงกระนั้นทอฝันก็ลากเสาน้ำเกลือค่อย ๆ พยุงตัวเองเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล“สวัสดีค่ะ คนไข้ที่ชื่อ ภูริตา พิมุกเดชา พักอยู่ห้องไหนเหรอค่ะ”“สักครู่นะค่ะ คนไข้อยู่ ชั้น 7 ค่ะ”“ชั้น 7 มีห้องพักฟื้นด้วยเหรอค่ะ” ทอฝันขมวดคิ้วพร้อมกับถามออกไปเท่าที่เธอรู้ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลนี้มีตั้งแต่ชั้น 8 ไม่ใช่เหรอ“ชั้น 7 จะเป็นห้องปลอดเชื้อค่ะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหัวคิ้วทั้งสองข้างของทอฝันก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้น แต่กระนั้นก็ขอบคุณพยาบาลแล้วค่อย ๆ เดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปที่ชั้น 7เมื่อลงลิฟต์มาถึงชั้น 7 ทอฝันก็เดินไปสอบถามพยาบาลว่าภูริตาพักอยู่ที่ห้องไหน หลังจากที่เดินมาถึงหน้าห้องที่พยาบาลบอก ทอฝันถึงกับตกใจทันทีเมื่อมองเข้าไปแล้วเห็นสภาพของภูริตาที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้“ทำไม” ทอฝันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับขนนก“ตกใจเหรอที่เห็นสภาพของริตา” เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ทอฝันต้องหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นภูวินทร์ที่ยืมมองเธอด้วยสายตาที่ทอฝันเห็นรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก“มันเกิดอะไรขึ้น ท
ภายในห้องพักฟื้นแสงแดดอ่อน ๆ ที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ทอฝันที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ต้องขยับตัวเพื่อหนีแสงแดด“โอ้ยย” แค่เพียงขยับตัวทอฝันก็ต้องร้องออกมาเพราะรู้สึกระบบไปทั้งตัว“ฝันตื่นแล้วเหรอลูกเป็นยังไงบ้าง” คุณอิงดาวรีบเข้ามาดูทันทีที่ได้ยินเสียงของทอฝัน“คุณแม่” ทอฝันเอ่ยเรียกคนเป็นแม่เสียงแผ่ว“ฝันเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหน ให้แม่เรียกหมอให้ไหม” คุณอิงดาวรีบถามทอฝันอย่างเป็นห่วงกลัวทอฝันจะมีอาการอย่างอื่นแทรกซ้อน“ฝันไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่ระบบตามตัว” หลังจากพูดจบทอฝันก็นึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ประสบอุบัติเหตุคนเดียวแต่ยังมีภูริตาอีกคนที่นั่งมาในรถกับเธอ“แม่ค่ะ แล้วริตาล่ะค่ะ ริตาเป็นยังไงบ้าง” เมื่อได้ยินทอฝันถามถึงภูริตาก็ทำให้คุณอิงดาวถึงกับเงียบลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาน้อย ๆ เพราะเมื่อเข้าเธอเจอ คุณภารัน คุณพระพาย และภูวินทร์ ทำให้เธอได้รู้ว่าภูริตายังมีอาการโคม่าไม่รู้สึกตัวหลังจากที่ผ่าตัดไปเมื่อคืน เมื่อเห็นท่าทางของคนเป็นแม่ก็ทำให้ทอฝันใจคอไม่ดี“ว่าไงค่ะแม่ ริตาเป็นยังไงบ้างค่ะ” เมื่อได้ยินคนเป็นแม่เล่าอาการของภูริตาจบ น้ำตาของทอฝันก็ค่อย ๆ ไหลลงมาอย่างช้า ๆ เพราะความรู้สึกผิ
ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชล แพทย์พยาบาลกำลังช่วยเหลือชีวิตคนไข้ที่พึ่งประสบอุบัติเหตุมา“หมอค่ะ เอายังไงดีค่ะ คนไข้รายนี้อาการไม่ดีเลยค่ะ” พยาบาลที่ขึ้นเวรวันนี้เดินมาหาคุณหมอที่ทำการดูแลอาการของคนไข้อีกคนที่ประสบอุบัติเหตุมาด้วยกัน“โอเค เดี๋ยวผมไป คนไข้รายนี้ไม่เป็นอะไรมาก คุณพยาบาลจัดการต่อเลยนะครับ” หลังจากพูดจบคุณหมอก็เดินไปดูคนไข้อีกรายที่อาการสาหัสกว่าคนไข้รายเมื่อกี้อยู่มาก“ได้ค่ะ”“คุณหมอค่ะ คนไข้ความดันต่ำมากค่ะ”“เตรียมห้องผ่าตัด” หลังจากประเมินอาการแล้วหมอหนุ่มมีความเห็นว่าต้องทำการผ่าตัดช่วยชีวิตคนไข้โดยด่วน เนื่องจากก่อนมาคนไข้เสียเลือดมาก ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้“ได้ค่ะ”“แล้วติดต่อญาติคนไข้ได้หรือยัง”“ติดต่อได้แล้วค่ะ ญาติกำลังมาค่ะ” หมอหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับเดินออกไปเพื่อเตรียมตัวผ่าตัดคนไข้บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ภารัน พระพาย และภูวินทร์ต่างก็รีบวิ่งมาหลังจากที่ได้รับรู้ว่าลูกสาวและน้องสาวเกิดอุบัติเหตุ“ลูกสาวผมเป็นยังไงบ้างครับ” ภารันรีบถลาเข้าไปถามคุณหมอที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินทันที“ไม่ทราบว่าลูกสาวคุณชื่ออะไรครับ”“ภูริตาครับ ล
ภายในผับหรูย่านกลางเมืองเหล่าบรรดาผีเสื้อราตรีทั้งหลายกำลังวาดลวดลายเต้นกันอยู่อย่างสนุกสนานหนึ่งในนั้น คือ ภูริตา พิมุกเดชา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ ภารัน พิมุกเดชา และยังเป็นน้องสาวสุดที่รักของภูวินทร์ พิมุกเดชา ประธานบริหารโรงแรมหรูย่านกลางเมืองอีกต่างหาก“ยัยริตาแกมาเที่ยวแบบนี้พ่อกับพี่ชายแกไม่ว่าเหรอ” เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยถามขึ้นเพราะรู้กิตติศัพท์เรื่องความขี้หวงของพ่อกับพี่ชายของริตาดี“ไม่ว่า” ริตาตอบกลับไปด้วยใบหน้าทะเล้นที่ไม่ว่าเพราะว่าเธอไม่ได้บอกที่บ้านว่ามาเที่ยวสถานที่แบบนี้ ถ้าขืนบอกมีหวังโดนกักบริเวณแน่ พ่อกับพี่ชายเธอน่ากลัวจะตาย“จริงเหรอ” เมื่อกลุ่มเพื่อนสาวของริตาได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้างงไปตามๆ กัน ว่าเป็นไปได้ยังไง“เพราะว่าฉันไม่ได้บอกที่บ้านว่าจะมาเที่ยวที่นี่” เมื่อพูดจบกลุ่มเพื่อนสาวก็พยักหน้าเข้าใจทันที“แล้วแกไม่กลัวพ่อกับพี่ชายแกรู้เหรอ”“ไม่มีทางรู้แน่นอน” ริตาตอบอย่างมั่นใจว่าที่บ้านไม่มีทางรู้อย่างแน่นอนเพราะเธอบอกกับที่บ้านว่าเธอมากินข้าวกับทอฝัน และที่สำคัญเธอโทรไปเตี้ยมกับทอฝันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางที่ที่บ้านของเธอจะรู้แน่นอน“แกนี่มันร้ายจริงๆ” หลังจา
ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดของประธานผู้บริหารคนใหม่ของโรงแรมดิ เอมเมอร์รัลด์ แกรนด์ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างกำยำสูงโปร่ง คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง อย่าง ภูวินทร์ พิมุกเดชา ลูกชายเพียงคนเดียวของ นายภารันและนางพิตะวัน พิมุกเดชา นั้นเอง หลังจากที่เกษียณตัวเองก็มอบหมายให้ลูกชายบริหารงานแทนทั้งหมดเพื่อที่ตัวเองจะได้มีเวลาอยู่กับเมียมากขึ้นก๊อก ๆ ๆ ๆ“ขออนุญาตครับ ท่านประทาน” แทนไทเลขาหนุ่มที่พวงตำแหน่งเพื่อนสนิทก็เคาะประตูห้องทำงานพร้อมกับเปิดเข้ามา“ว่าไง” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าสักนิด“คุณทอฝันมาขอพบครับ”“บอกไปว่าฉันไม่ว่าง”“เอ่อออ” เมื่อได้ยินเสียงอั้มอึ้งของแทนไททำให้ภูวินทร์ต้องเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังอ่านอยู่“ทำไม”“ท่านประธานก็รู้นิสัยคุณทอฝันดีนี่ครับ”“ออกไปบอกว่าฉันไม่ว่าง” และจังหวะที่แทนไทกำลังจะเดินไปที่ประตู คนด้านนอกก็เปิดประตุสวนเข้ามาสะก่อน“ภู” เสียงหวานใสดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวด้วยซ้ำ เจ้าของชื่อถึงกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย“นายออกไปก่อนเถอะ”“ครับ” แทนไทโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป พร







